จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 315



[ ความว่องไวของท่านเพิ่มขึ้นสิบแต้ม ]

       หลังจากบรรลุข้อตกลงกับคริส  กริดก็ดื่มโพชั่นเข้าไปทันที  ร่างกายของเขาพลันรู้สึกเบาขึ้นเล็กน้อย

พละกำลัง : 2,790
ความว่องไว : 1,756

       'หนทางยังอีกยาวไกลสินะ'

       กริดยังต้องการอีก 104 เลเวลเพื่อทำให้ค่าความว่องไวกับพละกำลังมีอัตราส่วนเป็น 1:1   ในทางทฤษฏีนั้นเกิดขึ้นได้ยากมาก  เพราะขนาดฆ่าทัลลอสที่เป็นตัวแทนอาโมแร็คไปและได้รับค่าประสบการณ์มากถึง 2.6 พันล้านหน่วย  เลเวลของเขากลับเพิ่มขึ้นมาเพียงระดับเดียวเท่านั้น 

       แล้วเมื่อไรถึงจะครบ 104 เลเวลกันนะ?

       'ทุกครั้งที่เลเวลเพิ่มขึ้น  ค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้อัพเลเวลถัดไปก็ยิ่งเพิ่มเป็นเท่าตัว  นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมถึงยังไม่มีคลาสระดับสี่ปรากฏ  แม้เกมจะเปิดตัวมาได้สองปีกว่าแล้ว'

       ไม่สิ… ต่อให้มีเวลาอีกหนึ่งปีเต็ม  ก็ไม่แน่ว่าครอเกลจะกลายเป็นคลาสระดับสี่ได้สำเร็จ 

       เลเวลของครอเกลตอนนี้คือ 319  ซึ่งสูงกว่าอันดับที่สองอยู่สี่ระดับ
     
       'ปีศาจ… หมอนั่นเป็นปีศาจชัดๆ'

       อันดับหนึ่งของโลก  ครอเกล  กริดไม่เคยพบเขาตัวเป็นๆ หรือเคยเห็นในทีวีเลยสักครั้ง  แต่กริดก็รู้ดีว่าครอเกลมีศักยภาพในการอัพเลเวลที่ไม่เหมือนใคร

       'ช่างเถอะ… มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเรามีโอกาสได้รับโอสถความว่องไวบ่อยๆ'

       ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง  โอสถคือโพชั่นชนิดที่หายากที่สุด  ข้อตกลงเช่นวันนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ง่ายในอนาคต

       "หืม..."

       กริดเปิดหน้าต่างกิลด์มาอ่านรายละเอียดของสมาชิกแต่ละคน  ปาร์ตี้คณะรวบรวมพาเฟรเนี่ยมยังคงออกล่าอยู่ภายในเมืองแวมไพร์  เป็นเพราะหลังจากสังหารเอลฟิน-สโตนได้  ทุกคนได้รับบัฟค่าประสบการณ์และไอเท็มดรอปเป็นเวลาหลายวัน

       'ยอดเลยแฮะ… ป็อนกับเรกัสมีเลเวล 308 แล้วหรือ?  อัพเลเวลได้ไวสุดยอด  เราเองก็กลับไปเมืองแวมไพร์ด้วยดีไหม?'

[ ค่าประสบการณ์และอัตราดรอปไอเท็มเพิ่มขึ้น 5%  ผลของบัฟชนิดนี้จะเกิดภายในเมืองแวมไพร์เท่านั้น  ระยะเวลาคงเหลือ : 25 วัน 13 ชั่วโมง 40 นาที 15 วินาที ]

       'เหลืออีก 25 วันสินะ… ถ้าเราออกล่าในตอนที่ยังมีบัฟล่ะก็... '

       อย่างน้อยก็น่าจะได้สักสามเลเวลกระมัง?  และถ้าหากดวงดี  กริดคงจะได้รับโอสถติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง  ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยไฟการเก็บเลเวลได้เตรียมการขั้นสุดท้ายภายในโรงตีเหล็กก่อนออกเดินทาง

       ก่อนอื่นก็ต้อง...

       "ออกแบบไอเท็ม"

[ ท่านต้องการออกแบบไอเท็มชนิดใด? ]

       "ชุดเกราะ"

[ ท่านจะใช้สิ่งใดเป็นวัสดุ? ]

       "โอริชาลคั่มสีน้ำเงินและเหล็กนิล"

[ กรุณาออกแบบรูปลักษณ์ไอเท็ม ]

       กระดาษพิมพ์เขียวอันว่างเปล่าได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง  นี่คือหนที่เจ็ดแล้วที่กริดต้องวาดภาพออกแบบไอเท็ม  เขาวาดมันลงไปอย่างชำนิชำนาญ  หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว  แบบของชุดเกราะที่ดูน่าพึงพอใจก็เสร็จสมบูรณ์  ถึงเวลาแล้วที่ต้องอธิบายคอนเซ็ปของไอเท็มลงไปด้วย

       "ชุดเกราะที่ไม่มีวันถูกแทงทะลุ  ไม่มีวันเกิดรอยขีดข่วนจากดาบ  และไม่มีวันละลายแม้จะถูกมังกรพ่นไฟใส่"

[ ด้วยวัสดุที่ใช้...  ความต้องการของท่านคงเกิดขึ้นจริงไม่ได้ ]

       "...นั่นสินะ"

       เป็นอย่างที่คิดไว้… ทันทีที่กริดได้ปลดพันธนาการผลข้างเคียงจากการสวมใส่ไอเท็มเงื่อนไขไม่ตรง  เขาก็มีความคิดที่จะสร้างไอเท็มสุดอลังการโดยไม่สนใจเงื่อนไขการสวมใส่ขึ้น  ตัวอย่างเช่นอาวุธที่มีพลังโจมตี 999,999,999 หน่อย  หรือชุดเกราะที่มีพลังป้องกัน 999,999,999 หน่วย  แต่ดูเหมือนจะทำได้เพียงแค่ฝัน

       และอันที่จริง  ทักษะ<(บรรลุศาสตราวุธเทพ)การผลิตของช่างตีเหล็กในตำนาน>ก็ยังมีเพียงเลเวลหกเท่านั้น  ไอเท็มที่สร้างขึ้นจากวัสดุอย่างโอริชาลคั่มสีน้ำเงินและเหล็กนิลจึงมีขีดจำกัด  เต็มที่ก็ได้ดีกว่า<ความผิดพลาด>เพียงเล็กน้อยเท่านั้น  โดยในสมัยอดีต  <ความผิดพลาด>ถูกออกแบบมาอย่างเวอร์วังอลังการโดยไม่สนใจเงื่อนไขการสวมใส่เลยสักนิด

       'สิ่งนี้จะเปลี่ยนไปหากเราใช้พาเฟรเนี่ยมเป็นวัสดุ  แต่ว่า...'

       ศาสตราวุธที่สร้างขึ้นจากพาเฟรเนี่ยมจะต้องเป็นไอเท็มที่เทียบชั้นได้กับหอกไลฟาเอลอย่างสูสี  แต่ด้วยความที่กริดยังมีไอเดียการออกแบบดาบไม่มากนัก  นั่นจึงเป็นอุปสรรคที่ทำให้เขายังไม่อาจสร้างอาวุธประเภทดาบที่มีระดับใกล้เคียงหอกไลฟาเอลขึ้นมาได้

       'ตอนนี้คงต้องใช้พาเฟรเนี่ยมในการเป็นอาวุธบินคอยสนับสนุนไปก่อน  ยังไม่เหมาะที่มันจะกลายมาเป็นอุปกรณ์สวมใส่  สิ่งแรกที่ต้องทำคือการค้นหาแร่ที่มีศักยภาพสูงกว่าโอริชาลคั่มสีน้ำเงินให้ได้'

       เมื่อคิดได้เช่นนั้น  กริดก็รีบเรียกตัวไมเนอร์มาเข้าพบทันที

       "จงออกค้นหาแร่ที่มีคุณสมบัติสูงกว่าโอริชาลคั่มสีน้ำเงินและกลับมารายงานต่อฉัน"

       "หือ?  นายหมายความว่ายังไงอีก?"

       ไมเนอร์พลันขมวดคิ้ว

       "ไหนนายสัญญาว่าจะปล่อยฉันไปเมื่อได้ครอบครองพาเฟรเนี่ยมครบทุกชิ้นแล้ว?"

       อันที่จริง  พรสวรรค์ในตัวไมเนอร์เหมาะสมจะเป็นนักค้นหาแร่มากกว่านักขุดแร่  แต่ความฝันของไมเนอร์คือการเป็นนักขุดแร่ในตำนานที่ก้าวข้าม<กิส>ซึ่งเป็นนักขุดแร่ในตำนานคนก่อนให้ได้  ไมเนอร์ต้องการจะเป็นมือขวาของจักรพรรดิ  ดังนั้นเขาจึงโมโหมากที่กริดยังไม่ยอมปล่อยให้ไปขุดแร่ตามที่ต้องการสักที

       กริดเดินเข้าไปตบบ่าของเด็กชายเบาๆ

       "ช่วยอดทนอีกนิดเถอะนะ  นายเองก็รู้ใช่ไหมว่าฉันคือช่างตีเหล็กในตำนาน?  ดังนั้นตัวฉันจึงต้องการนักขุดแร่ในตำนานยิ่งกว่าใคร  แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้"

       "กรอด...!"

       ไมเนอร์ขมกรามพร้อมกำหมัดแน่น  ดวงตาของเขากำลังเจ็บแค้นสุดขีด  ในยามนี้  เด็กหนุ่มได้แสดงสีหน้าของผู้ที่อาจทรยศเจ้านายได้ทุุกเมื่อให้เห็น  กริดจึงไม่มีทางเลือก

       'ไมเนอร์ยังไม่รู้จักตัวเองดีพอ'

       ไม่ผิดนักที่จะกล่าวว่าไมเนอร์คืออัจฉริยะตัวจริง  ด้วยพรสวรรค์การขุดแร่ที่เหนือชั้นกว่าใคร  เขาสามารถไปได้สวยในเส้นทางนี้ก็จริง  แต่ก็ไม่มากพอจะกลายเป็นตำนานได้  ไมเนอร์จะไม่มีวันก้าวข้ามกิส  นี่คือสิ่งที่ดาบของลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่บอกกับกริด  ดังนั้นความฝันของไมเนอร์จึงไม่มีวันเป็นจริง

       'นายเหมาะกับการเป็นเครื่องค้นหาแร่มากกว่า'

       ทักษะค้นหาแร่คือสิ่งที่หายากมาก  กริดสำรวจชาวเมืองจำนวนนับไม่ถ้วนทั้งในวินสตัน  ไบรัน  และเรย์ดัน  แต่ก็ไม่พบใครเลยที่มีทักษะค้นหาแร่เหมือนกับไนเนอร์  กริดหวังว่าไมเนอร์จะเปลี่ยนใจและสนับสนุนเขาในด้านการค้นหาแร่ในอนาคต

       "ได้ยินมาว่า… สุขภาพของแม่นายที่อยู่ในไบรันกำลังทรุดลงสินะ?  ฉันจะออกคำสั่งให้ลอร์ดของไบรันดูแลแม่นายด้วยการรักษาระดับสูงสุด  ดังนั้นนะไมเนอร์  ถ้าต้องการให้แม่หายดีก็ช่วยออกค้นหาแร่ให้ฉันด้วย… ขอให้โชคดี"

       "ชิ...!  บัดซบ!  ไอ้ปีศาจ!"

       ไมเนอร์คือเด็กหนุ่มที่มีอายุเพียง 14 ปีเท่านั้น  กริดที่กำจุดอ่อนเอาไว้จึงดูเหมือนกับเป็นปีศาจชั่วร้าย  แต่ความจริงแล้ว  กริดทำไปเพราะหวังดี  เขาคิดว่านี่คือเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับไมเนอร์  ไมเนอร์ควรได้เป็นนักค้นหาแร่ชั้นเยี่ยมมากกว่าการเป็นนักขุดแร่ระดับพอใช้ 

       ไมเนอร์รีบเดินออกไปอย่างฉุนเฉียว  หลังจากนั้นกริดก็ส่งข้อความส่วนตัวไปหายูเฟอมิน่า

       >>  เธอรวบรวมหยดน้ำตาแห่งกษัตริย์เผ่าวารีได้กี่ชิ้นแล้ว?

       >>  สี่

       >>  หืม?  เยอะกว่าที่ฉันคาดไว้อีกนะ

       หยดน้ำตาแห่งกษัตริย์เผ่าวารีคือไอเท็มสุดล้ำค่าที่จะทำให้ไอเท็มทุกชนิดสามารถฝังเวทย์มนต์ลงไปได้  ถือเป็นวัสดุในการสร้างไอเท็มที่หายากมาก  เพราะกษัตริย์เผ่าวารีจะร่ำไห้เพียงวันเดียวในรอบห้าเดือน  กริดจึงประหลาดใจมากเมื่อได้ยินว่ายูเฟอมิน่าสามารถรวบรวมได้มากถึงสี่ชิ้นภายในระยะเวลาเพียงสามเดือน

       >>  แถมฉันยังโชคดีได้รับภารกิจสุดพิเศษแถมมาด้วย

       >>  ภารกิจพิเศษ?  มันเป็นยังไงเหรอ?

       >>  ฮิฮิ  แล้วจะเล่าให้ฟังคราวหน้านะ

       'เธอกำลังตื่นเต้นอยู่?'

       ภารกิจคงเย้ายวนใจไม่น้อยทีเดียว

       กริดพยักหน้าอย่างมีความสุข

       >>  ตกลง… ฉันจะรอฟังข่าวดีของเธอ  แต่ถ้าหากติดขัดตรงไหน  เธอสามารถขอความช่วยเหลือจากฉันได้ทุกเมื่อ  ก่อนอื่นก็ช่วยนำหยดน้ำตาไปใส่ไว้ในคลังกิลด์ให้หน่อย

       หลังจากนั้นไม่นาน

       กริดนำหยดน้ำตาแห่งกษัรติย์เผ่าวารีออกมาจากคลังพร้อมกับเริ่มลงมือหลอมพาเฟรเนี่ยม

       ***

       'นักสร้างไอเท็มเกรดเลเจนดารี… มีตัวตนอยู่จริงสินะ!'

       คริสฉีกยิ้มกว้างถึงใบหูหลังจากบรรลุข้อตกลงกับกริด  ก่อนหน้านี้เขากับกริดมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก  แต่กริดกลับยังสร้างไอเท็มให้อย่างสุดฝีมืองั้นหรือ?  คริสกล้าพูดได้เต็มปากว่านี่คือหนึ่งในอาวุธที่ดีที่สุดของโลก

       ดาบใหญ่กริดได้ก้าวข้ามทุกสามัญสำนึกไปจนหมดสิ้น  เกินกว่าความต้องการของคริสในตอนแรกไปมาก  เขามั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม  ว่าดาบเล่มนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่า<เขี้ยวขาว>ของครอเกล  และ<ดาบหนักป่าเถื่อน>ของซิวรอน

       'เราสามารถใช้มันได้จนถึงเลเวล 360 เลยทีเดียว'

       นี่ไม่ใช่คำกล่าวเกินจริงแต่อย่างใด

       ดาบใหญ่กริดมีคุณสมบัติสูงกว่าอาวุธเลเวล 320 เกรดยูนีคที่คริสเพิ่งดรอปมาจากดันเจี้ยนหลายเท่า  และจากการคำนวนด้วยประสบการณ์  ไอเท็มในระดับ 350 ถึง 360 เองก็คงจะไม่ได้ดีไปกว่าดาบใหญ่กริดเล่มนี้

       'เราไม่ต้องกังวัลเรื่องอาวุธไปอีกราวสิบเดือน  แต่สถานการณ์โดยรวมของกิลชักไม่ค่อยดีแล้ว...'

       คริสลองนึกภาพตามดูว่า  กริดและชาวโอเวอร์เกียร์ทุกคนสวมใส่ไอเท็มที่มีระดับเดียวกับดาบเล่มนี้  ซึ่งนั่นจะทำให้ขั้วอำนาจฝั่งกริดเป็นปึกแผ่นและทรงพลังมากกว่าที่กิลด์อื่นคาดไว้

       'ปล่อยไว้แบบนี้จะดีหรือ?'

       คริสหรือหัวหน้ากิลด์ไจแแอนท์ที่หวังจะเป็นกษัตริย์เช่นเดียวกับกริด  เป้าหมายของเขาคือเงินทองและความมั่งคั่ง  ดังนั้นกริดจะกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ในวันข้างหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้

       "ไปกันเถอะ"

       คริสหันไปกล่าวกับห้า*กัปตัน

( ผู้แปล : ห้ากัปตันคือชื่อรวมของตำแหน่ง  เหมือนกับ จตุรเทพ  จตุรอาชา  ทำนองนี้  ดังนั้นในเรื่องจึงเรียกห้ากัปตันต่อไปแม้จะเหลือแค่สี่ก็ตาม )
     
       เมื่อเดินผ่านประตูปราสาทออกมา  คริสก็หันไปถามกับทุกคน

       "มิฮาร่าไปไหน?"

       "ไม่เห็นมาสามวันแล้ว  ได้ยินว่ารีบกลับเปรโดไปก่อนเพราะมีธุระด่วน"

       มิฮาร่าออกไปเดินเล่นภายในเมืองเรย์ดัน  จึงไม่แปลกที่คนอย่างหมอนั่นจะรู้สึกเบื่อและขอกลับไปก่อน

       "หมอนั่น… หือ?"

       จู่ๆ คริสก็ต้องหยุดเดินเมื่อมาถึงเขตฟาร์มอันกว้างใหญ่ด้านนอกเมือง

       เพราะชาวนาคนหนึ่งกำลังขวางทางเขาไว้

       "แกเป็นใคร?"

       อัสเซลาส  หนึ่งในห้ากัปตันได้โพล่งขึ้นเพื่อถามชาวนาที่บังอาจขวางทาง  หลังจากนั้นชาวนาปริศนาก็นำจอบออกมาห้าอันและกล่าวว่า

       "พวกแกจะต้องมาทำฟาร์มกับฉัน"

       "อะไรนะ?"

       ชาวนาคนนี้เสียสติไปแล้วงั้นหรือ?  ถึงได้กล้ามาบอกหัวหน้ากิลด์และห้ากัปตันผู้ยิ่งใหญ่ให้ช่วยทำฟาร์ม  ทุกคนพลันเงียบเป็นเป่าสากเพราะฉากตรงหน้าช่างบ้าบอสิ้นดี 

       เป็นคริสที่ถามขึ้นคนแรก

       "ทำไมพวกเราต้องช่วยนายด้วย?"

       ชาวนาปริศนา  ปิอาโร่  ตอบกลับด้วยเหตุผลที่ง่ายมาก

       "พวกพ้องของแกบังอาจลวนลามสาวใช้ของดยุคกริด  แกล้มเหลวในการควบคุมบุคลากร  ดังนั้นต้องมาช่วยทำฟาร์มให้เรย์ดันเพื่อชดเชยกับสิ่งที่เกิดขึ้น"

       มีใครคนหนึ่งในพวกเขาไปลวนลามสาวใช้งั้นงั้นหรือ?  ทุกคนต่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน  แต่เพียงไม่นานก็นึกได้ว่ามิฮาร่าหายตัวไป

       'เจ้าบ้านั่นทำเรื่องเหลวไหลอีกแล้ว...!'

       มิฮาร่าเคยก่อเรื่องขึ้นมากมายในอดีต  คริสได้แต่ถอนหายใจและหันไปพยักหน้าให้ปิอาโร่

       "ฉันเข้าใจความหมายของนายแล้ว  เดี๋ยวจะลงโทษผู้ที่ก่อความผิดให้เอง  ดังนั้นช่วยลดความโมโหลงและเปิดทางให้พวกเราด้วย"

       คริสนึกว่าปิอาโร่เป็นเพียงชาวนาที่อ่อนแอและร้องขอความเป็นธรรมจากสิ่งที่มิฮาร่ากระทำลงไป  แต่นั่นไม่ใช่เลยสักนิด

       "เรื่องนั้นไม่จำเป็น  ฉันลงโทษเจ้านั่นไปแล้ว  สิ่งที่พวกแกทำมีเพียงมาช่วยฉันทำฟาร์มเท่านั้น"

       ลงเอยด้วย  อัสเซลาสหมดความอดทนเป็นคนแรก

       "เลิกพล่ามไร้สาระได้รึยัง?  ชายคนนี้คือคริส!  เขาเป็นถึงวิสเคาต์ของอาณาจักรอีเทอนัลและหัวหน้ากิลด์ไจแอนท์!  แกไม่แม้จะเห็นเขาอยู่ในสายตา  แต่ถึงขนาดไร้มารยาทสั่งให้ช่วยทำฟาร์ม  มันไม่มากไปหน่อยรึไง?"

       แม้จะเล่นซาทิสฟายมานาน  แต่พวกมันก็ไม่มีโอกาสได้พบกับชาวนาบ่อยนัก  ปิอาโร่หรี่ลงและหันไปมองอัสเซลาสที่กำลังโมโหสุดขีด

       "ฉันจับตาดูพวกแกอยู่พักใหญ่แล้ว  ไม่มีผู้ใดเลยที่มีสัมมาคารวะต่อดยุคกริด  ดังนั้นฉันเองก็จะทำแบบเดียวกัน"

       "ไม่มีสัมมาคารวะ...?"

       แตกต่างจากเอ็นพีซี  หากเป็นผู้เล่นด้วยกันเอง  ถึงจะมีบรรดาศักดิ์ขุนนางที่สูงกว่า  แต่ส่วนใหญ่ก็จะไม่ถึงกับต้องก้มหัวให้กัน  ไม่เลย  ไม่มีใครทำเช่นนั้นกับคนแปลกหน้า  ชาวนาปริศนาคนนี้ช่างไม่รู้จักความเป็นจริงเลยสักนิด

       "หลีกไปซะ!"

       พวกมันจะติดแหง่กอยู่ที่นี่ตลอดไปเพราะชาวนาเพียงคนเดียวไม่ได้  อัสเซลาสพยายามผลักชาวนาให้พ้นทาง

       "เอ๋?"

       ดวงตาของมันพลันเบิกโพลง  ในวินาทีที่อัสเซลาสกำลังจะขว้าข้อมือของชาวนาปริศนา  ภาพที่มันเห็นพลันสลับทิศในพริบตา  พื้นดินกลายเป็นท้องฟ้า  ท้องฟ้ากลายเป็นพื้นดิน

       'เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น...?'

       อัสเซลาสล้มลงไปนอนแผ่หราบนพื้นในชั่วอึดใจเดียว  ห้ากัปตันต่างพากันผงะ  คริสเองก็เช่นกัน

       'ชาวนาปีศาจแห่งเรย์ดัน...!  เขามีตัวตนอยู่จริงสินะ!'

       ตอนแรกพวกมันคิดว่าเป็นเพียงข่าวลือ  แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้นแล้ว  คริสแสดงความสนใจอย่างมากพร้อมกับชักดาบใหญ่กริดออกมากำแน่น

       "นายคือคนที่ล้มซีบาลใช่ไหม?  ช่วยแสดงฝีมือนั่นให้เห็นกับตาด้วยเถอะ!"

       เหตุผลหลักที่เจ็ดกิลด์ใหญ่ไม่รวมไจแอนท์  ต้องล้มเหลวในการรุกรานเรย์ดันคือชาวนาปริศนา  ชาวนาที่แข็งแกร่งมากพอจะล้มอันดับสองของโลกอย่างซีบาลลงได้ 

       จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคริสสู้กับเขาแล้วชนะ?

       หลังจากได้รับคลาสรองที่แข็งแกร่ง  คริสก็มั่นใจว่าตนก้าวข้ามซีบาลได้แล้ว  เขาพุ่งตัวโจมตีใส่ปิอาโร่ในทันที

Comments

  1. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete
  2. น่าสงสารเค้านะครับ...

    ReplyDelete
  3. ดูท่าได้คนทำฟาร์มเพิ่มแล้วละ

    ReplyDelete
  4. คริส ได้ตายนะบัดนาว

    ReplyDelete
  5. RIP รอเลย

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00