จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 151



       "หืมมม"

       ณ ภายในห้องทำพิธีของปราสาท

       เรกัสกำลังนั่งหาวด้วยท่าทางเกียจคร้าน… เขามีงานอีกมากให้ต้องทำ ดังนั้นจึงบล็อคการสนทนาทุกช่องทางไปจนหมดนานกว่าสองสัปดาห์แล้ว

       เรกัสกำลังนั่งจ้องสมุดบัญชีอยู่บนโตะอย่างเบื่อหน่าย ซึ่งในขณะนั้นเอง เป็นเวลาเดียวกันกับที่เขาได้ทราบข่าวการรุกรานของวิหารยาธาน เทควอนมาสเตอร์ผู้นี้จึงตัดสินใจเดินออกมาดู 

       ช่างไม่น่าสนใจเอาเสียเลย...

       "ถึงไม่มีเรา พวกเขาก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง"

       สาวกยาทานไม่เหมาะแก่การฝึกซ้อมของเรกัสเลยสักนิด… ในขณะที่เขากำลังจะกลับเข้าไปในปราสาท สายตาพลันชำเลืองขึ้นไปเห็นลำแสงบนท้องฟ้า… เป็นลำแสง2เส้นสุดท้ายที่ดูต่างจากปรกติ มันพุ่งลงมาข้างล่างพร้อมกับการปิดตัวลงของประตูมิติ

       "จะแข็งแกร่งรึเปล่านะ"

       ดวงตาของเรกัสพลันลุกวาวทันที เขาปืนบันไดขึ้นไปยืนดูบนกำแพง… หลังจากนั้นก็กระโดดไปอยู่ตรงกลางระหว่างเซ็ดนอสและลาเอลล่า ซึ่งทั้งสองกำลังคอยร่ายเวทย์สนับสนุนสมาชิกในกิลด์ด้านล่าง

       "มีคนบาดเจ็บเยอะมาก!"

       "อาฮะ..."

       "หือ..."

       หัวไหล่ของลาเอลล่าพลันสั่นระริก

       "นั่นมันอะไร..."

       จอมเวทย์ย่อมมีคุณสมบัติในการตรวจจับจอมเวทย์ด้วยกัน… ลาเอล่าและเซ็ดนอสจึงรับรู้ถึงอันตรายได้ก่อนเรกัส ทั้งสองจึงโพล่งขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระกหนก 

       "ส--สัตว์ประหลาด"

       "ใช่แล้ว… สัตว์ประหลาด..."

       และทันใดนั้นเอง

       ซู่วววว

       ลำแสงทั้งสองหยุดลง ณ กึ่งกลางสนามรบ… ข้อความระบบได้แสดงขึ้นบนหน้าจอของผู้เล่นทุกคนในหมู่บ้านไบรัน รวมไปถึงสมาชิกกิดล์เซดาก้าห์ด้วย

[ ข้ารับใช้ลำดับที่ 4 แห่งวิหารยาธาน <เนบีเรียส> ปรากฏตัว ]
[ เสียงบรรเลงของฟรุตที่เปี่ยมไปด้วยมนต์ดำ กำลังแล่นเข้าสู่โสตประสาทของท่าน ]     
[ ท่านจะสูญเสียสมดุลร่างกายและสมาธิไป ]
[ อัตราการหลบหลีกกลายเป็น 0%… ความแม่นยำลดลง 60%… ระยะเวลาร่ายเวทย์นานขึ้นเป็น 2 เท่า ]
[ เอฟเฟคนี้จะแสดงผลต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนกว่าเสียงของฟรุตจะดับลง ]

[ ข้ารับใช้ลำดับที่ 5 แห่งวิหารยาธาน <บาลัค> ปรากฏตัว ]
[ มันคือทายาทอสูรที่ควบคุมเปลวเพลิงได้ดั่งใจ… หากท่านเข้าใกล้ <บาลัค> ในรัศมี 1 เมตร ท่านจะได้รับความเสียหายจากธาตุไฟ 500 หน่วยต่อวินาที ]

[ เปลวเพลิงของทายาทอสูรเปรียบดั่งลมหายใจของเทพยาธาน… เทพยาธานจะทำการอวยพรสาวกทุกคนที่อยู่ภายในระยะ ส่งผลให้ค่าสถานะทุกชนิดของสาวกยาธานเหล่านั้นเพิ่มขึ้น 50%  ]

       "...ว้าว"

       เรกัสโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชม ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยอย่างมีเลศนัย 

       'ได้เวลาแสดงผลการฝึกแล้วสินะ'

       เมื่อหลายเดือนก่อน  กิลด์เซดาก้าห์ไม่สามารถรับมือได้แม้กระทั่งข้ารับใช้เพียงคนเดียว… ทว่านั่นเป็นอดีตไปแล้ว… เซดาก้าห์คือกิลด์ที่เติบโตได้รวดเร็วยิ่งกว่าใครทั้งหมด… ตอนนี้เรกัสไม่แสดงท่าทีสั่นกลัวเลยสักนิด แม้จะมีศัตรูที่แข็งแกร่งกว่ามาลาคัสปรากฏขึ้นถึง2คนพร้อมกัน… นักสู้อันดับ1ของโลกผู้นี้มีกำลังใจเต็มเปี่ยมยิ่งกว่าใคร ทว่าเซ็ดนอส จอมเวทย์วายุอันดับ1ของโลกกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น    

       "พวกเราควรถอนตัวออกจากไบรันเดี๋ยวนี้… คงเป็นการดีกว่า หากถอยไปสมทบกับกองทัพของท่านหญิงไอรีน แล้วค่อยมากลับยึดหมู่บ้านแห่งนี้คืนในภายหลัง"

       เซ็ดนอสพลันตื่นตระหนกสุดขีดเมื่อได้ยินเสียงฟรุตจากชายชราผมสีเทานามว่า <เนบีเรียส>… เขารู้ดีว่า ไม่มีทางที่จะเอาชนะพวกมันได้เลย ถ้าหากยังถูกเวทย์ชนิดนี้คอยสร้างอาการผิดปรกติอยู่ ผลของมันทำให้ทั้งการโจมตีกายภาพและเวทย์มนต่างไร้ความหาย 

       ลาเอลล่าแย้งขึ้น

       "ยึดคืนงั้นเหรอ… เซ็ดนอส นายคิดจริงหรือว่าพวกมันมาที่นี่เพียงเพื่อยึดหมู่บ้าน… เปล่าเลย… พวกมันมาทำลายให้สิ้นซากต่างหาก… ทันทีที่พวกเราจากไป สถานที่แห่งนี้ก็จะกลายเป็นเพียงซากขี้เถ้า… ถอยไม่ได้อีกแล้ว… มีแต่ต้องสู้ และต้องชนะให้ได้เท่านั้น"

       "พวกเราจะฟื้นฟูหมู่บ้านคืนตอนไหนก็ได้ แม้จะต้องเสียเวลาและเงินทองไปบ้างก็เถอะ… ฉันว่ามันคงดีกว่าการต้องตายที่นี่แล้วเสียค่าประสบการณ์กับไอเท็มไปนะ"

       "ปัญหาไม่ได้มีแค่นั้นน่ะสิ… หากเราแพ้ เอ็นพีซีทุกคนที่นี่ก็จะตายกันหมด"

       พลังของเอ็นพีซีเป็นสิ่งจำเป็นในการฟื้นฟูหมู่บ้านขึ้นมาใหม่… แต่ถ้าหากไม่มีชาวบ้านอาศัยอยู่อีกแล้ว การฟื้นฟูตึกรามบ้านช่องกลับมาจะไปมีประโยชน์อันใด… คงไม่ต่างอะไรกับเมืองร้างเท่านั้น… เอ็นพีซีในเกมนี้ก็มีหัวใจไม่ต่างกับมนุษย์คนหนึ่ง นี่เขาไม่ได้เรียนรู้จากกริดเลยงั้นหรือ   

       แต่ท้ายที่สุด เซ็ดนอสก็พยักหน้าเห็นด้วย

       "เข้าใจแล้ว… พวกเราต้องสู้สินะ"

       ทันใดนั้น คำสั่งของจิสึกะก็แสดงขึ้นบนแชทกิลด์

       { ระดมพล! รวมตัวกันที่ใจกลางหมู่บ้าน ระหว่างทางก็คอยช่วยเหลือเอ็นพีซีไปด้วย! }

       "ไปกันเถอะ"

       บนดาดฟ้าของตึกสามชั้นแห่งหนึ่ง… หลังจากคำสั่งบนแชทกิลด์ถูกส่งโดยจิสึกะ เธอก็หันกลับมาชำเลืองมองแวนเนอร์เล็กน้อย… ในระหว่างที่จิสึกะกำลังมุ่งหน้าไปยังเส้นทางอันคับแคบ แวนเนอร์ก็ทำตัวเป็นบอร์ดี้การ์ดคอยคุ้มกันเธอไว้ตลอดทาง… แม้จะกำลังรีบมุ่งหน้าไปยังเป้าหมาย แต่เธอก็พยายามจะหลบเลี่ยงสายตาศัตรูให้ได้มากที่สุด 

       และแน่นอน เนบีเรียสย่อมเพ่งเล็งพวกเขาป็นพิเศษ… ทันทีที่จิสึกะและแวนเนอร์เดินเข้าไปในตรอกแห่งหนึ่ง มันปรากฏตัวขึ้นมาขวางทางเอาไว้

       "เป็นเพราะพวกเจ้าสังหารมาลาคัส พลังของวิหารยาธานพวกเราจึงอ่อนแอลง… เรื่องนั้นคงต้องขอให้เจ้ารับผิดชอบด้วย"

       ฟลุตยังคงถูกชายชราผมเทาบรรเลงไม่หยุดมือ…  แต่คำพูดอันชัดถ้อยชัดคำก็ยังดังออกมาจากปากของมันอย่างไม่มีสะดุด

       'คนผู้นี้… มันแข็งแกร่งกว่ามาลาคัสมากทีเดียว'

       ชายชราที่มีส่วนสูงไม่ถึง150เซนติเมตร กลับทำให้ทั้งสิจึกะและแวนเนอร์ต้องอกสั่นขวัญแขวน… เพื่อช่วยคนทั้งสอง สมาชิกกิลด์ที่เหลือจึงรีบวิ่งเข้ามาสมทบในตรอก

       "ให้พวกเราจัดการที่นี่เอง!"

       "แวนเนอร์ นายช่วยคุ้มกันหัวหน้าด้วย!"

       "ขอบใจพวกนายมาก!"

       ในฐานะนักธนู หากต้องอยู่ใกล้ศัตรู จิสึกะจะสำแดงพลังออกมาได้ไม่ดีนัก… ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอจึงถูกคุ้มครองอย่างแน่หนาตามกลยุทธของกิลด์เซดาก้าห์ในทุกสงคราม…และเช่นเดียวกับครั้งนี้ 

       "ไปกันเถอะ"

       จิสึกะและแวนเนอร์รีบหนีเข้าไปในตรอกอีกฝั่งโดยมีสมาชิกกิลด์คอยขวางเนบีเรียสไว้ให้… ทว่าทุกอย่างก็ไม่เป็นไปดั่งใจนึก... ยังมีสาวกยาธานอีกนับสิบคนกำลังรอคอยทั้งสองอยู่ในอีกฝั่งของตรอก ทางเดินด้านหน้ามีแต่หมอกหนาทึบปกคลุมไว้

       "ถ้าไม่อยากตายก็หลบไปซะ!"

       แวนเนอร์ไม่ยอมถูกหยุดไว้ด้วยหมอกพิษแค่นี้แน่ เขาต้องการจะปกป้องหัวหน้ากิลด์ของตนให้ได้… ขวานคู่ซัดกระหน่ำนำทางเข้าไปอย่างดุดัน แวนเนอร์พุ่งตัวเข้าไปในหมอกอย่างไม่คิดชีวิต... สาวกยาธานพลันสะดุ้งเฮือกเล็กน้อย พวกมันถูกจิตสังหารอันรุนแรงของแวนเนอร์ทำให้เซซอยไปด้านหลัง… แวนเนอร์จึงใช้โอกาสนั้นพาจิสึกะหนีไปอีกทางหนึ่ง
       
       พวกเขาต้องไปถึงจุดหมายให้ได้… สถานที่ซึ่งจิสึกะสำแดงฝีมือได้ดีที่สุดคือบนกำแพง… แม้ว่าจะต้องสังเวยชีวิตของตนไปก็ตาม แต่แวนเนอร์ก็หวังจะพาตัวเธอไปที่นั่นให้สำเร็จ… ทว่าสาวกยาธานก็ไม่ทำเพียงยืนดูอยู่เฉยๆ… พวกมันรีบวิ่งตามออกมาทันทีที่จิสึกะออกจากตรอกไป 
  
       สาวกยาธานอาวุโสในตอนนี้ไม่ใช่เอ็นพีซีที่จะประมาทได้อีกแล้ว  เพราะพลังติดตัวของบาลัคได้ส่งผลอย่างมหาศาล

       "อั่ก!"

       สาวกวิหารบางคนได้ชักดาบที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมออกมา พวกมันคืออัศวินมืดที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางจอมเวทย์มืด 

       สีหน้าของแวนเนอร์ไม่ค่อยสู้ดีนักในยามที่เขาปัดป้องดาบพวกมันไว้… เกราะที่แวนเนอร์สวมอยู่ไม่ใช่ไอเท็มที่ดีนัก และแต้มสถานะส่วนใหญ่ก็ถูกใช้ไปกับค่าพละกำลัง จึงทำให้พลังป้องกันของเขาต่ำกว่าที่ควรมาก แม้จะเป็นถึงคลาสอัศวินผู้พิทักษ์ก็ตาม… แต่ถึงกระนั้นเขาก็สู้ไม่ถอย 

       "ชิ...! เอานี่ไปกินซะ! ฉันจะสอนให้แกรู้จักคำว่าแทงค์สายบู๊เองโว้ย!! ไอ้พวกบัดซบเอ้ย!"

       แวนเนอร์ฮึดสู้กับอัศวินมืดโดยใช้ทักษะเสริมพลังให้กับตนเอง

       เคร้ง! เป้ง!       

       เป็นพละกำลังอันน่าเหลือเชื่อ

       แม้แวนเนอร์กระหน่ำขวานใส่ดาบของอัศวินมืดอย่างดุดัน… ทว่าพวกมันก็มีมากถึง10คน… ร่างกายแวนเนอร์จึงเต็มไปด้วยบาดแผลในเวลาอันสั้น

       "แค่ก!"

       จอมเวทย์มืดที่หลบอยู่ด้านหลังอัศวินแอบใช้เวทย์คำสาปใส่เขาอยู่ตลอดเวลา… ร่างกายแวนเนอร์โงนเงนจนยากจะตั้งตัวให้ตรงได้…  เขาเริ่มตื่นตระหนกมากขึ้นเมื่อเห็นหลอดพลังชีวิตของตนใกล้จะหมดลง  

       'ต้องคุมครองจิสึกะให้ได้!' เขาสาบานกับตนเองในใจ… ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้มิอาจแก้ไขได้ด้วยพลังใจเพียงอย่างเดียว 

       'เรามันห่วยแตกสิ้นดี'   

       จิสึกะยิงศรออกไปทุกครั้งที่แวนเนอร์ตกที่นั่งลำบาก ทว่าสีหน้าของเธอไม่ค่อยสู้ดีนัก… พลังกำลังในการโก่งคันศรเป็นไปไม่ได้เท่าที่ควรเนื่องจากถูกรบกวนอยู่ตลอดเวลา… ในขณะเดียวกัน สมาชิกกิลด์ในตรอกแคบที่คอยขวางเนบีเรียสไว้ ตอนนี้พวกเขากำลังถึงคราววิกฤติสุดขีด 

       และเมื่อเนบีเรียสใช้เวทย์มืดออกมา ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะจบลง

       "อ๊ากกก!"
       
       "ไอ้แก่บัดซบ!"

       กิลด์เซดาก้าห์ทุกคนล้วนมีอันดับโลกอยู่ในท็อป200ทั้งสิ้น… แต่ละคนเป็นดั่งตัวประหลาดในสายตาผู้เล่นทั่วไป… ทว่ามันก็ยังไม่พอที่จะสร้างบาดแผลให้กับข้ารับใช้ลำดับที่4อย่างเนบีเรียสได้

       "พวแกรู้ไหมว่าจุดเด่นของมนต์ดำคืออะไร… มันสามารถเข้ากันได้ดีกับพลังเวทย์ทุกธาตุยังไงล่ะ… และมีบางธาตุที่ถูกพลังมนต์ดำส่งเสริมมากเป็นพิเศษ"

       เนบีเรียสอธิบายอย่างใจเย็นพร้อมกับเรียกเวทย์สายฟ้าออกมา

       เปรี้ยงงง!

       ตรอกไม่ใช่ตรอกอีกต่อไป… ตึกรามบ้านช่องบริเวณใกล้เคียงพังทลายลงพร้อมกัน… ถือเป็นสายฟ้าที่สร้างหายนะเป็นวงกว้างมากทีเดียว

       "แก..." 

       ดวงตาของเนบีเรียสเบิกโพลงทันทีพบว่า ศัตรูซึ่งควรจะตายไปแล้วกลับไม่ตาย… สุ้มเสียงอันแหบพร่าและเย็นชาดังก้องขึ้นท่ามกลางเศษขี้เถ้า 

       "ฉันจะฆ่าพวกแกทุกคน"

       นักลอบสังหารอันดับ1ปรากฏตัว… เขาช่วยสมาชิกร่วมกิลด์ไว้ได้ หลังจากนั้นก็หายตัวไปโผล่ด้านหลังเนบีเรียสพร้อมกับกวัดแกว่งมีดสั้นในมือเฉือนเข้าใส่… คลาสจอมเวทย์มักมีพลังป้องกันกายภาพต่ำ และเนบีเรียสก็ไม่มีทักษะป้องกันตัวแบบเดียวกับมาลาคัส ดังนั้นมันน่าจะอ่อนแอต่อการโจมตีระยะประชิด

       ทว่ามันกลับเบี่ยงตัวหลบจุดตายไปได้… เป็นเพราะผลของฟรุตที่บรรเลงอยู่… ค่าความแม่นยำของเฟคเกอร์จึงลดลงไปมากถึง60% ทำให้การโจมตีพลาดเป้าเกิดขึ้นบ่อยครั้ง  

       "หืม..." เนบีเรียสไม่อาจสู้อย่างสบายใจได้อีก… มันจับบาดแผลที่คอพร้อมกับขมวดคิ้วให้เห็นเป็นครั้งแรก

       "ฝีมือไม่ธรรมดา" 

       "แกเองก็เหมือนกัน"

       สมาชิกกิลด์ด้านหลังเฟคเกอร์ล้วนเป็นสหายที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมานาน… ในอดีตพวกเขาเคยพ่ายแพ้ต่อสัตวประหลาดสาวที่ชื่อยูเฟอมิน่าอย่างหมดรูป หลังจากนั้นทุกคนจึงฝึกฝนตัวเองขึ้นอย่างหนัก… ผู้เล่นชุดนี้จะถูกเรียกโดยรวมกว่า<หน่วยเฟคเกอร์>

       เฟคเกอร์ได้สื่อสารความคืบหน้าลงแชทกิลด์ทันที

       { จากหน่วยเฟคเกอร์ พวกเรากำลังเผชิญหน้ากับเนบีเรียสอยู่… ฉันจะดึงความสนใจไว้ให้ มันจะได้ใช้เวทย์มนต์ออกมาไม่ได้  }

       "อั่ก… บ้าจริง!"

       พาลาดินอันดับ1ของโลกอย่างโทบันกำลังดิ้นรนตะเกียกตะกาย… เขาพยายามรั้งบาลัคให้นานเท่าที่จะนานได้… ทว่าความเสียหายจากธาตุไฟพวกนี้รุนแรงเหลือเกิน… บาลัคเองก็มีฝีมือดาบใช่ย่อย และโทบันก็โดนฟันเข้าไปหลายครั้งแล้ว… ตัวเขาที่มักคุยโวโอ้อวดว่ามีทั้งพลังป้องกันและพลังชีวิตสูงสุดของกิลด์ ยามนี้กลับต้องยอมเสียหน้ารายงานสถานการณ์ไปตามจริ
ด้วยความสิ้นสภาพ  

        { จากโทบัน… บาลัคแข็งแกร่งเกินไป ฉันคงทนได้อีกไม่นาน… กำลังเสริมจากป็อนกับเรกัสอยู่ไหน! }

       เมื่อลาเอลล่าอ่านข้อความของโทบัน เธอก็มีพลันสีหน้าวิตกทันที… เรกัสได้กระโดดลงจากกำแพงไปร่วมสู้กับสาวกยาธานนานแล้ว ส่วนป็อนหลังจากที่จัดการกับสาวกฝั่งประตูตะวันตกหมด เขาก็เข้ามาสมทบกับทางนี้

       เมื่อลาเอลล่าเห็นว่าเหตุการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก เธอจึงอธิบายลงไปในแชทกิลด์
       
       { สาวกยาธานอาวุโสเพ่งเล็งป็อนกับเรกัสเป็นพิเศษ… ฉันกำลังช่วยสนับสนุนพวกเขาอยู่ แต่เรื่องจะสลัดให้หลุดแทบเป็นไปไม่ได้เลย  }

       "นี่มัน..."

       โทบันได้แต่ยืนสั่นระริก… จะดีแค่ไหนกันถ้ากริดอยู่ที่นี่ด้วย… แต่คงไม่มีประโยชน์ หากมัวไปคิดถึงเรื่องที่ไม่มีวันเกิดขึ้นได้

       { เฮ่อ… แย่ชะมัด… การต้องทำหน้าที่คุ้มกันจิสึกะจะลำบากเกินไปแล้ว! ถ้ามีเกราะที่กริดสร้างให้ล่ะก็… ชิ!  }

       แวนเนอร์เริ่มบ่นอุบอิบในยามที่กำลังหมดสภาพ… ณ ตอนนี้คือวิกฤตของจริง… หากเป็นกิลด์อื่นคงจบสิ้นไปแล้ว แต่กิลด์เซดาก้าห์กลับสามารถยื้อไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ

       "ฉันจะจัดการกับสาวกตรงนี้เอง… หรือจะให้ฉันไปทางไหน… ต้องไปช่วยคุณรึเปล่า… ข๊ากกก~~ ถุย! แล้วทายาทอสูรแข็งแกร่งขนาดไหนกันเชียว…"

       สามผู้เล่นใหม่ที่เพิ่งเข้ากิลด์รวมทั้งทูน พวกเขาตัดสินใจเข้าไปช่วยโทบันรับมือกับบาลัค… เป็นเวลาเดียวกับที่เฟคเกอร์ได้พักหายใจหายคอ 

       "ฉันมาแล้ว!"

       เป็นไอเบลลิน… สมาชิกกิดล์กำลังกระจัดกระจายกันมั่วซั่ว เขาจึงมาเสริมกำลังให้หน่วยเฟคเกอร์… ส่งผลให้เนบีเรียสมิอาจเป่าฟรุตได้ต่อเนื่องนัก… ทว่าบรรยากาศดีๆ ก็คงอยู่ได้ไม่นาน  

       "แฮ่ก… แฮ่ก..."

       "บ้าจริง… แบบนี้แย่แน่"

       "พวกเราเพิ่งเจอเคยทายาทอสูรเป็นครั้งแรก"

       "บาลัคแข็งแกร่งก็จริง แต่ตัวปัญหาคือเนบีเรียสต่างหาก… เวทย์มนต์ติดอาการเป็นวงกว้างของมันส่งผลร้ายเกินไป… ฉันไม่อาจโจมตีได้ดั่งใจด้วยความแม่นยำเพียงแค่นี้"

       "อัตราการหลบหลีกกลายเป็น0… นรกของนักลอบสังหารชัดๆ..."

       ยิ่งการต่อสู้ยืดเยื้อ สีหน้าของสมาชิกเซดาก้าห์ก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น… แม้เนบีเรียสกับบาลัคจะแข็งแกร่งทั้งคู่ แต่ปัญหาที่แท้จริงคือเนบีเรียส… สิ่งแรกที่ควรทำในตอนนี้คือการหยุดฟลุตของมันให้ได้… ทุกคนเองก็คิดแบบเดี่ยวกัน   

       『กิลด์เซดาก้าห์สู้ได้ดีแล้วนะครับ แต่ว่าคราวนี้คงถึงขีดจำกัดแล้วจริงๆ 』

       สนามรบไบรันถูกถ่ายทอดสดออกอากาศไปตามสื่อทั่วโลก… ผู้เล่นที่อยู่ในหมู่บ้านไบรันเป็นคนอัดวิดีโอแล้วไลฟ์สดออกไป  

       『ถ้ามีเรกัสกับป็อนคอยช่วย การต่อสู้คงสูสีกว่านี้ ทว่า… มีสาวกยาธานราว60-70คนที่ได้รับผลเสริมพลังจากบาลัค และคนเหล่านั้นก็กำลังเพ่งเล็งทั้งสองเป็นพิเศษ จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ 』

       『เดิมทีมาลาคัสก็นับว่าอ่อนแอที่สุดในบรรดาข้ารับใช้ทุกคนอยู่แล้ว… แม้กิลด์เซดาก้าห์สามารถเอาชนะมาลาคัสได้ก็จริง แต่ก็ยังห่างไกลอีกมาก เมื่อต้องเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่ามาลาคัสถึงสองคนพร้อมกัน… หากไม่มีผู้เล่นท็อป10ของโลกยื่นมือเข้ามาช่วยในตอนนี้ ก็ค่อนข้างเป็นที่แน่นอนแล้วว่า กิลด์เซดาก้าห์คงไม่มีใครรอดชีวิตกลับไปแน่ 』       

       『เป็นภาพไม่คุ้นชินเลยนะครับ กับการที่กิลด์เซดาก้าห์กำลังพ่ายแพ้เช่นนี้』

       『 แต่ก็ต้องยอมรับว่า การยืดเยื้อมาได้ขนาดนี้ก็นับว่าเกินคาดมากแล้ว… ผมว่าทุกคนที่ได้ชมถ่ายทอดสดอยู่ คงจะไร้ข้อกังขากันแล้วว่าพวกเขาคือกลุ่มหัวกะทิที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแท้จริง… เขารับมือกับสถานการณ์ได้ดีมาก แม้จะเกิดวิกฤติร้ายแรงขนาดนี้ขึ้นก็ตาม… คงจะไม่มีกลุ่มคนชุดไหนทำได้ดีกว่านี้อีกแล้ว 』

       『ในความคิดของผม เฟคเกอร์และแวนเนอร์แสดงออกได้โดดเด่นมาก… พวกเขาทำหน้าที่ของตนอย่างไร้ที่ติ 』

       『แวนเนอร์งั้นหรือ… ผมว่าคุณถูกท่วงท่าโจมตีอันดุดันของเขาหลอกตาเข้าแล้วล่ะ… แวนเนอร์น่ะหัวรั้น… เขาเป็นอัศวินผู้พิทักษ์ที่ไม่ยอมให้ความสำคัญกับพลังป้องกัน และตอนนี้คงกำลังสำนึกเสียใจในเรื่องนั้นอยู่แน่… สำหรับผม คนที่ทำได้ยอดเยี่ยมคือเฟคเกอร์ ไอเบลลิน ป็อน และเรกัส』

       『แล้วลาเอลล่ากับเซ็ดนอสล่ะครับ』

       แต่ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญกำลังวิเคราะห์สนามรบอย่างออกรส

       『เดี๋ยวก่อนนะครับ... ชายคนนั้นเป็นใครกัน...』

       ชายคนหนึ่งที่ปกปิดทั้งชื่อและไอดีได้ปรากฏตัวออกมาในหน้าจอถ่ายทอดสด

       『เวทย์บินครับคุณผู้ชม เป็นจอมเวทย์ไม่ผิดแน่!』
       
       ใช่แล้ว… ชายคนดังกล่าวกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า… หลังจากนั้นเขาก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสัมภาระ… ชุดเกราะสีดำตัวหนึ่งถูกโยนไปให้แวนเนอร์ที่แตกกลุ่มอยู่สองคนกับจิสึกะ

       "...!!"

       ดูเหมือนแวนเนอร์กำลังตะโกนบางอย่างกลับไป… สีหน้าของเขาดูโมโหมากทีเดียว… ทว่าเมื่อได้รับชุดเกราะไปกลับยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมาทันที… และในขณะนั้นเอง เรื่องมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น… แวนเนอร์ที่สวมเกราะสีดำตัวใหม่เข้าไป เขาแข็งแกร่งขึ้นราวกับเป็นคนละคน    

       แวนเนอร์กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง อัศวินผู้พิทักษ์อันดับ1คนนี้ไล่โหมกระหน่ำอาวุธใส่อาวุโสยาธานอย่างเกรี้ยวกราด… ทั้งผู้บรรยายและนักวิเคราะห์ต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน

       『ชุดเกราะนั่น...!』

       ชายปริศนาผู้ซึ่งเอาชุดเกราะมามอบให้แวนเนอร์… พวกเขามีความสัมพันธ์ยังไงกันนะ และชุดเกราะตัวนั้นจะมีคุณสมบัติแบบใดกันแน่… ในขณะที่ภาพจับจ้องไปยังชายปริศนา กลุ่มผู้บรรยาย ผู้เชี่ยวชาญ และคนดูทั่วโลกต่างสงสัยว่าเขาเป็นใคร

       ในเวลาเดียวกัน ชายคนดังกล่าวได้ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสัมภาระอีกครั้ง… และคราวนี้เป็นดาบใหญ่สีดำที่ถูกหยิบออกมา 

       "...!!"

       ชายลึกลับตะโกนอะไรบางอย่างกับกลุ่มสมาชิกเซดาก้าห์… เพียงไม่นานก็มีชายคนหนึ่งยกมือขึ้น.… หลังจากนั้น ชายบนท้องฟ้าก็โยนดาบใหญ่สีดำไปให้คนที่ยกมือ… ความมหัศจรรย์เกิดขึ้นอีกครั้ง… สมาชิกกิลด์เซดาก้าห์ที่ได้รับดาบใหญ่ไปพลันแข็งแกร่งขึ้นทันตาเห็น ชายคนนั้นกระหน่ำฟาดดาบใส่บาลัคอย่างดุดัน

       และหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญทางสถานีก็นึกสิ่งอย่างขึ้นได้

       『เดี๋ยวนะ...! ผมรู้จักดาบเล่มนั้น! ถ้าจำไม่ผิดมันคือดาบใหญ่ของจอมเชือด ผู้ที่สังหารสมาชิกกิลด์ไจแอนท์นับสิบคนอย่างโหดเหี้ยมกลางเมืองวินสตันเมื่อเดือนก่อน』

       อีกคนกล่าวเสริม

       『ใช่แล้ว! ถึงว่า... ผมรู้สึกคับคล้ายคับคลานัก… มันคือดาบเล่มเดียวกันไม่ผิดแน่! 』

       『เดี๋ยวก่อน… งั้นก็แปลว่า...! 』

       ตัวตนของชายลึกลับบนท้องฟ้า… ณ ตอนนี้ ความมั่นใจของผู้ชมเริ่มมีมากขึ้น

       และหลังจากนั้น...

       ชายปริศนาได้เริ่มนำเกราะออกมาสวมให้กับตนเอง… ชุดเกราะของเขามีสีขาวบริสุทธิ์ ตัดกับแถบลวดลายทองคำอร่าม… หลังจากนั้น ผ้าคลุมที่มีรูปทรงธรรมดาไร้ลวดลายก็ถูกสวมทับเข้าไป 

       และทันใดนั้นเอง...

       เนบีเรียส บาลัค รวมไปถึงสาวกยาธานทุกคน ได้หันไปมองชายบนท้องฟ้าเป็นตาเดียว

       『เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงกัน… เหตุใดสาวกยาธานทุกคนจึงหันไปสนใจกับจอมเชือดได้ 』

       『 หรือผ้าคลุมนั่นจะมีคุณสมบัติยั่วยุ… แต่มันไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายเลยนะ… เขาจะรับมือกับพวกสาวกทุกคนพร้อมกันยังไง』

       ทั้งผู้บรรยาย ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชมทางบ้าน และสมาชิกกิลด์เซดาก้าห์ทุกคน… ยามนี้ทั้งหมดกำลังจ้องมองไปยังชายบนท้องฟ้าอย่างไม่กระพริบตา 

       เขาจะรู้ตัวรึเปล่านะ ว่าตอนนี้มีผู้คนนับร้อยล้านกำลังเฝ้าดูอยู่… ชายคนดังกล่าวล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสัมภาระอีกครั้ง… คราวนี้มีแสงสีฟ้าสว่างจ้าเปล่งออกมาทันทีที่เขาเริ่มดึงไอเท็ม  

       『ฉลามงั้นเหรอ...!』

       ใช่แล้ว… รูปทรงมันเหมือนกับฉลามไม่มีผิดเพี้ยน… ชายลึกลับดึงดาบใหญ่สีน้ำเงินทรงฉลามออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ… หลังจากนั้น ทุกคนพลันต้องตกตะลึงเมื่อชื่อของทักษะถูกเปล่งเสียงดังฟังชัด

       "วิชาดาบแพ็กม่า… มายาร่ายรำ!"

       『พ--แพ็กม่า!!』
       
       ผู้คนทั่วโลกต่างพากันนิ่งอึ้ง… ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้บรรยายและผู้เชี่ยวชาญ… หลังจากนั้นเพียงอึดใจเดียว ลำแสงรัศมีดาบสีน้ำเงินเข้มได้ถูกฟาดฟันออกมาจนเต็มท้องฟ้าในหน้าจอฉายภาพ

Comments

  1. เย็ดเข้ ตอนนี้เดือดโคตร อยากดูเป็นอนิเมะเลยตอนนี้ 5555

    ReplyDelete
  2. อยากเข้ากลุ่มมาก แต่ก็ต้องรอให้จบกลุ่มที่1 รอกันลงแดงแน่ๆ อีก9ตอน

    ReplyDelete
  3. อุตส่าห์ปิดชิ่อปิดไอดี แต่ตะโกนชื่อท่าซะหมด ไม่ตะโกนไม่ได้เหรอ

    ReplyDelete
  4. เปิดตัวซะอลังการเลยคราวนี้

    ReplyDelete
  5. โอ้ยยยย ความค้างคานี้ อ่อกกก ตายแป้ปปป

    ReplyDelete
  6. อ้ากกก...จงสังเวยชีวิตเจ้า แด่ดาบข้าาาาาาาา...ตอนนี้ค้างสุดๆ นอนไม่หลับกันเลยทีเดียว ขอบคุณมาก

    ReplyDelete
  7. This comment has been removed by the author.

    ReplyDelete
  8. และแล้ว ทั้งท่านผู้ชม ผู้เล่น และผู้อ่าน ก็ตาค้างไปตามๆกัน ลุ้นตอนต่อไปได้ในวันพรุ่งนี้ สำหรับวันนี้ก็สมควรแก่เวลา จึงขอไว้เพียงแค่นี้ เอวัง 😀😀

    ReplyDelete
  9. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete
  10. ม่ายยยยย ค้างแรงมากตอนนี้

    ReplyDelete
  11. ทำไมหน้าบล็อกเป็นสีดำอ่ะอ่านแปลกๆอ่ะ

    ReplyDelete
  12. อ่านรวดเดียวจั้งแต่ตอนที่1มาถึงตอนนี้เลยนะเนี่ย สนุกมาก พออ่านจนตันแล้วหัวร้อนอยากอ่านต่อเลย

    ReplyDelete
  13. มาอ่านบิ้ว~รมณ์ ระหว่างรอตอนต่อไป แอบรอเทออยุ่น่ะจ๊๊ะ...ไม่ได้กดดันแต่....รอม่ายใหวแล้ว

    ReplyDelete
  14. มาอ่านบิ้ว~รมณ์ ระหว่างรอตอนต่อไป แอบรอเทออยุ่น่ะจ๊๊ะ...ไม่ได้กดดันแต่....รอม่ายใหวแล้ว

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00