จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 142



       เมื่อไม่กี่เดือนก่อน กริดผู้ซึ่งเป็นหนี้ก้อนโตต้องคอยหลบหนีหัวซุกหัวซุนจากการไล่ล่าของกลุ่มนักเลงบริษัทมาร์เธออีสแฮปปี้ 

       เขาต้องออกไปทำงานก่อสร้างอันแสนทรมานเพียงเพื่อนำเงินมาจ่ายดอกเบี้ยและใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก… ลืมไปได้เลยว่าจะได้รับความรักจากใคร… ลืมไปได้เลยว่าจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น… แม้แต่โซจูขวดเดียวก็ไม่มีปัญญาจะซื้อดื่ม

       ทว่าตอนนี้ทุกสิ่งเปลี่ยนไปแล้ว   

       หลังจากที่กลายเป็นผู้ครอบครองคลาสเกรดเลเจนดารี กริดก็ค่อยๆ ประสบความสำเร็จในการเล่นเกมมากขึ้นจนปลดหนี้ให้กับตนเองได้… และตอนนี้ก็นับว่าค่อนข้างร่ำรวยแล้ว

       นับตั้งแต่การฆ่ามาลาคัสเป็นต้นมา... กริดทำเงินได้สูงสุดจากการขาย <หนามแห่งความเคียดแค้น> ให้กับไอเบลลินไปในราคา4.61พันล้านวอน… ตอนนี้เขายังเหลือเงินมากถึง2.95พันล้านวอน แม้จะจ่ายส่วนต่าง5%ให้เว็บไซต์แลกเปลี่ยนเงินตรา จ่ายหนี้ให้ครอบครัว และซื้อรถหรู800ล้านวอนไปแล้ว

       และทุกวันนี้ กริดสามารถกินไก่ได้ตามใจชอบแล้วโดยไม่ต้องแบ่งใคร! โดยเขาจะกินมันอย่างเอร็ดอร่อยในทุกๆ ครึ่งเดือน… ชีวิตอันหรูหราที่เคยอยากทำก็ลองมาหมดแล้ว… เป้าหมายต่อไปคือการเก็บเงินให้ได้1หมื่นล้านวอนเพื่อซื้อที่ดินและปลูกบ้านให้ครอบครัว   

       แต่ก่อนจะเริ่มทำแบบนั้น เขาจำเป็นต้องสร้าง <ความผิดพลาด> ขึ้นมาเสียก่อน สิ่งแรกที่กริดทำคือการเข้าโรงประมูลเพื่อกว้านซื้อโอริชาลคั่มสีน้ำเงินมาให้หมด… ทว่าไม่มีใครเลยสักคนเดียวที่ขายมัน แม้แต่ในอินเทอร์เน็ตก็ไม่มี  

       อาจเป็นเพราะคนไม่นิยมล่าผู้พิทักษ์พงไพร หรือไม่ก็โอกาสดรอปมีต่ำมากจนยังไม่มีใครได้… หรือไม่ก็ช่างตีเหล็กคนอื่นกว้านซื้อไปหมดแล้ว… แม้กริดจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใดกันแน่… แต่ที่รู้ๆ ตอนนี้เขามีวิธีหามาด้วยตนเอง   

       ทำไมถึงไม่ไปดรอปเอาจากผู้พิทักษ์พงไพรซะเลยล่ะ...

       'เราได้โอริชาลคั่มสีน้ำเงินจากเทศมนตรีวลาดี้มาแล้ว3ก้อนเมื่อครั้งขายดาบตื่นรู้… แปลว่ายังเหลือที่ต้องใช้อีก12ก้อนสินะ'       

       และในที่สุด

       กริดกับกองทหารก็มาถึงจุดที่เป็นรังของผู้พิทักษ์พงไพร

       "ที่นี่แหละ"       

       ณ ส่วนลึกสุดของป่าเกรย์ ในบริเวณนี้มีหลุมลึกขนาดใหญ่ขึ้นในจุดที่ดูเหมือนจะเคยเป็นผืนป่ามาก่อน… กริดเริ่มกวาดสายตามองไปโดยรอบอย่างละเอียดเพื่อเก็บข้อมูลสถานที่… ทว่าในจุดนี้เพียงต้นไม้เก่าที่ปกคลุมไปด้วยชั้นขี้เถ้าบางๆ เท่านั้น  

       'จุดกำบังมีไม่เพียงพอ… ต้นไม้พวกนี้ก็คงพังทลายลงทันทีที่บอสอาละวาด… สงสัยได้เป็นการเผชิญหน้าโดยตรงซะแล้วสิ'

       แต่ชายหนุ่มไม่ได้กังวลมากนัก ตราบใดที่อัศวินและทหารดึงความสนใจสมุนโกเล็มไว้ได้ กริดสามารถอาศัยช่วงเวลานั้นเพื่อจัดการผู้พิทักษ์พงไพรตามลำพัง ทว่าเหล่าทหารกลับมิได้คิดเช่นนั้น

       "ท--ท่านวิสเคาท์ พวกเราควรถอยดีกว่าไหม"

       "ได้โปรดไว้ชีวิตเราด้วย! หากผมตาย ใครจะดูแลครอบครัวผม!"

       "ผมเองก็ยังเด็กอยู่เลย..."

       แม้ว่ากริดจะแสดงให้เห็นถึงพลังของเขาไปมากมายระหว่างทาง แต่สภาพจิตใจของทหารก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย ในที่สุดชายหนุ่มก็ถอดหมวกปีกกว้างที่ใช้ปิดหน้าปิดตาทิ้งไป… มงกุฏแสงศักดิ์สิทธิ์ถูกหยิบออกมาสวมแทน… อาวุธในมือก็เปลี่ยนเป็นดาบผู้บัญชาการเพื่อเพิ่มค่า <ความเกรงขาม> ให้มากที่สุด

       "กับแค่ผู้พิทักษ์พงไพร… อย่าลืมสิ ว่าฉันเคยจัดการกับมาลาคัสผู้ที่สร้างความหวาดกลัวไปทั่วโลกมาแล้ว! พวกนายต้องเชื่อในตัวฉัน เข้าใจรึเปล่า!"

       "อ--โอ้ว!"

       ค่าความเกรงขามติดตัวของกริดในตอนนี้มี364แต้ม… หากนับรวมจากมงกุฏแสงศักดิ์สิทธิ์และดาบผู้บัญชาการเข้าไปด้วยก็จะสูงกว่า600แต้มในทันที… ความเกรงขามระดับนี้เทียบได้กับเอ็นพีซีระดับกษัตริย์และขุนนางผู้ทรงอิทธิพลของแต่ละอาณาจักรเลยทีเดียว… ทำให้ทหารทั่วไปและอัศวินอย่างโรมิโอกับเด็คเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่ยำเกรงต่อกริด  

       "พวกเราเชื่อในตัวท่านวิสเคาท์… หลังจากนี้ไม่ว่าท่านจะสั่งอะไร… พวกเราก็จะปฏิตามอย่างไม่ปริปากบ่น"

       "ดี!"

       ความวุ่นวายในกองทหารพลันเงียบสงบ... กริดยิ้มอย่างพึงพอใจและหันไปมองโดยรอบอีกครั้ง
       
       'ว่าแต่… ผู้พิทักษ์พงไพรไปอยู่ไหนแล้ว… มันถึงเวลาที่ควรปรากฏตัวออกมาแล้วนี่นา'

       ก่อนเข้ามาในเกม กริดได้ยืนยันเวลาเกิดของผู้พิทักษ์พงไพรกับเวปไซต์ที่น่าเชื่อถือ… วันนี้และเวลานี้คือช่วงที่ถูกระบุไว้… กริดเตรียมตัวมาดีถึงขนาดพกหมวกสำหรับปิดหน้าปิดตาในยามที่อาจปะทะกับผู้เล่นปาร์ตี้อื่น  

       แต่ตลอดทางเดินที่ผ่านมา ชายหนุ่มก็ไม่พบปาร์ตี้ใดเลยในละแวกนี้

       'อย่าบอกนะว่าเป็นเว็ปไซต์หลอกลวง...' ไม่แปลกที่กริดจะโกรธ… เขาเสียเงินค่าสมาชิกเว็ปไซต์แพงถึง130,000วอนเพื่อแค่จะดูเวลาเกิดของผู้พิทักษ์พงไพร

       'เห็นว่ามีสมาชิกเยอะ… เราก็เลยหลงเชื่อ...' 

       เมื่อกริดแน่ใจแล้วว่าเขาสูญเงินเทียบเท่าราคาไก่6ตัวไปอย่างเปล่าประโยชน์… ชายหนุ่มก็บันดาลโทสะใช้เท้าเตะใส่ก้อนหินขนาดกลางที่อยู่ตรงหน้าด้วยความโมโห 

       ทว่าหินก้อนนั้นกลับกำลังขยับไปมา

       จู๊ดพลันต้องตกตะลึงทันที

       "ยอดมาก! ก้อนหินที่ท่านวิสเคาท์เตะมันขยับเองได้ด้วย!"

       "มีบางอย่างไม่ถูกต้อง..."

       ทั้งทหารและอัศวินต่างพากันแตกตื่นทันที… ก้อนหินที่กริดเตะเข้าไปได้ค่อยๆ ขยายขนาดขึ้น… ประหนึ่งเต่าที่หดหัวอยู่ในกระดอง เป็นภาพของผู้พิทักษ์พงไพรกำลังขยายร่างขึ้นต่อหน้าทุกคน

       ทว่า… กลับมีบางสิ่งที่แปลกออกไป

       "หมายความว่ายังไง..."

       กริดรู้สึกสับสนทันที… ผู้พิทักษ์พงไพรในยามปรกติควรจะมีขนาด5เมตรเป็นอย่างต่ำ… แต่ตัวที่อยู่ข้างหน้ากลับสูงพอๆ กับกริดเท่านั้น  แถมยังดูคล่องแคล่วว่องไวกว่าด้วย

       'ทำไมถึงได้มีรูปร่างเหมือนมนุษย์นัก'

       มันมี5นิ้วมือและ5นิ้วเท้า... แขนขาคล้ายมนุษย์ ต่างกันเพียงแผ่นหลังที่ปกคลุมไปด้วยหินแข็งราวกับกระดอง… ผิวหนังทั้งตัวทำมาจากผลึกแร่โปร่งใส… ชื่อเหนือศีรษะถูกเขียนไว้ว่า <ผู้พิทักษ์พงไพรร่างจริง> 

       "แกเป็นตัวอะไรกันแน่..."       

       กริดที่พยายามจะวัดค่าพลังต่อสู้ ทว่าสิ่งที่ปรากฏออกมากลับไม่ใช่ตัวเลข… แต่เป็นเครื่องหมาย <???> แทน… ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงอันตรายจับใจจึงรีบตั้งสติกลับมาโดยเร็ว… เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ผู้พิทักษ์พงไพรร่างจริงได้ย่นระยะเข้ามาหาในพริบตา   

       ซุ่วว!

       เกิดพายุอันรุนแรงขึ้นทันทีที่มันขยับตัว… ส่งผลให้เศษขี้เถ้าถูกพัดกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ต้นไม้น้อยใหญ่ได้สั่นสะเทือนไปถึงโคนราก 

       เปรี้ยง!

       เหมือนกับกริดกำลังดูเรกัสต่อสู้… ผู้พิทักษ์พงไพรร่างจริงได้ซัดลูกเตะอันทรงพลังและแม่นยำเข้าใส่เด็คที่ยืนถัดไปจากเขา 

[ สมาชิกปาร์ตี้ อัศวิน <เด็ค> เสียชีวิต]

        "บ--บ้าน่า..."

       อัศวินเลเวล185ที่สวมชุดเกราะเต็มสูบกลับตายคาทีในลูกเตะเดียว… กริดรีบโพล่งขึ้นบอกกับทุกคน

       "หลบไป! โดยเฉพาะจู๊ด! นายห้ามตายเด็ดขาด!" 

       ถ้าเป็นเจ้านี่ล่ะก็… ทั้งทหารและอัศวินคงช่วยอะไรไม่ได้มากแน่… กริดที่กำลังตึงเครียดได้ชักดาอินสเลฟออกมาจากกระเป๋าอย่างรวดเร็ว… ดาบใหญ่สีดำกำลังแผ่ออร่าอันดุดันออกไปทั่วบริเวณ   

       ***

       เป็นเวลากว่า47วันแล้ว

       กริดได้รับปากอย่างมั่นเหมาะว่าจะสร้างชุดเกราะให้แวนท์เนอร์… เขากลายเป็นผู้โชคดีคนที่3ต่อจากป็อนและไอเบลลิน... สิ่งนี้ทำให้แวนท์เนอร์รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย        

       'ในที่สุดเราก็จะได้ใส่ไอเท็มสุดโกงเหมือนสองคนนั้นสักที' 

       หากได้สวมเกราะชั้นยอดที่กริดสร้างขึ้น มันจะต้องชดเชยจุดอ่อนด้านพลังป้องกันของเขาจนสามารถออกอาละวาดอีกครั้งได้อย่างเต็มที่… ไม่เกินจริงไปเลยที่จะกล่าวว่า ณ ตอนที่ได้รู้ข่าว แวนท์เนอร์คือคนที่มีความสุขที่สุดในโลก 

       แต่แล้วนี่มันอะไรกัน… อยู่ดีๆ กริดก็ขอหยุดพักการสร้างไอเท็มและออกไปทำภารกิจ… หลังจากเส็รจภารกิจแล้วก็ยังหายหัวไปไม่ยอมโผล่หน้าออกมาอีกเลย

       นั้บตั้งแต่วันแรกที่กริดออกไปทำภารกิจ แวนท์เนอร์เฝ้ารอการกลับมาในทุกคืนวัน… เมื่อผ่านไปครบ2สัปดาห์ ดูเหมือนจะยังไม่มีกำหนดวันกลับมาที่แน่ชัด… แวนท์เนอร์เกิดอาการหลอนสุดขีดจนทำให้เมื่อเห็นเด็กหนุ่มชาวเอเชียตามถนน เขาก็จะคิดว่าเป็นกริดไปเสียหมด… แม้กระทั่งเดินผ่านคนที่กำลังบ่นอุบอิบ เขาก็อดหันไปมองเพราะคิดว่าเป็นกริดไม่ได้
       
       กริดใช้เวลาทั้งหมดไปหนึ่งเดือนกับอีกสองสัปดาห์… เป็นระยะเวลาที่แวนท์เนอร์ไม่สามารถติดต่อกริดได้เลยทุกช่องทาง… เขาไม่แน่ใจตัวเองด้วยซ้ำว่าได้สาปแช่งด่าทอกริดไปแล้วทั้งหมดกี่ครั้ง 

       แต่เพราะการรอคอยทำให้แวนท์เนอร์ได้พบกับความรัก

       จนกระทั่ง4วันก่อน… วันที่แวนท์เนอร์รอคอยก็มาถึง 

       'ในที่สุดก็จะได้ชุดเกราะสักที...'

       แวนท์เนอร์ปลาบปลื้มจนน้ำตาไหล… เขาเฝ้ารอการกลับมาของกริดประหนึ่งคู่รักที่พลัดพราก… แต่ก็ราวกับสายฟ้าที่ผ่าเข้ากลางใจ แทนที่กริดจะสร้างชุดเกราะให้… เขากับประกาศว่าจะจัดพิธีแต่งงานกับหญิงสาวที่แวนท์เนอร์หลงรักหัวปักหัวปำ

       ณ วันพิธีงาน แวนเนอร์ยังทำใจรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันไม่ได้ เขารู้สึกโกรธแค้นกริดขึ้นมาทันใด… เรื่องการทำชุดเกราะถูกลืมไปจนหมด… เขาโมโหที่กริดแย่งไอรีนไป จึงดื่มเหล้าย้อมใจจนเมามายและตะโกนด่าท่อขึ้นในงานอย่างหยาบคาย… สุดท้ายก็โดนกัปตันฟินิกซ์เชิญออก  

       แต่เมื่อสร่างเมาและตื่นขึ้นในวันต่อมา... เขาก็สำนึกได้ว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเลวร้ายขนาดไหน… ยังไงไอรีนก็เป็นผู้หญิงที่เขาไม่มีวันเอื้อมถึงอยู่แล้ว… การไปโกรธกริดย่อมไม่ใช่สิ่งถูกต้อง… แวนท์เนอร์รู้สึกผิดมากจนอยากจะขอโทษกริดให้ได้… เพราะกลัวว่าด้วยนิสัยส่วนของตัวกริดแล้ว...          

       'หมอนั่นคงไม่ใจแคบขนาดปฏิเสธการสร้างไอเท็มให้เราด้วยเรื่องแค่นี้หรอกนะ'

       แวนท์เนอร์รู้ดีว่ากริดมีนิสัยส่วนตัวยังไง… หลังจากพิธีแต่ง เขาจึงเฝ้ารอการกลับมาของกริดอยู่ที่โรงตีเหล็กข่านทุกวันเพื่อรอขอโทษ 
       
       แต่กริดกลับไม่โผล่หน้าออกมาเลยนับตั้งแต่วันงาน… ข่านรู้ดีกว่ากริดกำลังทำอะไรอยู่ แต่เขาไม่คิดจะปริปากบอกคนอย่างแวนเนอร์แน่นอน        

       "เฮ้! ลุง! ทำไมถึงไม่ยอมบอกฉันว่ากริดไปไหนกันแน่!"

       "แกเป็นคนตะโกนด่ากริดในงานแต่งไม่ใช่รึไง… ฉันไม่อยากให้คนอย่างแกไปวุ่นวายกับเขา"

       "นั่นสินะ..."

       ข่านเองก็เป็นตาลุงที่ไม่ค่อยปรกตินัก… และนั่นก็เป็นเหตุที่ทำให้เขาเข้ากับกริดได้ดี… ในเมื่อแวนท์เนอร์ไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อ เขาเลยตัดสินใจไปรบกวนจิสึกะอีกครั้ง

       >> หัวหน้า… เข้าไปหาไอรีนหน่อยได้ไหม 

       >> จะให้ถามเรื่องกริดสินะ

       >> อืม...

       >> ตกลง ฉันเองก็คิดว่า ถึงเวลาที่เขาต้องกลับมาทำงานแล้ว

       เซดาก้าห์ชวนกริดเข้ากิลด์ในฐานะช่างตีเหล็ก… แล้วกริดก็ยอมรับข้อเสนอนั้นแต่โดยดี… ดังนั้นในฐานะหัวหน้ากิลด์ คงถึงเวลาที่จิสึกะต้องเตือนความจำกันสักหน่อย         

       เมื่อไปพบไอรีน จิสึกะก็ได้รับข่าวอันน่าตกตะลึงสุดขีด

       "เอ๋...! กริด… ไม่สิ… วิสเคาท์กริดเดินทางไปจัดการกับผู้พิทักษ์พงไพรงั้นเหรอ"

       "ใช่แล้วล่ะ เขาบอกว่าเป็นการกระทำเพื่อผลประโยชน์ของพวกเราทุกคน… ว๊าย~ เท่จังเลย เหมือนกับเจ้าชายขี่ม้าขาวก็เลยใช่ไหม"

       "...แย่ล่ะสิ"

       เฉกเช่นเดียวกันเกมอื่น ในซาทิสฟายนั้นมีการแก่งแย่งสูงมาก… ผู้เล่นทุกคนล้วนมุ่งหวังให้ตนเองหรือพวกพ้องได้ประโยชน์สูงสุด… และสำหรับกิลด์… สิ่งที่จะพลาดไม่ได้คือการ <ปิดแม็ป> เก็บเลเวลที่ให้ผลตอบแทนสูงไว้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว

       การ <ปิดแม็ป> หมายถึงการที่มิให้บุคคลภายนอกย่างกรายเข้าไปในบริเวณนั้นๆ… หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า <การผูกขาดของกิลด์>… ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในบรรดากิลด์ใหญ่… เซาด้าก้าห์เองก็ทำการปิดแม็ปแหล่งเก็บเลเวลเอาไว้2จุด   

       สถานที่แรกคือ <ดันเจี้ยนรูเกอร์> ซึ่งมีมอนสเตอร์เลเวล250อาศัยอยู่… ส่วนอีกแห่งก็คือ <ป่าเกรย์> ซึ่งมีผู้พิทักษ์พงไพร

       ผู้พิทักษ์พงไพรจัดเป็นบอสแม็ปที่แข็งแกร่งผิดธรรมชาติ… แม้จะมีเลเวลเพียงแค่245เท่านั้น แต่กลับมีค่าสถานะสูงส่งอย่างน่าเหลือเชื่อ เท่านั้นยังไม่พอ มันยังมีทักษะโจมตีหมู่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง และทักษะเสกโกเลมสมุนที่น่ารำคาญอีกด้วย 

       แถมยังเป็นในช่วงเวลาพิเศษแบบนี้อีก...

       'ผู้พิทักษ์พงไพรร่างจริงจะแข็งแกร่งกว่าร่างปรกติหลายเท่าตัว'

       แร่โอริชาลคั่มเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากพลังของผู้พิทักษ์พงไพรและแสงจันทร์… นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า โอริชาลคั่มสีน้ำเงินจะมีความพิเศษเมื่ออยู่ใต้แสงจันทร์

       ในทุก4เดือน พระจันทร์เต็มดวงทั้งสองจะมาบรรจบกันในค่ำคืนหนึ่ง และส่งผลทำให้ผู้พิทักษ์พงไพรที่ร่างการส่วนใหญ่เป็นโอริชาลคั่มสีน้ำเงินกลายร่าง… มันจะสำแดงพลังที่แท้จริงออกมาในตัวตนที่ชื่อ <ผู้พิทักษ์พงไพรร่างจริง>         

       และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่มันลืมตาตื่นขึ้นพอดิบพอดี… เมื่อ4เดือนก่อน กิลด์เซดาก้าห์ไม่รู้เรื่องนี้ พวกเขาจึงตั้งปาร์ตี้ออกล่าตามปรกติ… สุดท้ายจบด้วยความพินาศย่อยยับ สมาชิกทุกคนถูกสังหารอย่างราบคาบในพริบตา… แม้ผู้พิทักษ์พงไพรร่างจริงจะมีพลังชีวิตและพลังป้องกันที่ต่ำกว่าร่างปรกติเล็กน้อย… ทว่าทั้งพลังโจมตีและพลังป้องกันกลับเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว 

       'ย่อมแข็งแกร่งกว่าสันตะปาปาที่เป็นคลาสนักบวชหลายขุม… คราวนี้กริดคงไม่รอดแน่'

       ในเมื่อเซดาก้าห์ไม่อาจล่าผู้พิทักษ์พงไพรร่างจริงได้… จิสึกะจึงตัดสินใจไม่ปิดแม็ปป่าเกรย์ในช่วงนี้…  ใครอยากจะเข้าก็เข้าไปได้ตามสบาย… โดยพวกเขามีแผนไว้ว่าอีก4เดือนข้างหน้าจะลองล่ามันดูใหม่  

       ไม่ว่าจิสึกะจะคำนวนอย่างไร… โอกาสที่กริดจะทำสำเร็จก็เป็น 0% 
       
       'แต่แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะนะ...'

       ถ้าหากกริดสนใจแชทกิลด์บ้าง… เขาก็คงรู้ว่ากิลด์เซด้ากาห์ทำการปิดแม็ปป่าเกรย์เพื่อล่าผู้พิทักษ์พงไพรมานานแล้ว… ดังนั้นหากกริดต้องการโอริชาลคั่มสีน้ำเงิน… ก็เพียงเอ่ยปากขอมาเท่านั้น 

       แต่กริดก็ไม่ทำ… เขาไม่เคยสนใจแชทกิลด์ ไม่เคยสนใจว่าสมาชิกกิลด์คนอื่นกำลังทำอะไรอยู่… จนกระทั่งลงเอยด้วยการบุ่มบ่ามเข้าไปปะทะกับผู้พิทักษ์พงไพรร่างจริงตามลำพัง… จิสึกะหวังจะดัดนิสัยของกริดไปพร้อมกันในคราวนี้… เธออยากให้เขารู้ว่า การสื่อสารกับพวกพ้องเป็นสิ่งที่สำคัญขนาดไหน และในอนาคตอย่าได้ทำตามอำเภอใจอีก           

       ณ ทางเข้าโรงตีเหล็กข่าน

       "หมอนั่น… เอาจริงเหรอ..."

       แวนท์เนอร์พลันหน้าเสียหลังจากที่รู้ความจริงจากข้อความส่วนตัวจิสึกะ… เขาอยากจะไปช่วยกริดเพื่อชดเชยในความผิดที่กระทำลงไป… ทว่าป่าเกรย์นั้นอยู่ไกลจากที่นี่เสียเหลือเกิน  

       'เขาอาจตายและโมโหจนไม่อยากสร้างไอเท็มให้ฉันก็ได้...'

       ทันใดนั้น ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในขณะที่แวนท์เนอร์กำลังกลัดกลุ้ม… ข่านผู้ที่ไม่เคยเห็นแวนท์เนอร์อยู่ในสายตาพลันเอ่ยทักทายชายปริศนาขึ้นอย่างเป็นมิตร

       "โอ้! ไม่ได้เจอกันนานเลย… หลายเดือนแล้วสินะ"

       "คุณยังสบายดีไหมครับ… แล้วนายท่านของผมล่ะ เขาเป็นยังไงบ้าง"

       "โฮ่! ไม่ได้ข่าวคราวของเขาเลยงั้นหรือ… ช่วงนี้ออกจะดังมากเลยล่ะ… เขากำลังไปได้สวยกับทุกอย่าง และตอนนี้ก็กำลังออกล่ามอนสเตอร์บอสที่ดุร้าย..."

       ข่านตัดสินใจชะงักคำพูดไว้ เขาเปลี่ยนท่าทีเป็นเดินมากระซิบข้างหูชายปริศนา… ทั้งสองคนคุยอะไรกันอยู่นะ… หลังจากนั้นชายลึกลับก็เผยสีหน้าดีใจ  

       "สมกับเป็นนายท่านของผม… ก่อนหน้านี้ยังพยายามหนีจากหัวหน้าออร์คน้ำแข็งอยู่เลย… แต่ตอนนี้กลับออกล่าบอสสุดโหดตามลำพังแล้วงั้นหรือ… เดี๋ยวผมจะไปหาเขาก็แล้วกัน"

       ชายคนดังกล่าวพูดอำลากับข่านเล็กน้อยก่อนจะออกไปอย่างตื่นเต้น… หลังจากนั้นเขาก็เป่านกหวีดขึ้นหนึ่งครั้ง… มอนสเตอร์ <เดรก> สำหรับขี่ได้บินลงมาจากท้องฟ้า

       เพียงไม่นานเขาก็ขี่มันจากไป 

       แวนท์เนอร์พลันมีสีหน้าตกตะลึง

       "ในบรรดาแร้งเกอร์ที่ใช้เดรก… เราไม่เคยเห็นชื่อหมอนี่มาก่อน"

       หรือว่าจะมีรุคกี้คนใหม่ถือกำเนิดขึ้นอีกแล้ว… แวนท์เนอร์ได้แต่เกิดความสงสัย 

Comments

  1. รุกกี้ที่สามารถใช้แค่คำพูดทำร้ายคุณได้

    ReplyDelete
    Replies
    1. ชื่อของเค้าคือ "ด่าพ่อล่อแม่ฮิมลอย"

      Delete
  2. ใครอ่ะ ลืมอีกละ

    ReplyDelete
  3. นักพูดมาแว้ววววววว

    ReplyDelete
  4. ฮิวรอยมาแล้ว

    ReplyDelete
  5. ผู้ช่วย กริดมาแย้ว เย้ เย้

    ReplyDelete
  6. อัศวิน​อีก1คนสินะ...

    ReplyDelete
  7. ฮิวรอยที่หายไป50ตอน

    ReplyDelete
  8. นึกว่าตายแล้วหายนานจัด

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00