จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 334
'สองคนนั้นเข้ากันได้ไม่เลว'
ปิอาโร่คือชายที่ชอบให้คำแนะนำผู้อื่น ไม่มีใครในอดีตสมาชิกเซดาก้าห์ที่ไม่เคยถูกปิอาโร่สอนสั่ง ส่วนรอยแมนก็มุ่งมั่นจะพัฒนาตนเองเสมอ หากได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน มีแต่จะเกิดผลดีตามมา
'แต่ได้โปรดเถิด... อย่าทำให้รอยแมนกลายเป็นชาวนาไปอีกคนก็แล้วกัน'
เซ็ตกริดเกรดยูนีคมีเลเวลจำกัดอยู่ที่160 คุณภาพของมันยากจะหาสิ่งใดทัดเทียมได้ เซ็ตนี้เหมาะสมมากกับคนที่มุ่งจะพัฒนาตนเองเฉกเช่นรอยแมน ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ กริดหวังจะให้รอยแมนกลายเป็นนักรบที่พึ่งพาได้ในวันข้างหน้า
"ท่านดยุคขอรับ พวกเราขอตัวกลับแดนเหนือก่อน"
บนถนนระหว่างทางเดินกลับไปยังปราสาท อัศวินของเอิร์ลสไตมได้เข้ามาทักทายเพื่อกล่าวคำอำลา
"แล้วท่านพ่อตาล่ะ?"
กริดแปลกใจที่ไม่เห็นมาร์ควิสสไตมอยู่ในขบวนเดินทัพ เป็นลาเด็นที่ก้าวเท้าออกมาด้านหน้าและตอบคำถาม
"นายท่านต้องการอยู่เคียงข้างนายน้อย จึงขอพักอยู่ที่นี่ไปอีกสักระยะ แต่ตอนนี้ สถานการณ์ของดินแดนตอนเหนือยังคงมีความไม่สงบเกิดขึ้นอยู่ประปราย พวกเราจึงต้องรีบกลับไปก่อนเพื่อทำการแก้ไข คงต้องรบกวนท่านดยุคให้ช่วยคุ้มครองนายท่านด้วย"
"ฉันไม่สนที่นายพูดหรอกนะ แต่ถ้าสถานการณ์ของแดนเหนือไม่ค่อยสู้ดีจริง เหตุใดท่านพ่อตาถึงไม่กลับไปดูแลด้วยตนเอง?"
"ลำพังพวกเราก็เพียงพอสำหรับการแก้ไขปัญหาแล้ว ดังนั้น แม้จะไม่มีนายท่านก็ไม่เป็นอะไร"
'ท่านพ่อตาเองก็มีบริวารที่เชื่อใจได้เหมือนกันสินะ'
กริดพยักหน้าเบาๆ
"เข้าใจแล้ว พวกนายกลับไปได้ ส่วนความปลอดภัยของท่านพ่อตา ฉันจะดูแลให้เอง และถ้าหากมีปัญหาเกิดขึ้นในดินแดนตอนเหนือ นายสามารถติดต่อไปยังจู๊ดที่วินสตันได้ ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยมีความคิด แต่หมอนั่นก็แข็งแกร่งมาก ไม่เหมือนกับจอมมั่วซั่วอย่างนาย"
"...เข้าใจแล้วขอรับ ขอบพระคุณที่เป็นห่วง"
ลาเด็นและอัศวินคนอื่นต่างพากันถวายความเคารพกริดและเดินทัพกลับ การเคลื่อนพลครั้งนี้มีจำนวนทหารทั้งหมด1,000นาย เพราะต้องเหลือทหารระดับหัวกะทิไว้500นายเพื่อคอยคุ้มครองมาร์ควิสสไตมที่เรย์ดัน
"ยอมละทิ้งดินแดนเพียงเพื่อหลานชายคนเดียว... ช่างทำตัวไม่สมกับมาร์ควิสเอาเสียเลย"
กริดก็พูดไปอย่างนั้น แต่ความจริงแล้ว เขาสามารถเข้าใจหัวอกมาร์ควิสสไตมได้ดีกว่าใคร เพราะลอร์ดนั้นทั้งน่ารักและเฉลี่ยวฉลาดมาก
"รอก่อนนะลอร์ดลูกพ่อ! จะรีบไปหาเดี๋ยวนี้แหละ!"
กริดเร่งความเร็วขึ้น เขาอยากเห็นหน้าของบุตรชายใจจะขาด แต่เมื่อก้าวผ่านประตูปราสาทเข้าไป ลอเอลก็หันมาลำเชืองด้วยสายตาตำหนิ
"นายรู้รึเปล่าว่าตั้งแต่ลอร์ดเกิดมา งานของนายแทบไม่เดินเลยสักนิดเดียว"
"อ--อึก..."
กริดรู้อยู่แก่ใจ เพราะตั้งแต่ลอร์ดเกิดมา เขาก็ใช้เวลาเล่นอยู่กับลูกอย่างน้อยวันละสองชั่วโมง แรงจูงใจในการสร้างไอเท็มหรือล่ามอนสเตอร์ลดต่ำลงมาก ในกระที่กริดกำลังกระอักกระอ่วน ลอเอลก็ยิ้มให้
"แต่นายในตอนนี้ดูดีกว่าแต่ก่อนมากเลยนะ"
"เอ๋?"
กริดพลันสับสนทันที เพราะเขาคิดว่าจะถูกลอเอลบ่นชุดใหญ่เหมือนเคย
ลอเอลยังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
"ถือเป็นเรื่องดี ที่นายได้เรียนรู้วิธีการมอบความรักให้ใครสักคน สิ่งเหล่านี้จะทำให้นายเติบโตไปอีกขั้น"
ก่อนหน้านี้ กริดมีนิสัยที่ไม่ค่อยดีนัก ทั้งใจแคบ มองโลกในแง่ร้าย เห็นแก่ตัว ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นได้น่ะหรือ? นี่คือการคาดเดาจากลอเอล
'เพราะเขาถูกผู้คนดูแคลนเหยียดหยามมาโดยตลอด'
กริดมีความมั่นใจในตนเองต่ำมาก แถมโลกแคบ เห็นแก่ตัวเกินกว่าที่ควรจะเป็น กริดไม่รู้จักวิธีอยู่ร่วมกับผู้อื่นเลยแม้แต่นิดเดียว… ในอดีต ถ้าหากลอเอลไม่สั่งให้กริดออกจากเซดาก้าห์ กริดก็คงไม่พัฒนานิสัยตนเองแน่ ยังคงเป็นคนเห็นแก่ตัวและเอาแต่ริษยาผู้อื่นอยู่ร่ำไป
แต่ท้ายที่สุด กริดก็เติบโตขึ้นมาก นั่นเพราะได้เรียนรู้ถึงความรักที่มีต่อไอรีนและข่าน ความรักสองรูปแบบซึ่งหล่อหลอมให้คนเราได้รับมุมมองใหม่ การเป็นผู้ให้และผู้รับ ความรักระหว่างคนรัก ความรักระหว่างมิตรสหาย กริดเติบโตขึ้นจากความสัมพันธ์พื้นฐานที่มนุษย์ทั่วไปพึงมี
"ในอนาคต นายจะได้ปกครองผู้คนนับล้านและใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนกองภาษีมหาศาลที่ขูดรีดมาได้ไปจนตาย ดังนั้นเพื่อจะเป็นกษัตริย์ที่ดีและฉลาด สิ่งแรกที่ต้องเรียนรู้ คือการเป็นฝ่ายมอบความรักให้ผู้อื่นก่อน"
"..."
หากกริดเป็นผู้เล่นทั่วไป เขาคงคิดว่าลอเอลเสียสติไปแล้ว มอบความรัก? กษัตริย์ที่ดีและฉลาด? หมอนี่กำลังพูดบ้าอะไร?
'คิดว่าถ่ายหนังอยู่รึไง? นี่มันก็แค่เกม' คนเหล่านั้นจะต้องพูดเช่นนี้แน่
แต่สำหรับกริดแล้วไม่ใช่ ซาทิสฟายเป็นมากกว่าเกม มันคือแหล่งความมั่งคั่ง คือสถานที่ซึ่งสอนให้เขารู้จักความรัก คือสถานที่ซึ่งทำให้เขามีเพื่อนมากมาย คือสถานที่ซึ่งทำให้เขาได้เป็นพ่อคน… คือโลกแห่งความจริงอีกใบหนึ่ง
"ฉันเขาใจในสิ่งที่นายต้องการจะสื่อนะ แต่ประชาชนต้องมาก่อนไม่ใช่รึไง? พวกเราคงไม่มีทางรีดภาษีขึ้นให้สูงกว่าเดิมได้หรอกมั้ง?"
"ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่มีฉันอยู่ล่ะก็ เรื่องหลอกรีดภาษีประชาชนย่อมไม่มีปัญหา ก็อย่างที่นายรู้ ฉันเองก็ไม่ใช่คนดีนักหรอก เราเป็นส่วนเติมเต็มของกันและกัน"
"ไม่ใช่คนดี...? พวกเรา...?"
กริดพลันสั่นระริก เขาไม่อาจสลัดคำพูดเหล่านั้นออกจากหัวไปได้
***
ณ ผืนทะเลทรายของเรย์ดันที่ร้อนระอุ
เรย์ดันมีมอนสเตอร์ทะเลทรายดุร้ายอยู่มาก องค์ชายเร็นย่อมรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่การที่กล้ากรีฬาทัพข้ามผ่านโดยไม่เกรงกลัวอันตราย เป็นเพราะพวกมันมีวิธีรับมืออยู่แล้ว
"ทางนั้น"
"ข้างบนก็มี!"
แม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพหลวง ชักสเล่ย์ และนักธนูที่เก่งที่สุดในวัง เฟอเรลล์
สองคนที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งที่สุดได้นำพาทหารจำนวนเพียงหยิบมือออกไปเคลียร์มอนสเตอร์ทะเลทรายล่วงหน้า สิ่งนี้สำเร็จได้โดยง่าย เพราะนักปราชญ์มอนสเตอร์ของวังหลวงได้ทำการระบุจุดที่มอนสเตอร์ทะเลทรายซ่อนอยู่บนแผนที่
"ง่ายจังแฮะ"
หน่วยเคลื่อนที่ไวขนาดย่อมตระเวนออกไปกำจัดมอนสเตอร์รอบทัพหลวงจนหมด ทำให้การเคลื่อนพลเป็นไปอย่างราบรื่นไร้การรบกวน เร็นแสยะยิ้มพร้อมกับหันไปออกคำสั่งต่อกองทัพนักฆ่าทั้ง20คน
"พวกนายรีบล่วงหน้าไปยังเรย์ดันก่อน และทันทีที่เกิดการปะทะกันระหว่างสองทัพใหญ่ ช่วงนั้นจะมีช่องว่างภายในเมืองเกิดขึ้น จงรีบจับไปตัวดัชเชสมามาให้ฉัน หรือถ้าไม่สามารถทำได้ ก็ให้ฆ่าเธอทิ้งเสีย"
"ขอรับ!"
เหล่านักฆ่าต่างหายลับไปกับความมืดมิด เร็นที่กำลังมั่นใจสุดขีด มันจึงออกคำสั่งให้ทหารเร่งฝีเท้าทันที
"เร็วเข้า! พวกเราต้องไปถึงเรย์ดันก่อนเช้าวันพรุ่งนี้ เพื่อจะได้สอดคล้องกับการเคลื่อนพลของฮูเร็น!"
"โอ้วววว!"
กองทัพได้รับขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้น ทะรายทรายอันร้อนระอุแล้วอย่างไร? ของแค่นี้ไม่มีทางหยุดความทะเยอะทยานจากว่าที่กษัตริย์คนต่อไปได้
***
"นี่มันอะไรกัน?"
กลุ่มอัศวินของแดนเหนือได้นำกองทัพ1,000นายข้ามทะเลทรายเพื่อเดินทางกลับ แต่ในระหน่วงที่เดินทางอยู่ใต้เนินทรายสูง พวกเขาก็ได้ยินเสียงกองทัพอื่นกำลังเคลื่อนพลอยู่ไม่ไกล
สวบ สวบ สวบ
ลาเด็นกระโดดเพียงไม่กี่ก้าวก็ขึ้นมาบนยอดเนินทรายสูงได้สำเร็จ ทหารที่ได้เห็นต่างพากันยกย่องชื่นชมในความคล่องแคล่ว
แต่ภาพที่อยู่ต่อหน้าลาเด็น คือกองทัพขนาดใหญ่ซึ่งมีทหารจำนวนหลายพันนาย
"ธงนั่นมัน...!"
สีหน้าของลาเด็นพลันตรึงเครียดทันที ธงมังกรมีปีกสีเงิน สิ่งนี้คือเครื่องหมายของราชวงศ์อีเทอนัล
'ทัพหลวงมาทำอะไรที่ดินแดนตะวันตก?'
ดูเหมือนกำลังจะมุ่งหน้าไปเรย์ดันเสียด้วย
'เพื่อแสดงความยินดีกับนายน้อยที่คนใหม่งั้นหรือ?'
แต่ขนาดของกองทัพใหญ่เกินไปรึเปล่านะ...?
'อย่าบอกนะว่า...!'
องค์ชายเร็นบาดหมางกับดยุคกริดงั้นหรือ? ไม่สิ หากจะพูดให้ถูกต้อง คงเป็นความหวาดกลัวมากกว่า… เฉกเช่นแมวรู้จักนิสัยหนูฉันใด มาร์ควิสสไตมก็รู้จักนิสัยองค์ชายเร็นฉันนั้น มาร์ควิสไตมเคยเปรยกับลาเด็นแล้ว ว่าจะต้องมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเข้าสักวัน ซึ่งมาร์ควิสสไตมก็คอยเป็นฝ่ายไกล่เกลี่ยปัญหาระหว่างองค์ชายเร็นและกริดมาโดยตลอด
'ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดของนายท่าน… สูญเปล่างั้นหรือ?'
ดูเหมือนกษัตริย์วิสบาเดนคงสิ้นพระชมน์แล้วเป็นแน่ ในขณะที่ลาเด็นกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น
"หืม? กองทัพของแดนเหนือมาทำอะไรที่นี่?"
ลาเด็นได้ยินเสียงใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อหันไปมอง ก็ได้พบกับหน่วยรบขนาดย่อมจำนวน300นาย ทั้งหมดเป็นทัพม้า มีบางส่วนกำลังจัดการมอนสเตอร์อยู่ นี่คือหน่วยม้าที่แข็งแกร่งที่สุดของวังหลวง หน่วยเหล็กวายุ นำทัพมาโดยเบย์ด้า ผู้โด่งดังในการใช้หอกคู่
"ฉันถามว่ากองทัพของแดนเหนือมาทำอะไรที่นี่?"
เบย์ด้าควบม้าเข้ามาเรื่อยๆ และเอ่ยปากถามอีกครั้ง ด้วยความที่เป็นกองทัพของอาณาจักรเดียวกัน เหล่าทหารจึงไม่ขัดขวาง และปล่อยให้เบย์ด้าเข้ามาใกล้อย่างง่ายดาย แต่กับลาเด็นนั้นไม่ใช่ เขาตื่นตัวอย่างฉันพลัน
"หมอบลง!"
เมื่อสิ้นเสียง เหล่าทหารก็หมอบลงทันที เป็นเวลาเดียวกับที่หอกยาวเล่มหนึ่งเหวี่ยงผ่านเฉียดศีรษะพวกเขาไปเพียงนิดเดียว เบย์ด้าเป็นฝ่ายชิงลงมือก่อน
"อ--อึ๋ย!"
เหล่าทหารที่หลบได้อย่างฉิวเฉียดต่างพากันฉี่รดกางเกง ส่วนคนที่หลบไม่ทันก็ต้องเสียศีรษะไปในพริบตา ใบหน้าของพวกเขาล้วนซีดเป็นไก่ต้ม เบย์ด้าหันมามองลาเด็นพร้อมกับขมวดคิ้ว
"สายตาไม่เลวนี่ นายชื่ออะไร?"
"เอาแต่ถามคำถามอยู่ได้… เหมือนพวกผู้หญิงขี้บ่นเลยนะ"
"...!"
ถ้อยคำถากถางของลาเด็นได้ไปกระตุ้นท่อมโทสะเบย์ด้าเข้า ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยของมัน ยามนี้เริ่มเผยสันดานดิบออกมา
"แกนะแก...! ฉันจะตัดแขนขาออกก่อนแล้วค่อยถามใหม่อีกครั้ง! ย่าห์!"
เบย์ด้ารีบควบม้าเข้าใส่ลาเด็น นับเป็นความเร็วอันน่าเหลือเชื่อเมื่อคำนึงถึงสภาพพื้นทะเลทราย ทหารของแดนเหนือพากันหวั่นวิตก แต่ลาเด็นกลับกำลังใจเย็นอย่างน่าประหลาด
"บาปที่บังอาจแตะต้องทหารของมาร์ควิสสไตม… แกต้องชดใช้ด้วยความตาย"
"หืม?"
ลาเด็นทำการเลื่อนมือมาจับดาบซึ่งคาดอยู่ที่เอว สายตาก็จดจ้องเบย์ด้าไม่กระพริบ
"เจ้าหนู แกยังอ่อนหัด!"
ฉึก!
หอกของเบย์ด้าเสียบลงบนพื้นทรายในจุดที่ลาเด็นเคยยืนอยู่ ลาเด็นเบี่ยงตัวหลบพร้อมกับชักดาบฟันเข้าใส่ต้นขาของเบย์ด้า
เคร้ง!
เบย์ด้ารับไว้ด้วยหอกอีกเล่มพร้อมกับกล่าวอย่างเย้ยหยัน
"ถึงจะดูว่องไว แต่ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเลยนะ… อุ๊--"
สีหน้าของเบย์ด้าพลันซีดเผือดเมื่อสัมผัสได้ว่า ข้อมือของมันมีเลือดทะลักเป็นจำนวนมาก
"แกนะแก!"
แดนเหนือไม่ได้มีดีแค่ฟินิกซ์งั้นหรือ? แม้เบย์ด้าจะชะงักไปเพียงพริบตาเท่านั้น แต่ลาเด็นก็สามารถดับลมหายใจได้ในช่วงเวลาอันแสนมีค่านี้
ลาเด็นรีบหันออกคำสั่ง
"ฆ่าพวกมันให้หมดแล้วกลับเรย์ดัน!"
ทหารทั้งสองทัพนี้เคยอยู่ฝ่ายเดียวกันจนกระทั่งเมื่อวาน เมื่อเกิดความแตกแยกขึ้น กองทัพของมาร์ควิสสไตมย่อมต้องอยู่ฝ่ายดยุคกริด ลาเด็นผู้เฉลี่ยวฉลาดทำการตัดสินใจได้รวดเร็วทันท่วงที
***
'อีกไม่นานแล้วสินะ'
ฮูเร็นกำลังยิ้มแก้มปริเมื่อคิดว่าตนจะได้ล้างอายความพ่ายแพ้ห้าวินาทีในอดีต มันเดินลงเขามาด้วยความตื่นเต้น เลือดลมสูบฉีด ไฟการต่อสู้ลุกโชน
'แล้วแกจะได้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของออร่า'
ข้อได้เปรียบใหญ่ของออร่ามีสองประการ หนึ่งคือโจมตีโดยไม่สนพลังป้องกัน สองคือการเปลี่ยนรูปร่างอิสระ โดยในการแข่งนานาชาติหนแรก ฮูเร็นใช้การเปลี่ยนรูปร่างได้ไม่เต็มประสิทธิภาพนัก แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว
การเปลี่ยนรูปของออร่าสามารถทำให้จินตนาการกลายเป็นความจริง และด้วยความสามารถสุดโกงนี้ ฮูเร็นจึงมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าตนเอาชนะกริดได้แน่ และไม่ใช่แค่กริด แต่รวมไปถึงครอเกล แอ็กนัส หรือบรรดาแร้งเกอร์ลับทุกคน
ตนเองแข็งแกร่งที่สุด ฮูเร็นมั่นใจเช่นนั้น
"แกเป็นใคร?"
ในขณะที่กองทัพ2,000นายกำลังจะเดินเข้าเขตทะเลทราย ชาวนาสองคนได้ขวางทางกองทัพไว้และถามคำถามไร้สาระออกมา ฮูเร็นเห็นดังนั้นจึงออกอาการหงุดหงิด มันทำการฟาดแส้ออร่าใส่ชาวนาโดยไม่ลังเล ชาวนาทั้งสองพลันหรี่ตาลงทันที
จงกลายเป็นชาวนาไปอีกคนซะ!! //แพร่เชื้อยิ่งกว่าซอมบี้ก็ชาวนาเนึ่ยแหละเรื่องนี้ 55555 //ขอบคุณที่แปลครับ
ReplyDeleteเห็นด้วยอีกคน 555
Delete👍👍ชาวนาในตำนาน ได้สมาชิกทำฟาร์มอีกเพียบเลยคราวนี้ หรือจะตายด้วยเมล็ดข้าว เมล็ดถั่วในพริบตา ภายใน 1 นาที 😌🙃😌🙏😂🙏😂
Deleteขอบคุณมากกครับ
ReplyDeleteพร้อมในทุ่งข้าวสาลีแล้วระเบิดบึ้ม!!! กลายเป็นโกโก้ครั้น ฮ่าๆๆๆๆ
ReplyDeleteสมกับฉายาชาวนาในตำนาน555
ReplyDelete2พันคนแพ้2คน
ReplyDeleteคำพูดเปิดตัวของปิอาโร่"แกเป็นใคร"
ReplyDeleteโคตเท่!!
Delete