จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 338



       "แฮ่ก… แฮ่ก..."

       เขาถึงขีดกำจัดร่างกายตนเองนานแล้ว  แต่เหตุผลเดียวที่ยังทำให้ลาเด็นกำดาบไว้อยู่  จนกว่ามาร์ควิสสไตมจะได้รับข่าวนี้และตัดสินใจทำบางสิ่ง  ลาเด็นจะต้องถ่วงเวลาถึงตอนนั้นให้ได้  แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม

       แต่มันก็จบสิ้นแล้ว  ทันทีที่กองทัพ5,000นายมาถึง  ความสิ้นหวังได้ทำให้ร่างกายและจิตใจลาเด็นอ่อนแรง

       "จงก้มหัวให้องค์ชายซะ!"

       ชักสเล่ย์ใช้แรงที่มีมากกว่า  ฝืนให้ลาเด็นต้องก้มหัวลง

       "อ--อั่ก...!"

       ลาเด็นไม่ต้องการจะก้มศีรษะเลยสักนิด  ราชวงศ์อีเทอนัลแล้วไง?  ว่าที่กษัตริย์คนต่อไปแล้วไง?  ไม่ว่าจะมีบรรดาศักดิ์ระดับไหน  แต่มันก็คือศัตรูของนายท่าน!

       "อย่าขัดขืนสิวะ!"

       ชักสเล่ย์ออกแรงกดหัวลาเด็นให้ก้มลง  แม้จะใช้กล้ามเนื้อส่วนคอขัดขืนอย่างสุดความสามารถ  แต่ก็ต้องลงเอยด้วย  ศีรษะของลาเด็นก้มลงไปขนานกับพื้น  ชักสเล่ย์ลิ้มอย่างพึงพอใจพร้อมกับหันไปโค้งคำนับองค์ชาย

       "คารวะองค์ชาย!"

       "เหนื่อยหน่อยนะ"

       องค์ชายเร็นพูดกับชักสเล่ย์ก่อนจะหันไปมองลาเด็น

       "นายคือคนที่เอาชนะเบย์ด้ามาได้งั้นหรือ?  ด้วยอายุเท่านี้  นับว่ามีฝีมือมากทีเดียว  ในตอนแรก  ฉันเคยคิดว่าแดนเหนือจะมีดีแค่ฟินิกซ์เสียอีก  ดูเหมือนจะเป็นอดีตไปแล้วสินะ?"

       "..."

       ลาเด็นนิ่งเงียบ  แต่เพียงเท่านี้ก็มากพอสำหรับกระตุ้นต่อมโทสะพวกเชื้อพระวงศ์และชักสเล่ย์

       "แกนะแก!  คนชั้นต่ำอย่างแกควรจะดีใจที่องค์ชายลดตัวลงมาพูดด้วย!"

       "หุบปากซะ!  ฉันไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเกียรติเลยสักนิด!"

       "ใจเย็นก่อน"

       เร็นกวาดสายตาไปมองกองทัพแดนเหนือที่ยืนสั่นกลัวอยู่ด้านหลัง  ในยามนี้  พวกเขาคือศัตรูของราชวงศ์และทัพหลวง  คงมีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะไม่รู้ว่า  สิ่งที่รออยู่คือโทษตายสถานเดียว  แต่เร็นกลับอมยิ้มอย่างอ่อนโยนให้พวกเขา

       "พวกนายเองก็เป็นชาวอีเทอนัล  หากเลือกติดตามรับใช้ฉัน  ผู้สืบทอดคนต่อไปของราชวงศ์  ฉันจะรับรองความปลอดภัยและลืมความผิดที่พวกนายเคยก่อขึ้นทั้งหมด"

       อันที่จริง  ทุกคนล้วนเป็นทหารของอาณาจักรเดียวกัน  คำพูดของเร็นทำให้กองทัพแดนเหนือเริ่มใจอ่อน  พวกเขาหันมองหน้ากันเองอย่างสับสนเมื่อได้ยินโอกาสรอดชีวิต

       ทันใดนั้น  ลาเด็นได้ตะโกนขึ้นด้วยพละกำลังทั้งหมดที่เหลืออยู่
       "ผู้เดียวที่คอยช่วยเหลือพวกเรายามเดือนร้อนคือท่านมาร์ควิสสไตม!!  หาใช่กษัตริย์!  ผู้คนแดนเหนือมีความสุขได้อย่างทุกวันนี้เพราะท่านมาร์ควิส!  พวกเราลั่นสัตย์สาบานว่าจะรับใช้ท่านมาร์ควิสจนกว่าชีวิตจะหาไม่!  ฉันไม่ยอมรับข้อเสนอของพวกแกเด็ดขาด!"

       เดิมที  ดินแดนตอนเหนือนั้นเปี่ยมไปด้วยภัยสงคราม  หากไม่ใช่กับมอนสเตอร์ดุร้าย  ก็เป็นกับมนุษย์เผ่าพันธุ์ป่าเถื่อนด้วยกันเอง  อาณาจักรอีเทอนัลเคยถอดใจคิดยอมแพ้ในการกอบกู้แดนเหนือมาแล้ว  แต่มีชายคนหนึ่งที่ไม่ยอม  เขาลุกขึ้นสู้เพื่อประชาชนและรวบรวมดินแดนให้เป็นปึกแผ่น  เป็นเพราะเขา  ชาวเมืองแดนเหนือทุกคนถึงมีชีวิตที่ดีเฉกเช่นทุกวันนี้ได้  ไม่ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง  

       และชายคนนั้นก็คือ  มาร์ควิสสไตม  เขาไม่เคยท้อแท้แม้ทางอาณาจักรจะเลิกให้การสนับสนุน  มาร์ควิสสไตมมีภาวะผู้นำและศิลปะในการบริหารที่เป็นเลิศ  เพียงไม่ทางก็สามารถทำให้แดนเหนือสงบสุขได้

       มาร์ควิสสไตมเป็นทั้งวีรบุรุษและผู้มีพระคุณของชาวแดนเหนือทุกคน  เมื่อกองทัพแดนเหนือได้ยินเสียงปลุกใจของลาเด็น  ทุกคนก็พลันตาสว่าง  ไม่มีใครคิดยอมจำนนอีก  ทุกคนลุกโชนไปด้วยไฟการต่อสู้จนถึงหยดสุดท้ายของชีวิต  อาวุธในมือถูกกำแน่น  ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความเตรียมใจที่จะตาย

       "ดูเหมือนคนพวกนี้กำลังตื่นเต้นที่จะตายได้ตายสินะ"

       สีหน้าขององค์ชายเร็นพลันบิดเบี้ยวทันทีเมื่อต้องพลาดการคว้าตัวทหาร1,000นายไว้เป็นบริวาร  มันเผยธาตุแท้ออกมาด้วยการหันไปออกคำสั่งกับชักสเล่ย์

       "ฆ่าพวกสุนัขไร้ประโยชน์ให้หมด"

       "ขอรับ!"

       ชักสเล่ย์ขานรับพร้อมกับหันคมดาบไปจ่อที่คอลาเด็น  แต่ลาเด็นก็มิได้นึกเสียใจกับการกระทำของตน  เขายอมตายอย่างมีเกียรติมากกว่าต้องทรยศผู้เป็นนาย

       'ดยุคกริด… ได้โปรด  คุ้มครองนายท่านด้วย'

       วีรบุรุษแห่งอาณาจักร  สมญานามนี้ไม่ได้มาโดยง่าย  ลาเด็นมั่นใจว่ากริดมีพลังพอจะก้าวข้าวอุปสรรค์ครั้งนี้ไปได้  เขาจึงหลับตาลงรอรับความตายอย่างสงบ

       เคร้งงง!

       ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ  ฝ่ามือสีทองได้พุ่งผ่านทหารหลายพันคนด้วยความเร็วสูง  ของวิเศษชิ้นนี้ได้ช่วยชีวิตลาเด็นไว้อย่างฉิวเฉียด

       'นี่มันอะไร?'

       ดวงตาของชักสเล่ย์พลันเบิกโพลง  ฝ่ามือสีทองปริศนาได้พุ่งเข้ามาปกป้องลาเด็นพร้อมกับถืออาวุธล้ำค่าอยู่ในมืองั้นหรือ?  แม้มันจะไม่ได้มีวิชาดาบที่เก่งฉกาจ  แต่ชักสเล่ย์ก็ต้องยอมรับในความว่องไว  

       "ใครมันบังอาจ!!"

       ชักสเล่ย์ตะโกนขึ้นอย่างหงุดหงิดในขณะปัดป้องการโจมตีจากมือสีทอง

       คำตอบได้ดังลงมาจากท้องฟ้า

       "ดยุคยังไงล่ะ"

       "...!"

       เป็นเสียงที่ฟังดูสงบนิ่งและผ่อนคลาย  ท่ามกลางสนามรบ  ทั้งลาเด็น  ชักสเล่ย์  องค์ชายเร็น  และทหารทุกคนต่างมองขึ้นไปเป็นตาเดียว  ชายผมดำร่างกายกำยำ  บนศีรษะสวมมงกุฏสีเงิน  ชุดเกราะสีแดงสลับทอง  รองเท้าสีดำสนิทที่แสนดุดันองอาจ  เขากำลังมองลงมายังสนามรบเบื้องล่างด้วยสายตาเย้ยหยัน

       "พวกสุนัขย่อมต้องไปไหนมาไหนเป็นฝูงสินะ… ช่างน่าสมเพช"

       ชายผู้เย่อหยิ่งจองหองคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น  เป็นกริด  สามัญชนหนึ่งเดียวที่สามารถก้าวขึ้นไปถึงขุนนางชั้นดยุคได้  แค่เพียงการปรากฏตัวก็มากพอจะเปลี่ยนกระแสของสงครามได้แล้ว

       "กริด...!"

       "ดยุคกริด!!"

       กองทัพ5,000นายพลันต้องหดเกร็งเพราะชายเพียงคนเดียว  ในทางกลับกัน  กองทัพแดนเหนือทั้ง1,000นายก็กำลังโห่ร้องอย่างดีใจ

       ***

       รองเท้าว่องไวนั้นขึ้นชื่อด้านความเร็วในการวิ่ง  แม้จะต้องแลกมาด้วยกับค่าเรี่ยวแรงที่ลดลงเร็วขึ้นสองเท่า  แต่ความเร็วในการวิ่งนั้นจะเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าบนทุกพื้นผิว

       บันนี่บันนี่วิ่งข้ามผ่านทะเลทรายจนตามกองทัพของเร็นได้ทัน

       'เรามาทันเวลาพอดี!'

       บันนี่บันนี่ออกอาการโล่งใจพร้อมกับสลับเป็นโหมดบันทึกภาพ

       ฟ้าวว!

       "นั่นมันอะไร...?"

       มีบางสิ่งได้บินผ่านศีรษะของบันนี่บันนี่ไปด้วยความรวดเร็ว  ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นนกตัวใหญ่  แต่เมื่อทำการซูมเข้าไป  ก็ต้องพบกับกริด

       "นั่นสินะ...!"

       บันนี่บันนี่จับภาพการปรากฏตัวของกริดในยามที่เกือบจะสายไป  หากช้ากว่านี้อีกเพียงนิดเดียว  กองทัพแดนเหนือคงถึงคราวจบสิ้น  กริดเคยทำเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง  ทั้งในงานแข่งนานาชาติหนแรก  และในสงครามไรน์ฮาร์ท  ดูเหมือนกริดจะเป็นเหมือนกับวีรบุรุษในภาพยนตร์  ที่สามารถเรียกเสียงเชียร์จากคนดูได้จากการโผล่ออกมาอย่างเหมาะเจาะ

       'ทำไมเราถึงเพิ่งจะนึกเรื่องนี้ขึ้นได้นะ?'

       ไม่เหมือนกับดาราซาทิสฟายคนอื่น  กริดมีแอนตี้แฟนที่คอยตามเกลียดชังอยู่มาก  เป็นเพราะเขาขึ้นชื่อในด้าน<ไอเท็มดีแต่เล่นห่วย>  บันนี่บันนี่เองก็เคยคิดเช่นนั้น  เขาเคยไม่ชอบหน้ากริดสักเท่าไร  เพราะด้วยคาแรคเตอร์แบบนี้แล้ว  คงเป็นการยากที่จะทำให้กริดกลายเป็นพระเอกและมีคนติดตามดูจำนวนมาก  

       ไม่ใช่งานง่ายเลยสักนิด 

       บันนี่บันนี่มองกริดผ่านแว่นกันแดดสีดำมาโดยตลอด  เป็นแว่นกันแดดที่ฉาบไว้ด้วยอคติบางประการ  จนทำให้มองไม่เห็นความจริงง่ายๆ ที่ซ่อนอยู่  ทว่าตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว  ในที่สุดบันนี่บันนี่ก็ตระหนักได้ว่า  ตนเองก็เป็นหนึ่งในคนที่พึ่งพาไอเท็ม  หากไม่มีรองเท้าว่องไวล่ะก็  ตัวเขาคงไม่สามารถมาถ่ายฉากนี้ได้ทันเวลา  ไอเท็มคือส่วนสำคัญในซาทิสฟายอย่างที่ไม่มีใครปฏิเสธได้  และการที่มีสิทธิได้ครอบครองไอเท็มระดับสูงกว่าผู้อื่น  สิ่งนี้ก็นับเป็นพรสวรรค์เช่นกัน  บันนี่ต้องถอดแว่นกันแดดที่ฉาบไปด้วยอคติของตนออกก่อน  แล้วมองกริดใหม่อย่างชัดเจนเต็มสองตาอีกครั้ง

       ความคิดไม่เข้าท่าถูกสลัดทิ้งไป  เขาเริ่มจับภาพสนามรบโดยมีกริดเป็นศูนย์กลาง

       "กริด...!  แสดงให้ฉันเห็นหน่อยเถอะ  ว่านายเหมาะจะเป็นฮีโร่ของทุกคน!"

       และในภายหลัง  วิดีโอของบันนี่บันนี่จะถูกเผยแพร่ออกไปพร้อมกับสร้างเสียงเชียร์ให้กับผู้คนทั้งโลก

       ***

[ ดาบแห่งลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่ ]

       มันคือดาบหายากที่จะมอบให้กับลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น  คุณสมบัติของดาบจัดว่ายอดเยี่ยมมาก  สามารถทำให้ผู้สวมใส่มองเห็นรายละเอียดทุกอย่างของเอ็นพีซีที่อยู่ตรงหน้าได้  แต่ปัญหาก็คือ  ดาบเล่มนี้ไม่อาจใช้ตรวจสอบเอ็นพีซีในคราวละมากๆ ได้พร้อมกัน

       ทว่า… ปัญหานี้ก็หมดไปเมื่อกริดมีค่าวิสัยทัศน์ที่สูงมากพอ  ค่าวิสัยทัศน์ได้ส่งเสริมให้ทักษะ<ตรวจสอบรายละเอียดตัวละคร>ที่ติดมากับดาบมีประสิทธิภาพสูงขึ้น  กริดจึงสามารถใช้ดาบแห่งลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่ตรวจสอบรายละเอียดเอ็นพีซีทุกคนในสนามรบอย่างคร่าวๆ ได้

       แม้ข้อมูลที่ได้จะไม่ใช่รายละเอียดเชิงลึกก็ตาม

ชื่อ : ชักสเล่ย์-โลคาน
เลเวล : 313

ชื่อ : เฟอเรลล์-ชาอิฟา-ดูบง
เลเวล : 305

ชื่อ : อันดู
เลเวล : 301
...
...

       นอกจากรายละเอียดอัศวินกองทัพหลวงแล้ว

ชื่อ : ลาเด็น
เลเวล : 258
...
...

       ยังมีอัศวินแดนเหนือ  รวมไปถึงทหารทัพหลวงและทัพแดนเหนืออีกจำนวนมาก  กริดสามารถตรวจสอบชื่อและเลเวลของทุกคนได้  แต่ไม่อาจลงลึกไปถึงแต้มสถานะหรือทักษะต่างๆ  นั่นคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยกับจำนวนเอ็นพีซีมากมายหลายพันขนาดนี้  

       ทว่า… แค่ชื่อกับเลเวลก็เพียงพอแล้วสำหรับกริด

       'ทัพหลวงมีเลเวลเฉลี่ยอยู่ที่130สินะ… สูงเอาเรื่องแฮะ'

       ทหารของกองทัพแดนเหนือจะมีเลเวลเฉลี่ยราว110  ซึ่งทหารของกองทัพหลวงจะสูงกว่าราว20ระดับ  อันที่จริง  ทหารกองทัพแดนเหนือก็ไม่ถือว่าเลเวลน้อย  เพราะทหารวินสตันในอดีตยังมีเลเวลไม่ถึง100เลยด้วยซ้ำ  แต่เป็นทางทหารของทัพหลวงเสียเองที่มีเลเวลอยู่ในระดับหัวกะทิ  เพราะพวกมันได้คัดคนมาแล้วจากทั่วทั้งอาณาจักร

       'แต่แล้วยังไงล่ะ?'

       ทหารพวกนี้เทียบไม่ได้กับกองทัพเรย์ดันเลยสักนิด  เพราะเลเวลเฉลี่ยของทหารเรย์ดันคือ148

       'และในวันนี้  ทุกคนจะกลายเป็น160!'

       แสยะ!

       กริดเผยรอยยิ้มอันสุดแสนชั่วร้ายออกมา  มากพอจะทำให้ทหารของทัพหลวงเกิดการระส่ำระสาย  ชายหนุ่มไม่รีรอ  เขารีบเก็บดาบแห่งลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่และสลับไปสวมรองเท้ากริดแทนรองเท้าบราฮัมทันที  

[ ท่านไม่สามารถใช้เวทย์บินได้  สถานะบินถูกยกเลิก ]
[ ท่านกำลังร่วง ]

       ฟ้าวววว!

       รองเท้ากริดขึ้นชื่อในด้านความหนัก  ทันทีที่ฝ่าเท้ากระแทกพื้น  เกิดเป็นฝุ่นทะเลทรายคละคลุ้งไปทั่วบริเวณท่ามกลางสนามรบ

       "ด--ดยุคกริด!"

       ลาเด็นถึงกับอึ้งไปพักใหญ่  เพราะเขาไม่เข้าใจเลยว่า  เหตุใดกริดต้องละทิ้งความได้เปรียบบนท้องฟ้าและลงมาชุลมุนให้เสี่ยงอันตรายด้วย?  

       กริดชำเลืองหางตามามองลาเด็นอย่างเหยียดหยัน

       "นายมันอ่อนแออย่างที่ฉันคิด"

       "อ--เอ๋?"

       "ฉันรู้อยู่แล้วตั้งที่ตอนที่นายทำเป็นอวดเก่ง  แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง  ฝีมือของนายไม่ได้ความเอาเสียเลย"

       กริดใช้เหตุผลสามข้อในการตัดสินลาเด็น

       ข้อแรก  ในครั้งแรกที่ได้พบกัน  ลาเด็นบอกว่ามีใครบางคนหลบซ่อนอยู่บนเพดาน  แต่ความจริงคือ  แม้แต่แมลงวันตัวเดียวก็ยังไม่มี

       ข้อที่สอง  เลเวล  อัศวินของทัพหลวงล้วนมีเลเวลเฉลี่ย300ทั้งสิ้น  ในขณะที่ลาเด็นมีเลเวล258เท่านั้น  หมายความว่า  หมอนี่เอาแต่เที่ยวเล่น  ไม่ยอมฝึกซ้อม

       ข้อสาม  ผลการรบ  กองทัพหลวงอยู่ในสภาพไร้รอยขีดข่วน  แต่ลาเด็นและกองทัพแดนเหนือกลับบาดเจ็บปางตายถ้วนหน้า  ไม่ว่าจะถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวด้วยกำลังที่ต่างชั้นขนาดไหน  แต่ผลก็ไม่ควรออกมาพ่ายแพ้หมดรูปเช่นนี้

       "ชิ… ฉันไม่เข้าใจเลยให้ตายสิ  ว่าทำไมพ่อตาถึงชอบนายนัก  ถึงกับขอร้องให้ฉันช่วยชีวิตนายให้ได้"

       "อึก..."

       ราวกับหัวใจของลาเด็นถูกทิ่มแทงด้วยคำพูดเหล่านั้น

       'คำพูดของดยุคไม่มีส่วนใดผิด  เรามันทั้งอ่อนแอและไร้พลัง'

       ลาเด็นรู้สึกเจ็บแค้น  แต่ในทางกลับกัน  ฝ่ายทัพหลวงกลับแสดงสีหน้าตื่นตระหนก

       'หมอนั่นล้มเบย์ด้าและหน่วยเหล็กวายุด้วยตัวคนเดียวเลยนะ!'

       'แถมยังรับการโจมตีจากชักสเล่ย์ได้อีกหลายครั้ง!'

       'ระดับนี้ยังอ่อนแอเกินไปอีกงั้นหรือ?'

       ดูเหมือนนิยามของความแข็งแกร่งที่กริดมี  กับนิยามของฝ่ายทัพหลวงจะแตกต่างกันมาก  นั่นสินะ  เขาเป็นถึงวีรบุรุษของอาณาจักร  ย่อมไม่แปลกที่จะมีมาตรฐานสูง  เพราะกริดเองก็มีพลังมากพอในการล้มศาสตราวุธบรรพกาลที่เก่งกาจเหล่านั้นต่อหน้าทุกคน  คำพูดของกริดจึงทำให้บรรดาทหารจำนวน5,000นายต่างอกสั่นขวัญแขวนไปตามๆ กัน

       "บุกเข้ามากลางดงศัตรูตามลำพัง  แกมันไม่เจียมตัวเลยนะ"

       ชักสเล่ย์หันคมมาดาบทางกริดด้วยท่าทางดุดัน  แม้อีกฝ่ายจะเป็นวีรบุรุษแห่งอาณาจักร  แต่ตัวมันก็เป็นถึงนักดาบผู้ยิ่งใหญ่  หนึ่งในนักดาบที่เก่งที่สุดของทวีป  ศัตรูจะเป็นใครหน้าไหนก็ไม่สนทั้งนั้น

       "ในระหว่างสงครามโกเล็มที่ไรน์ฮาร์ท  ตอนนั้นฉันยังอ่อนแออยู่  จึงทำได้เพียงยืนมองแกจากระยะไกล"

       แต่ว่า

       "นับตั้งแต่ตอนนั้น  ฉันก็ยอมสละความสุขทุกทางเพื่อให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น!"

       ชักสเล่ย์เหวี่ยงดาบเข้าใส่กริดด้วยความรวดเร็ว  ทั้งทิศทางการฟัน  มัดกล้ามเนื้อ  การใส่แรง  การถ่วงน้ำหนัก  ทุกสิ่งเป็นไปอย่างไร้ที่ติราวกับมันฝึกฝนเหวี่ยงดาบวันละหมื่นหน  ดาบของชักสเล่ย์นั้นอ่านทางง่ายและดูแสนธรรมดา  แต่กลับอัดแน่นไปด้วยความน่ากลัวระดับสูงสุด  บันนี่บันนี่ตาลุกวาวทันทีกับฉากตรงหน้า

       'ร--เร็วมาก!'

       เป็นการยากที่จะให้หลบพ้น  ปัญหาคือ  กริดดันปล่อยให้คู่ต่อสู้โจมตีเข้าไปก่อน  บันนี่บันนี่มั่นใจมากว่ากริดคงโดนโจมตีเข้าแล้ว

       แต่ว่า

       เคร้งง!

       ดาบยาวสีเลือดได้ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าตรงหน้ากริด  มันไม่ใช่ดาบใหญ่ที่กริดใช้อยู่เป็นประจำ  ด้วยความที่เป็นดาบมือเดียว  ทำให้ความเร็วของกริดอยู่เหนือกว่าชักสเล่ย์ได้

       'นี่ก็เร็ว!'

       ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมากจนยากจะมองตามทัน  กริดพูดกับชักสเล่ย์ที่ดาบถูกปัดป้องโดยง่าย  ด้วยน้ำเสียงอันแสนเหยียดหยันว่า

       "แกโง่รึเปล่า?  คิดว่าตนเองพัฒนาเป็นคนเดียวรึไง?  ในขณะที่แกฝึกซ้อม  ฉันก็ฝึกซ้อมอย่ากหนักเช่นกัน  จนอยู่ในระดับที่แกไม่มีทางไล่ทันอีกแล้ว!"

       "ไล่ไม่ทัน?" 

(ผู้แปล : ตรงนี้  ทางเกาหลีใช้คำแสลงอินเทอร์เน็ตของเกาหลี  ซึ่งมีความหมายเดียวกับการ<ไล่ไม่ทัน>   ด้วยความที่เอ็นพีซีไม่เข้าใจภาษาแสลงของผู้เล่น  ชักสเล่ย์จึงสับสน )

       กริดหมายความว่ายังไงกัน?  ในขณะที่ชักสเล่ย์ยืนอึ้ง  กริดก็กระหนำโจมตีเข้าใส่ด้วยความรวดเร็ว

       ก่อนหน้านี้  เขาใช้งานยารุกต์มาอย่างหนัก  รวมไปถึงการแยกส่วนและประกอบกลับเข้าไปใหม่  ทำให้ค่าความเข้าใจในยารุกต์มี100%เต็มแล้ว  และนับแต่นี้ไป  กริดจะใช้ยารุกต์สร้างความระส่ำระสายให้กับทัพของศัตรูจำนวนมาก

Comments

  1. ขอบคุณมากครับ

    ReplyDelete
  2. เริ่มค้าง กำลังมัน ขอบบบบคุณครับบ

    ReplyDelete
  3. สนุกมากๆครับ

    ReplyDelete
  4. ยารุคออกโรงแล้ววววว~~~ //ขอบคุณที่แปลครับ~

    ReplyDelete
  5. เดี๋ยวยารุกต์มันให้ใช้เฉพาะเผ่าปีศาจพระเอกยังไม่เปลี่ยนร่างทำใมใช้ได้ เนื้อเรื่องเริ่มมั่ว

    ReplyDelete
    Replies
    1. ความขัวใจในไอเท็ด100%แล้ว

      Delete
  6. ตอนนี้ฮาหลายฉากเลย ทั้งทุ่งข้าวสาลีระเบิด (จนเกิดเป็นโกโก้ครั้น)
    และยารุกต์ ที่น่าจะไกล้กลายเป็นยาคูล

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00