จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 336
"สุดยอดมาก! สมกับเป็นหลานฉัน! ไม่ร้องไห้สักแอะแม้ในตอนที่อึราด! ลูกผู้ชายตัวจริงมันต้องแบบนี้!"
"ถ้าเขาโตมามีความชำนาญเหมือนผมก็ดีสิ หน้าตาดูดีเหมือนกับไอรีน แถมยังเฉลียวฉลาดอีกด้วย"
"สมบูรณ์แบบมาก! ราวกับเป็นงานศิลป์จากองค์เทพ ฉันชื่นชมนายจริงๆ ที่สามารถให้กำเนิดสุดยอดทายาทเช่นนี้ขึ้นได้!"
"ผมขอชื่นชมบิดาผู้ที่สามารถให้กำเนิดสุดยอดหญิงสาวอย่างไอรีนมากกว่า"
"เคี้ยกเคี้ยกเคี้ยกเคี้ยก!"
"อุวะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"
กริดและมาร์ควิสสไตมกำลังสนทนาอย่างออกรสตามประสาพ่อตาลูกเขย ระหว่างนั้นสาวใช้ก็ทำการเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลอร์ด ไอรีนแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าขุนนางระดับสูงของอาณาจักรทั้งสองคนไม่รักษามาดเอาไว้เลย แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะตนก็เข้าใจหัวอกคนทั้งสองอยู่เหมือนกัน
"แต่ตอนนี้ลอร์ดคงง่วงแล้ว พวกเราไม่ควรรบกวนเวลานอนของเขา ออกไปข้างนอกกันเถอะ"
"ต--แต่ว่า… ผมอยากเล่นกับลูกต่ออีกสักหน่อย"
"ท่านพ่อพูดถูกแล้ว คุณต้องรู้ด้วยนะคะว่าการนอนมีผลกับพัฒนาการเด็กมากแค่ไหน พวกเราจะไปรบกวนไม่ได้เด็ดขาด"
"...ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้"
"ฝันดีนะ ลอร์ดลูกพ่อ จุ๊บ"
คู่รักเดินออกจากห้องไปพร้อมกับมาร์ควิสสไตม ปล่อยให้ลอร์ดอยู่กับพี่เลี้ยงเด็กตามลำพัง
หลังจากนั้นไม่นาน
เรื่องราวมันเริ่มขึ้นเมื่อพี่เลี้ยงเด็กฟุบหลับไป
"..."
มีใครบางคนได้กระโดดลงมาจากเพดานด้วยความเงียบเชียบ ไม่มีสุ้มเสียงใดดังขึ้นแม้แต่นิดเดียว ทั้งพี่เลี้ยงและทหารองครักษ์ด้านนอกจึงไม่อาจรู้ตัว ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น เพราะชายคนนี้มีแขนที่ยาวกว่าคนปรกติ ผิวหนังสีเข้ม เป็นใครไปไม่ได้นอกจากคาซิม ราชันย์แห่งเงา
จะมีสักกี่คนกันที่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของคาซิมยามเร้นกายได้? ทั่วทั้งทวีปนี้ บางทีอาจมีไม่ถึงหยิบมือด้วยซ้ำ
'ยิ่งดูใกล้ๆ ก็ยิ่งน่ารัก'
เดิมที คาริมจะคอยอารักขาไอรีน ผู้ซึ่งเป็นภรรยาของกริด แต่เมื่อมีทายาทกำเนิดขึ้น ขุนนางส่วนมากจะให้ความสำคัญกับทายาทมากกว่า เมื่อคิดได้เช่นนั้น คาซิมจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นการคุ้มครองลอร์ดแทน
'เมื่อใดที่เขาเติบโตขึ้น เมื่อนั้นจะต้องมีหญิงสาวมากมายมาติดพันแน่'
ตลอดสิบวันที่ผ่านมา
ยิ่งคาซิมได้มองลอร์ด เขาก็ยิ่งประหลาดใจ เพราะเด็กชายคนนี้กลับมีความน่ารักและหล่อเหลาในระดับที่เหนือคำบรรยาย แถมยังเฉลียวฉลาดมากด้วย แม้คาซิมจะไม่ได้มีสายสัมพันธ์ใดเกี่ยวข้องกับลอร์ด แต่เขารู้สึกเอ็นดู
'ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้พวกจักรวรรดิบัดซบนั่น...'
ป่านนี้ตนก็คงได้สมรสกับหญิงสาวเผ่านีโร มีทายาท และใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขไปแล้ว
ซู่วววว!
ในวินาทีที่คาซิมโกรธจัดจนปล่อยจิตสังหารออกมาโดยไม่รู้ตัว ลอร์ดก็ลืมตาขึ้น ทารกตัวน้อยกลับสามารถสัมผัสถึงเขา โดยที่แม้แต่ทหารองครักษ์หรือพี่เลี่ยงยังไม่อาจทำได้
คาซิมพลันขนลุกซู่
'สัมผัสหยั่งรู้ของเด็กคนนี้… อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ!'
"อาบู! อาบู!"
ลอร์ดยื่นแขนออกมาหาคาซิมอย่างน่าเอ็นดู แววตาของเขาสดใสเปล่งประกาย ลอร์ดจ้องมองมาที่คาซิมโดยไม่ละสายตาไปไหน
'เขารู้งั้นหรือว่าเราคอยคุมครองให้อยู่?'
เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา... คาซิม นักลอบสังหารอันดับหนึ่งของทวีป บัดนี้กำลังมีสีหน้าสงสัยใคร่รู้เมื่อได้เห็นอัจฉริยะที่สามารถก้ามข้ามตนเองในวันข้างหน้า
"เจ้าหนู หลังจากนี้มาเล่นกับฉันทุกคืนไหม?"
"อาบู! อาบู!"
ดวงตาของลอร์ดสุกสว่างรามกับโคมไฟ นั่นคือคำตอบสินะ... คาซิมอมยิ้มอย่างพึงพอใจพร้อมกับนำตัวต่อมาวางเรียงกันด้านข้างลอร์ด
"ขว้างพวกมันซะ แบบนี้"
คาซิมแสดงตัวอย่างให้ดูโดยการขว้างตัวต่อไปกระทบกับตุ๊กตาที่วางอยู่บนขอบหน้าต่าง
แกร่ก! เมื่อได้เห็นคาซิมขว้างตุ๊กตาล้ม ลอร์ดก็หัวเราะชอบใจ เขาจึงลองขว้างดูบ้าง แต่ด้วยพละกำลังของเด็กอายุสิบวัน ขอบหน้าต่างจึงอยู่ห่างเกินไป
"บูบู! บู๊!"
ลอร์ดนอนแกว่งแขนไปมาเมื่อเห็นว่าตัวต่อของตนขว้างไปไม่ถึงหน้าต่าง ดูราวกับเขากำลังเจ็บใจที่ไม่อาจเอาชนะคาซิมได้ เป็นอีกครั้งที่คาซิมขนลุก
'ทารกแรกเกิดสามารถเข้าใจเราได้ แถมยังมีไฟในการเอาชนะอีกงั้นหรือ...?'
ไม่เพียงแค่นั้น...
'พละกำลังของเด็กคนนี้น่าเหลือเชื่อมาก!'
ตัวต่อที่ลอร์ดขว้างนั้นมีน้ำหนักเบา ในการจะขว้างไปให้ถึงหน้าต่าง จะเป็นจะต้องใช้พละกำลังของเด็กอายุราว14ขวบ แต่ลอร์ดอายุสิบวันกลับทำได้ใกล้เคียงมากทีเดียว บางทีเด็กคนนี้อาจไม่ได้มีพรสวรรค์แค่สัมผัสหยั่งรู้ แต่ยังรวมไปถึงพละกำลังด้วย คาซิมดีใจจนเนื้อเต้น
'เขาอาจบรรลุวิชาทั้งหมดที่อาจารย์ของเราเหลือทิ้งไว้...!'
โดรันและคาซิมยังขาดพรสวรรค์อีกเล็กน้อย จึงเรียนรู้วิชาที่อาจารย์ของพวกตนทิ้งไว้ได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
'แต่เด็กคนนี้...!'
ลอร์ด-สไตม
นี่คือจุดเริ่มต้น ที่ลอร์ดได้พบกับอาจารย์คนแรกจากทั้งหมดเจ็ดคน
***
"ตายแล้ว!"
เมื่อพี่เลี้ยงตื่นขึ้นมา เธอก็ต้องพบกับความตกตะลึงสุดขีด เพราะห้องที่เคยสะอาดเรียบร้อย ยามนี้กลับกำลังเละเทะไปด้วยเศษตัวต่อและตุ๊กตาเกลื่อนกลาด
'เป็นฝีมือนายน้อยงั้นหรือ?'
ทารกแรกเกิดสามารถปีนออกมาจากเตียงและเล่นตัวต่อได้เอง? บ้าบอสิ้นดี แต่ถ้าหากมีใครเข้ามาในห้องจริง ทหารองครักษ์ด้านหน้าก็ต้องส่งเสียงเตือนแล้ว พี่เลี้ยงจึงคิดเป็นสิ่งอื่นไม่ได้อีก นอกจากสงสัยในตัวลอร์ด
แต่ว่า...
ลอร์ดกำลังหลับลึก แถมท่าทางการนอนก็ยังเหมือนกับก่อนที่ตนจะหลับไปทุกประการ
'นายน้อยกำลังหลับอยู่ไม่ใช่รึไง? เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?'
เธอออกอาการหวาดกลัวราวกับเห็นผี แต่ในทางกลับกัน เป็นฝ่ายคาซิมเสียอีกที่รู้สึกขนลุกมากกว่า เมื่อตนทำการมองลงไปจากบนเพดาน
'บ้าน่า… ทารกแรกเกิดแกล้งหลับได้ด้วยหรือ?'
มันจะสุดยอดเกินไปหน่อยแล้ว
***
ทะลทรายกลายเป็นทุ่งข้าว
ทหารกว่า2,000นายต่างตกตะลึงที่ทะเลทรายถูกเปลี่ยนให้เป็นทุ่งข้าวสาลีสีทองอร่าม
"...เกิดอะไรขึ้น?"
"ฉันกำลังฝันไปรึเปล่า?"
ฉากตรงหน้า เป็นใครก็ยากจะเชื่อลง
'เกิดเรื่องบ้าบอแบบนี้ได้ยังไง?'
บันนี่บันนี่สบถโดยความโมโห เขาอยากได้ภาพการต่อสู้สุดอลังการมากกว่า
"ทำไมต้องสร้างฟาร์มขึ้นด้วย? เสียของชะมัด!"
เป็นเวลาเดียวกับที่ฮูเร็นพุ่งตัวเข้าหารอยแมน
"อั่ก!"
เคร้ง!
รอยแมนป้องกันออร่าสีฟ้าจากฮูเร็นอย่างเต็มกลืน หลังจากนั้น ฮูเร็นก็โจมตีซ้ำเข้าไปอีกครั้งจากจุดอ่อนที่รอยแมนเผยออกมา
'จบสิ้นแล้ว!'
รอยแมนมั่นใจมากว่าตนคงไม่รอดแน่ เธอจึงหลับตาลงและรอรับคมดาบออร่าที่กำลังพุ่งเข้ามา
"นายมีชีวิตมากกว่าหนึ่งรึไง? ถึงจะต้องตาย แต่ก็ควรสู้จนถึงที่สุด!"
ปิอาโร่ ก่อนหน้านี้เขาวุ่นวายอยู่กับการสร้างทุ่งข้าวสาลี จึงเข้ามาปกป้องรอยแมนไว้ได้ในเวลาที่เกือบสายเกินไป
"เซอร์ปิอาโร่...!"
รอยแมนมองปิอาโร่ในมุมต่างออกไปหลังจากที่ถูกช่วยชีวิตไว้ถึงสองครั้งติด เธออยากจะพูดบางสิ่ง แต่ด้วยความอับอาย เธอจึงไม่อาจมองหน้าปิอาโร่ตรงๆ ได้ไปอีกพักใหญ่ ลงเอยด้วยการทำเพียงก้มศีรษะลงเบาๆ เพื่อขอบคุณ
"..."
บุคคลมีพรสวรรค์ที่กำลังแสวงหาความแข็งแกร่ง ไม่มีเหตุผลใดให้ต้องอับอายเมื่อเผชิญหน้ากับคนที่เก่งกว่า ปิอาโร่เห็นดังนั้นจึงพยายามปลอบใจรอยแมน
"จะลดเวลาปลูกข้าวให้เหลือแค่สองชั่วโมงก็แล้วกัน"
"..."
ปิอาโร่ยังคงไร้ความปราณีเช่นเดิม หลังจากที่ลดเวลานอนรอยแมนเหลือเพียงสามชั่วโมงครึ่ง ปิอาโร่ก็หันไปเผชิญหน้ากับฮูเร็นทันที
แม้การโจมตีของฮูเร็นเมื่อครู่จะถูกปิอาโร่บล็อคไว้ แต่มันก็ยังแสยะยิ้มอย่างผ่อนคลายได้อยู่
"ฉันเคยได้ยินมาว่า เรย์ดันมีชาวนาเสียสติที่เก่งกาจมากอยู่คนหนึ่ง ฉันรู้สึกอับอายมากที่เคยคิดว่านั่นเป็นเพียงข่าวลือ"
"แกดูมีความสุขมากกว่าจะอับอายนะ"
"แน่นอนว่าฉันมีความสุข จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากฉันสามารถเอาชนะชาวนาผู้โด่งดังที่แม้แต่เจ็ดกิลด์ใหญ่ก็ยังทำไม่ได้? ชื่อเสียงของฉันคงกระฉ่อนจนฉุดไม่อยู่แน่"
"อย่าได้พูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้"
"แล้วเราจะได้เห็นดีกัน เพราะฉันคุมสนามรบนี้ไว้หมดแล้ว"
"ดูเหมือนแกจะมั่นใจในทหาร2,000คนมากไปหน่อยนะ"
"ไม่เลย สิ่งเดียวที่ฉันมั่นใจ คือฝีมือของตนเอง"
เป๊าะ!
ฮูเร็นดีดนิ้ว นี่คือสัญญานโจมตีของกองทัพงั้นหรือ? ปิอาโร่คิดเช่นนั้น แต่กลับไม่มีทหารคนใดเลยที่ขยับตัว
'เกิดอะไรขึ้น?'
"อั่ก...!"
ปิอาโร่ชะงักไปทันทีที่รอยแมนเริ่มส่งเสียงครางอย่างเจ็บปวด เธอใช้มือกุมไปที่ด้านข้างลำตัวซึ่งเมื่อครู่ถูกดาบออร่าของฮูเร็นฟันเฉียดไป
"ออร่าของฉันจะทิ้งตราประทับไว้เสมอ"
"ตราประทับ?"
"ใช่แล้ว ตราประทับที่ฉันสามารถใช้สร้างออร่าขึ้นจากจุดนั้นได้ ลองนึกภาพตามดูสิ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันเริ่มสร้างออร่าจากตรงนั้น? ร่างกายอันแสนบอบบางของเธอก็จะถูกตัดขาดออกเป็นสองท่อนยังไงล่ะ!"
"...!"
ปิอาโร่ดวงตาเบิกโพล่งอย่างโมโห
ฮูเร็นแสยะยิ้มราวกับผู้มีชัย
"เอาล่ะ จงเลือกมาซะ ว่าจะยอมให้กองทัพของฉันผ่านไปโดยดี หรือว่าจะให้ร่างคนรักขาดออกเป็นสองท่อนต่อหน้าต่อตา!"
ฮูเร็นประกาศกร้าวอย่างมั่นใจ
"ตราประทับของแก… สามารถฝังลงบนดินได้รึเปล่า?"
"เห?"
อะไรกัน? เหตุใดปิอาโร่ถึงถามเรื่องไร้สาระเช่นนี้ออกมาด้วยท่าทีผ่อนคลายได้อยู่? แม้ฮูเร็นจะสับสน แต่ก็พยักหน้าเบาๆ
"น--แน่นอน การสร้างตราประทับของฉันสามารถใช้งานได้หลายรูปแบบ"
"โฮ่!"
แสยะ!
รอยยิ้มอันสุดแสนชั่วร้ายถูกเผยให้เห็นบนใบหน้าปิอาโร่
"ความสามารถนั่น… สามารถใช้เคลียร์หน้าดินได้ดีเลยไม่ใช่รึไง?"
"อะไรนะ?"
เคลียร์หน้าดิน? ปิอาโร่หมายถึงอะไรกัน? ในระหว่างที่ฮูเร็นกำลังขมวดคิ้วอย่างมึนงง ปิอาโร่ก็เลียนแบบท่าทางคำพูดเมื่อครู่ของมัน
"เอาล่ะ จงเลือกมาซะ ว่าจะยอมมาทำฟาร์มกับฉันแต่โดยดี หรือว่าจะมาทำฟาร์มกับฉันหลังจากที่ทหารทั้ง2,000คนตายหมดแล้ว?"
'หมอนี่กำลังพูดบ้าอะไรอยู่?'
ตนกำลังถือครองความได้เปรียบอยู่ไม่ใช่รึไง? แต่ในที่สุดฮูเร็นก็เข้าใจ การพูดให้ปิอาโร่ฟังนั้นไม่ต่างอะไรกับการพูดใส่กำแพง
'เจ้านี่ไม่ได้ถูกเรียกว่าชาวนาเสียสติอย่างไร้เหตุผลสินะ!'
เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ เมื่อฮูเร็นมั่นใจ มันก็สำแดงพลังของตราประทับเพื่อให้ปิอาโร่รู้ว่าใครถือไพ่เหนือกว่า
"กรี๊ดด!"
รอยแมนทรุดลงกับพื้นเพราะความเจ็บปวดที่บริเวณเอว ในยามนี้ เลือดกำลังไหลทะลักออกมาจากบาดแผลอย่างรุนแรง ปิอาโร่จึงไม่รีรออีก
"นี่คือคำตอบของแกสินะ!"
"...เอ๋?"
"ทำฟาร์มอิสระรูปแบบที่แปด ขัดสีข้าว!"
เหตุผลที่ปิอาโร่ปล่อยฮูเร็นไปก่อนและเลือกหว่านเมล็ดใส่ทหาร เป็นเพราะเขารู้ดีว่า ศึกนี้ไม่ได้มีศัตรูเพียงคนเดียว ปิอาโร่นั้นมองไปยังภาพกว้างของสงคราม
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!
ทุ่งข้าวสาลีสีทองอร่ามเกิดระเบิดขึ้นอย่างพร้อมเพรียง แรงระเบิดได้บดขยี้ทหารจำนวน2,000นายในคราเดียว
"อะไรกัน?"
ฮูเร็นได้แต่หมดคำพูด ทหารกว่า2,000นายต้องจบชีวิตในพริบตางั้นหรือ? การโจมตีที่เทียบเท่าระดับนี้ มันคิดออกได้อย่างเดียว คือเวทย์มนต์อุกกาบาต ซึ่งมีเพียงจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานเท่านั้นที่สามารถใช้ได้
"อย่าบอกนะว่า แกเองก็เป็นตำนาน...!"
ในขณะที่ฮูเร็นกำลังผงะ ปิอาโร่ก็รุกโจมตีด้วยคราดเล็กโดยไม่ให้ตั้งตัว
ฉึก!
[ ท่านได้รับความเสียหาย 15,500 หน่วย ]
ฉึก!
[ ท่านได้รับความเสียหาย 15,900 หน่วย ]
ฉึก!
[ ท่านได้รับความเสียหาย 16,100 หน่วย ]
[ ท่านได้รับความเสียหายมากเกินไปในช่วงเวลาสั้นๆ ท่านจะตกอยู่ในอาการผิดมึนงงชั่วขณะ ]
'บ--บ้าไปแล้ว!'
เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ฮูเร็นถูกโจมตีเข้าที่กลางหน้าผากอย่างต่อเนื่องด้วยคราดเล็ก
เพียงไม่นาน มันก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้น
ฉากที่อยู่ด้านหลังปิอาโร่ กองซากศพของทหาร2,000นายซึ่งสุมกันเป็นภูเขาเลากา
เบื้องล่างเป็นสายน้ำโลหิตสีแดงฉานอันน่าสะพรึงกลัว
จามกะบาล
ReplyDeleteThank you 🙏🙏
ReplyDeleteลอร์ดลูกรักgm พ่ออาจจะได้สองสาย ลูกอาจจะครบทุกสาย
ReplyDelete