จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 152



       ในอดีต โรงตีเหล็กของหมู่บ้านไบรันเคยเป็นร้านที่ดีมาก่อน… จนกระทั่งการปรากฏตัวของข่าน ช่างตีเหล็กอันดับ1แห่งดินแดนตอนเหนือ

       สมิทผู้ซึ่งสืบทอดร้านตีเหล็กไบรันต่อจากอาจารย์ ทว่าเขาไม่ใช่คนมีพรสวรรค์เท่าไรนัก… ในปีนี้กำลังจะมีอายุครบ66… เขาทำงานด้านตีเหล็กมานานกว่า50ปีแล้ว ทว่าฝีมือยังอยู่แค่เพียงขั้นต้นเท่านั้น 

       "บ้าจริง อุปกรณ์ทำฟาร์มของร้านสมิทพังอีกแล้ว"

       "คราวหน้าฉันคงต้องไปซื้ออุปกรณ์ทำฟาร์มจากร้านในหมู่บ้านอื่นแทน"

       "ลุงสมิทแกน่าจะทำงานเหมืองมากกว่านะ ว่าไหม"

       "ฮ่าฮ่า ถูกของนาย… ข้อดีของเขาคงมีแค่การใช้จอบสองหัวขุดหาแร่เหล็กได้อย่างชำนาญล่ะนะ"

       ขนาดเขาอาศัยอยู่ที่นี่มานาน แต่ก็ยังมิวายถูกชาวบ้านคนอื่นนินทาเอาได้… แล้วถ้าเป็นพวกนักเดินทางล่ะ 
       
       "บ้าฉิบ ไบรันเป็นหมู่บ้านที่ดีนะ แต่โรงตีเหล็กที่นี่ห่วยแตกชะมัด… ฉันมองหาอะไรดีๆ ในร้านไม่พบเลย"

       "แม็พเก็บเลเวลเป็นของผู้เล่นเลเวลสูง แต่ทำไมร้านตีเหล็กถึงโหลยโท่ยขนาดนี้ได้!"

       "แต่ฉันว่าเขาผลิตลูกธนูยัฟฟ่าได้ไม่เลวนะ… ราคาก็ถูกมากด้วย… เอาไปใช้ต่อสู้ได้ดีทีเดียว"
       
       "แค่ไม่เลวมันยังไม่พอหรอกนะ"

       เป็นเช่นนี้ทุกวันมานานกว่าสิบปีแล้ว… สมิทมักถูกตำหนิในเรื่องไร้ความสามารถอยู่เสมอ… ไม่ว่าเขาจะพยายามหนักขนาดไหน แต่ทุกสิ่งล้วนเปล่าประโยชน์… สนิทพยายามฝึกซ้อมในสิ่งที่อาจารย์สอนสั่งทุกวัน แต่ดูเหมือนทักษะของเขาจะไม่เพิ่มขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว… ประหนึ่งถูกสาปไว้ด้วยคาถาจากแม่มด 

       "ฉันไม่ยอมแพ้แค่นี้แน่..."

       เด็กหนุ่มทุกคนในไบรันฝันจะทำงานในเหมือง พวกเขาพยายามหลีกเลี่ยงการตีเหล็กให้มากที่สุด… ทำให้สมิทไม่มีศิษย์ถาวรเลยสักคน… และที่แย่ก็คือ ตอนนี้เขาอายุมากแล้ว… อีกไม่นาน ลอร์ดของหมู่บ้านจะต้องบังคับให้เขาวางมือแน่  

       ก่อนหน้านั้น สมิทอยากก้าวขึ้นไปเป็นช่างตีเหล็กขั้นกลางให้ได้เสียก่อน… เขาอยากแสดงให้ทุกคนเห็นถึงคุณค่าในตัว... ชั่วชีวิตทำงานอยู่กับเหล็กและเตาหลอมมาตลอด แต่กลับต้องตายไปทั้งๆ ที่ยังเป็นแค่ช่างตีเหล็กขั้นต้นงั้นหรือ… ผู้คนจะต้องหัวเราะเยาะและเหยียดหยันทุกครั้งที่ได้เห็นป้ายหลุมศพเขาแน่… สมิทไม่อยากถูกลบหลู่ในตอนที่ตนเองลาโลกนี้ไปแล้ว  

       'ลองนึกเข้าสิ'

       สมิทหลังตาลงอยู่หน้าทั่งเหล็ก… เขาย้อนนึกกลับไปถึงเด็กหนุ่มเมื่อหลายเดือนก่อนที่เขาฝึกสอนไปเพียงผิวเผิน… เด็กหนุ่มคนนั้นมีชื่อว่ากริด… แม้จะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่น่าดู ทว่าเขากลับสร้างลูกธนูยัฟฟ่ารุ่นพิเศษขึ้นมาได้   

       'เขาทำยังไงกันนะ'

       สมิทลองนึกภาพตาม… ชายแก่พยายามจินตนาการท่าทางของกริดในตอนที่จัดการกับไฟและเหล็กให้ได้มากที่สุด… เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า… ก่อนจะรู้ตัว ดวงจันทร์ก็ลับท้องฟ้าไปแล้ว เป็นแสงอาทิตย์ยามเช้าของวันใหม่ขึ้นมาแทนที่… ท้องฟ้าค่อยๆ สว่างสดใสทีละนิด

       ในที่สุดสมิทก็ลืมตาขึ้น

       เคร้ง! เคร้ง!

       ไม่มีการเคลื่อนไหวอย่างสูญเปล่า… เขาจัดการกับไฟและโลหะในเตาด้วยความกระฉับกระเฉงมากขึ้นกว่าแต่ก่อน 

       แคร้งง~!

       กว่าจะรู้ทัว ดวงอาทิตย์ก็เด่นตระหง่านกลางท้องฟ้าเรียบร้อยแล้ว… ทว่าสมิทกำลังอยู่ในภาวะมุ่งมั่น… เขาไม่รู้สึกถึงเวลาภายนอกหรือรู้สึกหิวแต่อย่างใด… ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าด้านนอกตอนนี้กำลังมีเสียงผู้คนกรีดร้องอย่างโหยหวน… มีเพียงไฟและค้อนเหล็กเท่านั้น เขามุ่งมั่นกับการถลุงและหลอมโลหะหน้าเตาอย่างใจเย็น  

       และในที่สุด

       "โอ้...! โอ้วววว!!"

       เคยมีคนบอกไว้ว่า… หากพยายามมากพอ ความสำเร็จก็จะวิ่งเข้ามาหาเอง… เรื่องนั้นเป็นความจริง… ในที่สุดสมิทก็ข้ามกำแพง50ปีของตนได้สำเร็จ… เขาปลาบปลื้มใจจนหยดน้ำตาหลั่งออกมา… ชายแก่กำ<ลูกธนูยัฟฟ่ารุ่นพิเศษ>ที่เพิ่งสร้างขึ้นสำเร็จไว้ในมือแน่น หลังจากนั้นก็เอนหลังลงไปนอนบนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง     

       "ฮ่าฮ่า...! ดีใจจัง… ฉันทำสำเร็จแล้ว"

       อารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้นไม่สลายไปง่ายๆ… สมิทยังคงลูบไล้มันด้วยความเอ็นดู เขาร้องไห้ออกมาราวกับเด็กขี้แย… การดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของช่วงบั้นปลายชีวิต ในที่สุดก็ได้รับการตอบแทนเสียที… แต่ทันใดนั้น ประตูร้านตีเหล็กก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก   

       "ไอ้คนนอกรีต แกต้องถูกพิพากษา"

       "...!"

       มีใครบางคนบุกรุกเข้ามาในโรงตีเหล็ก… เป็นสาวกวิหารยาธาน… นี่มันเรื่องอะไรกัน… สมิทเกิดคำถามในหัวเล็กน้อย เขาจึงจ้องมองออกไปด้านนอกประตูร้าน

       หมู่บ้านกำลังลุกเป็นไฟ… เสียงร้องโหยหวนของผู้คนดังระงม… ในที่สุดสมิทก็เข้าใส่สิ่งที่เกิดขึ้น    

       "โดนกองทัพวิหารยาธานบุกงั้นเหรอ..."

       ตุ้บ… ตุ้บ...

       สาวกยาธานค่อยๆ ย่างกรายเข้ามาหา… หลังจากนั้นมันก็ใช้มีดชี้มาที่สมิท         

       "ตายซะ ไอ้คนนอกรีต!"

       สมิทหัวเราะอย่างจนปัญญา

       "ฮะฮะ… นั่นสินะ… ตายไปตอนนี้ก็ไม่มีอะไรให้เสียใจอีก… ฉันไม่มีใครให้ห่วงมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว"

       สมิทก้าวข้ามตนเองในอดีตมาได้… หากใครสักคนได้เห็นลูกธนูยัฟฟ่ารุ่นพิเศษที่เหลือทิ้งไว้ในร้านล่ะก็ คนพวกนั้นย่อมรู้ว่า ก่อนตาย สมิทไม่ได้เป็นเพียงช่างตีเหล็กขั้นต้นอีกแล้ว… ชายแก่หลับตาลงอย่างปล่อยวาง  

       'ฉันมีหน้าไปพบอาจารย์แล้ว'

       เขาตั้งท่ารอรับมีดที่กำลังพุ่งเข้ามาเสียบหัวใจอย่างปล่อยวาง

       ฉึก!

       เป็นเสียงอันแปลกประหลาด… หยดเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นร้านตีเหล็ก… ทว่าสมิทกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอันใดเลย  

       "...!"

       ชายแก่ลืมตาขึ้นอย่างเงียบงัน… หลังจากนั้นเขาก็เห็นสาวกยาธานถูกศรเสียบทะลุหัวใจจนตายคาที่… เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ด้านหลังสาวกที่ล้มลง  เขาอมยิ้มให้สมิทอย่างอบอุ่น 

       "ไม่เจอกันนานเลยนะลุง"

       "นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง..."
       
       เป็นกริด… เด็กหนุ่มผู้ที่มอบแสงสว่างให้กับเขา ยามนี้กลับยังปรากฏตัวออกมาช่วยชีวิตไว้อีกงั้นหรือ… แม้เขาจะปลงกลับชีวิตนี้และปล่อยวางทุกสิ่งแล้ว ทว่าเมื่อรอดชีวิตมาได้ เขาก็พลันรู้สึกโล่งอก… น้ำใสๆ เริ่มไหลลรินออกจากดวงตาอีกครั้ง    

       "นายสบายดีรึเปล่า"

       สมิทเอื้อมแขนออกไปจับมือกับกริดด้วยอาการสั่นระริก… มือของชายหนุ่มตอนนี้ทั้งใหญ่และหยาบกร้าน… เป็นมือของช่างตีเหล็กผู้ยิ่งใหญ่ไม่ผิดแน่… กริดยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะดึงเขาขึ้นมาจากพื้น  

       "เป็นลูกธนูที่ยอดเยี่ยมมากเลยล่ะ"

       "อา...!"

       หัวใจของสมิทเต้นตึกตัก… ในที่สุดเขาก็รับรู้ได้เสียที… เป็นครั้งแรกในรอบ66ปีนับแต่เกิดมา… เด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ  แต่เขาคือช่างตีเหล็กชั้นยอด… การก้าวข้ามตนเองตลอดทั้งคืน ได้ทำให้สมิทเลื่อนขึ้นเป็นช่างตีเหล็กขั้นสูงในที่สุด… ตอนนี้จึงสัมผัสได้ถึงความยอดเยี่ยมของช่างตีเหล็กในตำนานอย่างกริดได้แล้ว     

       "ฉันอยากจะทำงานต่อไปอีกหน่อย… ฉันยังอยากทำงานต่อไป..."

       กริดตบบ่าสมิทเบาๆ

       "แน่นอนลุง… ฉันรับรองว่าลุงจะได้ทำงานต่อไปแน่… ตอนนี้กำลังฟิตสมบูรณ์เลยไม่ใช่หรอ"

       ซู่ววว

       กริดเดินออกไปนอกร้านและค่อยๆ ลอยขึ้นไป ชายหนุ่มหันลงมามองสมิทพร้อมกับกล่าวว่า

       "ที่ของลุง… ฉันจะปกป้องไว้ให้เอง"

       และในเวลานั้นเอง

[ หัวใจของท่านรู้สึกอบอุ่นขึ้น เมื่อได้เห็นช่างตีเหล็กในวัยชราสามารถก้าวข้ามกำแพงของตนเอง เขามีความมุ่งมั่นปราถนาที่จะทำงานต่อไปให้ได้ ] 

[ ภารกิจ <สายสัมพันธ์แห่งช่างตีเหล็ก> ถูกสร้างขึ้น ]

[ สายสัมพันธ์แห่งชางตีเหล็ก ]
ระดับความยาก : B
...
       ท่านคือผู้สืบทอดจิตวิญญานและเทคนิคของแพ็กม่า… ท่านสานต่อแนวคิดปณิธานของแพ็กม่าที่กล่าวว่า <จงตีเหล็กเพื่อความสุขของมวลมนุษยชาติ>
       ความหวังครั้งใหม่ของช่างตีเหล็กวัยชราที่ก้าวข้ามตนเองได้ เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวท่าน
       ท่านต้องการทำให้ความปรารถนาของช่างตีเหล็กผู้ซึ่งไฟการทำงานกำลังลุกโชนเป็นความจริง
...
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : ปกป้องโรงตีเหล็ก
ของรางวัลภารกิจ : อายุขัยของสมิทยืนยาวขึ้น 30 ปี
...
* สมิทคือช่างตีเหล็กที่ประสบความสำเร็จในบั้นปลายชีวิต… เขามีคุณสมบัติมากพอจะกลายเป็นช่างตีเหล็กที่ดีได้… การต่ออายุให้เขาจะส่งผลดีต่อท่านแน่นอน
...
ของรางวัลเมื่อรับภารกิจ : ได้รับทักษะ <สายสัมพันธ์แห่งช่างตีเหล็ก>
บทลงโทษภารกิจล้มเหลว : อายุขัยของสมิทไม่เพิ่มขึ้น 

[ สายสัมพันธ์แห่งช่างตีเหล็ก ]
       หากท่านมีค่าความสัมพันธ์กับเอ็นพีซีช่างตีเหล็กจนถึงขีดจำกัด ท่านสามารถเพิ่มเลเวลของทักษะตีเหล็กให้เป้าหมายได้ตั้งแต่ 1 ถึง 5 ระดับ
       ช่างตีเหล็กที่ได้รับการสอนสั่งจากท่าน เขาจะจงรักภักดีต่อท่านไปชั่วชีวิต และทุกครั้งที่เขาได้เรียนรู้สูตรการผลิตใหม่ ช่างตีเหล็กคนดังกล่าวไม่ลังเลเลยที่จะแบ่งปันให้ท่านโดยไม่คิดเงิน

[ ภารกิจกำลังดำเนินการ ]

       "เจ๋ง"

       เมื่อครั้งแรกที่ได้พบข่านในวินสตัน กริดเกิดความโกรธแค้นกลุ่มนักเลงจากใจจริง จนทำให้เป็นที่มาของภารกิจซึ่งได้รับทักษะ<โทสะช่างตีเหล็ก>

       และครั้งนี้ เดิมทีเขาตั้งใจมาส่งมอบเกราะให้แวนเนอร์ แต่ก่อนหน้านั้นขอแวะมาดูว่าสมิทเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง… ทว่าการยื่นมือเข้าช่วยเหลือกลับมีสิ่งตอบแทนดีๆ อย่างคาดไม่ถึง 
       
       'บางที... โลกนี้อาจไม่แย่อย่างที่คิดก็ได้'

       เขาคิดมาเสมอ ว่าโลกใบนี้มีที่ยืนให้สำหรับคนเห็นแก่ตัวและคนชั่วเท่านั้น ในขณะที่คนดีต้องตกระกำลำบาก… ทว่าความคิดนั้นก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อเขาทำสิ่งดีๆ และได้รับสิงดีๆ ตอบแทน 

       กริดจากโรงตีเหล็กมาด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ…  เขาตรวจจับสาวกยาธานใกล้เคียงได้ราว15คน… จึงนำผ้าคลุมมาลาคัสออกมาสวม เป็นไปตามคาด พวกมันถูกยั่วยุให้เข้ามารุมทันที… กริดใช้วิชาดาบแพ็กม่าออกไปในจังหวะอันสมบูรณ์แบบ   

       "วิชาดาบแพ็กม่า… คลื่น!"

       เป็นฉากที่ดูน่าเกรงขามอย่างมาก… ปราณดาบพุ่งกระจายออกไปจาก<ความผิดพลาด>ทุกทิศทาง และสังหารสาวกยาธานทั้ง15คนในพริบตา

[ ภารกิจ <สายสัมพันธ์ช่างตีเหล็ก> สำเร็จ ]
[ อายุขัยของสมิทยืนยาวขึ้น 30 ปี ]

       'เยี่ยมมาก'

       กริดยิ้มอย่างพึงพอใจ ชายหนุ่มเบนความสนใจไปยังใจกลางหมู่บ้าน… กิลด์เซดาก้าห์ส่วนหนึ่งกำลังเผชิญหน้าอยู่กับชายชรานาม<เนบีเรียส>ที่กำลังเปล่าขลุ่ย อีกส่วนหนึ่งรับมืออยู่กับ<บาลัค> ทายาทอสูรผู้มีร่างกายเดือดพล่านราวกับลาวา… แต่ดูเหมือนพวกเขาจะรับมือได้ไม่เลว 

       แม้ไม่มีเรกัส ป็อน จิสึกะ และแวนเนอร์ ทว่าคนที่เหลือต่างก็ทำหน้าที่ของตนได้ยอดเยี่ยม 

       'ทุกคนเก่งกว่าเมื่อครั้งล่ามาลาคัสมาก… ด้วยพลังของพวกเขาในตอนนี้ มาลาคัสคงเป็นเพียงตัวตลกตัวนึงเท่านั้น'

       กริดชำเลืองสายตาไปมองอีกฝั่ง… จิสึกะและแวนเนอร์กำลังแตกกลุ่มอยู่ในดงตึกรามบ้านช่องที่หนาแน่น

       "ทางนั้นท่าจะแย่"

       ***

       "แฮ่ก… แฮ่ก… พันแข้งพันขาจังโว้ย!"

       พลังชีวิตของแวนเนอร์ใกล้จะหมดหลอดเต็มที…  ความเสียหายที่ได้รับ มีมากจนระยะหน่วงของโพชั่นวนกลับมาไม่ทัน ส่งผลให้เขากำลังจะตาย

       "ตายซะ!"

       "เทวะลงทัณฑ์!"

       กลุ่มสาวกที่รู้งานได้กระหน่ำรุมโจมตีใส่แวนเนอร์… ลงท้ายด้วย จิสึกะตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่างลงไป 

       แคร้งง!

       เธอพุ่งตัวเข้ามาขวางการโจมตีจากอัศวินมืดที่ด้านข้างแวนเนอร์ ทำให้ต้องกระอักเลือดออกมาทำโต… แวนเนอร์พลันพูดขึ้นอย่างฉุนเฉียวทันที 

       "เธอคิดจะทำอะไร… ฉันต้องเป็นฝ่ายปกป้องเธอนะ… ไม่ใช่ให้เธอมาปกป้องฉัน!" 

       จิสึกะดูแคลนทันที 

       "อย่างนายมีปัญญาปกป้องฉันด้วยหรือ"

       "อึก...!"
       
       เมื่อตอนที่เซดาก้าห์ตัดสินใจเลิกเล่นเกมแอล ที เอส และย้ายมาซาทิสฟาย แวนเนอร์สร้างตัวละครโดยเลือกเล่นคลาสสายแทงค์… ทั้งที่ในเกมแอล ที แอสเขาเล่นในตำแหน่งโจมตี ดังนั้นสมาชิกต่างพากันไม่เชื่อหู… ทว่าแวนเนอร์ก็ดึงดันจะเล่นให้ได้… เขาอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากแอล ที เอสบ้าง คราวนี้จึงเลือกเล่นอัศวินผู้พิทักษ์ 

       แต่เพียงไม่นาน แวนเนอร์ก็ต้องรู้สึกขัดใจ… คลาสสายแทงค์นั้นมีพลังโจมตีต่ำมาก ทำให้เก็บเลเวลช้ากว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด… หากจะอัพเลเวลตามเพื่อนให้ทัน มีแต่ต้องออกล่าเป็นปาร์ตี้เท่านั้น… ทำให้ช่องว่างระหว่างป็อน คู่อริตลอดกาลของเขาห่างมากขึ้นเรื่อยๆ  จนกระทั่งแวนเนอร์ทนไม่ไหวอีกต่อไป    

       "แทงค์งั้นเหรอ… ไม่สนแล้วโว้ย!"

       เพื่อที่จะมีความสุขในการโซโล่เก็บเลเวล แวนเนอร์ตัดสินใจนำแต้มสถานะไปอัพค่าพละกำลังทั้งหมด… เขาลืมความตั้งใจเดิมที่จะรับหน้าที่แทงค์ให้กิลด์ไปจนหมดสิ้น 

       "ฉันไม่น่าเลย การเป็นแทงค์ไม่เหมาะกับฉันจริงๆ… หากการ์เซียมาเล่นอัศวินผู้พิทักษ์ให้เหมือนกับแผนตอนแรกที่วางไว้ พวกเราก็จะมีกลยุทธ์ที่และความสมดุลย์ดีกว่านี้… ฉันขอโทษนะ"

       "..."
       
       แวนเนอร์รู้สึกผิดจากใจจริง เขากล่าวขอโทษจิสึกะพร้อมกับโค้งศีรษะคำนับเล็กน้อย… จิสึกะเห็นดังนั้นจึงยิ้มให้กับแวนเนอร์ที่กำลังหดหู่

       "หลังจากวิกฤติครั้งนี้ นายก็ใช้แต้มสถานะอย่างที่มันควรจะเป็นก็แล้วกัน" 
       
       "...อืม หลังจากการล่ามาลาคัสคราวนั้น ฉันก็นำแต้มไปเพิ่มให้กับความอดทนมาโดยตลอด… และหลังจากนี้ต่อไปก็เช่นกัน"

       "ดีมาก"

       จิสึกะแสดงสีหน้าพึงพอใจพร้อมกับดึงสายธนูออกไปด้านหลังจนสุด… เปลวเพลิงลุกโชนขึ้นที่ปลายลูกศรอย่างร้อนแรง… เธอกำลังจะใช้ทักษะไม้ตายก้นหีบที่ต้องแลกมาด้วยมานาทั้งหมด… <ศรฟินิกซ์>   

       "จิสึกะ… นี่เธอ..."

       เธอยอมสูญมานาทั้งหมดไปเพื่อจัดการกับอัศวินมืดตรงหน้างั้นหรือ… นี่ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย… แวนเนอร์ที่กำลังลนลานได้พยายามห้ามเธอไว้… แต่เมื่อจิสึกะตั้งใจแล้ว ไม่ว่าใครก็ยากจะหามได้    

       "ฉันจะกวาดเจ้าพวกนี้ให้หมด… นายรีบฟื้นพลังแล้วไปสมทบกับคนที่เหลือซะ"

       จิสึกะคือผู้เล่นอันดับ17ของโลกในเวลานี้… ท็อปแร้งเกอร์นั้นมีการแข่งขันสูงมาก ชนิดที่ว่า หากสูญเสียค่าประสบการณ์ไปเพียงเปอร์เซ็นต์เดียว ก็มากพอจะทำให้อันดับตกลงไปมากแล้ว ดังนั้นความตายที่มีโทษเป็นค่าประสบการณ์20%… ก็เป็นไปได้ที่อันดับจิสึกะจะตกลงไปข้างล่างมากถึง20ขั้น 

       แวนเนอร์จะยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นไม่ได้

       "อย่า! ให้ฉันตายแทนเถอะ!"

       จิสึกะโพล่งขึ้น

       "นายโง่รึเปล่า… ถ้านายตายไป แล้วฉันจะรอดไปจากที่นี่ได้ยังไง… เชื่อฉันเถอะน่า"

[ ท่านได้รับความเสียหาย 2,800 หน่วย ]
[ ท่านได้รับความเสียหาย 2,550 หน่วย ]
[ ท่านติดคำสาป… พลังป้องกันของท่านลดลง 30% และความเร็วเคลื่อนที่ลดลงอย่างมาก ]

       จิสึกะถูกกระหน่ำโจมตีด้วยเวทย์มืด… แต่เธอก็ไม่ใส่ใจเลยสักนิด

       พรึ่บ!

       เปลวเพลิงปลายศรลุกโชนขึ้นถึงขีดสุด ทั่วทั้งคันธนูห่อหุ้มไปด้วยไฟอันร้อนแรง… ณ ตอนนี้ เพียงแค่เธอปล่อยมือออกไป เจ้าพวกที่อยู่ตรงหน้าก็จะมลายหายไปจนหมดสิ้น 

       "ย๊ากกกก!"

       อัศวินมืดและจอมเวทย์มืดสัมผัสได้ถึงอันตราย พวกมันจึงรีบโถมเข้าใส่จิสึกะอย่างไม่คิดชีวิต

       ฉึก ฉึก ฉึก!

       ลูกดอกปริศนาได้พุ่งออกมาปกป้องจิสึกะไว้… หลังจากนั้น สุ้มเสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านบน

       "ทำไมเธอถึงคิดจะทิ้งชีวิตไว้ตรงนี้เล่า"

       ตึกตึก... ตึกตึก...

       ขนตาอันยาวงอนกระพริบขึ้นลง… เธอดับเปลวไฟที่อยู่ปลายศรทันทีโดยไม่ลังเล จิสึกะรีบแหงนหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าและตะโกนออกไป

       "ทำไมถึงได้มาช้านัก… เจ้าบ้า!!"

       เธอปลาบปลื้มใจจนน้ำตาคลอเบ้า… แม้ในยามปรกติเธอจะดูเซ็กซี่ แต่ท่าทีการงอนตุ๊บป่องเช่นนี้กลับทำให้เธอดูน่ารักอย่าบอกใคร… กริดพลันใจเต้นระรัวทันทีที่หัวใจถูกจู่โจม

       "ฉันขอโทษ"

       ในขณะที่กริดกำลังสำนึกผิด แวนเนอร์ก็ตะโกนขึ้นอย่างเดือดดาล 

       "เฮ้! เจ้าบ้า! นี่นายไม่คิดบ้างรึไง ว่าเกราะของฉันมันใช้เวลาสร้างนานเกินไปแล้ว… ฉันคงแสดงฝีมือได้ดีกว่านี้ถ้ามีเกราะที่นายสร้างขึ้น"

       กริดหยิบเกราะออกมาและโยนให้เขา

       "งั้นก็เริ่มซะสิ"

       "นายจะให้ฉันเริ่มอะไร--...เฮ้ย!"

       แวนเนอร์พลันหัวใจหยุดเต้นทันทีที่เห็นรายละเอียดไอเท็ม

[ เกราะคลื่นที่ผ่อนคลาย ]
เกรด : เลเจนดารี
ความคงทน : 574/574
พลังป้องกัน : 861
ความเร็วเคลื่อนที่ : -4%
...
* ถ้าหากพลังชีวิตสูงกว่า60% ทุกความเสียหายที่ได้รับจะลดลง60%
* ได้รับความเสียหายจากการโจมตีประเภทเฉือนลดลง 30%
* มีโอกาสสูงที่จะมองข้ามความเสียหายจากการโจมตีประเภทเฉือน
* ได้รับทักษะ <อดทน>
...
       ในบรรดาไอเท็มที่ถูกสร้างขึ้นโดยสุดยอดช่างตีเหล็กนามว่า <G>… เกราะตัวนี้ถือเป็นชิ้นที่สองซึ่งถูกสร้างขึ้นพร้อมกับอารมณ์ร่วมของไอเท็ม
       เกราะตัวนี้ถูกทิ้งกลางคันในระหว่างขั้นตอนการผลิต จนทำให้มันเกิดความกังวลขึ้น… ทว่าตอนนี้กลับผ่อนคลายลงมากแล้วที่ตนเองถูกสร้างจนสมบูรณ์… มันถูกผลิตขึ้นพร้อมกับความคิดที่ไม่อยากถูกทอดทิ้งเป็นหนที่สอง และความปรารถนานั้นจะส่งผลถึงผู้สวมใส่ด้วย
       แม้จะมีความรู้สึกที่ไม่ดีกับผู้สร้าง แต่มันก็ไม่ใจแคบถึงขนาดที่ต้องแสดงการต่อต้านออกมา
...
เงื่อนไขการสวมใส่ :
- เลเวล 240 หรือสูงกว่า
- พละกำลัง 500 หรือสูงกว่า
- ทักษะชำนาญเกราะหนักขั้นสูง เลเวล 2 หรือสูงกว่า
น้ำหนัก : 1,920 หน่วย

[ อดทน ]
       ถ้าหากพลังชีวิตลดเหลือต่ำกว่า 5%… ท่านจะฟื้นฟูพลังชีวิตกลับมาทันที 20% และปัดป้องการโจมตีจากศัตรูทุกรูปแบบได้ 1 ครั้ง
...
ระยะหน่วงหลังใช้ : 30 ชั่วโมง
       อัศวินผู้พิทักษ์เองก็มีทักษะปัดป้องการโจมตี1ครั้งที่ชื่อว่า<พลังผู้พิทักษ์>… หากใช้ออกมาให้ถูกจังหวะ  การโจมตีของศัตรูก็จะสูญเปล่าในทันที… เป็นทักษะหลักที่ทำให้อัศวินผู้พิทักษ์ถูกจัดให้เป็นคลาสสายแทงค์… ทว่า ทักษะที่แถมมากับชุดเกราะตัวนี้ กลับมีความยอดเยี่ยมยิ่งกว่า<พลังผู้พิทักษ์>เสียอีก    

       ดวงตาแวนเนอร์ลุกวาวในทันที
       
       'ข้อเสียคือระยะหน่วงที่นานมาก และไม่สามารถใช้ออกมาดั่งใจนึกได้ แต่มันก็ถือเป็นประกันชีวิตที่แถมการฟื้นฟูหลอดพลังให้อีก20%'

       สมกับเป็นไอเท็มเกรดเลเจนดารี… แวนเนอร์ตะโกนหากริดด้วยน้ำเสียงสั่นระริก 

       "กริด… ขอบใจนายมาก!"

       แวนเนอร์รีบสลับชุดเกราะตัวใหม่เข้าไปใส่แทนทันที… พลังป้องกันพลันเพิ่มขึ้นมหาศาล และพลังชีวิตก็ฟื้นฟูกลับมา20%… เมื่อได้ใส่อุปกรณ์ไร้เทียมทาน เขาก็พุ่งฝ่าเข้าดงอัศวินมืดอย่างไม่คิดชีวิต 

       "จิสึกะ… ฉันแข็งแกร่งแล้ว! วะฮ่าฮ่า! วู้ววว! ฉันสามารถปกป้องเธอได้แล้ว!"

       แคร้งงง!

       ดาบของอัศวินมืดคนหนึ่งฟันใส่แผ่นหลังของแวนเนอร์ แต่ดูเหมือนมันจะถูกบล็อคไว้ด้วยบาเรียที่มองไม่เห็น

       "...!!"

       จู่ๆ ศัตรูที่มีสภาพร่อแร่กลับฟื้นฟูขึ้นมาอย่างรวดเร็ว... เขาใช้วิธีใดกันแน่นะ อัศวินมืดเริ่มล่าถอยด้วยความสับสน เป็นเวลาเดียวกับที่แวนเนอร์ก็บุกเข้าใส่อย่างบ้าพลัง 

       ศัตรูทุกคนจึงหันมาสนใจเขาทันที   

       ในที่สุดจิสึกะก็ได้รับอิสระ ลูกธนูอันทรงพลังและแม่นยำถูกกระหน่ำยิ่งใส่จุดตายศัตรูทีละตัว
       
       ฉึก! ฉึกฉึกฉึก!!

       "อ๊ากกก!"
       
       "อั่ก!"

       อัศวินมืดสองคนพลันกลายเป็นแสงสีเทาทันที

       แคร้ง! เป้ง!

       ส่วนที่ยังเหลืออยู่ก็ใช้ดาบฟันเข้าใส่แวนเนอร์อย่างรุนแรง ทว่าด้วยลวดลายและความลื่นของเกราะคลื่น คมดาบจึงแฉล่บออกไปโดยไม่ได้สร้างความเสียหายใด

       "แกนะแก...!"

       จอมเวทย์มืดรีบร่ายมนต์ใส่แวนเนอร์ ซึ่งกำลังคลุ้มคลั่งเกรี้ยวกราดดุจดั่งกระทิงดุ… ทว่า พวกมันกลับลืมนึกไปว่าตรงนั้นมีจิสึกะอยู่ด้วย  

       "อั่กก!"

       การสอยจอมเวทย์คืองานถนัดของมือธนูอยู่แล้ว ณ ตอนนี้ ฝั่งวิหารยาธานไม่เหลือใครที่จะหยุดแวนเนอร์ได้อีก… กริดจึงเลิกสนใจทางนี้และเบนเป้าไปยังจุดถัดไป

       "ต่อไปก็ตรงนั้นสินะ" 

Comments

  1. ทำไมมันชอบย้อนกลับไปกลับมาจังวะเรื่องนี้

    ReplyDelete
  2. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete
  3. โคตรเปย์ หล่อเลยสาด

    ReplyDelete
  4. น้ำตาจิใหล....

    ReplyDelete
  5. ย้อนได้ ย้อนดี

    ReplyDelete
  6. มันซ้ำกับตอนที่แล้ว ฮือๆๆ อยากได้ตอนต่อไปใจจิขาดดด ขอบคุณครับ

    ReplyDelete
  7. น้ำตาจิใหล....

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00