จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 141
(ผู้แปล : ขอเปลี่ยนค่าสถานะ <ความสง่างาม> เป็น <ความเกรงขาม> เพื่อความเหมาะสม และหลังจากนี้คงไม่เปลี่ยนอีกแล้ว… ถือเป็นค่าสถานะเจ้าปัญหาจริงๆ ให้ตายสิ )
ในระหว่างทางไปยังป่าเกรย์ซึ่งอยู่ชายขอบของหมู่บ้านไบรัน... 3วันที่ผ่านมา กริดได้ฝึกซ้อมจู๊ดและกองทหารเป็นอย่างหนัก
ชายหนุ่มได้ใช้ผ้าคลุมมาลาคัสเพื่อเรียกมอนสเตอร์ออกมาให้ทหารฝึกซ้อม ทว่ามอนสเตอร์ในแถบป่าเกรย์นั้นมีเลเวลที่สูงถึง120… ดังนั้นกองทหารเลเวลเฉลี่ย70~80จึงได้แต่ร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวดทรมาน
แต่กริดนั้นใจแข็งมาก… เขาไม่ยอมออกคำสั่งถอยแม้กองร้อยจะตกที่นั่งลำบาก… พวกทหารถูกสั่งให้ฝืนสู้จนหยดสุดท้ายโดยปราศจากการพักผ่อน… จนในที่สุด ทหารทุกคนซึ่งไม่อาจขัดคำสั่งจึงได้แต่ต้องสู้อย่างถวายชีวิต… ส่งผลให้พวกเขาเกือบที่จะตายไปจริงๆ อยู่หลายหน
ไม่มีทหารคนใดคิดว่ากริดเป็นวีรบุรุษอีก… ยามนี้ในสายตาทุกคน เขาคือปีศาจ
ในตอนแรก กองร้อยที่13คิดว่านี่คงเป็นการลงโทษ แต่ก็ไม่มีทหารคนใดเสียชีวิตลงไปจริงๆ... ในขณะที่พวกเขากำลังจะตาย กริดก็สั่งให้อัศวินออกไปช่วย หรือไม่ก็เป็นคนออกไปช่วยด้วยตนเอง
เป็นเช่นนี้อยู่3วัน3คืน… เลเวลเฉลี่ยของทหารเพิ่มขึ้นเป็น90อย่างน่าเหลือเชื่อ… และจู๊ดผู้ที่ออกโรงมาสุด… เลเวลของเขาตอนนี้จึงกลายเป็น110แล้ว
'จริงด้วย… เอ็นพีซีมีระบบเลเวลแตกต่างจากผู้เล่น'
กริดได้เรียนรู้สิ่งใหม่… หากเป็นผู้เล่นตัวไป เมื่อเลเวลอัพ พวกเขาจะได้แต้มสถานะจำนวน10แต้ม… ทว่าเอ็นพีซีนั้นไม่ใช่ เอ็นพีซีไม่มีแต้มสถานะให้เลือกอัพเหมือนผู้เล่น… กลับกัน ค่าสถานะพื้นฐานจะถูกเพิ่มแบบสุ่มตั้งแต่6ถึง20แต้ม… ในทุกครั้งที่จู๊ดเลเวลอัพ ตัวเขาจะมีค่าสถานะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย16แต้ม… นับว่ากริดตาถึงทีเดียวกับเอ็นพีซีเกรดAคนนี้
กริดใจชื้นขึ้นมาทันที
'อย่างนั้นแหละจู๊ด… รีบพัฒนาตนเองเข้า นายจะได้กลายมาเป็นสุนัขรับใช้ของฉันไวๆ'
วันถัดมา… ในที่สุดปาร์ตี้ใหญ่ก็มาถึงทางเข้าป่าเกรย์… ทันใดนั้น พวกทหารซึ่งกำลังฮึกเหิมจากการฝึก3วันที่ผ่านมา อยู่ดีๆ ก็แข้งขาอ่อนแรงจิตใจห่อเหี่ยวอีกครั้ง
"ผ--ผมว่าพวกเราไม่ควรเข้าไปลึกกว่านี้นะ"
ทางเข้าป่าเกรย์ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกพิษที่เกิดจากดอกไม้พิษ… ส่งผลให้พื้นที่ในอาณาเขต300ตารางเมตรถูกหมอพิษปกคลุมจนทั่ว… ทั้งอัศวินและทหารต่างพากันยืนสั่นระริก… แม้พวกเขาจะอยู่ห่างจากหมอกพิษเพียง5เมตร แต่ผิวหนังก็เริ่มรู้สึกระคายเคืองกันแล้ว… หลอดพลังชีวิตค่อยๆ ลดลงทีละนิด
โรมิโอมั่นใจว่าการมาเหยียบที่นี่โดยไร้นักบวชรีเบคก้า ไม่ต่างอะไรกับการมาเพื่อฆ่าตัวตาย
"ไม่มีทางที่จะเอาชนะผู้พิทักษ์พงไพรด้วยกำลังคนแค่นี้อยู่แล้ว… อย่าว่าแต่สู้เลย แค่เข้าไปให้ถึงตัวอาจทำไม่ได้ด้วยซ้ำ… การมาถึงที่นี่ได้ก็นับว่าเกิดคาด"
ทั้งทหารและอัศวินไม่มีผู้ใดกล้าย่างกรายเข้าไปใกล้… แต่กริดก็ไม่ได้บังคับฝืนใจพวกเขาในครั้งนี้
'หมอกพิษจะสร้างความเสียหาย350หน่วยต่อวินาที'
หากไม่นับอัศวิน บรรดาทหารจะมีพลังชีวิตอยู่ราว3,000หน่วยเท่านั้น… หากต้องลุยฝ่าหมอกเข้าไป เกรงว่าคงมิอาจเดินได้พ้น100เมตร… กริดฝึกคนเหล่านี้อย่างหนักเพื่อรบ… เขาจึงไม่คิดจะส่งเข้าไปตายอย่างเปล่าประโยชน์
'สงสัยเราต้องออกโรงเอง'
ดอกไม้พิษนั้นแตกต่างจากพืชมีพิษทั่วไป… มันคือมอนสเตอร์กินคนเลเวล160ที่จะใช้เถาวัลย์โจมตีเข้าใส่ทุกอย่างที่อยู่ใกล้… จัดเป็นมอนสเตอร์ซึ่งอันตรายมากสำหรับทั้งนักเดินทางและมอนสเตอร์ด้วยกันเอง
"เอ๋…! จู๊ด!"
จู๊ดกลับเดินดุ่มเข้าไปในหมอกพิษอย่างเงียบงันเช่นเดิม… เป้าหมายคือดอกไม้พิษที่แม้แต่อัศวินยังหวาดกลัว
'นี่แหละ! สมแล้วที่ฉันเล็งไว้!'
กริดเฝ้ามองด้วยสายตาคาดหวัง… จู๊ดจะใช้วิธีใดทำลายดอกไม้พิษกันนะ… กริดเกิดความสงสัยใคร่รู้ขึ้น
ในที่สุดร่างของจู๊ดก็เข้าไปสัมผัสกับหมอกพิษ… ทันใดนั้นพลังชีวิตของเขาก็ลงลดอย่างฮวบฮาบจนน่าตกใจ
แต่จู๊ดก็มิได้สนใจ… เขาคำรามขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะเดิ่มดุ่มเข้าไปต่อ… และลงท้ายด้วยการล้มลงหน้าทิ่มพื้นหญ้าในที่สุด
"...อ้าว!"
กริดพลันเกิดความสับสนทันดี… เขาไม่ว่าจู๊ดจะหมดลูกไม้เพียงเท่านี้ … หลังจากนั้นกองร้อยทหารก็โห่ร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก
"เอาอีกแล้ว… กัปตันทำอะไรโดยไม่ใช้สมองอีกแล้ว!"
"รีบเข้าไปช่วยกัปตันเร็วเข้า!"
"บ้าจริง! แล้วจะให้ลุยหมอกพิษเข้าไปรึไงฟะ! พวกเราเองก็ไม่รอดเหมือนกันนั่นแหละ!"
"ไม่นะ… กัปตันจะต้องตายตรงนี้งั้นหรือ"
พลังชีวิตของจู๊ดเข้าขั้นวิกฤติ… กลุ่มทหารได้แต่เฝ้ามองดูหัวหน้าของตนกำลังจะตายอย่างสิ้นหวัง… ดูเหมือนกริดเริ่มจะเข้าใจอะไรบางสิ่งขึ้นมาบ้างแล้ว
'ไอ้งั่งของแท้เลยแฮะ...'
ไม่ว่าจู๊ดจะมีเลเวลเพิ่มขึ้นมาสักกี่ระดับ แต่ค่า <สติปัญญา> ของเขาก็ติดแหง่กอยู่ที่11ตามเดิมไม่ยอมขยับไปไหน… ดูเหมือนทักษะที่ชื่อแปลกๆ อย่าง <ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน> จะเป็นเหตุผลที่ทำให้ค่าสติปัญญาของจู๊ดไม่เพิ่มขึ้น… และสาเหตุที่จู๊ดวิ่งลุยเข้าไปในดงหมอกพิษไม่ใช่เพราะเขารู้วิธีจัดการมัน… แต่เกิดจากความไร้สมองล้วนๆ… กว่ากริดจะรู้เรื่องนี้ก็เกือบสายไป ชายหนุ่มพลันพุ่งตัวเข้าหมอกพิษไปอย่างรวดเร็ว
'เราจะปล่อยให้หมอนั่นตายที่นี่ไม่ได้'
"ท่านวิสเคาท์!"
โรมิโอกับเด็คตะโกนขึ้นอย่างตกใจ… เหตุไฉนขุนนางระดับวิสเคาท์ถึงเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงเพื่อช่วยทหารระดับกัปตันกองร้อยคนหนึ่งออกมา… อัศวินทั้งสองมิอาจทำความเข้าใจได้เลย
เด็คผู้เข้าใจสถานการณ์ได้เร็วจึงรีบพูดขึ้น
"เซอร์โรมิโอ… หากท่านวิสเคาท์เป็นอะไรไป… พวกเราก็เสร็จเหมือนกัน!"
"เดี๋ยวก่อนท่านวิสเคาท์!"
แต่ก็ช้าไป… ความเร็วของกริดไม่ใช่สิ่งที่เอ็นพีซีทั่วไปจะตามทัน… กว่าพวกเขาจะรู้ตัว กริดก็วิ่งเข้าไป ณ ใจกลางหมอกพิษแล้ว
"รีบดื่มซะ!"
"...!"
ดวงตาของจู๊ดกำลังพร่ามัว… ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง… ในขณะที่จู๊ดกำลังจะตาย มีใครบางคนเสี่ยงชีวิตวิ่งเข้ามาช่วยพยุงตัวของเขาขึ้นและยื่นโพชั่นให้ดื่ม… ชายคนนั้นคือท่านวิสเคาท์กริด
"..."
มีขุนนางที่ไหนเสี่ยงชีวิตเข้ามาช่วยสามัญชนด้วยหรือ… ไม่ใช่ว่าชนชั้นสูงมักใช้สามัญชนทหารเลวเป็นโล่มนุษย์เพื่อให้ตัวเองปลอดภัยรึไง… กริดแตกต่างจากขุนนางคนใดที่จู๊ดเคยพบมาทั้งหมด… แต่เขาก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าแตกต่างยังไง… ด้วยสติปัญญาที่มีเพียงเท่านี้ จู๊ดจึงทำให้ได้เพียงสั่นระริกอย่างปลาบปลื้ม
หลังจากนั้นจู๊ดพลันต้องใบหน้าบิดเบี้ยวทันทีเมื่อเห็นเถาวัลย์จากดอกไม้พิษพุ่งเข้าใส่… เถาจำนวนหลายสายได้บินเข้ามาหาราวกับฝูงนก… แต่ก็ไม่มีเถาใดเลยที่สัมผัสกับร่างของจู๊ด… แน่นอน มอนสเตอร์เลเวล160จะมีน้ำยาทำอันตรายใดกับกริดได้
"วิชาดาบแพ็กม่า… คลื่น!"
คลื่นปราณดาบพุ่งออกไปทั่วสารทิศ… เถาวัลย์ที่พุ่งเข้ามาหาทั้งหมดถูกทำลายลง ดอกไม้พิษนับสิบซึ่งอยู่ไม่ไกลต่างกรีดร้องและกลายเป็นเพียงแสงสีเทา… หมอกพิษเริ่มจางลงราวกับไม่เคยมีตัวตน… จู๊ดจ้องมองกริดด้วยสายตาที่ทั้งตกตะลึงและชื่นชม
'ข--แข็งแกร่ง'
อากาศบริสุทธิ์เริ่มไหลเข้าสู่ปอดอีกครั้ง พลังชีวิตที่เพิ่มขึ้นได้ทำให้จู๊ดสามารถพยุงตัวได้… เขาโค้งคำนับให้กริดด้วยความเคารพสูงสุด
"ขอบคุณท่านวิสเคาท์มากครับ!"
คำพูดของเขาฟังดูธรรมดาและราบเรียบเกินกว่าจะพูดกับผู้มีพระคุณช่วยชีวิต… ทำให้กริดรู้สึกลำบากใจไม่น้อย
'หมอนี่ซื่อของแท้เลย'
ชายหนุ่มหันไปพูดกับจู๊ด
"เป็นเรื่องดีที่จะหาญกล้า… แต่นายควรใช้สมองให้มากกว่านี้หน่อย… นายไม่ได้มีมากถึง10ชีวิตให้ตายเล่นๆ ได้... ฉันพูดถูกไหม"
"...ครับ!"
จู๊ดพยักหน้าทำทีเป็นเข้าใจ… แต่สีหน้าดูเหมือนจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น… บางทีคำสั่งง่ายๆ แบบนี้อาจยากเกินไปสำหรับเขาก็เป็นได้… กริดพลันรู้สึกปวดหัว… จะไม่ให้กังวลได้อย่างไร ถ้าหากคำแนะนำแค่นี้ยังปฏิบัติตามไม่ได้… คนเราจะต้องโง่ถึงระดับไหนกัน
ทั้งอัศวินและทหารต่างกรูกันเข้ามาหา
"พวกคุณปลอดภัยรึเปล่า"
สายตาที่ทุกคนมองกริดพลันเปลี่ยนไปทันที
"มันยอดมากเลยในตอนที่คุณสังหารพวกดอกไม้พิษในการโจมตีเดียว… นี่สินะความยอดเยี่ยมของวีรบุรุษผู้ล้มมาลาคัส"
"การเสี่ยงตนเองเข้าไปช่วยกัปตันกองร้อย... ได้แสดงให้เห็นถึงความมีเกียรติของขุนนางโดยแท้จริง"
ทั้งโรมิโอและเด็คต่างกล่าวชื่นชม กองร้อยที่13ซึ่งเคยคิดว่ากริดเป็นปีศาจ ยามนี้พวกเขาต้องมองใหม่
"ท่านวิสเคาท์ยอดเยี่ยมที่สุด!"
"ขอบคุณที่ช่วยกัปตันของเรา!"
เมื่อได้กำลังใจจากทั้งอัศวินและทหารในบังคับบัญชา กริดจึงยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับไป… เป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความชั่วร้าย
"เป็นยังไงบ้างละ… ถ้ามีฉันล่ะก็ ผู้พิทักษ์พงไพรก็แค่ของกล้วยๆ ใช่ไหม"
"ไม่ได้… นั่นมัน… คนละเรื่องกันนะครับ!"
แม้ว่าทุกคนจะประจักษ์ชัดในฝีมือของกริดแล้ว… แต่เหล่าทหารก็ยังอดเคลือบแคลงสงสัยไม่ได้ว่า ปาร์ตี้นี้จะเอาชนะผู้พิทักษ์พงไพรได้จริงหรือ
"ไอ้พวกมนุษย์! ออกไปจากป่าแห่งนี้ซะ! พวกแกคือผู้ทำลายธรรมชาติ! ฉันไม่อภัยให้แน่!"
เป็นเสียงของก็อบลินลอร์ด… ในขณะที่ก็อบลินทั่วไปมีความสูง1เมตร ก็อบลินลอร์ดจะมีความสูงอยู่ที่2เมตรและดุร้ายอย่างมาก… บอสแม็พเลเวล180ตัวนี้เป็นบอสระดับกลางที่ผู้เล่นต้องสู้ก่อนจะเข้าไปพบผู้พิทักษ์พงไพร
มันเริ่มเสกก็อบลินจึ๋วออกมาช่วยสู้เป็นจำนวนมาก… กริดวิเคราะห์สถานการณ์ครู่หนึ่งก่อนจะออกคำสั่งกับกองร้อย
"นี่คือการฝึกครั้งสุดท้ายก่อนศึกจริงกับผู้พิทักษ์พงไพร! แบ่งกำลังออกเป็นทหาร3คนต่อก็อบลินจิ๋ว1ตัว อัศวินทั้งสองและจู๊ดจะกระจายออกไปช่วยกลุ่มที่รับมือไม่ไหว… และเมื่อก็อบลินลอร์ดเริ่มทำท่าแปลกๆ… นั่นคือสัญญานก่อนที่มันจะใช้ทักษะโจมตีหมู่อันทรงพลัง… ให้ทุกคนรีบถอยออกไปเพื่อลดความเสียหาย!"
ก็อบลินลอร์ดนั้นมีรูปแบบการโจมตีเหมือนกับผู้พิทักษ์พงไพรทุกประการ
ก็อบลินลอร์ดจะเสกก็อบลินจิ๋วออกมาช่วยสู้… ในขณะที่ผู้พิทักษ์พงไพรเสกโกเล็ม… และบอสทั้งสองตัวก็มีท่าอันตรายคือทักษะโจมตีเป็นวงกว้างที่ทำให้แผ่นนดินสั่นสะเทือน
นั่นเป็นสาเหตุที่ปาร์ตี้ล่าผู้พิทักษ์พงไพรมักต้องการพบก็อบลินลอร์ดเพื่อซ้อมมือก่อนเสมอ… กริดซึ่งเข้าใจกลยุทธเป็นอย่างดีจึงไม่มีอะไรให้กังวล
หลังจากนั้น
ทั้งอัศวินและกองร้อยทหารต่างก็แยกกันไปจัดการก็อบลินจิ๋วตามคำสั่งของกริด… ส่วนชายหนุ่มนั้นเป็นคนปรี่เข้าไปหาก็อบลินลอร์ดเพื่อหวังใช้ทักษะ <สังหาร> สะกดข่มมันไว้ก่อน
เปรี้ยง!!
[ คริติคอล! ]
[ เอฟเฟคถุงมือแสงศักดิ์สิทธิ์แสดงผล… ความเสียหายจะเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่าจากปรกติ ]
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 302,555 หน่วย ]
[ ท่านสังหารองครักษ์ของป่าเกรย์ <ก็อบลินลอร์ด> ]
[ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 2,600,100 หน่วย ]
[ ท่านได้รับไอเท็ม <กระบองก็อบลินลอร์ด> ]
[ ท่านได้รับไอเท็ม <เล็บก็อบลินลอร์ด> ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]
"...เอ้า!"
เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้ว เอฟเฟคของถุงมือและคริติคอลดันเกิดพร้อมกันในตอนที่ใช้ทักษะ <สังหาร> พอดิบพอดี… คราวนั้น <กริฟฟอนจ่าฝูง> เลเวล280ถึงกับปางตาย… แล้วก็อบลินลอร์ดที่มีเลเวลเพียง180จะไปเหลืออะไร
แน่นอนว่ากริดไม่ได้ต้องการทำแบบนี้… เขาต้องการฝึกทหารอีกสักหน่อย… แล้วทำไมเอฟเฟคอันยอดเยี่ยมของไอเท็มดันเกิดขึ้นในเวลาอันไม่สมควรได้
"กี๊! ไอ้พวกมนุษย์น่ารังเกียจ!"
ก็อบลินจิ๋วที่เหลือต่างพากันวิ่งหนี… ส่วนกริดกำลังมีสีหน้าลำบากใจ
'ชิ… เราน่าจะถอดถุงมือออกก่อน'
กริดรู้สึกเสียดายมากที่พลาดโอกาสฝึกทหารอันล้ำค่าไปต่อหน้า… ในขณะเดียวกันทั้งอัศวินและกองร้อยต่างก็พากันแสดงสีหน้าตกตะลึงราวกับเห็นผี
'เขายังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่านะ'
'แข็งแกร่งจนไม่น่าจะเป็นคนของโลกนี้...'
"เอาล่ะ… ถึงเวลาออกล่าผู้พิทักษ์พงไพรแล้ว"
ท่ามกลางความวุ่นวาย จู๊ดเดินดุ่มต่อไปด้วยสมองอันว่างเปล่า
ทำไมจู๊ดบื้อขนาดนี้ 5555+
ReplyDeleteมันฮาตรงจู้ดเนี่ยแหละ 55
ReplyDeleteสนุกมากมายครับ
ReplyDelete5555ขำไอ้จู๊ดวางกาวก่อนนน
ReplyDelete