จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 160



       หมู่บ้านไบรันได้รับการฟื้นฟูจากสงครามอย่างสมบูรณ์  และตอนนี้กำลังเข้าสู่สภาวะแบ่งบานสุดขีดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

       ผู้คนจำนวนไม่น้อยกลายเป็นแฟนตัวยงของเซดาก้าห์เมื่อได้ดูวิดีโอสงครามไบรันผ่านจอทีวี

       บางส่วนถูกส่งมาสืบเสาะหาตัวตนของผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า  ทว่าไม่มีสิ่งใดให้ต้องเป็นห่วง  ไม่มีทางที่พวกเขาจะรู้ว่าเป็นกริดด้วยการดูวิดีโอเพียงอย่างเดียว  และที่อยู่ของกริดคือวินสตัน  ไม่ใช่ไบรัน  มันคงเป็นการเสียเวลาเปล่าหากจะมาสืบข้อมูลเรื่องนั้นในไบรัน

       "หากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ  ประชากรคงเพิ่มสูงกว่า12,000คนแน่  และในอนาคตคงเติบโตด้วยอัตราคงที่เช่นนี้ต่อไป"

       "12,000เลยหรือ  ขนาดของหมู่บ้านเพียงพอจะรองรับจำนวนคนขนาดนี้รึเปล่านะ"

       "พวกเราต้องเร่งขยายขนาดของหมู่บ้านโดยการเพิ่มกิจการภายใน  แต่การจะทำเช่นนั้น  เงินคือสิ่งจำเป็น  และในตอนนี้พวกเราไม่มีเลยสักแดงเดียว"

       "เงินภาษีจะเพิ่มขึ้นเมื่อประชากรเพิ่มขึ้น  ดังนั้นเรื่องเงินก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น  ฉันว่าเราควรลงทุนกับกิจการภายในทีหลัง  ดีกว่าต้องกูยืมแล้วมานั่งเป็นหนี้ท่วมหัวนะ"

       "ไม่เห็นต้องกู้ยืมเลย  ประชากรใหม่ส่วนมากจะมีความรู้สึกดีๆ ต่อพวกเราอยู่แล้ว  ถ้าหากหาทางทำให้แฟนคลับบริจาคเงินให้ได้ล่ะก็  พวกเราก็จะแก้ปัญหากิจการภายในได้เร็วขึ้น"

       "โอ้...!  เสียงกรี๊ดกร๊าดของหญิงสาวที่ดังระงมตามท้องถนนนั่นคือแฟนคลับของฉันงั้นหรือ  วะฮ่าฮ่าฮ่า!"

       "อาจจะเรียกแฟนคลับได้ไม่เต็มปาก  ทว่า… พักหลังนายดังขึ้นมาเลยนะแวนเนอร์  ดูเหมือนผู้คนจะชอบเวลาที่นายปกป้องจิสึกะด้วยพลังทั้งหมดที่มี"

       "โอ้  จรึงรึ  ถ้าอย่างนั้นคงมีคนเชิญให้ไปออกรายการทีวีบ่อยครั้งขึ้น  แล้วฉันก็จะมีเงินจ่ายค่าเกราะให้กริดสักที  วะฮ่าฮ่า!"

       ในยามที่ไบรันถูกบุก  บรรยากาศและสภาพจิตใจของสมาชิกเซดาก้าห์ดำดิ่งสุดขีด  ภาพของหมู่บ้านพังพินาศทำให้พวกเขาแทบสิ้นหวัง  ทว่าตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว  สถานการณ์ดีขึ้นกว่าก่อนมาก  ในขณะที่บรรยกาศวงสนทนาเป็นไปอย่างชื่นมื่น  เฟคเกอร์ก็พูดขึ้น

       "เรื่องทั้งหมด  ต้องขอบคุณกริด"

       ไม่มีใครเลยสักคนเดียวที่ไม่เห็นด้วย

       "การที่ป็อนกับเรกัสถูกตรึงไว้  พวกเราคิดว่าคงจบสิ้นแล้ว  ถ้าหากไม่เพราะกริดปรากฏตัวออกมาช่วยไว้ได้ทัน  พวกเราทั้งหมดคงไม่รอดแน่  หรือต่อให้พวกเราทำได้ดีจนป้องกันหมู่บ้านไว้ได้  ทว่าความเสียหายคงเกินกว่าจินตนาการไหว"

       "ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่ากริดจะเป็นตัวแปรหลักของสงคราม   พวกเราชวนเขามาในฐานะช่างตีเหล็กแท้ๆ"

       "ฉันคิดว่า  ด้วยนิสัยส่วนตัวของเขา  บางทีเขาอาจไม่ได้สนใจใยดีในยามที่เราเดือดร้อน  ทว่าสุดท้ายเขาก็มาช่วย  ฉันประทับใจมากจริงๆ"

       "ตอนที่พบกันครั้งแรก  หมอนั่นเห็นแก่ตัวสุดๆ ไปเลย  แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว  ดูเหมือนจิตใจจะเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น  แล้วก็รักพวกพ้องมากขึ้น  เขาจะต้องกลายเป็นสหายร่วมรบที่พึ่งพาได้ในอนาคตแน่นอน"

       "พวกเราจะต้องเป็นเพื่อนที่กริดพึงพาได้"

       "แน่นอน"

       ความไว้วางใจและความสัมพันธ์ของสมาชิกกิลด์และกริดเป็นไปด้วยดี

       'เราดีใจที่ทุกคนยอมรับกริด'

       ไอเบลลินนั้นชื่นชมกริดตั้งแต่ที่เขาบดขยี้กิลด์ใจแอนท์ในวินสตันแล้ว

       "ได้ดูวิดีโอรึเปล่า  ฉันนั่งดูเมื่อสองสามวันก่อน  กริดเหมือนกับพระเอกหนังไม่มีผิด  ฉันนี่ขนลุกซู่เลยล่ะ"

       ในปัจจุบัน  ลาเอลล่าเลิกร้องเพลงแล้ว  เธอกลายเป็นดาราดังระดับโลกแทน

       "ฉันเห็นแล้ว  ไม่แน่ใจว่าช่วงไหนของสงครามเหมือนกัน  แต่กริดดูดีมากเลยในวิดีโอ  โดยเฉพาะฉากที่ช่วยจิสึกะไว้ได้อย่างฉิวเฉียด"

       ณ ห้องประชุมในปราสาทไบรัน

       สายตาของสมาชิกเซดาก้าห์ทุกคนพลันจ้องมองจิสึกะเป็นตาเดียว  หลังจากนั้นพวกเขาก็พูดจาหยอกล้อกันขึ้นมา

       "ในตอนนั้น  จิสึกะดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยล่ะ"

       "ใช่ไหม  ดูเหมือนเธอจะมองกริดในแบบที่ผู้หญิงมองผู้ชายนะ  แถมหน้าแดงด้วย"

       "หัวหน้า  คุณชอบกริดสิน้าาา~"

       "..."

       จิสึกะไม่ได้ปฏิเสธเสียงหัวเราะคิกคักจากสมาชิกในกิลด์  เป็นความจริง  ที่ในตอนนั้นหัวใจของเธอเต้นแรงผิดปรกติเมื่อถูกกริดช่วยชีวิตเอาไว้

       "...แม้เขาจะดูเท่มากก็จริง  แต่อย่าลืมสิ  ว่ากริดแต่งงานแล้ว"

       จิสึกะพึมพำด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย  ทว่าไม่มีใครได้ยินคำพูดเหล่านั้น  ทุกคนยังคงพูดแซวเล่นกันต่อไป  แต่เฟคเกอร์นั้นได้ยินและรับรู้  การฟังเสียงเป็นหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญของนักลอบสังหารอยู่แล้ว

       'ในที่สุด  หัวหน้าก็สนใจเพศตรงข้ามสักที'

       เฟคเกอร์เผยรอยยิ้มที่เห็นไม่ได้บ่อยนัก  หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
       
       "ฉันได้ยินมาว่า  ช่างตีเหล็กเพียงคนเดียวในไบรันได้กลายเป็นช่างตีเหล็กขั้นสูงแล้ว"

       หัวข้อสนทนาเปลี่ย่นไปทันที

       "ใช่  ฉันเองก็ได้ยินเหมือนกัน  แปลกไหมล่ะ  ตาลุงที่เป็นช่างตีเหล็กขั้นต้นมาหลายสิบปี  แต่จู่ๆ กลับเลื่อนระดับขึ้นไปเป็นช่างตีเหล็กขั้นสูงอย่างก้าวกระโดดเพียงไม่กี่วัน"

       "ถึงจะไม่รู้ว่าทำไม  แต่มันก็ถูกเวลามากทีเดียว  เป็นเพราะเรื่องนั้น  ความเร็วในการผลิตและคุณภาพของยุทธภัณฑ์กองทัพเพิ่มขึ้นสูงมากในพริบตา  การเสริมกำลังทหารหลังจากนี้คงทำได้ง่ายขึ้น"

       "ช่างตีเหล็กขั้นสูงงั้นเหรอ… ฉันสนใจเด็กขุดแร่อัจฉริยะที่กริดจ้างมาเมื่อาทิตย์ก่อนมากกว่านะ"

       "หากสองคนนั้นได้กริดคอยส่งเสริมล่ะก็… ไม่อยากจะคิดเลย  วันที่กิลด์เราจะมีกองทัพอันแข็งแกร่งคงมาถึงในไม่ช้าแน่"

       เดิมที  กิลด์เซดาก้าห์ก็เปี่ยมไปด้วยผู้เล่นพรสวรรค์สูงและทะเยอทยานอยู่แล้ว  ทันทีที่ได้กริดเข้าร่วม  พวกเขาทุกคนล้วนเหมือนดั่งพยัคฆ์ติดปีกที่ไม่ว่าใครก็ยากจะฉุดอยู่       

       ***

       ณ ห้องสมุดไบรัน 

       "...นี่เรากำลังทำบ้าอะไรอยู่"

       เด็กอัจฉริยะ  ไมเนอร์  ยามนี้กำลังเหน็ดเหนื่อยสุดขีด

       ทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา  เขาถูกบังคับให้อ่านหนังสือวันละ16ชั่วโมงทุกวัน  จนตอนนี้ถึงขีดจำกัดทางจิตใจแล้ว  เมื่อก่อนไม่เคยได้อ่านหนังสือสักเล่ม  แต่ตอนนี้กลับต้องมาอ่านวันละสองเล่มเนี่ยนะ  ในตอนแรก  หนังสือที่ได้อ่านคือหนังสือเกี่ยวกับแร่ธาตุ  ดังนั้นไมเนอร์จึงพอจะให้ความสนใจอยู่บ้าง  ทว่าตอนนี้เขาจำใจต้องมานั่งอ่านหนังสือภูมิศาสตร์  

       ลงท้ายด้วย  ไมเนอร์ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้

       "ฉันเป็นนักขุดแร่!  ทำไมอนาคตราชานักขุดแร่อย่างฉันต้องมานั่งอ่านหนังสือด้วย!"

       อัศวินคนหนึ่งได้ยินเสียงบ่นของไมเนอร์

       "อย่าลืมว่าที่นี่ห้ามส่งเสียงดัง  ช่วยเงียบแล้วตั้งใจศึกษาต่อไปด้วย"

       ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะมาจากไหน  แต่ไมเนอร์ก็ยังเป็นเพียงเด็ก13ขวบ  ในที่สุดเขาก็เริ่มร่ำไห้

       "นี่มันทรมานกันชัดๆ   ทำไมฉันต้องนั่งอ่านหนังสือทั้งวันด้วย  หือ!!  ฮืออออ"

       "นี่เป็นคำสั่งโดยตรงจากวิสเคาท์กริด  ช่วยทำตามแต่โดยดีด้วย"

       อัศวินของจิสึกะไร้ความปราณี  เขาตั้งใจเป็นผู้ดูแลไมเนอร์ด้วยความเคร่งครัด  ยิ่งเวลาผ่านไป  ไมเนอร์ก็ยิ่งเกิดความอาฆาตแค้นมากขึ้น

       "เจ้ากริดบ้านั่น…  สักวันฉันจะเอาคืนให้สาสม"

       ในเวลาเดียวกัน ณ โรงตีเหล็กสมิท

       "ทำไมเราถึงรู้สึกคันหูแปลกๆ"

       กริดนั่งแยกส่วนไอเท็มของเขาและประกอบกลับเข้าไปใหม่  รวมถึงการเสริมแกร่งด้วย  ไอเท็มจำพวกเซ็ตแสงศักดิ์สิทธิ์และดาอินสเลฟจึงมีค่าความเข้าใจสูงขึ้นจากเดิมหลายเปอร์เซ็นต์  สมิทเดินเข้ามาหาพร้อมกับขมวดคิ้ว  เขาโพล่งขึ้นว่า

       "นายต้องการอะไรอุดหูไหม"

       "...นายอย่ามาเข้าใกล้ฉัน"

       เขายังคงไม่ไว้วางใจกับรสนิยมพิลึกของสมิท  กริดต้องการจะไปให้พ้นจากที่นี่โดยเร็ว

       แคร้ง! แคร้ง!

       ชายหนุ่มยังคงกระหน่ำลงค้อนต่อไป  กริดชำนาญการแยกส่วนและประกอบใหม่มากขึ้นกว่าในอดีตหลายเท่า  หลังจากนั้นเขาก็หันไปมอง ณ ทางเข้าร้านตีเหล็ก

       "กระผมสำเร็จภารกิจและกลับมาแล้ว"

       ชายชาวมองโกเลียปรากฏตัวในจังหวะเหมาะเจาะอีกครั้ง  ฮิวรอย  ตลอด12วันที่ผ่านมา  เขานำจู๊ดและทหารอีก100คนออกล่าออร์คน้ำแข็ง  และในที่สุดก็ได้เวลากลับมาเสียที  เป็นช่วงเวลาที่กริดกำลังจะกลับวินสตันเช่นกัน

       กริดยิ้มอย่างพึงพอใจและกล่าวต้อนรับฮิวรอย  หลังจากนั้นหันไปสำรวจจู๊ดโดยการใช้ดาบผู้ปกครอง  ดาบที่กริดยังคงไม่ยอมนำไปคืนจิสึกะ  เพราะเขาอ้างว่าจะใช้หาเอ็นพีซีมีพรสวรรค์คืนอื่นต่อไป  

ชื่อ : จู๊ด
อายุ : 25
เพศ : ชาย
ตำแหน่ง : กัปตันกองร้อยที่13แห่งกองทัพวินสตัน
เลเวล : 120
พละกำลัง : 1,016/2,080
ความอดทน : 490/908
ความว่องไว : 54/330
สติปัญญา : 11/20
...
รายการทักษะ :
- แย่งอาวุธศัตรูมาใช้ (S)
- เงียบ (A)
- ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน (SS-)
...
       เจ้างั่งที่เติบโตขึ้นในวินสตันตั้งแต่เด็ก  หากเป็นเรื่องพละกำลัง  เขาไม่เคยแพ้ใคร  ด้วยความที่เป็นนักรบในสายเลือด  จึงไม่เคยเกรงกลัวต่อสิ่งใด
       แต่โชคไม่ดีนัก  สมองของจู๊ดเชื่องช้ากว่าคนอื่นมาก  ทำให้ไม่ว่าเขาจะสู้รบเก่งขนาดไหน  แต่ก็ไม่อาจก้าวขึ้นไปในตำแหน่งสูงกว่านี้ได้  การได้เป็นกัปตันกองร้อยก็นับว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว

        'เลเวลเพิ่มมา17ระดับ  ค่าสถานะเพิ่มขึ้น280แต้ม'

       ผู้เล่นจะได้รับค่าสถานะ10แต้มต่อ1เลเวล  แต่เอ็นพีซีนั้นจะสุ่มเพิ่มตั้งแต่6-20แต้ม  ทว่าจู๊ดกลับเป็นเอ็นพีซีชั้นแนวหน้าที่จะเพิ่มอย่างน้อย16แต้มในทุกเลเวล  ทำให้เขาเติบโตได้เร็วกว่าใคร  ทว่ายังคงมีอยู่หนึ่งเรื่องที่ขัดใจกริด

       'ค่าสติปัญญาก็ยังไม่เพิ่มอีกแล้วเหรอ'

       กริดขมวดคิ้วทันที

       'แต่ช่างเถอะ  ขีดจำกัดสูงสุดของสติปัญญาหมอนี่คือ20แต้ม… เขามันเป็นไองั่งที่เราไม่ได้คาดหวังว่าจะฉลาดหลักแหลมอยู่แล้ว  ต่อไปก็รายละเอียดทักษะ'

[ แย่งอาวุธศัตรูมาใช้ ]
เกรด : S
...
       พรสวรรค์ที่จะมีเพียง 1 คนในบรรดาเอ็นพีซี 100,000 คน           
       หากสบโอกาส  ท่านสามารถแย่งอาวุธจากศัตรูมาใช้ได้

[ เงียบ ]
เกรด : A
...
* เดิมทีทักษะ <เงียบ> เป็นทักษะเกรด S  ทว่าด้วยค่าสติปัญญาที่ต่ำเกินไป  ทำให้เกรดของมันถูกลดลง
...
       พรสวรรค์ที่จะมีเพียง 1 คนในบรรดาเอ็นพีซี 100,000 คน     
       เจ้าของพรสวรรค์นี้จะเงียบขรึมและไม่ปริปากพูดในสิ่งที่ได้ยินหรือได้เห็นมา
       แต่เดิมทีท่านก็มีความจงรักภักดีต่อผู้เป็นนายมากอยู่แล้ว  แทบไม่มีโอกาสที่ท่านจะทำการทรยศผู้บังคับบัญชาเลยสักนิด  พ่อบ้านส่วนใหญ่จะมีทักษะนี้ติดตัวเกือบทุกคน
       
[ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ]     
เกรด : SS-
       ทักษะสำหรับ <จู๊ด> เท่านั้น
       ท่านทั้งกล้าหาญและโง่เขลาในเวลาเดียวกัน  เพื่อจะทำภารกิจให้สำเร็จแล้ว  หากเจ้านายสิ่งให้วิ่งลงกองไฟ  ท่านก็ยินดีทำ
       ท่านจะไม่ตกอยู่ในอาการ <หวาดกลัว> ไม่ว่าด้วยกรณีใด  ทว่าโอกาสติดสถานะอื่นจะเพิ่มขึ้นอีก 50%
       ถ้าหากเกิดวิกฤติขึ้น  มีโอกาสสูงที่ท่านจะแสดงผลทักษะ <สู้จนตัวตาย>

[ สู้จนตัวตาย ]
       ความเสียหายที่ท่านได้รับจะลดลง 50% และพลังโจมตีของท่านจะเพิ่มขึ้น 80% เป็นเวลา 3 นาที  

       'เลเวลของทหารเฉลี่ยแล้วเพิ่มขึ้นมา8-10ระดับ  และดูเหมือนจะไม่มีใครต้องสังเวยชีวิตไป'

       เหนือสิ่งอื่นใด  ทั้งหมดล้วนเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยม  กริดต้องการจะให้กองร้อยที่13เป็นหน่วยรบพิเศษของวินสตัน  นี่คือก้าวแรกที่น่าชื่นชม  กริดอมยิ้มและยื่นมือออกไปหาฮิวรอย  ในตอนแรกฮิวรอยคิดว่ากริดจะตบบ่าเขาแล้วกล่าวคำชื่นชม  แต่เปล่าเลย

       "เกล็ดซิลฟิดล่ะ"

       "..."

       ฮิวรอยอดแสดงสีหน้าผิดหวังไม่ได้  เขาก้มหน้าลงไปค้นหาไอเท็มในกระเป๋าสัมภาระ  หลังจากนั้นก็หยิบเกล็ดซิลฟิดทั้ง28ชิ้นที่ได้มาอย่างยากลำบากตลอด12วันที่ผ่านมา

       'ในที่สุดก็พร้อมสร้างผ้าคลุมล่องหนสักที'

       กริดรับมันไว้ด้วยด้วยยินดี

       "ก็อย่างที่นายรู้  เกล็ดซิลฟิดนั้นแทบไม่มีขายกันในหมู่ผู้เล่น  มูลค่าของมันไม่อาจประเมินได้  ฉันก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องจ่ายนายมากแค่ไหน"

       สิ่งที่กริดพูดล้วนเป็นความจริง

       ออรค์น้ำแข็งนั้นไม่เป็นที่รู้จักมากนัก  และสภาพอากาศที่นั่นก็โหดร้ายเกินไป  ทำให้ไม่มีใครอยากออกไปล่า  การล่ามอนสเตอร์อื่นที่ใกล้เคียงกันจะได้รับผลประโยชน์มากกว่า  แถมอัตราดรอปเกล็ดซิลฟิดก็ต่ำมาก  มูลค่าของมันจึงไม่มีระบุไว้

       ดังนั้น  กริดจึงหวังจะตอบแทนฮิวรอยในรูปแบบอื่น

       "ฮิวรอย  ฉันได้ยินมาว่า  คลาสรองของนายได้รับทักษะความชำนาญดาบเพิ่มเข้ามาใช่ไหม"

       "ใช่แล้ว"

       "ตกลง  งั้นฉันจะสร้างดาบให้นาย  พวกเรากลับไปวินสตันก่อนเถอะ"

       กริดนำดาบผู้ปกครองไปคืนให้จิสึกะ  เขากล่าวอำลาทุกคนและออกจากไบรัน  แน่นอนว่านำตัวไมเนอร์ติดไปด้วย  สมาชิกกิลด์ได้แต่สงสัยในวิธีการฝึกสอนไมเนอร์อันแสนประหลาดของกริด  ทว่ากริดร้องขอเป็นผู้ดูแลไมเนอร์เอง  พวกเขาจึงทำได้เพียงเชื่อมั่น

       ***

       『การแข่งขันซาทิสฟายระดับนานาชาติจะมีขึ้นในอีก3วัน  และจำนวนของนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้าสู่ประเทศเกาหลีใต้มีมากกว่า800,000คนแล้วครับ』

       『 หากมองจากค่าเฉลี่ยนักท่องเที่ยงในช่วงโอลิมปิกที่จะอยู่ราว200,000ถึง500,000คน  นับว่าความนิยมในซาทิสฟายมีเหนือกว่าโอลิมปิกขึ้นไปอีก  รายการถ่ายทอดสดคงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก』

       ***

       เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว  แต่ก็มีคนผู้หนึ่งที่กำลังยุ่งวุ่นวายไม่หยุดหย่อน

       ผ่านไปแล้ว4เดือนเต็มในซาทิสฟาย  ในขณะที่โลกแห่งความจริงก็กำลังจะมีงานแข่งระดับนานาชาติขึ้น

       "ที่นี่คือแห่งสุดท้ายแล้วงั้นเหรอ"

       ณ ดินแดนตอนเหนือของอาณาจักรอีเทอนัล

       ชายผมดำคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่ปากทางเข้าของถ้ำเล็กๆ   ถ้ำแห่งนี้อยู่ในส่วนลึกของป่าที่ยังไม่เคยถูกผู้ใดสำรวจมาก่อน  หลังจากนั้น  เด็กชายคนหนึ่งผู้ซึ่งมีแววตาลุ่มลึก  หากโตไปจะต้องมีใบหน้าหล่อเหลาเอาการแน่นอน  เขาตอบชายผมดำกลับไปด้วยน้ำเสียงห้วนแข็ง

       "อือ"

       "ตกลง  รออยู่ตรงนี้นะ"

       ชายผมดำ  กริด  ได้หยิบบางสิ่งออกมาจากกระเป๋า   มันคือเสื้อคลุมสีขาวแบบมีซิปที่เด็กสมัยใหม่ชอบใส่กัน  หลังจากนั้นสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นเมื่อเขาสวมเสื้อคลุม  ชายคนดังกล่าวหายตัวไปจากฉากในจอทันที  ดูราวกับเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้  

       ทว่าเด็กชายคนดังกล่าว  ไมเนอร์  ดูเหมือนจะไม่ได้ประทับใจแม้แต่น้อย  เขาใช้หลังพิงผนังน้ำด้วยใบหน้าอันเหน็ดเหนื่อย

       หลังจากนั้นไม่นาน  

       เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นจากส่วนลึกสุดของถ้ำ  ประหนึ่งกำลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้นในจุดนี้ยังไงยังงั้น  ผืนป่ารอบนอกพลันสั่นสะเทือน  ฝูงนกที่เกาะอยู่บนต้นไม้ต่างบินหนีไปจนหมด  ทว่าไมเนอร์ยังคงหลับตาลงพิงกำแพงอยู่อย่างนั้น  นี่เขานอนไม่พอมางั้นหรือ

       "อูบา"

       ผูงออร์คที่วิ่งหนีตายจากแผ่นดินไหวได้มาหยุดลงตรงหน้าไมเนอร์ 

       "อาบูบาอี" (รีบจับตัวเจ้ามนุษย์เด็กที่แสนอ่อนแอนี่เร็วเข้า)

       "บาอีบู  บีอาบา!" (เสบียงสำรองงั้นหรือ  ความคิดเยี่ยมไปเลย)

       ฝูงออร์คฉีกยิ้มและหยิบขวานออกมาถือ  ในขณะที่พวกมันกำลังเดินเข้าใกล้ไมเนอร์  ยามนี้กลับต้องรู้สึกสะดุ้งเฮือกขึ้นมา

       "ฉันหลบเสี่ยงสายตาของพวกโกเล็มได้ก็จริง  แต่กับดักเวทย์มนต์ของบราฮัมพวกนั้น  ดูเหมือนแค่การล่องหนจะหลบไม่ได้นะ  การเสียประกันชีวิตไปในแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเลยแฮะ"       

       "อูบาบู!"

       ด้านหน้าของเด็กชายที่กำลังยืนพิงกำแพงหลับ  มีเสียงของชายบางคนดังขึ้น  ทว่าพวกออร์คกลับไม่มีสักตัวเลยที่เห็นเจ้าของเสียงพูด  พวกมันคิดว่าตนคงหูฝาด  จึงลองขยี้ตาดูใหม่อีกครั้ง  ทันใดนั้น  ดาบใหญ่สีน้ำเงินเข้มรูปทรงฉลามได้ยื่นออกมาจากความว่างเปล่า

       "โฮกกก!"

       โลหิตพุ่งกระฉูดออกมาจากร่างออร์คทั้งห้าอย่างพร้อมเพรียง  ชายคนดังกล่าวได้เผยร่างออกมาจากความว่างเปล่าที่ตรงหน้าซากศพออร์ค  เป็นกริดที่สวมเสื้อคลุมแบบมีซิปนั่นเอง  โดยมือข้างหนึ่งกำลังถือโลหะสีทองรูปทรงคล้ายไข่ไก่เอาไว้

       "ด้วยเจ้านี่  ฉันสามารถรวบรวมพาเฟรเนี่ยมทุกอันที่มีอยู่ในอาณาจักรอีเทอนัลได้ครบเสียที  เอาล่ะ  คงถึงเวลาที่ต้องกลับกันแล้ว"

(ผู้แปล : กริดหมายถึงพาเฟรเนี่ยมทุกอันที่อยู่ในอาณาจักรอีเทอนัล  ไม่ใช่ทั่วทั้งทวีป)

       หากเขาต้องการพาเฟรเนี่ยมของบราฮัมจากทั่วทั้งทวีป  คงมีแต่ต้องหาทางให้เทพยาธานอวยพรและสำเร็จภารกิจของบราฮัมเท่านั้น  แต่สถานการณ์ในตอนนี้นั้นเป็นไปไม่ได้เลย

       กริดจึงลองหาวิธีอื่นดู  เริ่มจากการเพิ่มค่าสติปัญญาของไมเนอร์ให้ได้มากที่สุด  เพื่อที่ทักษะการค้นหาแร่ของไมเนอร์จะได้มีประสิทธิภาพสูงสุด  หลังจากนั้นก็ให้ไมเนอร์ค้นหาแหล่งที่อยู่ของพาเฟรเนี่ยมให้ทีละก้อน  การกระทำนี้ส่งผลให้บราฮัมรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

[ ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่ากล้าเคลือบแคลงสงสัยในตัวฉันงั้นหรือ  ฉันคงต้องเริ่มลงมือทำอะไรบ้างแล้วสินะ ]

       หัวหน้าทีมพัฒนาซาทิสฟาย  ยุนนาฮี  กำลังรายงานความคืบหน้าให้ประธานอย่างลิมชอลโฮฟัง

       "เงื่อนไขของหนึ่งในคลาสเกรดเลเจนดารีอย่าง  <ผู้สืบทอดแห่งบราธอัม>  มีความคืบหน้าแล้วค่ะ"

       ยิมชอลโฮอมยิ้ม

       "ความจริงที่ว่า  บราฮัมเป็นพวกชั่วช้าและโป้ปด  ถูกกริดล่วงรู้แล้วงั้นหรือ"

       "...ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้นค่ะ"

       ยุนนาฮีตอบกลับลิมชอลโฮด้วยสีหน้าอับอาย

       "ฮ่าฮ่าฮ่า!  สหายของฉันไม่เปลี่ยนไปเลยนะ  การแข่งขันระดับนานาชาติครั้งนี้ก็มีชื่อของเขาอยู่ด้วย  คงน่าสนุกไม่น้อยเลยล่ะ"

       "คนที่ส่งรายชื่อไม่ใช่ตัวเขาเอง  แต่เป็นยูร่า  ผู้ที่มีรัฐบาลเกาหลีใต้คอยหนุนหลังอยู่  คงเป็นการยากที่คนอย่างเขาจะมาเข้าร่วมในการแข่งแบบนี้"

       ลิมชอลโฮยังคงอมยิ้มอย่างมีเลศนัย  

       "จะเป็นอย่างนั้นจริงหรือ..."

Comments

  1. แบบนี้ก็ถือว่ากริดโชคดีสินะ ที่ไม่สามารถทำเควสให้เทพยาธานอวยพรพาเฟรเนี่ยมตามที่บราฮัมต้องการได้ง่าย ๆ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ไม่ใช่โชคดี แต่มันทำเองไม่ได้ บราฮัมมันเป็นปากร้ายใจดีนะบอกไว้ก่อน

      Delete
  2. ฝากยูร่าไปขอพรแทนได้ไหมหว่า ไปเองนี่คงศพไม่สวยแน่ ๆ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ยูร่าเองก็ยังไม่เคยเห็นสาวกอันดับ 1 นะครับ

      Delete
  3. ใส่ชื่อไปแล้ว??

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00