จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 324
"วิชาดาบแพ็กม่า… มายาร่ายรำ!"
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!
เกิดเป็นรัศมีดาบสีดำจำนวนมากพุ่งโจมตีใส่ฝูงแวมไพร์ พวกมันต่างส่งเสียงสาปแช่งทันทีที่ได้รับบาดเจ็บ
"ไอ้มนุษย์บัดซบ!"
"สามหาว!"
"อั่ก!"
แวมไพร์ทั้ง 50 ตนได้กรูเข้ามาโจมตีพร้อมกัน กริดจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวิ่งหนี
"โฮ่โฮ่โฮ่!"
"เจ้านี่ก็ไม่เท่าไรนี่นา"
ฝูงแวมไพร์ต่างมีความสุขกับการล่ามนุษย์ พวกมันรุมไล่ตามกริดราวกับกระต่ายตัวหนึ่ง จนในที่สุดก็สามารถล้อมไว้ได้
ตุ้บ!
ขาของกริดสั่นไปด้วยความกลัวเมื่อได้เห็นเขี้ยวอันยาวและแหลมคมของแวมไพร์ จนในที่สุด เขาก็ทรุดลงไปนั่งบนพื้น ท่าทางสั่นกลัวของกริดไม่ต่างอะไรกับเด็กสาวที่แสนบอบบางและอ่อนแอ ช่างเป็นภาพที่น่าทะนุถนอมและชวนให้ปกป้องเป็นอย่างยิ่ง แต่ฝูงแวมไพร์ก็ไร้ความปราณีโดยสิ้นเชิง
"กินมัน!"
ในขณะที่แวมไพร์ผูหิวกระหายกำลังกระโจนเข้ามาเพื่อหวังดื่มเลือดกริด
"เมี๊ยว!"
แมวสีดำตัวหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของพวกมัน แวนไพร์ตนหนึ่งพลันกรีดร้องอย่างเจ็บปวดทันทีที่โดนข่วน
"อ๊ากกกก!"
"ตัวอะไรกัน? เฮ้ย?"
นี่มันต้องได้รับบาดเจ็บเพียงเพราะแมวงั้นหรือ แต่เมื่อเพ่งมองดูให้ดี ฝูงแวมไพร์จึงตื่นตระหนกทันทีที่รู้ว่าแมวปริศนาคือตัวอะไร
"เม็มฟิส...!"
โนเอะหัวเราะพร้อมกับใช้มือจับพุงอันอ้วนป่องของตน
"เมี้ยวฮ่าฮ่า! ใช่แล้ว! ฉันคนนี้คือสัตว์อสูรอันดับหนึ่งของขุมนรก! เมี๊ยว!"
"แมวของจอมอสูรมาทำอะไรที่นี่?"
"โนเอะไม่ใช่แมว! แง่งงง!"
"จัดการมันซะ!"
แวมไพร์เองก็เป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์อสูร แต่พวกมันถูกขับไล่ออกมาจากขุมนรกแล้ว จึงถือว่าเผ่าอสูรอื่นล้วนเป็นศัตรู ในตอนนี้จึงเลิกสนใจกริดและเบนเป้าไปหาโนเอะทั้งหมด แต่ทันใดนั้น ลำแสงสีขาวจำนวนสี่เส้นได้พุ่งทะลุหน้าอกของแวมไพร์สี่ตนไป
เป็นศรเวทย์
"แค่ก!"
"ชิ! ทำไมศรเวทย์ถึงได้รุนแรงขนาดนี้?"
แวมไพร์ที่ตกตะลึงได้รีบหันหน้าไปมองยังทิศทางที่ศรเวทย์ถูกยิงมา แล้วพวกมันก็ได้พบกับฝ่ามือสีทองจำนวนสี่ข้างซึ้งกำลังถือดาบใหญ่สามเล่มและมีดสั้นอีกหนึ่งเล่ม
"นั่นมันอะไร?"
มือสีทองที่ลอยได้และสามารถยิงเวทย์ออกมาได้ด้วยงั้นหรือ? พวกแวมไพร์ไม่อาจเข้าใจหัตถ์เทวะได้เลย ในขณะเดียวกัน หัตถ์เทวะก็พุ่งโจมตีฝูงแวมไพร์ด้วยอาวุธในมืออย่างรวดเร็ว
เคร้ง! เคร้ง!
แม้วิชาดาบจะไม่เข้าขั้น แต่ความเร็วนั้นหาตัวจับได้ยาก ไม่มีทางเลยที่บรรดาแวมไพร์จะมองตามและรับมือทัน แถมอาวุธที่สวมอยู่ก็เป็นระดับท็อปของซาทิสฟาย อาการบาดเจ็บรุนแรงจึงเป็นสิ่งที่พวกมันเลี่ยงไม่ได้
"อ๊ากกก!"
นี่พวกมันกำลังถูกโจมตีโดยสัตว์อสูรและฝ่ามือลอยได้งั้นหรือ? เหล่าแวมไพร์เริ่มเกิดอาการหวาดกลัวขึ้นมาทีละนิด
"วิชาดาบแพ็กม่า... คลื่น"
ซ่าาา!
หลังจากคลื่นดาบอันรุนแรงซัดกวาดใส่ฝูงแวมไพร์ ชายคนหนึ่งที่ภายนอกดูเหมือนอสูรได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับดาบอสูรในมือ บรรดาแวมไพร์ไม่อาจทนรับการโจมตีของชายปริศนาคนนี้ได้ พวกมันค่อยๆ กลายเป็นแสงสีเทาไปทีละตนสองตน
"ฉ--ฉันยังกลัวอยู่..."
กริดในร่างอสูรได้มองกริดที่กำลังนั่งร้องไห้อย่างเอ็นดู จะกล่าวให้ถูกก็คือ แรนดี้กำลังร้องไห้ เธอก็อบปี้ร่างกริดและทำการดึงความสนใจไว้ให้ ในตอนนี้ แรนดี้ค่อยๆ เปลี่ยนกลับเป็นร่างของเด็กสาวอีกครั้ง
"คราวหน้า… ฉันสัญญาว่าจะไม่ร้องไห้!"
"เธอทำได้ดีมากแล้ว"
"เจ้านายชมโนเอะบ้างสิ! เมี๊ยว!"
ในขณะที่กริด โนเอะ และแรนดี้สนทนากันอย่างอบอุ่น หัตถ์วะก็ทำการไล่เชือดแวมไพร์ตนที่เหลือ
[ ทักษะความชำนาญดาบของ<หัตถ์เทวะ> กลายเป็นระดับขั้นต้นเลเวลหก! ]
'เยี่ยม'
กริดอมยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อได้เห็นข้อความจากระบบ ดูเหมือนวิชาดาบของหัตถ์เทวะจะเติบโตไปอย่างที่ควรจะเป็น ยามนี้มันดูแข็งแกร่งกว่าเมื่อครั้งที่สู้กับปิอาโร่เล็กน้อย นับว่ามีอนาคตสดใสมากทีเดียว
ในทางกลับกัน ชาวโอเวอร์เกียร์ได้แต่ยืนมองอย่างหมดคำพูด
'ขี้โกงฉิบ'
'เกินไป๊...'
พวกเขาได้พบกริดอีกครั้งเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากการฆ่าเอลฟิน-สโตน แต่กริดกลับกลายเป็นปีศาจที่ทุกคนเอื้อมไม่ถึงไปเสียแล้ว และนั่นก็ไม่ได้เป็นผลมาจากฝีมือการควบคุมด้วยซ้ำ
หัตถ์เทวะทั้งสี่ โนเอะ และแรนดี้ ทั้งหมดนี้เคลื่อนไหวรอบตัวกริดตลอดเวลาและช่วยกันออกล่า ถือเป็นภาพที่น่าประทับใจมาก กริดสามารถล่าแวมไพร์ได้สิบตัวในขณะที่ป็อนและเรกัสฆ่าได้เพียงสองตัว นั่นคือค่าเฉลี่ยเท่านั้น เพราะกริดจะลากมาทีละ 100 ตัวและสังหารในครั้งเดียว
พลังแห่งไอเท็มผสานกันอย่างลงตัวกับพลังแห่งสัตว์เลี้ยง กริดสามารถอัพเลเวลได้รวดเร็วยิ่งกว่าคลาสหมอผีระดับท็อปเสียอีก ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเพิ่มเลเวลได้สี่ระดับภายในระยะเวลาเพียง 24 วันเท่านั้น แต่ทั้งหมดไม่ใช่เพราะความรวดเร็วในการล่าเพียงอย่างเดียว ยังมีบัฟจากการฆ่าเอลฟิน-สโตน และยังมีบัฟจากโพชั่นค่าประสบการณ์ที่ซื้อมาจากร้านค้าชื่อเสียง
ใช่แล้ว… หลังจากพ่ายแพ้ปิอาโร่ กริดก็คิดจะทำทุกวิธีทางเพื่อให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น เขายอมเสี่ยงดวงอีกครั้งด้วยค่าชื่อเสียงทั้งหมด แต่ลงเอยด้วย กริดได้รับโพชั่นบัฟค่าประสบการณ์มาเพียงแค่สามขวดเท่านั้น
แต่เขาก็ยังมองในแง่บวกได้อยู่
'อันที่จริง ไอเท็มที่น่าสนใจในร้านค้าชื่อเสียง ส่วนมากจะจำกัดจำนวนครั้งในการซื้อต่อตัวละครไว้อยู่แล้ว'
สมมติให้กริดนำค่าชื่อเสียงไปใช้กับไอเท็มที่ควรซื้อทั้งหมด เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่ไอเท็มเหล่านั้นไม่สามารถซื้อได้ แต้มของเขาก็จะเหลือจนต้องนำมาสุ่มโพชั่นค่าประสบการณ์อยู่ดี ดังนั้น การสุ่มก่อนในตอนนี้จึงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร แถมการได้มาถึงสามขวด ก็ยังดีกว่าดวงซวยจนไม่ได้สักขวดเลย
จบลงที่กริดมีเลเวล 305 และกลับมาพักผ่อนที่เรย์ดัน อีกไม่ถึงหนึ่งเดือน ไอรีนก็จะคลอดทายาทคนแรกออกมาแล้ว กริดอยากอยู่ใกล้ชิดกับเธอให้ได้มากที่สุด
เขาจึงหวังจะใช้โอกาสนี้ในการทำหน้าที่ลอร์ดและช่างตีเหล็กให้เหมาะสมสักหน่อย
***
ย้อนกลับมาก่อนที่จะเดินทางไปยังเมืองแวมไพร์
[ เสริมแกร่งแร่ ]
ทำการเสริมความแกร่งของแร่ แต่ต้องแลกมากับความเปราะบาง
ในโลหะชนิดหนึ่งจะมีคุณสมบัติแฝงไว้สามชนิด หนึ่งคือความแข็ง ความแข็งหมายถึงระดับความทนทานของผิวแร่ สองคือความแกร่ง ความแกร่งหมายถึงระดับของแรงที่แร่สามารถทนรับได้ก่อนจะเกิดการบิดงอ สามคือความเปราะ ความเปราะก็คือระดับความง่ายในการแตกหัก โดยทั่วไป ความแกร่งกับความแข็งจะแปรผันตรงต่อกัน ยิ่งแร่ที่มีความแข็งมาก ความแกร่งก็จะยิ่งมาก ส่วนความเปราะนั้นจะขึ้นอยู่กับแรงที่แร่ชนิดนั้นถูกกระทำ
หลังจากทำภารกิจสร้างหัตถ์เทวะสำเร็จ กริดก็ได้รับทักษะลับชนิดใหม่ของแพ็กม่าเพิ่มขึ้นมา โดยมันมีชื่อว่า<เสริมแกร่งแร่> บางทีในอนาคต เขาอาจใช้ทักษะนี้ในการสร้างแร่อุดมคติของตนขึ้นมาได้
'ตอนแรกดูเหมือนจะเป็นทักษะที่ไม่มีประโยชน์มากนัก'
ทักษะเสริมแกร่งแร่ไม่ใช่สิ่งที่ใช้แล้วจะได้ผลลัพธ์ออกมาทันที ในการเสริมแกร่งแร่แต่ละครั้ง เขาจะต้องนำแร่จำนวน 30 กรัมไปใส่ในกรอบเสริมแกร่ง และต้องทิ้งไว้ 30 วันจึงจะเสร็จ
การสร้างดาบมือเดียวจะใช้แร่ราวสี่กิโลกรัม 30 กรัมจึงดูน้อยนิดจนไม่อาจนำไปทำอะไรได้
แต่เมื่อกริดของไตร่ตรองดูให้ดี บางที ทักษะเสริมแกร่งแร่อาจเป็นพื้นฐานของทักษะที่ไว้สำหรับสร้างแร่ชนิดใหม่
'เฉกเช่นแพ็กม่าและบราฮัมที่สร้างพาเฟรเนี่ยมขึ้นมา เราก็สามารถสร้างแร่เป็นของตนเองได้เช่นกัน'
กริดคิดในแง่บวกก่อนจะตัดสินใจใส่โอริชาลคั่มสีน้ำเงินจำนวน 30 กรัมลงไปในกรอบเสริมแกร่ง ใจจริงเขาอยากจะลองเสริมแกร่งพาเฟรเนี่ยมดู แต่นั่นต้องแลกมากับการสูญเสียหัตถ์เทวะไปหนึ่งข้าง ซึ่งกริดที่อยากอัพเลเวลไวๆ จึงคิดว่าไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่
[ ท่านนำโอริชาลคั่มสีน้ำเงินจำนวน 30 กรัมใส่ลงในกรอบเสริมแกร่ง เหลือระยะเวลาในการเสริมแกร่งทั้งสิ้น 30 วัน ]
"เร่งให้เร็วกว่านี้ไม่ได้แล้วสินะ"
หลังจากนั้น เขาก็รีบเดินทางไปยังเมืองแวมไพร์เพื่อสมทบกับปาร์ตี้
***
ย้อนกลับมาปัจจุบัน กริดซึ่งกลับมาจากเมืองแวมไพร์ได้นำโอริชาลคั่มสีน้ำเงินทั้ง 30 กรัมออกมาจากรอบเสริมแกร่ง มันดูดีกว่าโอริชาลคั่มสีน้ำเงินตามปรกติเล็กน้อย
"อืม… เราคงต้องหมั่นใช้งานระบบนี้อย่างต่อเนื่องสินะ"
ในขณะที่เขากำลังนั่งครุ่นคิดอะไรอยู่ที่มุมหนึ่งของโรงตีเหล็ก ข้อความระบบก็แสดงขึ้นตรงหน้า
[ ขอแสดงความยินดี! โรงแปรธาตุในเรย์ดันได้เลื่อนเป็นระดับขั้นกลาง เลเวลสี่ เรียบร้อยแล้ว! ]
เป็นเวลาเดียวกันกับที่เทศมนตรีแร็บบิทวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในโรงตีเหล็ก
"ดยุคกริด! โรงแปรธาตุของเรย์ดันกลายเป็นขั้นกลางเลเวลสี่แล้ว! หากเรายังพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ โรงแปรธาตุของพวกเราจะกลายเป็นขั้นสูงได้ในหนึ่งปีกับอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า!"
เมื่อโรงแปรธาตุกลายเป็นขั้นสูง มิธริลสีเหลืองก็จะถูกนำมาใช้งานจริงได้สักที และหากเป็นเช่นนั้น การเพิ่มออปชั่นแบบสุ่มเข้าไปในอุปกรณ์โดยตรงก็สามารถทำได้ หากมีโชคสักเล็กน้อย เกิดได้ออปชั่นยอดเยี่ยมขึ้นมา ราคาของไอเท็มก็จะพุ่งทะยานออกนอกโลกแน่นอน
แต่สีหน้าของกริดกลับไม่ยินดีนัก
"หนึ่งปีกับอีกหนึ่งเดือน? นี่ฉันทุ่มเงินลงไปแล้ว 30 ล้านเหรียญทอง แต่กลับยังต้องรออีกหนึ่งปีกับหนึ่งเดือนเนี่ยนะ?"
"อย่างที่นายท่านทราบ โรงแปรธาตุคือสิ่งที่ผู้คนของทวีปนี้มองข้ามและละทิ้ง ทำให้ไม่อาจหานักแปรธาตุที่มีฝีมือเชี่ยวชาญมาช่วยในการวิจัยได้มากนัก การพัฒนาจึงเป็นไปอย่างล่าช้า แต่ด้วยการลงทุนจากนายท่าน ทำให้มันเติบโตได้เร็วกว่าเดิมหลายเท่าจนเหลือระยะเวลาเพียงหนึ่งปีกับหนึ่งเดือน กระผมหวังว่านายท่านจะอดทนรอจนถึงตอนนั้น"
เทศมนตรีแร็บบิทคือเอ็นพีซีที่เก่งกาจ เขาสามารถเปลี่ยนให้เมืองอันรกร้างอย่างเรย์ดันกลับมีกำไรขึ้นมาได้ ดังนั้น กริดจึงเชื่อมั่นชายคนนี้หมดหัวใจ เขาไม่เคลือบแคลงสงสัยในตัวแร็บบิทเลยสักนิด ชายหนุ่มทำเพียงพยักหน้าเบาๆ และเมื่อได้อ่านรายงานบริหารดินแดนที่แร็บบิทส่งมาให้ เขาก็เอ่ยปากถามเรื่องถัดไปทันที
"ดูนี่สิ… หน่วยงานที่ทำกำไรให้เรย์ดันได้มากที่สุดคือการเกษตรงั้นหรือ? พวกเราได้กำไรจากผลผลิตสูงมากถ้าหากเทียบกับต้นทุนที่ใช้ไป ทั้งหมดนี่คือฝีมือของปิอาโร่ใช่ไหม?"
"...ถูกต้อง ทักษะการทำฟาร์มของเซอร์ปิอาโร่นั้นยอดเยี่ยมจนสมควรได้รับการบันทึกลงในประวัติศาสตร์ นายท่านทำถูกต้องแล้วที่ยินยอมให้เซอร์ปิอาโร่ทำหน้าที่ชาวนาต่อไป"
ลอเอลที่ยืนคุยกับกริดมาพักใหญ่ก่อนหน้านี้ เขาได้แสดงท่าทีเห็นด้วยกับคำพูดของแร็บบิท
"ฉันเองก็คิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดมาก ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างนายที่หวังจะให้ปิอาโร่เป็นอริยะดาบมาโดยตลอด ยามนี้กลับยอมรับในความเป็นชาวนาของเขายิ่งกว่าใคร ฉันไม่นึกมาก่อนเลยว่าจะมีวันนี้ได้ นายมันอัจฉริยะและใจกว้างของแท้เลย"
ใจกว้าง? อัจฉริยะ?
'บ้าบอคอแตกสิ้นดี...'
การที่กริดยอมรับให้ปิอาโร่เป็นชาวนาต่อไป สิ่งนี้ไม่ได้มีเบื้องหลังมาจากความใจกว้างหรือการมองการไกลใดๆ ทั้งสิ้น กริดเพียงแค่ต่อสู้อย่างสุดฝีมือแล้วพ่ายแพ้หมดรูปเท่านั้นเอง เป็นผลลัพธ์ที่เขาต้องยอมจำนน แต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจเล่าความจริงอันโหดร้ายและน่าอับอายนี้ให้คนใต้บังคับบัญชาฟังได้ เขาจึงนิ่งเงียบไว้
***
เงินฝากในธนาคารของชินยองวูตอนนี้คือ 5,013,009,281 วอน ยองวูจะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเช็คยอดเงินฝากทุกเช้าอยู่เสมอ ตั้งห้าพันล้านเชียวนะ! เป็นจำนวนเงินราวกับเขากำลังฝันไป โดยทุกๆ วัน ยองวูจะเปิดดูมันและร้องไห้ออกมา
"เมื่อหนึ่งปีก่อน… เรายังเป็นหนี้อยู่เลย... ฮึก!"
ทำไมถึงต้องร้องไห้ทุกครั้งที่เช็คยอดเงินในตอนเช้าด้วยนะ?
ฟุ๊ดดด!
ยองวูหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาสั่งน้ำมูกพร้อมกับเริ่มสวดอ้อนวอนเหมือนกับทุกวัน
"พระเยซู พระพุทธเจ้า เทพทุกองค์ที่อยู่บนโลกนี้และบนสวรรค์ ได้โปรดดูแลกระผมด้วย..."
ยองวูสวดอ้อนวอนอย่างแรงกล้าถึงแม้จะไม่เคยทำบุญกับโบถส์หรือวัดเลยแม้แต่ครั้งเดียว หลังจากนั้นก็เดินตรงไปยังเครื่องชงกาแฟเอสเปรโซ่ที่ซื้อมาได้พักใหญ่ เขากดกาแฟออกมาดื่มไปหนึ่งอึกและยื่นถ้วยให้กับเซฮีที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้อง
"ดื่มซะ สิ่งนี้เรียกว่ากาแฟยามเช้า"
"...หนูไม่ดื่มได้ไหม?"
"ทำไมกัน? ไม่ชอบดื่มอะไรร้อนๆ ตอนเช้างั้นหรือ?"
ยองวูเริ่มคนกาแฟในถ้วย ส่วนเซฮีก็เดินไปนั่งหน้าทีวีพร้อมกับถามว่า
"พี่จะมางานโรงเรียนของหนูไหม?"
งานเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงจะมีขึ้นที่โรงเรียนมัธยมปลายยังก์เลดี้ส์ในอีกสามวันข้างหน้า ภายในงานเต็มไปด้วยสาวสวยของโรงเรียนมากมาย แถมขนาดงานยังใหญ่โตมาก สองสิ่งนี้ได้ดึงดูดให้ผู้คนทั่วไปจำนวนมากเดินทางมาเยี่ยมชม ยองวูพลันนึกถึงข้อความเชิญชวนที่เยริมส่งมาให้เมื่อไม่กี่วันก่อน หลังจากนั้นก็ส่ายศีรษะเบาๆ
"เยริมชวนฉันแล้ว แต่คงไม่ล่ะ"
การกระทำของบราฮัมคงสร้างความเกลียงชังต่อผู้คนไว้ไม่น้อย ป่านนี้กริดคงมีแอนตี้แฟนหลายล้านคนแล้วแน่นอน ยองวูไม่กล้าแม้แต่จะค้นหาข่าวของตนเองในอินเทอเน็ต แถมระยะหลัง เขายังออกจ็อกกิ้งพร้อมกับการปิดหน้าปิดตามิดชิด
'อาจมีใครกำลังคิดลักพาตัวเราไปรุมซ้อมอยู่ก็ได้'
ไม่เหมือนกับผู้ที่ประสบความสำเร็จคนอื่นที่มักจะดื่มด่ำกับชีวิตอย่างเต็มที่ ยองวูเลือกถนอมร่างกายให้มากที่สุด
ทันใดนั้น รอยยิ้มอันแสนพึงพอใจก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเซฮี
"ดีมาก"
เซฮีเดินฮัมเพลงไปยังห้องอาบน้ำอย่างอารมณ์ดี ยองวูเห็นดังนั้นจึงทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ
"เธอยังคงอับอายในตัวพี่ชายคนนี้อยู่สินะ..."
ช่วยไม่ได้ที่ตนจะถูกน้องสาวเกลียดขี้หน้า ก่อนจะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ เขาเคยเป็นภาระและปัญหาของครอบครัวมานานหลายสิบปี ยองวูลุกขึ้นอย่างห่อเหี่ยวพร้อมกับเปิดแคปซูล เขาหวังจะเข้าซาทิสฟายเพื่อทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้นโดยการไปอยู่กับไอรีนและการตีเหล็ก
ในขณะเดียวกัน ภายในห้องนั่งเล่น โทรทัศน์จอยักษ์กำลังฉายภาพข่าวเกี่ยวกับงานเทศการโรงเรียนมัธยมปลายยังก์เลดี้ส์อยู่พอดี
[ มีข่าวลือว่า ดารานำชายชื่อดังอย่างคิมโดฮยุนมีแผนจะเข้าร่วมงานฤดูใบไม้ร่วงของโรงเรียนมัธยมปลายยังก์เลดี้ส์ในปีนี้เช่นกัน ]
ขอบคุณครับ
ReplyDeleteสนุกมากมายครัย
ReplyDelete