จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 133
เป็นเพราะซาทิสฟายประสบความสำเร็จอย่างล้มหลาม... เอส เอ กรุ๊ปจึงกลายเป็นกลุ่มบริษัทร่ำรวยสูงสุดของโลก พวกเขามีลูกค้าที่จงรักภักดีมากถึง2พันล้านคน… เอส เอ กรุ๊ปยังมีบริษัทในเครืออีกกว่าร้อยแห่ง จึงไม่มีกลุ่มทุนใดจะมั่งคั่งไปกว่าพวกเขาอีกแล้ว
และประเทศเกาหลีใต้ก็พึงพาเอส เอ กรุ๊ปอยู่บ่อยครั้ง… ประเทศซึ่งมีอาณาเขตพื้นที่ขนาดเล็ก ทรัพยากรธรรมชาติจำกัด… ดังนั้น การจ้างงานในเครือบริษัทเอส เอ จึงสร้างรายได้ให้ประเทศราวกับเป็นแสงแห่งความหวัง
เมื่อวานนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้ได้มีคำขอร้องใหม่ส่งตรงมายังเอส เอ กรุ๊ป… เป็นไอเดียซึ่งเสนอให้แร้งเกอร์ท็อป100ของโลกเดินทางมายังเกาหลีใต้เพื่อแข่งขันในนามแต่ละประเทศ... เป็นอีเวนท์ที่ฟังดูคล้ายกับโอลิมปิกของซาทิสฟาย
"ไอเดียของพวกเขามีดังนี้… แร้งเกอร์ท็อป100ของโลกจะถูกเชิญตัวมายังเกาหลีใต้เพื่อทำการแข่งขันในนามตัวแทนแต่ละประเทศ… ประเภทการแข่งประกอบไปด้วย <แข่งพิชิตบอส> <แข่งความเร็วสัตว์ขี่> และประเภทการแข่งอื่นๆ… งานจะถูกจัดขึ้นในนามรัฐบาลเกาหลีใต้... แต่การออกแบบวางแผน ประชาสัมพันธ์ และออกทุนจะเป็นหน้าที่ของเอส เอ กรุ๊ป"
ณ ห้องประชุมหลักสำนักงานใหญ่ เอส เอ กรุ๊ป กรุงโซล
คณะกรรมการบางคนถึงกับออกอาการหงุดหงิดทันที
"พวกเราควรรับใช้รัฐบาลเกาหลีใต้ต่อไปเรื่อยๆ งั้นรึ… เห็นเราเป็นองกรณ์การกุศลหรือยังไง… เอะอะอะไรก็ขอร้องอยู่เรื่อย"
"การแข่งขันซาทิสฟายสามารถจัดขึ้นโดยบริษัทเอกชนของแต่ละประเทศ และถ่ายทอดมันออกไปได้ทั่วทั้งโลก… ทำไมต้องเป็นพวกเราที่ลงทุนลงแรงอยู่ฝ่ายเดียว"
"แล้วทำไมต้องเชิญแร้งเกอร์ทั้ง100อันดับมายังเกาหลีใต้ด้วย ในเมื่อสามารถจัดแข่งแบบออนไลน์ได้… พวกมันคิดว่าแร้งเกอร์เป็นใคร… พวกเขาคงวุ่นอยู่กับการเก็บเลเวลจนไม่มาใส่ใจเงินตอบแทนอันน้อยนิดแบบนี้… ถ้าจะทุ่มจริงๆ เราต้องสูญงบในการเชิญแร้งเกอร์ทั้ง100คนมากถึงหลักแสนล้านวอน"
ยุนซังมินซึ่งนั่งฟังทัศนคติแย่ๆ ของคณะกรรมการมานาน ในที่สุดเขาก็เปิดปาก
"ต้องเข้าใจว่ามันเป็นการแข่งขันระหว่างชาติ… ดูอย่างโอลิมปิกสิ การแข่งขันระดับชาติมักดึงดูดความสนใจผู้คนทั่วโลกได้เสมอ… และปัจจุบัน ผู้คน1ใน3ของโลกก็ให้ความสนใจในซาทิสฟาย… ดังนั้นความนิยมในประเภทกีฬาต่างๆ จึงถูกดรอปลงไป… ทว่าพวกคุณลองมองดูโอลิมปิกสิ… ความนิยมของมันไม่ได้ลดลงเลย… เพราะมันคือการแข่งขันระหว่างชาติ… หากซาทิสฟายมีการแข่งขันระหว่างชาติขึ้นล่ะก็… คงได้เกิดเป็นประเด็นร้อนแรงในสังคมแน่"
คิมจียอง ผู้จัดการ เอส เอ กรุ๊ป สาขาเกาหลีใต้ ได้ออกความเห็นเชิงบวกมาสมทบ
"เป็นไอเดียน่าสนใจในการเชิญแร้งเกอร์มาแข่งแบบออฟไลน์… เพราะจะเกิดอีเวนท์ที่ผู้ชมได้สัมผัสกับนักกีฬาตัวเป็นๆ บนเวที… รวมไปถึงพิธีมอบรางวัล ณ สนามโซลโอลิมปิกสเตเดี้ยมอย่างยิ่งใหญ่… สิ่งนี้จะสร้างแรงกระตุ้นให้กลุ่มวัยกลางคนรวมไปถึงสูงอายุที่ยังไม่เปิดใจ และมองว่าซาทิสฟายเป็นแค่เกมให้มีอารมณ์ร่วมตามไปด้วย"
ประธานลีฮุนอียิ้มรับและกล่าวเสริม
"แร้งเกอร์ไม่ต่างกับดาราที่ดึงดูดผู้คนได้มาก… ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะขายบัตรไม่หมด… ถ้าได้เห็นแร้งเกอร์ในดวงใจตัวเป็นๆ ล่ะก็ รับรองได้เลยว่าผู้คนจะหลั่งไหลมาจากทั่วโลกแน่… แถมเรายังมีช่องทางทำเงินด้วยการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดให้สถานีโทรทัศน์ของแต่ละประเทศในราคาสูง… มีแต่ได้กับได้… นี่คงเป็นความตั้งใจที่แท้จริงของรัฐบาลเกาหลีใต้"
ลิมชอลโฮพูดขึ้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
"ถ้าหากเป็นการแข่งระหว่างประเทศ… รับรองได้เลยว่าผู้ชมในชาติต่างๆ จะให้การสนับสนุนนักกีฬาชาติตัวเองเพิ่มขึ้น… และซาทิสฟายก็จะเป็นตัวแทนของการส่งเสริมให้ผู้เล่นทุกคนรักชาติของตน"
สีหน้าของคณะกรรมการซึ่งเคยหงุดหงิด ยามนี้กลับเย็นลงมาก… และดูเหมือนทุกคนจะเห็นพ้องต้องกัน
คิมจียังพูดเข้าประเด็นทันที
"นับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป พวกเราควรจัดการแข่งขันระดับชาติขึ้นในทุกปี… และระหว่างปีก็จะมีอีเวนท์ต่างๆ ถูกจัดขึ้นในซาทิสฟายเพื่อคัดเลือกผู้เข้าแข่งขัน… หลังจากนั้นไม่นาน การแข่งประจำปีของซาทิสฟายก็จะมีมนต์ขลังเช่นเดียวกับโอลิมปิกหรือฟุตบอลโลกในที่สุด"
ลีฮุนอีถึงกับปรบมือให้
"เยี่ยม… พวกเรามีแต่ได้กับได้… ไม่ว่าจะทุ่มเม็ดเงินลงไปมากมายเพียงใดก็ตาม"
ท้ายที่สุด ทุกคนก็มุ่งความสนใจไปยังลิมชอลโฮ… ชายผู้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของซาทิสฟายและเอส เอ กรุ๊ป
ลิมชอลโฮผงกศีรษะเบาๆ
"บอกกับรัฐบาลเกาหลีใต้ไปว่า พวกเราจะทำตามที่เขาขอร้อง"
แต่ทันใดนั้น ยุนนาฮี… หัวหน้าทีมปฏิบัติงานซาทิสฟาย ได้ยกมือขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบงัน… เธอไม่แสดงอาการหวาดผวาต่อสายตาคณะกรรมการซึ่งจ้องมองมาเป็นตาเดียว
"ต้องมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเล็กน้อยก่อนจะรับปากรัฐบาลเกาหลีใต้ออกไป"
ยุนนาฮีคือน้องสาวของยุนซังมิน… เขารู้ดีกว่าเธอเป็นคนละเอียดรอบคอบมากขนาดไหน… จึงนั่งฟังอย่างตั้งใจ
"ว่ามา"
ยุนนาฮีอธิบายต่อ
"ประการแรก ถ้าหากเราเชิญแร้งเกอร์ท็อป100ของโลกมาแข่งขันในนามประเทศ… มันจะเกิดความไม่สมดุลย์ขึ้น… ตัวอย่างเช่น… ท็อป100ของโลกในตอนนี้เป็นชาวอเมริกันถึง23คน แต่กลับมีชาวเกาหลีเพียง2คนเท่านั้น… ในเมื่อเป็นการแข่งขันตัวแทนประเทศ… ผู้เข้าร่วมควรจะมีจำนวนที่มากกว่านี้… ไม่อย่างนั้นความเหลื่อล้ำในแต่ละประเทศจะมีมากเกินไป"
"แล้วถ้าหากจำกัดไว้แค่แร้งเกอร์ท็อป30 แทนที่จะเป็นท็อป100ล่ะ"
"หากทำเช่นนั้น จำนวนประเทศเข้าร่วมแข่งขันก็จะลงอย่างน่าใจหาย… น้อยเสียจนมิอาจเรียกว่าเป็นการแข่งขันระดับโลกได้"
คณะกรรมการต่างวิตกกังวลทันที
"ฉันไม่อยากให้ผู้เข้าแข่งถูกจำกัดวงแค่แร้งเกอร์… ตัวอย่างเช่น… ใครที่สร้างผลงานได้ดีในรอบคัดเลือกของแต่ละประเภทก็จะได้เข้าร่วม… เหมือนกับกีฬา"
"ถ้าต้องทำอย่างนั้น งานของเราจะมีมากเกินไป… ผู้เล่นซาทิสฟายมีเกินกว่า2พันล้าน เราไม่มีวิธีคัดเลือกพวกเขาในระยะเวลาอันสั้นหรอกนะ… หรือคิดจะให้แต่ละประเทศจัดแข่งคัดเลือกกันเอง"
"ยิ่งไปกว่านั้น การจัดแข่งครั้งแรกจำเป็นต้องใช้แร้งเกอร์คอยฉุดเรทติ้ง… คงไม่มีใครสนใจเข้าชมงานแน่ ถ้าหากผู้เข้าแข่งเป็นหน้าใหม่ซึ่งไม่มีใครรู้จัก"
ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้น… ยุนนาฮีได้เพิ่มอีกหนึ่งปัญหาเข้าไปในหัวข้อสนทนา
"ยังมีอีกเรื่อง… ณ เวลา23:55ของเมื่อวาน… ยูร่าอัพเลเวลไปถึง280แล้ว"
"ห๋า..."
ระดับความเร็วในการเพิ่มเลเวลของพวกแร้งเกอร์หัวกะทิช่างน่าอัศจรรย์… คณะกรรมการพากันแตกตื่นยิ่งกว่าเดิม
"หมายความว่า… ท็อป5ของโลกมีเลเวลสูงกว่า280ไปแล้วสินะ"
"นับเป็นเรื่องน่ายินดี… ยิ่งยูร่าทำได้ดี ชาวเกาหลีใต้ก็พลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย"
"ใช่แล้ว… ในตอนที่ฉันยังเด็ก ตอนนั้นวงการเกมทั่วทั้งโลกต่างต้องยอมศิโรราบให้เกาหลีใต้จนหมดสิ้น… ไม่ว่าจะเกมใดพวกเราก็คว้าแชมป์โลกเกือบทุกรายการ"
"ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสักหน่อย! การเลเวลอัพของแร้งเกอร์มันจะไม่เร็วไปหน่อยหรือ"
"ถูกเผง… เป็นอีกครั้งที่ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์อย่างมอร์เฟียสทำนายพลาด… ลองดูเอกสารที่อยู่ตรงหน้าของทุกคน… มอเฟียสทำนายไว้ว่า อีกกว่า2เดือนถึงจะมีผู้เล่นคนแรกแตะขอบเขตเลเวล280ได้"
"จริงหรือ… นี่มันเรื่องใหญ่เลยไม่ใช่รึไง"
ณ ช่วงขอบเขตเลเวล 210, 240 และ 270
บรรดาผู้เล่นต่างเรียกช่วงเลเวลนี้ว่า <ขอบเขตนรก>... เพราะถือเป็นช่วงที่อัพเลเวลได้ยากกว่าปรกติหลายเท่าตัว… แต่ดูเหมือนในบรรดาแร้งเกอร์ระดับสูง… ขอบเขตนรกจะไม่มีอยู่จริง
"นับตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการซาทิสฟายมาจนถึงบัดนี้… พักหลังมอเฟียสชักจะทำนายผิดบ่อยขึ้นนะ… โดยไวรัสเข้ารึเปล่า"
"ดูเหมือนคงต้องมีการยกเครื่องซ่อมบำรุงครั้งใหญ่แล้วกระมัง"
ในขณะที่คณะกรรมการแสดงสีหน้ากังวล ยุนนาฮีก็ส่ายหัวเบาๆ และพูดต่อไป
"ไม่ได้เกิดสิ่งใดผิดปรกติขึ้นกับมอเฟียส… แต่เป็นเพราะความสามารถของแร้งเกอร์หัวกะทิอยู่เหนือการคาดเดาไปมากต่างมาก… พวกเราคงต้องปรับเปลี่ยนตัวแปรในความสามารถของแร้งเกอร์ให้กับมอเฟียส… ในคราวหน้าอาจลดการทำนายพลาดลงได้"
"ฮะฮะ… พวกแร้งเกอร์… ปีศาจชัดๆ"
"พวกเขาอยู่เหนือจิตนาการของผู้เล่นตัวไปหลายเท่า… โดยเฉพาะพวกท็อป30ทุกคน… ความเข้าใจในทักษะของคลาสตน รวมไปถึงการปรับตัวให้เข้าสถานการณ์อยู่ในระดับสูงมาก… พวกเขาสามารถล่ามอนสเตอร์ซึ่งไม่น่าจะล่าได้ในช่วงเลเวลตนเองได้อย่างง่ายดาย… แม้กระทั่งผู้เล่นชื่อว่า <เรกัส> คนนั้น… เขายังคงรักษาอันดับให้อยู่ในท็อป30ได้อย่างเหนียวแน่น… โดยไม่เคยใช้อาวุธเลยแม้แต่ครั้งเดียว"
ยุนซังมินขมวดคิ้ว
"เทควอนมาสเตอร์ เรกัสน่ะหรือ… เขายังทำแบบนั้นอยู่อึกรึไง"
คลาสนักสู้เป็นคลาสซึ่งพึ่งพาอาวุธน้อยกว่าคลาสอื่น… พลังโจมตีติดตัวมีสูงมากพออยู่แล้ว และทักษะติดตัวก็ช่วยมองข้ามพลังป้องกันศัตรู… โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาวุธของคลาสนักสู้ถูกจำกัดให้ใช้ได้เฉพาะ <สนับมือ> เท่านั้น… และสนับมือจัดว่าเป็นอาวุธซึ่งมีพลังโจมตีต่ำสุดในบรรดาทั้งหมด
พวกนักสู้จึงไม่ค่อยถวิลหาอาวุธชั้นเลิศสักเท่าใด… แต่ไม่ว่าจะด้วยเงื่อนไขอะไร การใส่สนับมือก็ย่อมส่งผลดีกว่าการชกคู้ต่อสู้ด้วยหมัดเปล่าอยู่แล้ว… แต่เรกัสก็ถูกบันทึกสถิติไว้ว่า… เขาคือชายผู้ซึ่งไม่เคยสวมอาวุธเลยสักครั้งนับตั้งแต่เล่นซาทิสฟายมาจนถึงวันนี้… ทำให้เรกัสถูกจับตามองเป็นพิเศษจากทีมงานและคณะกรรมการ
"เขาคลั่งไคล้ในเทควันโดเป็นชีวิตจิตใจ..."
ชื่อจริงของเรกัสคือ โรอัลด์ ฮอฟมาน… เกิดที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ… เคยคว้าแชมป์โอลิมปิกในกีฬาเทควันโดมาแล้ว เขาชื่นชอบในศิลปะการต่อสู้ชนิดนี้มากจนปรับมาใช้กับทักษะในซาทิสฟายได้อย่างคล่องแคล่วลงตัว
"เหตุผลที่เขาไม่ยอมใช้อาวุธ… ก็เพราะการใช้อาวุธนั้นขัดต่อหลักจิตวิญญานของเทควันโด… บ้าจริง… คนแบบนี้ก็มีด้วย"
"แล้วทำไมถึงวนมาเข้าเรื่องเรกัสได้"
"เราพูดถึงเขาหลังจากได้ยินข่าวยูร่าเลเวล280"
"อ้อ…จริงด้วย… แล้วเลเวลของยูร่าถูกหยิบขึ้นมาพูดทำไม"
สีหน้าของคณะกรรมการเปี่ยมไปด้วยความสงสัย ยุนนาฮีจึงอธิบายต่อไป
"ถ้าหากท็อป5แร้งเกอร์ยังคงเลเวลด้วยความเร็วระดับนี้ต่อไป… พวกเขาจะก้าวไปถึงเลเวล300ภายในระยะเวลา3เดือนข้างหน้า… และจะกลายเป็นคลาสระดับ3ก่อนใคร"
ณ ตอนนี้ มีผู้เล่นเกินกว่า1,000คนที่สามารถก้าวไปถึงคลาสระดับ2แล้ว… ทว่าท็อป5ของโลกกำลังจะกลายเป็นคลาสระดับ3งั้นหรือ… การแข่งขันระหว่างประเทศจะยิ่งเหลื่อมล้ำมากขึ้นกว่าเดิมแน่
"แต่ถ้าเราจะให้เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพจัดงาน… ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย3เดือนในขั้นตอนประชาสัมพันธ์และเตรียมสถานที่"
บรรยากาศพลันตึงเครียดทันทีหลังจากค้นพบปัญหาหลัก
"ถ้าเกิดจัดแข่งหลังจากที่มีผู้เล่นกลายเป็นคลาสระดับ3ไปแล้วล่ะก็..."
"ไม่ดีแน่ ช่องว่างมีมากเกินไป… ผลการแข่งจะคาดเดาได้ในทันที และหมดสนุกไปโดยปริยาย"
"ทักษะของคลาสระดับ3แข็งกว่ากว่าคลาสระดับ2หลายขุม… ไม่มีทางพลิกผันได้เลย"
เดิมที ช่องว่างระหว่างคลาสพื้นฐานกับคลาสระดับ1ก็แตกต่างราวฟ้ากับเหว… หากผู้เล่นเลเวล99สู้กับเลเวล100… แม้จะดูเหมือนห่างกันเลเวลเดียว แต่ความจริงนั้นต่างกันประมาณ50เลเวลเลยทีเดียว
และคลาสระดับ2กับระดับ3จะยิ่งเห็นความต่างชัดมากขึ้นไปอีก… ทักษะของคลาสระดับ3เทียบเคียงได้กับคลาสลับ… ทีมพัฒนาจงใจให้คลาสระดับ3มีความเก่งกาจอย่างก้าวกระโดด เพื่ออุดช่องว่างระหว่างคลาสปรกติกับคลาสลับไม่ให้แตกต่างกันมาก
( ผู้แปล : ระดับของคลาสจะคล้ายกับการตีบวก
พื้นฐานคือ +0 ถัดไปคือ +1 +2
เลเวล 0-99 = คลาสพื้นฐาน
เลเวล 100-199 = คลาสระดับ1
เลเวล 200-299 = คลาสระดับ2 )
ยุนซังมินถามขึ้น
"แล้วเร่งเวลาขึ้นอีกไม่ได้หรือ… ให้เสร็จก่อน3เดือนข้างหน้า"
"เราสามารถลดระยะเวลาเตรียมงานได้จากพลังเงินและพลังคนก็จริง… แต่การประชาสัมพันธ์ให้ทั่วโลกรับรู้จำเป็นต้องใช้เวลา"
ยุนนาฮีตอบด้วยสีหน้ากังวล… แต่ผู้จัดการสาขาเกาหลีใต้อย่างคิมจียองก็เสนอไอเดียขึ้น
"เอาแบบนี้เป็นไง... ถ้าไม่อยากให้ผู้เข้าร่วมมีเฉพาะแร้งเกอร์… เราก็สร้างภารกิจขึ้นในเกม เพื่อให้ผู้เล่นซาทิสฟายทุกคนเข้าร่วม"
คิมจียองมีความเห็นสรุปได้ดังนี้
1.ในระหว่างภารกิจ ผู้เล่นจะได้รับแจ้งถึงการแข่งขันระดับนานาชาติที่จะมีขึ้น… นี่ถือเป็นการประชาสัมพันธ์อีกทางหนึ่ง… เนื้อหาของภารกิจจะท้าทายให้ผู้เล่นทุกคนทดสอบความสามารถเพื่อเข้าร่วมการแข่งในนามชาติของตน
2.การกระทำของผู้เล่นอันโดดเด่นจะถูกจับตามอง และเราก็จะคัดเลือกผู้เล่นที่เข้าตาในแต่ละประเภทการแข่งอีกครั้ง
"นี่จะเป็นการลดระยะเวลาประชาสัมพันธ์และการคัดตัวไปพร้อมกัน… รับรองว่าต้องได้รับความสนใจจากผู้เล่นทั่วโลกแน่"
ไม่มีใครเลยสักคนที่ไม่เห็นด้วย… ทุกคนตกลงใช้วิธีการตามที่คิมจียองเสนอ
***
ณ โบสถ์หลักโดมิเนี่ยน นักบวชรูปหนึ่งได้เดินเข้าไปหาหลวงพ่อซึ่งกำลังสวดภาวนาอยู่และกล่าวขึ้นว่า
"หลวงพ่อ… มีใครบางคนมาขอรับการอวยพรจากองค์เทพโดมิเนี่ยน"
"เวลานี้น่ะหรือ… ใช่สาวกของเรารึเปล่า"
"อ--เอ่อ… ไม่ใช่ครับ"
"..."
หลวงพ่อ <รอนด้า> พลันสับสนทันที… การอวยพรจากองค์เทพถือเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจะมอบให้เฉพาะสาวกคนสำคัญเท่านั้น… ตามปรกติ เขาจะเลือกขึ้นมาจากหนึ่งในสาวกโดมิเนี่ยนผู้ซื่อสัตย์ปีละครั้ง… แต่คราวนี้กลับมีคนแปลกหน้ามาขอให้องค์เทพอวยพรโดยตรง… จะต้องหน้าด้านหน้าทนขนาดไหนกัน
นักบวชดังกล่าวได้พูดเสริมขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของหลวงพ่อไม่ค่อยสบอารมณ์
"เขาเดินทางมาพร้อมกับพาลาดินอันดับ1ของโบสถ์ยูดาห์… ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีจดหมายร้องขอโดยตรงจากบุตรีแห่งรีเบคก้านามว่า อิสซาเบล"
"หืม..."
พาลาดินอันดับ1จากทั้งโบสถ์ยูดาห์และรีเบคก้าเชียวหรือ… หลวงพ่อเริ่มให้ความสนใจ… เขาลุกขึ้นจากการสวดภาวนาและเดินออกไปต้อนรับ
ชายคนดังกล่าวมีหน้าตาอันแสนธรรมดา เส้นผมสีดำ… ดวงตาและริมฝีปากให้ความรู้สึกหัวแข็ง ดื้อรั้น… ไม่มีส่วนใดมองแล้วประทับใจเป็นพิเศษ… ทว่ากลับกลับมีบางอย่างแผ่ออกมาจากดวงตาคู่นั่นอย่างน่าประหลาด… ทั้งชวนให้ไหลหลงและชื่นชม… และถ้าไม่ได้คิดไปเอง… รอบกายของชายผู้นี้มีออร่าอันน่าลุ่มหลงเปล่งประกายออกมา
'แปลกมาก'
ร้อนด้าถึงกับตกตะลึงไปพักใหญ่
หลังจากนั้น พาลาดินอันดับ1แห่งโบสถ์ยูดาห์ก็ก้าวออกมาและกล่าวว่า
"หลวงพ่อ… ชายคนนี้คือคุณกริด… หนึ่งในวีรบุรุษผู้สังหารข้ารับใช้ลำดับที่6 มาลาคัส… และยังเป็นตัวแทนของเทพธิดารีเบคก้าในการลงทัณฑ์สันตะปาปาเดรวิโก้ผู้ชั่วช้าจนถึงแก่ความตาย"
"เห..."
หลวงพ่อของโบสถ์โดมิเนี่ยนเข้าใจทันทีว่าออร่ารอบกายชายคนนี้มาจากที่ใด… เป็นเพราะเขาคือวีรบุรุษที่เทพธิดารีเบคก้าทรงมอบการอวยพรให้ด้วยตนเอง
"เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบ คุณกริด"
หลวงพ่อแห่งโบสถ์โดมิเนี่ยนโค้งคำนับกริดอย่างนอบน้อม
โทบันพลันต้องตกตะลึง
'เราพูดตามที่กริดบอกก็จริง… แต่เป็นไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ'
ตัวตนของหลวงพ่อแห่งโบสถ์เป็นรองเพียงสันตะปาปาเท่านั้น… แต่ละโบสถ์ต่างก็มีสาวกนับสิบล้านคน… รวมไปถึงกษัตริย์ของประเทศด้วย… แต่เขากลับแสดงการคำนับต่อผู้เล่นเช่นนี้ได้อย่างไร
ในขณะโทบันกำลังสับสน กริดก็เอ่ยปากขึ้น
"ไม่ทราบว่าจะให้องค์เทพโดมิเนี่ยนช่วยอวยพรบางสิ่งให้ฉันได้รึเปล่า"
"ไม่มีปัญหา"
หลังจากนั้น หลวงพ่อรอนด้าก็เข้าไปทำพิธีให้พร้อมกับสาวกอีกนับสิบ… เมื่อเสร็จสิ้นการภาวนาแผ่นจานสีทองทั้งสอง… ข้อความระบบก็แสดงขึ้นตรงหน้ากริด
[ พาเฟรเนี่ยมได้รับการอวรพรจากเทพโดมิเนี่ยนแล้ว ]
[ พาเฟรเนี่ยมได้รับทักษะ <เพิ่มพลังโจมตี> ]
กริดรีบตรวจสอบรายละเอียดทันที
[ แผ่นจานสีทองที่ทำจากพาเฟรเนี่ยม ]
ความคงทน : ไร้ขีดจำกัด
...
แผนจานสีทองที่สร้างขึ้นจากพาเฟรเนี่ยม โลหะที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกซึ่งเกิดจากการฝีมือของช่างตีเหล็กในตำนาน แพ็กม่า และสุดยอดจอมเวทย์ บราฮัม
หากอยู่ในภาวะปรกติ… มันจะหมุนไปรอบผู้เป็นนายเพื่อทำการปกป้องจากอันตราย… แต่มันก็ยังสามารถพุ่งเข้าโจมตีตามความต้องการผู้เป็นนายได้ด้วย
...
* ผลจากการอวยพรของเทพธิดารีเบคก้า… ความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิตของผู้เป็นนายจะเพิ่มขึ้น 300%
* ผลจากการอวยพรของเทพโดมิเนี่ยน… พลังโจมตีของผู้เป็นนายจะเพิ่มขึ้น 15%
น้ำหนัก : 5 หน่วย
"โห..."
กริดพลันรู้สึกตื่นเต้น
กว่าที่เขาจะได้รับการอวยพรจากเทพธิดารีเบคก้า กริดต้องผ่านอุปสรรคยากลำบากมากมาย… จึงเป็นกังวลว่าโบสถ์ที่เหลือจะเกิดเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้นอีก… ทว่ากลับไม่เป็นไปตามที่วิตก... เขาได้รับการอวยพรจากเทพโดมิเนี่ยนอย่างง่ายดาย แถมออปชั่นที่เพิ่มมาก็ยังน่าพึงพอใจมาก
"ดี… ต่อไปก็โบสถ์ยูดาห์"
โทบันเกือบลืมหายใจทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น
"ย--ยูดาห์งั้นหรอ"
โทบันคือพาลาดินอันดับ1แห่งโบสถ์ยูดาห์… ตัวเขาได้รับภารกิจบางอย่างมาจากหลวงพ่อของโบสถ์… ภารกิจคือการนำเซ็ตแสงศักดิ์สิทธิ์ที่กริดสวมอยู่กลับไปคืน… หากโทบันกลับไปมือเปล่าล่ะก็ หลวงพ่อจะต้องโกรธมากแน่… โทบันไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี
"เอ่อ… กริด… ฉันพานายไปโบสถ์ยูดาห์ไม่ได้จริงๆ… เพราะว่า--"
โทบันพยายามอธิบายเพื่อให้กริดเข้าใจสถานการณ์… ทว่าเมื่อได้ฟังเพียงครู่เดียว กริดก็รีบตัดบท
"ฉันไม่สนว่านายจะมีปัญหาอะไร… แต่มันไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย… นายคือทาสของฉัน ต้องทำตามที่ฉันบอกเท่านั้น… ตามมาซะ"
"ก--กริด..."
กริดไร้ความปราณีโดยสิ้นเชิง… แต่โทบันก็มิอาจปริปากบ่นได้… เขาเป็นฝ่ายทำสิ่งเลวร้ายลงไปก่อน… และตอนนี้มีแต่ต้องพิสูนจ์ตัวเองเพื่อให้ได้รับการอภัยเท่านั้น… จึงทำได้เพียงตามกริดไปโดยไม่มีข้อแม้
ทว่า
โทบันรู้สึกอยากร้องไห้
กริดจะขายให้โบสภ์ยูดามั้ยน้าาาา
ReplyDeleteสนุกมากมายครับ
ReplyDelete