จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 339



       ในตอนที่กริดเดินทางไปยังวาติกันเพื่อแก้ไขปัญหาให้ดาเมี่ยน

       เขามีโอกาสได้ศึกษาและทำความเข้าใจกับหอกไลฟาเอลไอเท็มเกรดมิธอย่างละเอียด  โดยการแยกส่วนและประกอบกลับเข้าไปใหม่อยู่หลายครั้งจนค่าความเข้าใจในไอเท็มมีสูงถึง 100% เต็ม  สิ่งนี้มีมูลค่ามหาศาลจนเงินทองก็ไม่อาจซื้อได้  ช่างตีเหล็กทุกคนบนโลกล้วนต้องการทำได้แบบกริด

       "จงกรีดร้อง...  ยาคูลท์!"

       การทำให้ยารุกต์เกรดยูนีคมีค่าความเข้าใจสูงถึง 100% นั้น  ง่ายกว่าเมื่อครั้งหอกไลฟาเอลเกรดมิธหลายเท่าตัวนัก  ในที่สุด  กริดก็สามารถใช้ยารุกต์ได้โดยที่ไม่ต้องอยู่ในร่างมืด

       ทว่า  ความฝันที่กริดจะเปลี่ยนชื่อของดาบเล่มนี้  ดูเหมือนจะยังไม่สำเร็จ

[ ยารุกต์คือนามแห่งดาบอันดับหนึ่งของขุมนรก!  นายอย่าได้คิดเปลี่ยนชื่ออันทรงเกียรตินี้เพียงเพราะมันเรียกยาก! ]
       
       ยารุกต์รู้สึกภาคภูมิใจในชื่อของตนมาก  ดังนั้น  แม้เขาจะยอมรับในตัวกริดแล้ว  แต่ก็ไม่ต้องการถูกเรียกในชื่ออื่น  ยารุกต์ไม่รู้ว่ายาคูลท์หมายความว่าอย่างไร  แต่สัญชาติญานได้ร่ำร้องว่าชื่อนี้ไม่เป็นมงคล  ทว่ากริดก็หาได้สนใจ  เพราะไม่ว่ายังไง  ศาสตราวุธก็ต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายอยู่แล้ว  ไม่ว่าจะเรียกด้วยนามใดก็ตาม

[ ทุกเป้าหมายในระยะ 30 เมตรจะสูญเสียความสามารถในการควบคุมตนเองไปเป็นระยะเวลา 1.5 วินาที ]

       กรี๊~~!!

       "อั่ก!"
              
       โลหิตกรีดร้องนั้นไม่แบ่งแยกมิตรหรือศัตรู  ทหารกองทัพหลวงและกองทัพแดนเหนือที่ยืนอยู่รอบกายกริด  ทุกคนต่างทรุดลงคุกเข่ากับพื้นอย่างเลี่ยงไม่ได้  แม้แต่องค์ชายเร็นและอัศวินคุ้มกันก็ไม่มีข้อยกเว้น

       'กล้าทำให้ฉันคนนี้ต้องคุกเข่าลงเชียวหรือ?'

       องค์ชายเร็นคือองค์รัชทายาท  มันเป็นผู้สืบทอดคนต่อไปของอาณาจักรอีเทอนัล  ในฐานะองค์ชายลำดับหนึ่ง  เร็นไม่เคยต้องก้มหัวให้ใครมาก่อนนอกจากกษัตริย์  แต่ยามนี้กลับถูกกริดใช้ทักษะบีบบังคับให้ต้องคุกเข่าลง  ศักดิ์ศรีของมันกำลังถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี

       'ไม่สิ...'

       องค์ชายเร็นที่กำลังโกรธแค้นได้เงยหน้าขึ้น  แล้วก็ต้องพบว่า  ไม่ใช่มันคนเดียวเท่านั้นที่คุกเข่า  แต่เป็นทุกสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่รอบกายกริด  หรือแม้กระทั่งชักสเล่ย์ผู้เก่งกาจ  ที่ในยามนี้ใกล้จะทรุดลงเต็มทีแล้ว

       ชายผู้เดียวที่สามารถทรงตัวยืนอยู่ท่ามกลางสนามรบได้อย่างมั่นคงคือกริด  ราวเขากับเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือทุกคนไปแล้ว

       'นี่คือพลังของตำนานสินะ...!'

       นับเป็นศัตรูที่ไม่ควรยุ่งเกี่ยวด้วยอย่างยิ่ง  หากเป็นไปได้  เร็นก็ไม่ต้องการจะยุ่งกับกริดแต่แรกแล้ว  ทว่ากริดคืออุปสรรคที่มันไม่อาจเลี่ยงได้เลยถ้าหากต้องการขึ้นเป็นกษัตริย์  ในขณะที่องค์ชายเร็นกำลังสั่นระริก  กริดก็ตกตะลึงในบางสิ่ง

       "อะไรกัน...?  นี่แกทนมันได้งั้นหรือ?"

       โลหิตกรีดร้องคือทักษะที่ใช้มานาสูงมาก  ระยะหน่วงนาน  แถมยังอันตรายเพราะไม่แบ่งแยกมิตรหรือศัตรู  แต่กริดก็เลือกใช้มัน  เพราะสิ่งนี้สามารถสำแดงพลังอำนาจของผู้เหนือกว่าได้ประจักษ์ชัดที่สุด  ทว่าดูเหมือนชักสเล่ย์จะต้านทานมันได้  หมอนี่มีค่าต้านทานอยู่ระดับเดียวกับมอนสเตอร์บอสรึไงนะ?

       "ฉันไม่ยอมจำนนต่อของเด็กเล่นแบบนี้หรอกน่า!"

       ชักสเล่ย์รีดเร้นพลังใจทั้งหมดออกมาต้านทานโลหิตกรีดร้องของยารุกต์  ทำให้การโจมตีของกริดที่หวังจะฉวยโอกาส  กลับต้องถูกชักสเล่ย์ปัดป้องไว้ได้  ชักสเล่ย์ไม่รีรอ  มันโจมตีสวนกลับทันที  ทิศทางดาบของชักสเล่ย์เป็นไปอย่างเรียบง่าย  ยารุกต์สามารถอ่านออกได้ไม่ยาก

       เคร้งง!

       ดาบของชักสเล่ย์และยารุกต์ปะทะกันจนเกิดฝุ่นตลบ  สองสายตามองประสานกันลอดหว่างดาบ  สีหน้าของชักสเล่ย์กำลังแสยะยิ้มอย่างมีชัย  ส่วนทางด้านชายหนุ่มกลับไม่ค่อยสู้ดีนัก

       กริดพลันตะลึงไปเล็กน้อย  เพราะศัตรูดันแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้พอสมควร

       'หมอนี่เป็นใครกัน?'

       วิชาดาบแปลกประหลาด  แถมค่าต้านทานก็ยังสูงกว่าเอ็นพีซีทั่วไป  แม้ทางดาบจะเรียบง่าย  แต่กลับแฝงไว้ด้วยพลังทำลายอย่างเต็มเปี่ยม  นับว่าเก่งกว่าที่กริดคาดไว้มาก

       'นี่เป็นครั้งแรกเลยสินะ'

       รอบตัวกริดมีแต่อัจฉริยะเต็มไปหมด  หากไม่นับตัวกริดเอง  แม้กระทั่งจู๊ดก็ยังถูกนับให้เป็นอัจฉริยะในเส้นทางของตน  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  สองอัจริยะดาบที่สนิทชิดเชื้อกับกริดอย่างมาก  ปิอาโร่และไอเบลลิน  สองคนนี้มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ

       การคาดเดาทิศทางโจมตีได้ยาก  ทั้งไอเบลลิ้นและปิอาโร่คืออัจฉิรยะในด้านนี้  พวกเขาจะใช้การโจมตีแปลกประหลาดพิสดารเพื่อทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถจับทางได้  แต่กับชักสเล่ย์ล่ะ?  หมอนี่ไม่มีเลยสักนิด  มันซื่อสัตย์ต่อพื้นฐานจนไม่เปิดช่องว่างให้เห็น  

       วิชาดาบชนิดนี้คือของแสลงสำหรับกริดมากที่สุด  เพราะคนๆ นี้ไม่มีจุดอ่อน  กริดที่บกพร่องในพื้นฐานดาบ  เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์แห่งพื้นฐาน  ผลก็คือ  เขาได้แต่ตั้งรับอยู่ฝ่ายเดียว

       เคร้ง!  เคร้ง!

       'นี่มัน...'

       ยิ่งประดาบด้วย  กริดก็ยิ่งเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของชักสเล่ย์ได้ดีขึ้น  แม้ตนจะมีข้อได้เปรียบด้านความเร็ว  แต่เขาก็ไม่มีโอกาสใช้มัน

       'อยากเห็นรายละเอียดค่าสถานะของเจ้านี่จังแฮะ'

       กริดอยากจะสลับดาบแห่งลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่ออกมาส่องรายละเอียดเสียเหลือเกิน  บางทีชักสเล่ย์อาจเป็นเอ็นพีซีพิเศษก็ได้  แต่กริดก็ไม่มีโอกาสทำเช่นนั้น

       เคร้ง!

       ทางดาบที่เรียบง่าย  แต่ทรงพลังและรวดเร็ว  ได้สร้างแรงกดดันให้กริดต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ       

       "ทำได้เยี่ยมมาก!  เซอร์ชักสเล่ย์!"

       องค์ชายเร็นตะโกนอย่างดีใจเมื่อผลของโลหิตกรีดร้องหมดลง  มันรีบยืนขึ้นและได้เห็นชักสเล่ย์กำลังถือครองความได้เปรียบเหนือกริด

       "กริด  นี่คือผลของความโอหังที่แกไม่รู้จักเจียมตัวยังไงล่ะ!"

       คิดว่าตนเองเป็นใครกัน  ถึงกล้าเผชิญหน้ากับกองทัพจำนวน 5,000 คนตามลำพัง? ด้วยความโง่เขลาของกริดในครั้งนี้  องค์ชายเร็นจึงมั่นใจมากว่า  กองทัพของตนจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ

       "ฆ่ามัน!  ฆ่ากริดแล้วรีบทำลายเรย์ดันให้พินาศ!"

       ในขณะที่องค์ชายเร็นตะโกนขึ้นอย่างตื่นเต้น  บันนี่บันนี่ก็กำลังสบถอย่างหัวเสียจากระยะไกล

       'ชิ!'

       เดิมที  ตัวเอกของบันนี่บันนี่คือฮูเร็น  แต่เจ้านั่นก็พ่ายแพ้ให้กับชาวนาอย่างหมดรูปไปเรียบร้อยแล้ว  บันนี่บันนี่จึงพยายามเปลี่ยนตัวเอกมาเป็นกริด  แต่ว่า...

       'กริดก็ดันแพ้ให้ชักสเล่ย์อีก!'

       บันนี่บันนี่ไม่ต้องการเช่นนี้เลย  เขาต้องการให้ตัวเอกของตนโค่นล้มศัตรูที่แข็งแกร่งลงได้  แต่ดูเหมือนสถานการณ์ตรงหน้า  ความหวังของกริดไม่มีเหลืออีกแล้ว  ในขณะที่บันนี่บันนี่กำลังหงุดหงิด  เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นที่ข้างหู

       "กองทัพแดนเหนือส่วนใหญ่ยังรอดชีวิตอยู่  ดูเหมือนพวกเราจะมาทันเวลาสินะ"

       "...!"

       บันนี่บันนี่เป็นถึงคลาสนักลอบสังหารระดับสอง  การที่จะมีใครสักคนเข้ามาใกล้ได้โดยที่ไม่รู้ตัว  ผู้นั้นต้องเป็นแร้งเกอร์ระดับหัวแถวของโลกเท่านั้น  แถมเสียงที่ดังขึ้น  เขาก็จดจำได้อย่างดีว่าไม่ใช่เสียงของผู้เล่นธรรมดา

       "น--นาย...!"

       เมื่อบันนี่บันนี่หันไป  เขาก็ต้องพบกับความตกตะลึง  ชายคนนี้ขึ้นชื่อในด้านรูปลักษณ์ที่สง่างาม  ลอเอลผู้มีเส้นผมสีเงินปลิวไสว  อดีตหนึ่งในสิบรุคกี้อันแสนโด่งดัง  ตัวแทนนักกีฬาทีมชาติสหรัฐอเมริกา  และมือขวาผู้เป็นมันสมองให้กริด

       ดวงตาของบันนี่บันนี่พลันเปล่งประกายทันทีที่ได้พบคนดัง  ส่วนลอเอลก็แสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย

       "เป็นเกียรติที่ได้พบกับบันนี่บันนี่ผู้โด่งดังของวงการทีวี  นายกำลังถ่ายทอดสดอยู่รึเปล่า?"

       "ม--ไม่มีทาง!  ถ้าทำแบบนั้นคงเกิดปัญหาลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์ตามมาแน่  ฉันแค่อัดวิดีโอไว้"

       "อา...  ฉันดีใจที่นายไม่ใช่คนโง่  เอาไว้นายคิดเผยแพร่เมื่อไร  อย่าลืมติดต่อหาฉันเรื่องส่วนแบ่งด้วยก็แล้วกัน"

       "ด--ได้  ไม่มีปัญหา  ฉันจะพยายามไม่ลืม"

       จากประวัติ  ลอเอลมีอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น  แต่บันนี่บันนี่ที่แก่กว่าถึงเจ็ดปีกลับต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนเมื่ออยู่ต่อหน้าชายคนนี้  ดูเหมือนพลังอำนาจในยุคใหม่จะตกเป็นของผู้ที่ถือครองเงินตราและสติปัญญา

       "ท่านเอิร์ลอเอล  ทหารทุกนายพร้อมแล้ว"

       ชายผมทองคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นถัดจากลอเอล  เขาเป็นเอ็นพีซีที่ชื่อเหนือศีรษะเขียนไว้ว่า  อัสโมเฟล  ที่ด้านหลังยังมีทหารอีกราว 1,000 นายกำลังยืนระดมพลด้วยระเบียบวินัยขั้นสูงสุด  จิตสังหารที่แผ่ออกมาจากสีหน้าของทหารแต่ละนายนั้นยากจะหยั่งถึง  ดูราวกับเป็นกองทัพปีศาจมากกว่าทหาร  โดยเมื่อนำไปเทียบกับกองทัพอีเทอนัลผู้โด่งดังซึ่งคัดมาเฉพาะหัวกะทิแล้วล่ะก็  ดูเหมือนทัพหลวงของอีเทอนัลจะเป็นได้เพียงเด็กหัดจับอาวุธเท่านั้น    

       'ทหารพวกนี้... หมายความว่ายังไง?'
       
       บันนี่บันนี่นึกชื่นชมพวกเขาทันทีตั้งแต่แรกเห็น  ตนไม่เคยคิดมาก่อนว่า  กริดจะสร้างกองทัพที่ทรงพลังมากขนาดนี้ขึ้นมาได้

       'แม้กระทั่งด้านกำลังทหาร  กริดก็ยังทำได้ดีงั้นหรือ?'

       ยิ่งได้รู้จัก  ดูเหมือนกริดก็จะยิ่งเป็นตัวตนที่ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ   แต่แล้วมันยังไงล่ะ?  สถานการณ์สนามรบไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด  กริดยังถูกกองทัพจำนวน 5,000 ล้อมไว้  บันนี่บันนี่รีบหันกลับไปจับภาพกริดอีกครั้ง

       กริดยังคงดวลกับชักสเล่ย์อยู่  ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ  ชักสเล่ย์ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายถือครองความได้เปรียบอยู่เล็กน้อย  เนื่องจากเขาไม่เปิดช่องว่างให้กริดโจมตีเข้าไปได้เลย  แต่กริดเองก็สามารถกลบจุดเสียเปรียบได้ด้วยความเร็วที่เหนือกว่า

       ปัญหาหลักก็คือ  ทหารจำนวน 5,000 นายในบังคับบัญชาขององค์ชายเร็น

       'เมื่อใดที่ทหารเหล่านั้นเริ่มลงมือ...'

       สมดุลการดวลนี้จะพังลง  และนั่นคือจุดจบของกริด  บันนี่บันนี่หันไปถามลอเอลด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด

       "ลอเอล  นายไม่เข้าไปช่วยกริดหรือ?"

       ลอเอลยังคงมีท่าทีผ่อนคลาย  เขายืนมองการต่อสู้ของกริดและชักสเล่ย์ผ่านผงฝุ่นที่คละคลุ้ง  หลังจากนั้นก็แสยะยิ้ม

       "นายยังไม่รู้จักกริดดีพอ"

       แรกเริ่มเดิมที  จุดแข็งของกริดก็ไม่ได้อยู่ที่ฝีมือดาบอยู่แล้ว

       "ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ  ว่าทำไมกริดถึงกำลังเล่นสนุกอยู่ด้วยการใช้เพียงฝีมือดาบ  แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไป  อัศวินที่ชื่อชักสเล่ย์คนนั้น  ถึงแม้จะแข็งแกร่งก็จริง  แต่ก็ยังห่างไกลกับคนที่กริดเคยต่อสู้ด้วยมาก  ฉันพูดถูกต้องไหม?  เซอร์อัสโมเฟล"

       "ขอรับ  ศัตรูในคราวนี้ยังห่างชั้นอยู่มาก"

       'กำลันเล่นสนุก?  นักดาบผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นยังห่างชั้นอยู่มาก?'

       บันนี่บันนี่แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน  เขาคิดว่าทั้งอัสโมเฟลและลอเอลคงเสียสติไปแล้วแน่  แต่ทันใดนั้นเอง

       "อ๊ากกกกกกก!"

       เกิดเสียงร้องครางดังลั่นไปทั่วผืนทะเลทราย  นั่นต้องเป็นเสียงของกริดแน่นอน!  บันนี่บันนี่ที่กำลังตื่นเต้นได้รีบหันกลับไปจับภาพและซูมเข้าไป

       "ป--เป็นไปไม่ได้!"

       เขาพลันนิ่งอึ้งไปพักใหญ่  นักดาบผู้ยิ่งใหญ่  ชักสเล่ย์  ผู้ที่ถือครองความได้เปรียบเหนือกริดมาโดยตลอด  ยามนี้  มันเพิ่งจะได้รับบาดแผลใหญ่กลางหน้าอกจนเลือดพุ่งกระฉูด

       "ลงมือได้"

       ลอเอลหันไปให้สัญญาณ  อัสโมเฟลจึงตะโกนขึ้นอย่างแข็งขัน

       "ขึ้นสาย!"

       ทหารของเรย์ดันทำการจัดขบวนใหม่อย่างกระฉับกระเฉงบนพื้นผิวทะเลทราย   หลังจากนั้นก็นำธนูออกมาและง้างไปด้านหลัง

       'พวกเขาคิดจะทำอะไร?'

       บันนี่บันนี่ได้แต่เคลือบแคลงสงสัย  ระยะห่างระหว่างจุดนี้กับสนามรบมีมากถึง 300 เมตร  ซึ่งถือว่าไกลเกินไปสำหรับระยะยิงของพลธนู  หรือต่อให้มีนัดไหนที่โชคดีลอยเข้าไปถึงศัตรู  แต่พลังทำลายก็คงเบาลงไปมากแล้ว  

       ทว่า... ทหารของเรย์ดันมีความลับซ่อนอยู่  นั่นคือพลังแห่งไอเท็ม  คันธนูและลูกธนูที่ผลิตขึ้นโดยข่าน  ช่างตีเหล็กขั้นสูงเลเวลแปด  ย่อมแตกต่างจากคันธนูทั่วไปอย่างเทียบไม่ติด  แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากมีพลังของลอเอล  ชี่กงมาสเตอร์  ช่วยส่งเสริมเข้าไปอีกแรง?

       "มังกรวายุคำราม!"

       ฟ้าววววว!!

       ลมตะวันตกอันเกรี้ยวกราดเริ่มพัดผ่านผืนทะเลทรายเข้าไปทางสนามรบ

       "ยิง!"

       ฟุ่บ! ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!

       ลูกศรจำนวน 1,000 ดอกถูกยิงเข้าไปในสมรภูมิรบ  ทหารของกองทัพหลวงที่กำลังสนใจกริด  พวกมันจึงไม่ทันระวัง  ห่าฝนธนูได้สาดเทลงจากท้องฟ้าและคร่าชีวิตไปมากมาย

       "ส--สุดยอด..."

       บันนี่บันนี่พลันสั่นระริก  เป็นครั้งแรกที่มันเคยเห็นฉากสงครามที่น่าขนลุกเช่นนี้  กองทัพทหารจำนวน 1,000 ต่างเลเวลอัพพร้อมกันทันทีที่สังหารศัตรูได้  เสาลำแสงสีขาวได้อาบร่างของพวกเขาอย่างพร้อมเพรียง

Comments

  1. สนุกมาก ขอบคุณครับ

    ReplyDelete
  2. แล้วก็คงพากันเปลี่ยนชุดเกราะพร้อมกันยกเซ็ท 555

    ReplyDelete
  3. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete
  4. บอกแล้วว่าเหมือนเอาเวลมาส่งเขาอะ

    ReplyDelete
  5. นี่ยังไม่ได้เรียกรวมกิลเลย 555+

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00