จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 340



       ฝึก! ฝึก! ฝึก! แล้วก็ฝึก!  การฝึกนรกมีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกวันโดยไม่มีทีท่าว่าจะจบลง  ทหารของเรย์ดันไม่อาจเข้าใจได้เลย  ว่าทำไมพวกตนต้องฝึกมากมายขนาดนี้ด้วย

       "ฉันก็รู้อยู่หรอกนะ  ว่าพวกเราต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้เพื่อปกป้องบ้านเกิด  แต่นี่มันไม่หนักเกินไปหน่อยหรือ?  ทันทีที่พวกเราชินกับการฝึกนรก  การฝึกรูปแบบใหม่ที่โหดร้ายกว่าเดิมก็จะเกิดขึ้น  และทันทีที่เราเริ่มชินกับมัน  การฝึกที่เหนือกว่าเดิมก็จะโผล่มาอีก  เป็นเช่นนี้ไม่รู้จบสิ้น"

       "ฉันไม่คิดว่าจะมีกองทัพไหนบนโลกที่ฝึกหนักเท่าพวกเราอีกแล้วนะ"

       "ทหารราบด้านหลังเริ่มโอดครวญกันแล้ว  ระดับการฝึกของพวกเราอยู่เหนือทหารทั่วไปมากแค่ไหนกันนะ?"

       "นี่มันการฝึกระดับหน่วยรบพิเศษแล้ว!  ทำไมพวกเราถึงต้องซ้อมปีนกำแพงโดยไม่ใช้บันไดด้วย?"

       "ฉันไม่ชอบการฝึกกับหนอนยักษ์เอาเสียเลย  บนผืนทรายของเรย์ดัน  ยิ่งออกแรงวิ่งมากแค่ไหนก็ยิ่งเหมือนอยู่กับที่  ไม่ต่างอะไรกับแฮมสเตอร์ที่วิ่งอยู่บนลู่เลยสักนิด  และทันที่ต้องเผชิญหน้ากับหนอนยักษ์  ฉันพลันขนลุกซู่ไปหมด..."

       "แล้วการฝึกธนูนั่นอีก  ไม่แปลกไปหน่อยรึไง?  ให้พวกเราซ้อมยิงนกเนี่ยนะ?  ทำไมทหารราบต้องยิงธนูเป็นด้วย?"

       "ฉันไม่เข้าใจเรื่องที่พวกเราต้องไปทำฟาร์มมากกว่า  นั่นมันเข้าข่ายใช้แรงงานโดยมิชอบแล้วนะ  แทนที่พวกเราจะได้ฝึกการต่อสู้"

       "เฮ่อ...  ทำไมท่านดยุคต้องมอบบททดสอบแสนสาหัสขนาดนี้ให้พวกเราด้วย?"

       ทหารของเรย์ดันทุกคนเคยรักและเคารพในตัวกริดมาก  สิ่งนั้นไม่ใช่คำกล่าวเกินจริงเลยสักนิด  ดยุคกริด  ชายผู้มากอบกู้เรย์ดันอันรกร้างที่กำลังจะแห้งตาย  สำหรับชาวเรย์ดันทุกคน  กริดคือเจ้าชีวิตที่พวกเขายอมตายแทนได้

       แต่ความคิดเหล่านั้นก็เริ่มเจือจางลง  เมื่อยิ่งพบเจอกับการฝึกนรกมากขึ้นเท่าใด  ความเกลียดชังในตัวกริดก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น  สิ่งนี้เป็นเรื่องปรกติและเข้าใจได้  

       ทหารของเรย์ดันได้รับการฝึกโหดขนาดไหนน่ะหรือ?

       ปิอาโร่และอัสโมเฟลฝึกฝนพวกเขาในระดับเดียวกับกองอัศวินทมิฬ  หน่วยรบอันดับสองแห่งจักรวรรดิซาฮารัน  ความเข้มข้นของการฝึกจึงไม่อาจเทียบได้กับทหารทั่วไป  ก่อให้เกิดความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจในระดับที่ทหารทั่วไปยากจะทนไหว

       แต่พวกเขากลับผ่านมาได้อย่างน่าอัศจรรย์

       เพราะอะไรน่ะหรือ?

       ปิอาโร่และอัสโมเฟล

       ทั้งหมดต้องยกความดีความชอบให้กับสองคนนี้  อดีตสองเสาหลักแห่งจักรวรรดิอันเกรียงไกร

       ***

       "ขึ้นสาย!"

       ลมตะวันตกอันเกรี้ยวกราดเริ่มพัดผ่าน  ทหารเรย์ดันทุกคนดึงสายรั้งไปด้านหลังอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่เกิดข้อผิดพลาด  ดวงตาแน่วแน่มั่นคงที่เกิดจากการฝึกนรก  สมาธิของทุกนายล้วนเต็มเปี่ยม  

       ยามนี้  ดยุคกริด  เจ้าชีวิตของพวกเขา  ชายที่สามารถสั่งให้พวกตนไปตายตอนไหนก็ยังได้...  เขากลับกำลังเสี่ยงชีวิตอยู่ตามลำพังท่ามกลางดงศัตรูกว่า 5,000 คน

       "ยิง!"

       ฟุ่บ! ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!

       ทหารทั้งพันคนปล่อยลูกศรออกไปอย่างพร้อมเพรียง  ไม่มีใครก่อความผิดพลาดขึ้นแม้แต่นิดเดียว  ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างไร้ที่ติ  ทั้งสายฝนธนูและสายลมตะวันตกที่พัดพาพวกมันไป

       ฉึก! ฉึกฉึกฉึกฉึกฉึก!

       "อ๊ากกก!"

       "อึ๋ย!"

       ข่าน  ช่างตีเหล็กขั้นสูงเลเวลแปด  ผู้สืบสายเลือดโดยตรงจากอัลบาติโน่  เพื่อนและลูกศิษย์ของกริด  ทุกสิ่งได้หล่อหลอมให้ธนูที่เขาสร้างขึ้นเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายมหาศาล

       ลูกศรที่บินข้ามผ่านทะเลทรายได้ไกลถึง 300 เมตรและสามารถคร่าชีวิตทหารกองทัพหลวงได้

       "อีกครั้ง!"

       ทหารของเรย์ดันต่างเลเวลอัพจนเกิดเป็นเสาลำแสงสีขาว  พวกเขาดึงสายธนูกลับไปด้านหลังอีกครั้งด้วยค่าเรี่ยวแรงและพละกำลังที่เพิ่มขึ้น  

       เงาลางความห้าวหาญของกริดได้สลักอยู่บนดวงตาอันมุ่งมั่นของทหารทุกนาย

       'ท่านดยุคกริด...'

       'นี่คือเหตุผลที่ท่านฝึกฝนพวกเราอย่างหนักใช่ไหมขอรับ...'

       'เพราะท่านรู้ว่ากำลังจะมีศัตรูรุกราน...'

       'วิสัยทัศน์ของนายท่านช่างกว้างไกลยิ่งนัก!  กระผมขอถวายทั้งชีวิตนี้ให้โดยไม่คิดลังเล'

       และนับแต่นี้ไป

       การถูกองค์ชายเร็นรุกรานอย่างไม่คาดคิด  ได้ส่งผลดีอย่างมากต่อขวัญกำลังใจทหารที่เกิดความเข้าใจผิด  พวกเขาเปี่ยมไปด้วยไฟแห่งความศรัทธา  ดวงตาลุกโชนด้วยความจงรักภักดี

       'ท่านดยุคนำตนเองเข้าสู่ใจกลางสมรภูมิเพื่อไม่ให้ใครต้องบาดเจ็บ!'

       'ความสุดยอดของท่าน  กระผมมิอาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้'

       'ชั่วชีวิตที่เหลือของกระผม  ขอถวายแด่ท่านแต่เพียงผู้เดียว'

       นับตั้งแต่กลายเป็นทหารและเริ่มฝึกกับจู๊ดเป็นต้นมา  สงครามคราวนี้คือหนแรกในสนามรบของพวกเขา  ทหารแห่งเรย์ดันได้อุทิศกายใจให้กริดจนหมดสิ้น  ขวัญกำลังใจกองทัพเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด  ส่งผลต่อทักษะการโจมตีทุกชนิด

       "ยิง!"

       ฟุ่บ! ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!

       เมื่อสิ้นเสียงอัสโมเฟล  ฝนธนูก็ถูกยิงออกไปอีกครั้ง

       ฉึก! ฉึกฉึกฉึกฉึก!
       
       "อึก!"

       "อ๊ากกก!"

       ทหารของกองทัพเรย์ดันยังคงเลเวลอัพไม่หยุด  ทัพหลวงสูญเสียไพร่พลมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเวลาผ่านไป

       "เกิดอะไรขึ้น?"

       องค์ชายเร็นพลันหวาดผวาอย่างหนัก  เพราะทหารทั้ง 5,000 ที่ล้อมโจมตีกริดไว้ได้ถูกฝนธนูลอบโจมตีละลอกแล้วละลอกเล่า  แรงกระเพื่อมของสงครามพลันเปลี่ยนฝั่งทันที  คนๆ เดียวสามารถสำแดงพลังอำนาจได้มากขนาดนี้เชียวหรือ?

       ***

       เฟอเรลล์  แม่ทัพพลธนูของอาณาจักรอีเทอนัล  มันพลันต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น

       'อย่าบอกนะว่า  ทหารทั้งหมดนั่นเป็นพลธนู?'

       ทหารทั้ง 1,000 คนของเรย์ดันได้ยิงธนูจากระยะ 300 เมตรอย่างแม่นยำ  ไม่มีทางที่ทหารราบจะกระทำสิ่งนี้ได้แน่  หรือต่อให้เป็นพลธนู  ก็ต้องใช้เวลาฝึกอย่างน้อยสิบปีเพื่อจะแสดงพลังเช่นนี้ออกมาได้

       เฟอเรลล์ขมวดคิ้วอย่างสับสน

       'เรย์ดันเป็นเมืองที่ตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?'

       เรย์ดันมีประชากรแค่ 20,000 คน  แถมกริดยังปกครองได้เพียง 16 เดือนเท่านั้น  แต่กลับมีพลธนูมือหนึ่งจำนวนมากเช่นนี้ได้อย่างไร?  เป็นไปไม่ได้แน่  เฟอเรลล์ที่ฝึกฝนพลธนูมาทั้งชีวิตย่อมรู้ดีกว่าใคร

       'แถมยัง...'

       มันได้ยินมาว่า  เรย์ดันมีจำนวนทหารแค่ 1,000 คนเท่านั้น  จะบอกว่าทั้ง 1,000 ล้วนเป็นพลธนูเนี่ยนะ?  กริดต้องเสียสติไปแล้วแน่ที่ตัดสินใจทำเช่นนั้น  กองทัพที่ไร้ทหารราบ  ยอมเป็นกองทัพที่ไร้ประสิทธิภาพ

       'หรือว่า...!'

       ความคิดที่น่าขนลุกได้แล่นเข้ามาในหัวเฟอเรลล์ทันที

       'ทั้งหมดเป็นอัศวินงั้นหรือ?'

       ศาสตร์การยิงธนูเองก็ถูกบรรจุไว้ในแขนงหนึ่งของการฝึกอัศวิน  แถมถ้าเป็นเอ็นพีซีระดับอัศวินล่ะก็  ด้วยระยะเวลาเพียง 16 เดือนก็มากพอจะเพิ่มพูนฝีมือการยิงธนูให้มาถึงขั้นนี้ได้

       'เรย์ดัน… เป็นเมืองอะไรแน่กันเนี่ย?'

       มีอัจฉริยะจำนวนมากจนสามารถฝึกอัศวินได้ถึง 1,000 คนเชียวหรือ?  เฟอเรลล์ที่เข้าใจผิดไม่คิดรีรออีกต่อไป  มันรีบหยิบธนูที่เป็นมรดกตกทอดของตระกูลออกมากำไว้ในมือ

       "เรย์ดัน...!  ฉันจะทำลายกองทัพของพวกแกเอง!"

       เปรี้ยะ!  เปรี้ยะ!       

       เกิดประกายสายฟ้าขึ้นรอบคันธนูทันทีที่เฟอเรลล์เริ่มง้างมือ  หลังจานั้นไม่นาน  ลูกศรที่ดูเหมือนกับสายฟ้าได้พุ่งขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว

       เปรี้ยงงง!

       เปรี้ยง! เปรี้ยง!

       ท้องฟ้ากรีดร้องสนั่นหวั่นไหว  เกิดเป็นสายฟ้าฟาดขึ้นตลอดทางที่ลูกศรพุ่งผ่าน  ทหารทั้ง 1,000 นายของเรย์ดันไม่มีใครรู้ว่าจะต้องทำเช่นไร  เพื่อที่จะมีชีวิตรอดไปลูกธนูเวทย์มนต์ดอกนี้ได้

       "เชี่ย?"

       "เร็วมาก!"

       ทหารของเรย์ดันเคยผ่านการฝึกนรกจนเฉียดตายมานับไม่ถ้วนก็จริง  แต่นี่คือหนแรกที่พวกเขาคิดว่าคงไม่รอดแน่แล้ว  ในขณะที่ทุกคนกำลังหน้าซีดเผือด  มีใครบางคนได้เดินมายืนขวางไว้ที่ด้านหน้า  เพื่อรับศรสายฟ้าแทนพวกเขา

       ผ้าคลุมสีแดงสดพลันสะบัดไหววูบวาบ  อัสโมเฟล  เขาชักดาบยาวคู่กายที่เคยใช้ตั้งแต่สมัยยังเป็นอัศวินสีชาดออกมาถือ  หลังจากนั้นก็ทำการวาดดาบไปบนอากาศราวกับกำลังเขียนตัวหนังสือบางอย่าง

       และผลก็คือ...

       เปรี้ยงงงงงงง!

       "ได้ไงกัน?"

       เฟอเรลล์มีสายตาที่แหลมคมดุจดั่งเหยี่ยว  มันจึงมองเห็นได้ในระยะที่ไกลมาก  เฟอเรลล์พลันช็อคไปทันทีที่รู้ว่าศรสายฟ้าของตนถูกหยุดไว้ด้วยดาบ

       'แม้แต่กัปตันชักสเล่ย์ก็ยังไม่อาจรับท่านี้เข้าไปตรงๆ ได้...'

       เฟอเรลล์แสดงสีหน้าตกตะลึงพร้อมกับแววตาที่เหม่อลอย

       "งั้นลองนี่หน่อยเป็นไง!"

       พลธนูที่ยิงไม่โดนคือพลธนูที่ไร้ค่า  เฟอเรลล์ผู้หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีของมือธนูอันดับหนึ่งแห่งอีเทอนัล  มันยิงศรออกไปอีกครั้งด้วยทักษะที่รุนแรงและรวดเร็วกว่าเดิม

       ฟ้าววววว!

       แม้จะเกิดเสียงสายฟ้าฟาดตลอดทาง  แม้ลูกศรจะมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ใบหน้าของอัสโมเฟล  แต่ชายผู้นี้  อัสโมเฟล  กลับกำลังแสยะยิ้มอย่างมีความสุข  ในที่สุด  เขาก็มีโอกาสได้พิสูนจ์ตนเองกับดยุคกริดเสียที  ในที่สุดก็มีโอกาสได้แสดงความสามารถในฐานะนักรบ  หลังจากที่ก่อนหน้านี้  ผลงานของตนมีเพียงแค่ฝึกทหารกับโกยเหรียญทองในวาติกันเท่านั้น

       อัสโมเฟลต้องการแสดงฝีมือให้สมกับเป็นกัปตันกองอัศวินแห่งดยุคกริดมานานแล้ว  เขาเริ่มทำการปลดปล่อยออร่าสีชาดออกมาพร้อมกับใช้ดาบรับศรสายฟ้าอันทรงพลังไว้  หลังจากนั้น  อัสโมเฟลก็ประกาศกร้าวอย่างกึกก้อง

       "ฉันจะตัดหัวมือธนูคนนั้นเอง!"

       ฟุ่บ!

       ในขณะที่อัสโมเฟลกำลังจะวิ่งเข้าไปประจัญบานกับกองทัพศัตรูเพื่อตัดหัวมือธนูผู้เก่งกาจ    

       "ธนูนั่น… น่าสนใจดีนี่!"

       หากจะระบุให้ชัด  กริดไม่ได้สนใจธนู  แต่เป็นวัสดุที่ใช้สร้างคันธนูมากกว่า  ความโลภในใจได้ทำให้กริดผละออกจากชักสเล่ย์และปรี่เข้าหาเฟอเรลล์

       อัสโมเฟลอยากร่ำไห้

       "นายท่าน!  ขอโอกาสให้กระผมแสดงฝีมือด้วย!"

       แต่เสียงของอัสโมเฟลก็ส่งไปไม่ถึงกริด  เพราะกองทัพหลวงกำลังอื้ออึงจากความโกลาหนที่เกิดขึ้น

       ฉึก!

       "แค่ก...!"

       เฟอเรลล์ที่สนใจแต่อัสโมเฟลมาตลอด  มันจึงไม่ได้รู้ตัวเลยว่า  กริดผละออกมาจากชักสเล่ย์แล้วหันมาโจมตีตนแทน  เฟอเรลล์ต้องผงะไปเมื่อเห็นเลือดไหลออกมาเป็นทาง  กริดไม่รอช้า  เขารีบโจมตีซ้ำเข้าไปทันที

[ คริติคอล! ]
[ เอฟเฟคของ<ยารุกต์>แสดงผล  เป้าหมายจะได้รับการฟื้นฟูน้อยลง 50% ]

[ คริติคอล! ]
[ เอฟเฟคของ<ยารุกต์>แสดงผล  เป้าหมายจะตกอยู่ในอาการ<เลือดออก>เป็นระยะเวลาสามวินาที ]

[ ท่านสำเร็จสามคอมโบ ]
[ อาการ<เลือดออก>จะส่งผลรุนแรงที่สุด  ศัตรูจะถูกโจมตีแรงขึ้นสองเท่าเป็นระยะเวลาหนึ่งวินาที ]

       'ตอนนี้แหละ!'

       ดวงตาของกริดเป็นประกายทันทีที่เห็นข้อความระบบแสดงขึ้นหลังจากโจมตีเอ็นพีซีพิเศษที่มีพลังชีวิตสูง

       "วิชาดาบแพ็กม่า… ทำลายล้าง"

       ฉัวะ!

       <ทำลายล้าง>ถูกฟาดลงมาเป็นเส้นตรงผ่านกลางหน้าอกเฟอเรลล์  เลือดของมันไหลกระฉูดประหนึ่งน้ำพุ  ภาพที่เฟอเรลล์มองเห็นตอนนี้  มีเพียงร่างของกริดที่กำลังง้างเตรียมฟันดาบต่อไปซ้ำเข้ามา

[ ท่านสำเร็จห้าคอมโบ! ]
[ ศัตรูจะสูญเสียความสามารถในการคิดคำนวนเป็นเวลา 0.3 วินาที  ท่านสามารถใช้ทักษะ<ดาบขุมนรก>ได้ในหนึ่งครั้ง ]

       เพียงพริบตาเดียวที่เฟอเรลล์ชะงักไปเพราะถูกเล่นงานอย่างหนัก

       "ดาบขุมนรก"

       ซ่าาาา!

       ซู่วว~~ ซู่วว~~

       ลำแสงสีแดง-ดำจำนวนหลายสิบเส้นได้แตกแขนงออกมาจากส่วนต่างๆ ของคมดาบยารุกต์  พวกมันทุกเส้นได้พุ่งเข้าเสียบร่างเฟอเรลล์อย่างรุนแรง

       ฉากตรงหน้านั้น...

       "เยี่ยมมาก!  ยอด!  มันต้องแบบนี้!!"

       เทคนิคการจับภาพของบันนี่บันนี่นั้นน่ายกย่อง  เขาสามารถสลับบันทึกภาพสำคัญของสงครามทั้งหมดได้อย่างไร้ที่ติ  พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของกริดจะถูกเผยให้คนทั้งโลกได้เห็นในไม่ช้านี้

       ในทางกลับกัน

       "เฟอเรลล์!"

       ชักสเล่ย์รู้สึกเจ็บแค้นมาก  ในระหว่างดวลฝีมือดาบกับกริดก่อนหน้านี้  อยู่ดีๆ กริดก็ใช้ทักษะออกมาจนทำให้มันได้รับบาดเจ็บ  แถมเมื่อครู่  เพื่อนรักยังถูกลอบโจมตีเพราะตนดันปล่อยให้กริดคลาดสายตาไป

       "ดาบผงาด!"       

       เป็นวิชาดาบแปลกประหลาดที่จะทำการแทงขึ้นมาจากด้านล่างอย่างรุนแรง  ชักสเล่ย์มั่นใจมากว่ากริดจะต้องถูกวิชานี้ดับชีวิตแน่นอน  แต่มันก็คิดผิด  เดิมที  เหตุผลที่กริดเสียเปรียบในช่วงแรก  เป็นเพราะคนทั้งสองดวลกันด้วยฝีมือดาบเพียงอย่างเดียว  ซึ่งกริดมีพื้นฐานในด้านนี้ต่ำ  ไม่เหมือนกับชักสเล่ย์  

       แต่ในวินาทีที่ชักเล่ย์ตัดสินใจใช้ทักษะ  มันก็ได้ละทิ้งจุดแข็งเดียวที่มีอยู่ไปแล้ว  

       "วิชาดาบแพ็กม่า...  สังหาร"

       เปรี้ยงงงง!

       กริดถูกแทงเข้าที่หน้าอก  ส่วนชักส์เล่ย์ถูกดาบของกริดเสียบเข้าที่เอว  ความแตกต่างนี้ดูเผินๆ เหมือนจะชัดเจนแล้วว่า  กริดเป็นฝ่ายเสียเปรียบ  เพราะเขาถูกโจมตีเข้าที่จุดตาย

       "ยอดมาก!"

       "นายท่าน!!"

       ทางองค์ชายเร็นและทหารกองทัพหลวงต่างส่งเสียงดีใจ  ส่วนอัสโมเฟลและทหารเรย์ดันต่างหน้าถอดสี  แม้แต่บันนี่บันนี่เองก็ยังมีสีหน้าหมองหม่น  

       ทว่ามีอยู่หนึ่งคนที่กำลังแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย  ลอเอล

       "จับแกได้แล้ว"

       กริดใช้มือคว้าคอชักสเล่ย์ไว้

       "จุดแข็งของกริดไม่ใช่ฝีมือดาบหรอกนะ"

       ลอเอลหยักไหล่อย่างผ่อนคลาย  แรกเริ่มเดิมที  กริดก็ไม่ได้มีฝีมือดาบเป็นจุดขายอยู่แล้ว

       "แต่เป็นพลังแห่งไอเท็มต่างหาก"
       
       ถูกโจมตีจุดตายแล้วยังไง?  ก็แค่สวมเกราะที่สามารถลดทอนความเสียหายได้หลายส่วน  ไม่สามารถโจมตีโดนศัตรูแล้วยังไง?  ก็แค่เลือกใช้อาวุธที่สามารถเอาชนะศัตรูได้ก็พอ
       
       ซู่ววว!

       ซู่ว ซู่ว ซู่ว!

       ชักสเล่ย์ที่ถูกคว้าคอไว้  เพียงพริบตาเดียวได้ถูกล้อมด้วยฝ่ามือสีทองจากทุกทิศทาง  และยามนี้  หัตถ์เทวะกำลังรวบรวมพลังเวทย์สีขาวที่สามารถสะกดทั้งสนามรบ

Comments

  1. สุดยอดขอบคุณมากครับ

    ReplyDelete
  2. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete
  3. ขอบคุณที่แปลครับ

    ReplyDelete
  4. สงสารอัสโมเฟลไม่ได้สร้างผลงานเพิ่มสักที 555

    ReplyDelete
    Replies
    1. วิ่งสุดขีดอ่ะ.. 555+

      Delete
  5. ช่างน่าสงสารรร หลายๆคน 555555

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00