จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 341



       กริดงัดทุกไพ่ตายออกมาใช้ในตอนที่ดวลกับปิอาโร่  ความพ่ายแพ้ในครั้งนั้นทำให้เขาตระหนักได้หนึ่งสิ่ง  อาวุธที่เหมาะสมกับฝีมือดาบชั้นสูงคือดาบมือเดียว  หาใช่ดาบใหญ่

       'ดาบใหญ่มีขนาดเทอะทะและน้ำหนักมากเกินไป  มันจึงถูกจำกัดความหลากหลายของการโจมตีให้แคบลง'

       ก่อนหน้านี้  รูปแบบการต่อสู้ที่เหมาะสมกับกริดก็คือ  การโจมตีให้โดนคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง  ดังนั้น  เขาจึงชื่นชอบในดาบใหญ่ที่มีพลังทำลายสูง  แถมวิชาดาบแพ็กม่าก็ล้วนเป็นทักษะที่มีความรุนแรงอยู่ในระดับสูงทั้งสิ้น  ดาบใหญ่จึงดูเหมือนเป็นอาวุธที่เหมาะกับกริดทุกประการ

       แต่ยิ่งเติบโต  เขาก็ยิ่งได้เห็นขีดจำกัดของดาบใหญ่  ไม่ว่าจะทั้งเอลฟิน-สโตน  บราฮัม  หรือปิอาโร่  ยิ่งฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งมาก  รูปแบบการต่อสู้เดิมๆ ก็ยิ่งใช้ไม่ได้ผล  โจมตีได้รุนแรงหนักหน่วงแล้วยังไง?  ถ้าไม่โดนศัตรูก็เปล่าประโยชน์

       'ต้องทำตัวให้เคยชินกับดาบมือเดียวเข้าไว้'

       เขาเพิ่งจะได้รับดาบมือเดียวที่ดีที่สุดในโลกมาครอบครอง  ยารุกต์  ดาบยาวเล่มนี้มีพลังโจมตีใกล้เคียงดาบใหญ่  หลังจากสู้กับปิอาโร่จบ  กริดก็อุทิศตนเองให้กับการฝึกปรือวิชาดาบมือเดียวมาตลอด

       ถ้าเป็นกริดในอดีตจะพูดอย่างไรกันนะ?  
       'ช่างปะไร  ฉันแค่มีไอเท็มสุดโกงของฉันก็พอแล้ว'

       เขาต้องคิดแบบนั้นแน่  แต่ตอนนี้ไม่ใช่  กริดทุ่มเทสมาธิทั้งหมดให้กับการฝึกฝนเฉกเช่นตอนที่เขามีสมาธิกับการตีเหล็ก  สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะว่า  เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องคนที่รัก

       ***

       'เทียบกับเมื่อก่อนแล้ว  ฝีมือดาบของเราดีขึ้นมาก  เพราะเราฝึกซ้อมอย่างหนักมาตลอด'

       กริดภูมิใจกับฝีมือดาบของตนพอตัว  แต่วันนี้  เขาก็ต้องได้รับบทเรียนที่ยากจะลืมเลือน  อัศวินที่ตนไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลยสักครั้ง  ชักสเล่ย์...  หมอนี่เป็นใครมาจากไหนกัน?  เหตุใดฝีมือดาบที่กริดสุดแสนมั่นใจถึงนำมาใช้กับมันไม่ได้?  แม้จะได้รับความช่วยเหลือในด้านการบอกใบ้เส้นทางดาบจากยารุกต์แล้ว  แต่สิ่งเดียวที่กริดทำได้กลับเป็นการตั้งรับ  

       ด้วยความสัตย์จริง  กริดกำลังหงุดหงิดสุดขีด

       เมื่อเวลาผ่านไป  กริดก็เริ่มตระหนักแล้วว่า  เขาไม่อาจเอาชนะชักสเล่ย์ได้โดยปราศจากความช่วยเหลือของหัตถ์เทวะ  แต่นี่คือกลางสมรภูมิศึกสงคราม  กริดไม่รู้เลยว่า  ตนจะถูกลอบโจมตีจากด้านใดบ้าง  เขาจึงวางหัตถ์เทวะไว้ในโหมดป้องกันมาโดยตลอด

       ทว่า… สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว  เมื่อทัพหนุนของลอเอลมาถึง  กองทัพศัตรูก็เกิดความระส่ำระสาย  ทหารส่วนใหญ่เน้นป้องกันตนเอง  พวกมันไม่มาสนใจกับกริดอีก  ชายหนุ่มจึงฉวยโอกาสนี้เตรียมใช้ไพ่ตายอย่างศรเวทย์ใส่ชักสเล่ย์  แต่ก่อนอื่น  กริดต้องโจมตีเข้าใส่เพื่อนสนิทของมันเสียก่อน  เพื่อสั่นคลอนจิตใจจนเกิดช่องว่าง

       เฟอเรลล์จึงถูกใช้เป็นเหยื่อล่อ

       ***

       "อั่ก...!"
       
       ชักสเล่ย์ถูก<สังหาร>แทงเข้าไปที่สีข้างจนเหลือพลังชีวิตเพียงสองในสาม  ส่วนกริดที่ถูกชักสเล่ย์แทงเข้าหน้าอกอย่างรุนแรง  เขากลับแทบไม่เป็นอะไรเลย  และใช้แขนอีกข้างคว้าคอชักสเล่ย์ไว้อย่างแน่นหนา  เรื่องประหลาดก็คือ  พลังชีวิตของกริดไม่ลดลงเลยแม้แต่นิดเดียว  แม้จะมีเลือดไหลมาจากหน้าอกอย่างชัดเจนก็ตาม

       นี่คือสุดยอดพลังฟื้นฟูจากชุดเกราะแสงศักดิ์สิทธิ์และแหวนโดรัน

       กริดรับรู้ได้ถึงอันตรายจาก<ดาบผงาด>ของชักสเล่ย์  เขาจึงรีบสวมแหวนโดรันเพื่อรอรับการโจมตี  เหตุผลที่ทำให้กริดตระหนักรู้ได้ถึงอันตรายมีอยู่สามข้อ  หนึ่งคือค่าวิสัยทัศน์  สองคือประสบการณ์ต่อสู้  และสามคือหน้ากากเพชฆาต  การสวมใส่แหวนได้ทันท่วงทีในเวลาคับขันเช่นนี้  หากแร้งเกอร์คนใดมาเห็นก็คงต้องออกปากชมไปตามๆ กัน 

       กริดแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นก่อนจะกระซิบกับชักสเล่ย์ว่า

       "เคยได้ยินคำว่าพลังแห่งไอเท็มรึเปล่า?"

       "พลังแห่งไอเท็ม?"

       นั่นหมายความว่ายังไงกันนะ?  ชักสเล่ย์เริ่มไม่เข้าใจในสิ่งกริดพูดหลายคำแล้ว  ในสายตาของมัน  กริดคือผู้ทรงปัญญา

       'เราเคยคิดว่าหมอนี่ป่าเถื่อนไร้มารยาทเพราะเป็นสามัญชน  แต่กลับกลายเป็นว่า  มันรู้จักคำศัพท์ยากๆ ด้วยงั้นหรือ...?'

       ยิ่งได้ยินก็ยิ่งหงุดหงิด  ในขณะที่ชักสเล่ย์ครุ่นคิดถึงคำว่าพลังแห่งไอเท็ม  หัตถ์เทวะทั้งสี่ก็ได้บินมาล้อมมันไว้จากทุกทิศทาง

       'นี่มัน...!'

       หัตถ์เทวะทุกข้างล้วนถืออาวุธอยู่ในมื่อ  กริดยังมีของวิเศษแบบนี้อีกถึงสามข้างเชียวหรือ?  ชักสเล่ย์สัมผัสได้ถึงอันตรายและพยายามสลัดกริดให้หลุด  เมื่อกริดเริ่มฝืนแรงชักสเล่ย์ไม่ไหว  เขาก็รีบออกคำสั่งทันที

       "ศรเวทย์!"

       ซู่วว!

       พลังเวทย์ของกริดเริ่มถูกรวบรวมไว้ที่ปลายของหัตถ์เทวะทั้งสี่

       บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!

       ลำแสงสีขาวจำนวนสี่เส้นถูกยิงกระแทกใส่ร่างของชักสเล่ย์อย่างรุนแรงจากทุกทิศทาง

       "อ๊ากกก!"

       ความเจ็บปวดที่ได้รับจัดว่ารุนแรง  ชักสเล่ย์เป็นงงทันที  ว่าเหตุใดเวทย์มนต์ระดับต่ำถึงมีพลังโจมตีมากมายขนาดนี้?  มันไม่เข้าใจเลยสักนิด

       'ทำไมพลังต้านเวทย์ของชุดเกราะสีขาวถึงไม่ทำงาน?'

       ตระกูลโลคานของชักสเล่ย์นั้นรับใช้ราชวงศ์อีเทอนัลมารุ่นสู่รุ่น  คุณงามความดีในอดีตมีมากมาย  สร้างชื่อเสียงไว้อีกนับไม่ถ้วน  ราชวงศ์จึงทำการตกรางวัลอยู่บ่อยครั้ง  และหนึ่งในนั้นก็คือ  เกราะสีขาว

       เกราะสีขาวขึ้นชื่อในด้านพลังป้องกันและค่าต้านทานเวทย์  สิ่งนี้ทำให้ชักสเล่ย์กลายเป็นแม่ทัพผู้ไร้พ่ายในสงครามมาโดยตลอด  ศัตรูที่โจมตีทางกายภาพจะถูกบล็อคไว้ได้ด้วยดาบ  ส่วนเวทย์มนต์ที่ลอบโจมตีเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว  ก็จะถูกเกราะสีขาวดูดซับไว้

       ทว่า...!

       "แค่กแค่ก!"

       เวทย์มนต์ระดับต่ำสามารถเจาะทะลวงสุดยอดยุทธภัณฑ์สงครามชิ้นนี้ได้เชียวหรือ?  ไม่สิ  แล้วกริดที่เป็นช่างตีเหล็กสามารถใช้เวทย์มนต์ได้อย่างไร?    ความลับน่าจะอยู่ที่ฝ่ามือสีทองทั้งสี่ข้างมากกว่า  

       'พวกมันคือของวิเศษแบบไหนกันแน่นะ...?'

       ชักสเล่ย์กระอักเลือดด้วยความคิดสับสนปั่นป่วน  มันไม่สามารถเข้าใจกริดได้เลย  ราวกับกริดเป็นตัวตนที่อยู่คนละมิติ  มาจากต่างโลก  

       ไม่สิ… ความรู้สึกนี้  เป็นแบบเดียวกับเมื่อครั้งสงครามไรน์ฮาร์ทไม่มีผิดเพี้ยน  ชักสเล่ย์กำลังตกตะลึงในความยิ่งใหญ่ของชายที่ชื่อกริดเฉกเช่นวันนั้น

       'ทำไมกัน...?'

       ตัวมันต้องฝึกดาบอย่างเจียนตายและกระอั่กเลือดในทุกวัน  จนในที่สุดก็ได้รับสมญานามนักดาบผู้ยิ่งใหญ่  โดยนักดาบผู้ยิ่งใหญ่คนก่อน  ปิอาโร่  ได้หายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ  ถึงกระนั้น  ชักสเล่ย์ที่ฝึกหนักแทบตายกลับยังถูกกริดสร้างช่องว่างไว้เท่าเดิมงั้นหรือ?

       'นี่สินะ... ตำนาน'

       แต่ไม่ใช่ว่า  กริดกลายเป็นตำนานมาพักใหญ่แล้วงั้นหรือ?  การพัฒนาของเขาควรหยุดลงนานแล้ว  ไม่น่าจะเก่งขึ้นจากเดิมได้อีก

       "ทำไมกัน...?  ทำไมแกถึงแข็งแกร่งขึ้นได้?"

       "..."

       แววตาของกริดเปลี่ยนไปจากตอนที่พบกับชักสเล่ย์หนแรก  ชายหนุ่มไม่ดูแคลนชายที่ชื่อชักสเล่ย์คนนี้อีก  ตรงกันข้าม  เขาเคารพและให้เกียรติผู้ที่ทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักโดยไม่ย่อท้อ  เพราะกริดเองก็เป็นคนแบบเดียวกัน  คนไร้พรสวรรค์ที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความอดทนที่มากกว่าคนอื่น

       กริดตอบชักสเล่ย์ไปตามตรง

       "ฉันยังอ่อนแออยู่มาก"

       "อ--อะไรนะ?"

       กริดคือชายที่สามารถทำลายกองทัพโกเล็มที่เป็นภัยร้ายแรงของอาณาจักร  กริดคือชายที่สามารถล้มมันซึ่งเป็นถึงนักดาบผู้ยิ่งใหญ่ได้ไม่ยาก  แล้วคำพูดเมื่อครู่คืออะไรกัน?  ยังอ่อนแองั้นหรือ?  ชักสเล่ย์ไม่ชอบใจเอาเสียเลย  

       หลังจากนั้น  กริดก็พูดในสิ่งที่ตนเคยได้ฟังมาก่อน

       "โลกใบนี้กว้างใหญ่นัก  ผู้คนแข็งแกร่งเร้นกายอยู่มากมายนับไม่ถ้วน  หากวันใดแกได้พบกับตัวตนที่เก่งกาจอย่างแท้จริง  แล้วจะได้รู้เอง  ว่าฉันยังอ่อนแอมากเพียงใด"

       บราฮัมและปิอาโร่  หากนำไปเทียบกับตำนานที่แท้จริงอย่างสองคนนั้น  กริดจะเป็นเพียงแค่เด็กน้อยอมมือ  โดยหนึ่งเหตุผลที่เขายังพัฒนาไม่เต็มที่ก็คือ  กริดยังทำภารกิจประจำคลาสสำเร็จไม่ครบ

       'อันที่จริง...  จะไปโทษภารกิจประจำคลาสก็ไม่ถูกเสียทีเดียว'

       สิ่งที่ต้องโทษก็คือความด้อยปัญญาของตนเอง  หากเปลี่ยนเป็นยูร่าหรือฮิวรอยที่หัวไวล่ะก็  คงไม่มีใครเสียต้องเวลาติดอยู่กับภารกิจประจำคลาสได้นานเท่าเขาอีกแล้ว

       'เรามันไร้พรสวรรค์'

       กริดไม่ได้มีฝีมือควบคุมที่เก่งฉกาจเหมือนเรกัสหรือเฟคเกอร์  ไม่ได้มีทักษะการเก็บเลเวลดีเยี่ยมเหมือนกับจิสึกะหรือป็อน  ไม่มีข้อใดให้กลายเป็นจุดแข็งที่สามารถโอ้อวดกับคนอื่นได้  สิ่งเดียวที่นำพาให้เขามีทุกวันนี้  ให้กลายเป็นผู้สืบทอดแพ็กม่า  คือความดื้อรันและอดทน  ถ้าเขาไม่โชคดีจนได้กลายเป็นผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าล่ะก็  บางที  ตอนนี้คงเป็นเพียงผู้เล่นธรรมดาทั่วไป  ไม่สิ  อาจต่ำกว่าระดับทั่วไปเสียอีก

       "ฉันหมายความว่า...  ฉันยังพัฒนาได้อีกมาก  จะไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้แน่  ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่"

       ดวงตาของกริดพลันเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารในพริบตา  ชื่นชมผู้ที่แข็งแกร่งงั้นหรือ?  แต่เรื่องนั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับความผิดบาปที่ศัตรูตรงหน้าก่อขึ้น  ใครก็ตามที่บังอาจรุกรานเรย์ดันเมืองรักของตน  มันผู้นั้นต้องไม่ได้กลับไปแบบมีชีวิต

       ชาวเมืองกว่า 20,000 คนที่ทั้งรักและเทินทูนเขา  หากใครมันกล้าแตะต้องหรือทำร้ายคนเหล่านั้น  กริดจะไม่มีวันให้อภัย  ไม่มีทางยอมให้มีชีวิตอยู่ต่อไป

       >>  กริด  พวกเราเตรียมการพร้อมแล้ว

       สถานการณ์สงครามเป็นไปตามที่ลอเอลต้องการ  ทหารของเรย์ดันระดมยิงฝนธนูอย่างไม่หยุดมือและสามารถลดจำนวนทัพหลวงได้มาก  ในเวลาเดียวกัน  ลาเด็นและทัพแดนเหนือก็คอยตรึงกำลังพวกมันไว้ไม่ให้วิ่งหนี  ส่วนลอเอลก็ใช้สุดยอดทักษะของคลาสสนับสนุนอย่างเต็มที่

       ชี่กงมาสเตอร์ระดับสาม  ราชันย์แห่งกระแส

       และสิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็มีแค่...       

       >>  จงทำให้ทุกคนบนโลกได้เห็นว่า  ดินแดนของนายคือสิ่งที่ห้ามแตะต้องด้วยประการทั้งปวง

       >>  ด--ได้...

       แล้วลอเอลจะจัดการที่เหลือทั้งหมดให้เอง

       กริดตัดสินใจเอาชีวิตของเฟอเรลล์เป็นอันดับแรก  ในยามนี้  มันกำลังหายใจรวยระรินปางตายจากการโจมตีชุดแรก  จึงไม่เหลือเรี่ยวแรงจะขัดขืนต่อต้านอะไรได้อีก

[ ท่านสังหารวิสเคาท์<เฟอเรลล์>  มือธนูอันดับหนึ่งของอาณาจักรอีเทอนัล ]
[ ตระกูล<ดูบง>จะเป็นศัตรูกับท่านไปตลอดกาล ]
[ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 356,410,000 หน่วย ]
[ ท่านได้รับไอเท็ม<คันศรอัสนี> ]
[ พลังอสูรของท่านเพิ่มขึ้นสองหน่วย ]

       "เฟอเรลล์!!"

       ชักสเล่ย์และเฟอเรลล์เป็นเพื่อนสนิทกันมาช้านาน  ทั้งคู่รบเคียงบ่าเคียงไหล่มานับไม่ถ้วนในหลายสมรภูมิ  

       ชักสเล่ย์พลันจ้องกริดด้วยแววตาอาฆาตสุดขีด

       แต่กริดกลับคิดว่า  สิ่งที่พวกมันได้รับก็สมควรดีแล้ว

       "จงอย่าได้ลืมว่าใครกันที่เป็นฝ่ายเริ่มลงมือก่อน  ใครกันที่เป็นฝ่ายหันคมดาบใส่ฉันก่อน!  จำใส่หัวไว้ซะ!  ฉันคือวีรบุรุษที่ช่วยเหลืออาณาจักรนี้ไว้  แต่พวกแกกลับกระทำต่ำทรามยิ่งกว่าสุนัข!"

       ในยามนี้  ตัวตนของกริดดูองอาจและชั่วร้ายในเวลาเดียวกัน  ทั้งหมดก็เพื่อสลักความหวาดกลัวอย่างสุดขีดลงไปในทหารของกองทัพศัตรู  กริดจงใจฝึกฝนวิธีการพูดเพื่อให้เกิดผลลัทธ์เช่นนี้จากฮิวรอย

       "แกนะแก!"

       "ท่านวิสเคาท์เฟอเรลล์!"

       เฟอเรลล์-ชาอิฟา-ดูบง  ตระกูลของมันคือผู้ปกครองดินแดนชาอิฟารุ่นสู่รุ่น  มีผู้คนให้ความนับหน้าถือตามากมาย  การตายของมันทำให้คนของดินแดนชาอิฟาเกิดความคลุ้มคลั่ง  อัศวินกว่าและทหารกว่า 300 คนได้กรูเข้าโจมตีใส่กริดอย่างไม่คิดชีวิต

       "ปกป้องท่านดยุค!"

       ลาเด็นตะเบ็งขึ้นสุดเสียงพร้อมกับเตรียมนำกองทัพแดนเหนือเข้าปะทะ  

       ทว่า… กริดได้ยกมือขึ้นห้ามไว้ 

       "ย๊ากกก!"

       "ตายซะเถอะ!"

       กริดที่โดดเดี่ยวกำลังถูกศัตรูจำนวน 300 เข้าล้อมโจมตี  องค์ชายเร็นยืนมองฉากดังกล่าวจากระยะไกลในขณะที่หลบหลังอัศวินคุ้มกัน

       'แกนะแก...  ฉันทำจะให้แกต้องสำนึกเสียใจภายหลัง!'

       กริดเริ่มรำดาบท่ามกลางสมรภูมิที่คละคลุ้งไปด้วยเลือด  ช่างเป็นการกระทำที่ดึงดูดสายตาผู้คนได้เป็นอย่างดี  หากใครไม่เข้าใจ  ก็คงคิดว่าเขาต้องเสียสติไปแล้วแน่

       "วิชาดาบแพ็กม่า… คลื่น!"

       ซ่าาา!

       ยารุกต์มีความเร็วโจมตีที่สูงกว่าดาบใหญ่  จึงสามารถทำศึกยืดเยื้อมีประสิทธิภาพมากกว่าดาบใหญ่  แต่หากเป็นการโจมตีที่ใช้ทักษะอันรุนแรงออกมารวดเดียวล่ะก็  ดาบใหญ่ยังคงดีกว่าอยู่มาก

       กริดสลับมาเป็นดาบใหญ่กริดในตอนก่อนจะเริ่มรำดาบ  ด้วยเพราะพลังโจมตีที่รุนแรงกว่ายารุกต์  แถมยังมีออปชั่นเสริมความแรงของทักษะให้อีก  

       จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ศัตรูทั้ง 300 คนของดินแดนชาอิฟา  จะทนรับการโจมตีจากคลื่นดาบสีดำที่แผ่พุ่งออกไปทั่วบริเวณได้

       'แกมันปีศาจ!!'

       ดวงตาของกริดส่องประกายสีแดงออกมาจากหน้ากากเพชฆาต  ใครก็ตามที่ได้เห็นเป็นต้องถูกความหวาดกลัวเข้าครอบงำ  ไม่เว้นแม้แต่องค์ชายเร็น  แต่มันก็ฝืนทนไว้ได้จนถึงที่สุด

       "ทุกคนใจเย็นก่อน!  เมื่อเวลาผ่านไป  ชัยชนะจะตกเป็นฝ่ายเรา!"

       หลังจากนี้อีกไม่นาน  หากยื้อเวลาไว้ได้  ทัพด้านหลังจำนวน 2,000 นายของฮูเร็นก็จะเข้าโจมตีเรย์ดัน  

       แล้วยังมี...!

       'กริด!  เมียของแกกำลังจะตกอยู่ในเงื้อมมือฉัน!'

       จนกว่าจะถึงตอนนั้น  พวกมันต้องอดทนไปก่อน  องค์ชายเร็นมั่นใจกับแผนเครือข่ายใยแมงมุมในคราวนี้มาก

Comments

  1. ทัพหลังหรอ ลูกน้องตายเรียบ หัวหน้าก็กลายเป็นชาวนาไปแระ 55555555 //ขอบคุณที่แปลครับ~

    ReplyDelete
    Replies
    1. นักฆ่าที่ส่งไปน่าจะโดนฆ่าหมดแล้วนะ

      Delete
  2. สนุกมากมายครีบ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00