จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 333


       องค์ชายลำดับหนึ่ง  เร็น  การเคลื่อนทัพของมันเป็นไปอย่างลับๆ

       หากเปิดเผยข่าวออกไป  รังแต่จะทำให้กริดตื่นตัวและรับมือได้ทัน  เร็นจึงค่อยๆ เคลื่อนพลอย่างเงียบงันผ่านดินแดนของขุนนางฝ่ายตน  แม้วิธีนี้จะใช้เวลานานมากก็จริง  แต่เร็นก็ไม่นึกเสียใจ

       ในสถานการณ์คอขาดบาดตาย  มีแต่ต้องรอบคอบให้มากที่สุดเท่านั้น

       ***

       หนึ่งวันก่อนหน้าที่บุตรชายของกริด  ลอร์ด  จะถือกำเนิดขึ้น  เมืองป้อมปราการแพเทรี่ยนได้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่  เป็นเพราะเร็น  องค์ชายลำดับหนึ่งแห่งอาณาจักรอีเทอนัลได้ทำการเคลื่อนพลเข้าเมืองพร้อมกับทหาร7,000นาย

       "ขอคารวะองค์ชาย"

       เอิร์ลอัชเชอร์ทำการกล่าวทักทาย  แม้เขาจะเป็นถึงหัวรบนิวเคลียร์ที่สามารถตัดสินผลแพ้ชนะของสงครามยุคใหม่  แต่เอิร์ลอัชเชอร์ก็มีหน้าที่ต้องจงรักภักดีต่อราชวงศ์อีเทอนัลอย่างเลี่ยงไม่ได้
       
       "ท่านเอิร์ล  ไม่ต้องมากพิธี  ลุกขึ้นเถอะ"

       องค์ชายเร็นออกอาการกระอักกระอ่วน  แม้จะมีบรรดาศักดิ์ที่สูงกว่าถึงเพียงใด  แต่ตำแหน่งจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ของทวีปก็ไม่ใช่สิ่งที่ดูแคลนได้  สำหรับจักรวรรดิเองก็ไม่มีข้อยกเว้นในเรื่องนี้

       เอิร์ลอัชเชอร์กล่าวถาม
       "เหตุใดองค์ชายถึงมาเยือนพร้อมกับกองทัพใหญ่โตขนาดนี้?"

       องค์ชายเร็นตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา  มันคิดจะทำเช่นนี้แต่แรกอยู่แล้ว

       "โชคดีไม่นัก  อาการประชวรของเสด็จพ่อแย่ลงทุกวัน  ชีวิตของท่านเหลืออยู่อีกไม่มาก  ฉันมาที่นี่ก็เพื่อทำให้อาณาจักรเกิดความสงบสุขและเป็นปึกแผ่น  รางวงศ์จะต้องไม่ถูกสั่นคลอน  กริดจะต้องถูกกำราบ"

       "..."

       เอิร์ลอัชเชอร์เองก็เคยได้ยินข่าวลือถึงสิ่งที่กริดลั่นวาจาไว้เมื่อครั้งจบศึกไรน์ฮาร์ท  หากมองจากตำแหน่งขององค์ชายเร็น  การบุกโจมตีกริดในหนนี้คือสิ่งถูกต้องแล้ว  แต่เอิร์ลอัชเชอร์กลับไม่สบายใจเป็นอย่างมาก  เพราะบุตรชายของตนยังคงตกเป็นตัวประกันในเรย์ดันอยู่  และสงครามอาจทำให้บลันด์เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

       เมื่อองค์ชายเร็นเล็งเห็นถึงสีหน้าเป็นกังวลของเอิร์ลอัชเชอร์  มันก็พูดขึ้น

       "ฉันรู้ถึงสถานการณ์เป็นอย่างดี  บุตรชายเพียงคนเดียว  บลันด์  กำลังถูกจับเป็นตัวประกันอยู่ใช่ไหม?  ด้วยเหตุนี้  เมื่อหลายเดือนก่อน  นายที่ถูกกริดกุมจุดอ่อนไว้จึงจำเป็นต้องออกแรงช่วยเขา"

       "..."

       เอิร์ลอัชเชอร์นิ่งเงียบไม่พูดอะไร  ในฐานะหนึ่งในสิบจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่  เขาไม่อาจกล่าวออกมาได้ตรงๆ ว่ากำลังตกเป็นเบี้ยล่างของผู้อื่น

       องค์ชายเร็นจ้องมองเอิร์ลอัชเชอร์และกล่าวว่า
       "ไม่ต้องห่วง  ฉันจะบุกโจมตีเรย์ดันและช่วยบลันด์ออกมาเอง  ดังนั้น  จงให้ความร่วมมือกับฉัน"

       "องค์ชายมีแผนเช่นไรงั้นหรือ?"

       องค์ชายเร็นเองก็น่าจะรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของกริดเป็นอย่างดี  แล้วเหตุใดถึงได้แสดงท่าทีมั่นอกมั่นใจเช่นนี้?  เอิร์ลอัชเชอร์รอฟังแผนอย่างใจจดใจจ่อ  เร็นจึงทำการแนะนำสุดยอดขุนพลให้เอิร์ลอัชเชอร์รู้จัก  ประกอบไปด้วยแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพหลวง  ชักสเล่ย์  และคนอื่นอีกมากมาย  รวมไปถึงฮูเร็น

       เอิร์ลอัชเชอร์พลันตกตะลึงทันทีที่เห็นขุมกำลังรบ

       'องค์ชายเร็นมีเครือข่ายมากขนาดนี้เชียวหรือ?'

       เมื่อไม่นานมานี้  ชื่อเสียงของชักสเล่ย์นั้นโด่งดังขึ้นมาจากเหตุการณ์ยิงธนูนัดเดียวโดนนกสามตัว  เหตุใดองค์ชายเร็นถึงมีผู้ทรงอิทธิพลต่ออาณาจักรอย่างชักสเล่ย์ให้การติดตามได้?  แถมหนึ่งกองทัพยังมีผู้เล่น (มนุษย์ที่ถูกเทพอวยพร) อย่างฮูเร็นรวมอยู่ด้วย

       นับเป็นขุมพลังที่เอิร์ลอัชเชอร์ไม่อาจวัดความแข็งแกร่งได้

       เร็นอธิบายยังคงต่อไป
       "อันที่จริง  ฉันเองก็ต้องการให้นายเข้าร่วมกองทัพด้วย  แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น  ดยุคกริดอาจใช้บลันด์เป็นตัวประกัน  ฉันคงไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่  ดังนั้น  นายช่วยใช้เวทย์มนต์เคลื่อนย้ายมิติแบบกลุ่ม  เพื่อส่งกองทัพจำนวนสามพันคนไปยังภูเขาอัลเทสจะได้รึไม่?"

       ภูเขาอัสเทส!       

       เป็นภูเขาทางทิศตะวันตกของเรย์ดันซึ่งตั้งอยู่ในดินแดนของจักวรรดิ    หากจะให้เห็นภาพ  ภูเขาอัลเทสจะอยู่ตรงข้ามกับพาเทรี่ยนโดยสิ้นเชิงถ้าวัดจากเรย์ดันเป็นศูนย์กลาง  

       "จะแบ่งกำลังบุกงั้นหรือขอรับ?"

       "ใช่แล้ว  กองทัพของฉันจำนวน4,000จะบุกเข้าไปตรงๆ ทางทะเลทรายเพื่อดึงความสนใจ  ส่วนอีก3,000จะลอบโจมตีเรย์ดันจากด้านหลัง"

       แม้เรย์ดันจะมีอัจฉริยะอยู่มากมาย  แต่จำนวนของกองทัพก็มีเพียง1,000นายเท่านั้น  การแบ่งกำลังบุกอาจเป็นเรื่องที่ดีก็จริง  ทว่าเอิร์ลอัชเชอร์ก็ยังแสดงสีหน้าเป็นกังวล

       จะให้ตนใช้เวทย์มนต์เคลื่อนย้ายมิติแบบกลุ่มกับคนจำนวนมากถึงสามพันเชียวหรือ?

       มันอาจเป็นไปได้กับจอมเวทย์ในตำนานอย่างบราฮัม  แต่สำหรับอัชเชอร์แล้ว  เรื่องนี้ออกจะเกินตัวไปสักหน่อย

       "กระผมสามารถส่งได้แค่2,000คนเท่านั้น  แต่ว่า..."

       ในการจะทำเช่นนั้นได้  เอิร์ลอัชเชอร์ต้องใช้พลังเวทย์ทั้งหมดที่ตนมี  แถมอาจได้รับบาดเจ็บสาหัส  และเขาจะไม่สามารถใช้เวทย์มนต์ได้นานถึงสองสัปดาห์หลังจากนี้ 

       เมื่อองค์ชายเร็นเห็นท่าทีเป็นกังวลของเอิร์ลอัชเชอร์  มันจึงทำการคุกเข่าลง
       "ฉันรู้ว่านี่เป็นคำขอร้องเกินตัว  แต่ได้โปรดเถิด  เอิร์ลอัชเชอร์เอ๋ย  เห็นแก่ราชวงศ์อีเทอนัล...  ไม่สิ  เห็นแก่อาณาจักรนี้และเซอร์บลันด์ด้วย"

       องค์ชายแห่งอาณาจักรกลับคุกเข่าให้ขุนนางชั้นเอิร์ลต่อหน้าทหารหลายพันคน...  หากถึงขั้นนี้แล้วเอิร์ลอัชเชอร์ยังกล้าปฏิเสธ  ชื่อเสียงของเขาจะต้องตกต่ำลงไม่น้อย  สิ่งนี้ทำให้อัชเชอร์ตระหนักได้ทันทีว่า

       'องค์ชายลำดับหนึ่ง...  ดูเผินๆ ภายนอกเป็นคนจิตใจงาม  แต่ในใจกลับเล่นตุกติกได้เฉลียวฉลาดไม่เบา'

       ในที่สุด  อัชเชอร์ก็เข้าใจว่า  เหตุใดเร็นจึงสามารถรวบรวมผู้มีพรสวรรค์มากมายไว้ในมือได้

       'บางที  เขาอาจรับมือกับปีศาจที่ชื่อกริดได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ'

       เอิร์ลอัชเชอร์แสยะยิ้มทันทีเมื่อได้ยินแผนการจากองค์ชายเร็น  

       "เข้าใจแล้วขอรับ  กระผมจะทำตามที่องค์ชายต้องการ  แต่ด้วยความไร้พลัง  กระผมจึงสามารถใช้เวทย์เคลื่อนย้ายแบบกลุ่มได้เพียงสองพันคนเท่านั้น"

       "แค่นั้นก็พอแล้ว!  ขอบคุณมากที่ทำเพื่ออาณาจักร!"

       องค์ชายเร็นหลั่งน้ำตาทันที  เอิร์ลอัชเชอร์รู้ดีว่าน้ำตานี้เป็นการเสแสร้ง  แต่เหล่าทหารกลับไม่รู้เลย

       "เฮ้~~~!"

       "ฮูเร่!  องค์ชายลำดับหนึ่ง!"

       "ฮูเร่!  เอริลอัชเชอร์!"

[ ขวัญกำลังใจกองทัพเพิ่มขึ้น  ค่าสถานะทุกชนิดของทหารเพิ่มขึ้น 5%  ค่าเรี่ยวแรงของทหารลดลงช้ากว่าปรกติ  เอฟเฟคนี้จะคงอยู่ไปตลอดจนกว่าขวัญกำลังใจกองทัพลดลง ]

       ถือเป็นฤกษ์งามยามดีตั้งแต่ต้น

       ฮูเร็นแสยะยิ้มให้กับข้อความระบบตรงหน้า

       "จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างเอิร์ลอัชเชอร์  ที่เป็นก้างขวางคอชิ้นโตของการรุกรานโดยเจ็ดกิลด์ใหญ่เมื่อคราวก่อน  บัดนี้ได้มาอยู่ฝั่งของฉันแทนแล้ว  เป็นยังไงบ้างบันนี่บันนี่?  เห็นรึยังว่าฉันไม่เหมือนกับพวกโง่เจ็ดกิลด์ใหญ่นั่น"

       ฮูเร็นต้องการจะแก้แค้นกริดและกอบกู้ชื่อเสียงตนเองคืนมา  มันจึงนำนักจัดรายการเกมอันดับหนึ่งมาติดตามทำข่าวด้วย  บันนี่บันนี่ที่กำลังใช้กล้องถ่ายภาพเหตุการณ์เก็บไว้ได้ยกนิ้วขึ้น

       "ฉันยอมรับว่านายเจ๋งกว่าพวกเจ็ดกิลด์ใหญ่มาก"

       อันที่จริง  แม้สิ่งนี้จะเป็นความดีความชอบขององค์ชายเร็น  แต่ฮูเร็นก็หาได้สนใจ  เพราะมันคือฝ่ายที่สามารถตระหนักถึงฝีมือขององค์ชายเร็นและตกลงร่วมทำภารกิจตั้งแต่แรก

       ***

============================
ชื่อ : คาริน
อายุ : 21 ปี
เพศ : หญิง
ตำแหน่ง : ทหาร
สมญานาม : รอยแมน
* ชื่อที่ใช้ในการปลอมตัวเป็นชายและเข้าร่วมกับกองทัพ  เธอรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าตนเองคือเพศชาย  ทำให้ค่าพละกำลังเพิ่มขึ้น 5%  แต่แลกมาด้วยเสน่ห์ดึดดูดเพศตรงข้ามที่ลดลง
สมญานาม : ดาวดวงใหม่แห่งดินแดนตะวันตก
* อัจฉริยะระดับภูมิภาค  เลเวลและทักษะจะพัฒนาเร็วกว่าปรกติ 20%  หากอยู่ในทะเลทราย  ค่าสถานะทุกชนิดจะเพิ่มขึ้น 150%
สมญานาม : อยู่ในความดูแลของตำนาน
* เธอได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากผู้เป็นตำนาน  ปิอาโร่ได้ฝึกฝนคารินมากกว่าใครในกองทัพ  ทำให้ค่าสถานะพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด  จนอาจเรียนทักษะใหม่ได้ในเร็ววัน
_____________________________________
พละกำลัง : 630 (▲)
ความอดทน : 331 (▲)
ความว่องไว :  655 (▲)
สติปัญญา : 99 (▲)
ความเชื่อ : 10
_____________________________________
รายการทักษะ : 
- ความชำนาญธนูขั้นต้น (F)
- ความชำนาญโล่ขั้นต้น (F)
- ความชำนาญดาบขั้นกลาง (F)
- ทำฟาร์ม (B)
- สายเลือดยอดเยี่ยม (A)
- ดาบกู้ชีพ (S)
_____________________________________
       ในสมัยที่เรย์ดันยังถูกเรียกว่าเป็นเมืองหลวงแห่งที่สอง  คารินคือบุตรสาวของนักรบอันดับหนึ่งแห่งเรย์ดัน  เธอเคยฝึกฝนวิชาดาบอย่างหนักเพื่อต้องการจะเป็นนักดาบเหมือนกับพี่ชาย
       แต่แล้วราวสิบปีก่อน  ดั่งพระเจ้าเล่นตลก  เรย์ดันกลายเป็นเพียงเมืองทะเลทรายอันรกร้าง  ความฝันต้องคารินต้องพังทลายเมื่อบิดาเสียชีวิตให้กับมอนสเตอร์  ส่วนพี่ชายก็หายตัวไปในเมืองแวมไพร์         ทำให้สถานะทางสังคมและบรรดาศักดิ์ขุนนางต้องเสื่อมสลายไป  ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเธอคือผู้สืบสายเลือดของใคร
       เรย์ดันเข้าสู่ความล่มสลาย  คารินทำได้เพียงรอการกลับมาของพี่ชายอย่างมีหวัง  แต่แล้ววันหนึ่ง  ดยุคกริดก็ปรากฏตัวขึ้น  เขาได้กอบกู้และฟื้นฟูเรย์ดันกลับมาอีกครั้ง  คารินรู้สึกติดหนี้บุญคุณดยุคกริดมาก  ที่ทำให้ตนยังมีโอกาสรอคอยการกลับมาของพี่ชายต่อไป
       เธอจึงละทิ้งเพศสภาพและเข้าร่วมกับกองทัพเพื่อทดแทนคุณดยุคกริด
============================

       เมื่ออ่านจบ  กริดพลันสั่นระริก

       "สุดยอด..."

       คารินเองก็เป็นเอ็นพีซีพิเศษที่ไม่มีค่าสถานะขีดจำกัดสูงสุด  ว่ากันว่า  เอ็นพีซีพิเศษเหล่านี้หาได้ยากยิ่งกว่าการถูกรางวัลที่หนึ่ง  แต่รอบตัวเขากลับมีอยู่มากมาย

       'ดวงของเราค่อยๆ ดีขึ้นแล้วสินะ'

       ชายหนุ่มคิดเข้าข้างตัวเอง  แต่อันที่จริงแล้ว  มันก็ไม่ใช่เรื่องของดวงเสียทั้งหมด  ต้องอย่าลืมว่าเขาเป็นถึงช่างตีเหล็กในตำนานและดยุคของอาณาจักร  แม้รอบกายจะยังมีบริวารไม่มาก  แต่ทุกคนที่แสวงหาพลังและความยิ่งใหญ่ย่อมถูกดึงดูดเข้าใกล้

       "น่าเสียดายที่เธอเป็นผู้หญิง"

       หากมองดูให้ดี  หน้าตาของคารินเองก็สะสวยไม่เบา  แม้จะมีผิวหนังหยาบกร้านและผมสั้นที่ขาดการบำรุง  แต่ริมฝีปากอันอวบอิ่มและขนตายาวงอนนั่นก็ทำให้ดูมีเสน่ห์ไม่น้อย

       "ผู้หญิง?"

       ปิอาโร่ขมวดคิ้วอย่างไม่เชื่อหู  รอยแมนที่แสนมีระเบียบวินัยและเข้มแข็งคนนั้นน่ะหรือจะเป็นหญิงไปได้?  ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ...   

       ในขณะที่กริดกำลังจะอธิบายกับปิอาโร่  

       "นายเองก็ไม่เชื่อใช่ไหม?  แต่เธอน่ะเป็น--"

       "ดยุคกริด!!"

       รอยแมนคุกเข่าลงและจ้องมองกริดด้วยสายตาอ้อนวอน

       "ผมเป็นผู้ชาย!  ความฝันของผมคือการได้เป็นอัศวินผู้เก่งกาจคอยรับใช้ข้างกายท่าน!"

       "..."

       ได้โปรดเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วย...  กริดไม่ใช่คนโง่  เขารู้ดีว่ารอยแมนต้องการจะสื่อความหมายเช่นนั้นออกมา

       "ฉันล้อเล่นน่า!  จริงสิ...  มีของขวัญมามอบให้นาย"

       กริดเปิดกระเป๋าสัมภาระออก

       ภายในกระเป๋าสัมภาระ  มี<เซ็ตกริดรุ่นผลิตจำนวนมาก>กว่า31เซ็ตถูกเรียงไว้ตามชนิดไอเท็ม  อันที่จริงยังมีอีกมากกว่า100เซ็ต  แต่ด้วยน้ำหนักที่เกินกว่าจะแบกไหว  กริดจึงเก็บมันไว้ในคลังแทน  เซ็ตที่อยู่ในคลังทั้งหมดล้วนเป็นเกรดทั่วไปถึงแรร์

       ในทางกลับกัน  เซ็ตที่กริดเก็บไว้กับตัวจึงเป็นเกรดอีปิกขึ้นไปทุกชิ้น

       "เอาล่ะ  ลองสวมดู"

       กริดมอบเซ็ตเกรดยูนีคให้รอยแมน  ซึ่งนับว่าเป็นเกรดสูงที่สุดที่เขามีแล้ว

       "ร--เราต้องฝันไปแน่..."

       ตัวตนอันยิ่งใหญ่อย่างดยุคกริด  เป็นผู้มอบชุดศึกให้กับตนโดยตรงงั้นหรือ?  รอยแมนที่กำลังตื้นตันใจได้รีบรับไอเท็มไว้  กริดยืนมองชายหนุ่ม(?)ซึ่งเปี่ยมไปด้วยน้ำตาอย่างเอ็นดู  หลังจากนั้นก็ออกคำสั่ง

       "เอาล่ะ  สวมให้ฉันดูหน่อย"

       "ด--ได้ขอรับ!"

       รอยแมนหอบเซ็ตกริดพร้อมกับวิ่งกลับเข้าไปในค่ายทหาร  ปิอาโร่แสดงสีหน้าไม่พอใจทันที

       "เด็กคนนั้นชอบแอบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าคนเดียวเสมอ  นั่นคือข้อเสียไม่กี่อย่างของเขา"

       "..."

       กริดเคยได้ยินมาบ้างว่า  ปิอาโร่ไม่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก่อน  ดูเหมือนชายคนนี้จะไม่เข้าใจหัวอกผู้หญิงเท่าใดนัก  จึงไม่แปลกที่จะแยกไม่ได้ว่ารอยแมนเป็นหญิงหรือชาย  อันที่จริง  ถ้ากริดไม่ได้ใช้ดาบของลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่ตรวจสอบดู  เขาเองก็คงจะไม่รู้เหมือนกัน

       หลังจากนั้นไม่นาน

       "ส--สุดยอดมาก!"

       รอยแมนวิ่งออกมาจากค่ายทหารโดยสวมชุดศึกสีเทาซื้อทำจากเหล็กกล้าและเหล็กนิล

       "เป็นยังไงบ้าง?  ชอบไหม?"

       "ไม่ได้แค่ชอบ...  แต่ชอบมาก!  ผมไม่เคยเห็นชุดศึกที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้มาก่อน!  ส--สามเท่า...  ไม่สิ!  ผมคิดว่าตนเองแข็งแกร่งขึ้นสี่เท่าเห็นจะได้"

       "สิ่งนั้นเรียกว่า...  พลังแห่งไอเท็มยังไงล่ะ"

       "พลังแห่งไอเท็ม...?  ถึงผมจะไม่รู้ว่ามันหมายความถึงอะไร  แต่ก็สุดยอดมาก!"

       ด้วยความตื่นเต้น  โทนเสียงของรอยแมนจึงสูงขึ้นเรื่อยๆ จนคล้ายผู้หญิง  เป็นอีกครั้งที่ปิอาโร่ขมวดคิ้ว  เขาต้องการจะดัดนิสัยที่ไม่ค่อยสมกับชายชาตรีของรอยแมนให้ได้

       "ถ้าหากนายรู้สึกว่าแข็งแกร่งขึ้นสี่เท่าจริง...  ถ้าอย่างนั้น  ฉันจะฝึกให้หนักขึ้นกว่าเดิมอีกสี่เท่าก็แล้วกัน"

       "เห?  อ--เอาจริงหรือ?"

       "ฉันเคยล้อเล่นรึไง?"

       "..."

       เดิมที  เธอก็ต้องฝึกหนักกว่าคนอื่นมากเป็นเท่าตัวอยู่แล้ว  แถมเมื่อตกเย็น  รอยแมนก็ต้องตามปิอาโร่ไปทำฟาร์ม  แล้วนี่ยังจะหนักขึ้นอีกสี่เท่าอีกงั้นหรือ?  รอยแมนทำได้เพียงสั่นระริกอย่างหมดแรงเหมือนกับลูกสุนัขที่กำลังหวาดกลัว

       แต่ปิอาโร่ก็หาได้มีความปราณี
       
       "เอ้า!  วิ่งไปยังภูเขาอัลเทสรวดเดียวโดยไม่ต้องหยุดพัก!  ปฏิบัติ!"

       "ภ--ภูเขาอัลเทส?  ใช้เวลาตั้งสองวันเชียวนะกว่าจะวิ่งไปถึง!"

       "พวกเราจะกลับมาถึงที่นี่ก่อนพรุ่งนี้เช้า!"

       "ป--ปิอาโร่!"

       ไฟการสอนสั่งในตัวปิอาโร่กำลังลุกโชนอย่างร้อนแรง  รอยแมนจึงต้องตกอยู่ในขุมนรกของการฝึกโหดไปอีกพักใหญ่  เมื่อคนทั้งคู่เริ่มวิ่งหายไปจากสายตา  สีหน้าของกริดก็กลับมาเป็นกังวลอีกครั้ง  

       เพราะเมื่อลองนึกดูให้ดี... รอยแมนมีทักษะการทำฟาร์มติดตัวด้วยใช่ไหม?

       "หน่วยพิเศษของปิอาโร่... คงไม่ใช่ว่าเป็นหน่วยทำฟาร์มหรอกนะ...?  เป็นไปไม่ได้หรอกน่า"

       ไม่มีทาง  เขาคงคิดมากไปเอง  กริดเดินจากไปอย่างเงียบงัน

       ***

       ในเวลาเดียวกัน  ณ ภูเขาอัลเทส

       ซู่ววว!  ซู่วววว!

       ลำแสงนับพันจุดสว่างขึ้น  ฮูเร็นและบันนี่บันนี่กำลังยืนอยู่หน้าสุดของกองทัพจำนวน2,000นายที่ถูกส่งมา

       "หลังจากนี้จะเป็นวีรกรรมอันโด่งดังของฮูเร็น  ฉันหวังว่านายจะบันทึกภาพไว้ได้ทั้งหมดนะ"

       "ฮิฮิ  เชื่อมือฉันได้เลย"

       ฮูเร็นที่เคยกลายเป็นตัวตลก  ยามนี้กำลังจะกลับมาแก้แค้นกริดอีกครั้ง  ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร  แต่หากบันนี่บันนี่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ได้อย่างละเอียด  เขาก็จะรวยล้นฟ้าเพียงชั่วข้ามคืน

       'ขอให้มีฉากเด็ดเยอะๆ ก็แล้วกัน!'

       เขาต้องการให้การปะทะระหว่างสองสุดยอดผู้เล่นเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ  การต่อสู้คราวนี้จะต้องได้รับความนิยมมากแน่  นี่คือสิ่งที่บันนี่บันนี่ควาดหวัง

       ***

       "ฉันหวังว่าเธอจะเคลียร์หน้าดินในบริเวณนี้ได้เรียบร้อยนะ"

       "ปิอาโร่  ทำไมจู่ๆ คุณถึงหยิบคราดเล็กออกมา?"

       "นี่เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝน  และในขณะที่ทำฟาร์ม  จงถอดชุดศึกเก็บไปซะ  นายต้องสัมผัสธรรมชาติด้วยร่างกายให้มากเข้าไว้"

       "...ครับ"

       ห่างออกไปไม่ไกล  กองทัพอันยิ่งใหญ่ของฮูเร็นและบันนี่บันนี่ก็กำลังเคลื่อนพลมุ่งหน้ามาหาคนทั้งสอง

Comments

  1. เละแน่นอน กองทัพ2000คน

    ReplyDelete
  2. มาแก้แค้น แต่ดันมาเจอเอ็นซีพีพิเศษ สองคน ปิอาโร่ กับรอยแมน งานนี้มีจุก ฮูเร็น โดนชาวนาในตำนานฆ่าตาย แถมโดนบันทึกเหตุการณ์อีก รู้ถึงไหน อายถึงนั้น

    ReplyDelete
    Replies
    1. กิลด์ใหญ่ยังตายหมดกิลด์ แค่NPCทหารกับผู้เล่นแค่นี้จะไปเหลืออะไร

      Delete
  3. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete
  4. ขอบคุณมากครับ

    ReplyDelete
  5. 2 พันคนโดน NPC 2 คนเกิบหมด

    ReplyDelete
  6. ฮูเร็น5วิจะกลายเป็นฮูเร็นเจอชาวนาตบสิ้นะ

    ReplyDelete
  7. โดนชาวนาในตำนานตบแน่ๆ555

    ReplyDelete
  8. ปิอาโร่ชั่งหมานตีนดีจิงๆ

    ReplyDelete
  9. ปิอาโร่มารอรับชาวนาจำเป็น

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00