จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 466



       จักรพรรดินีแมรี่

       มารดาขององค์ชายลำดับสี่  
       เธอมีความทะเยอทะยานที่จะให้บุตรชายของตนสืบทอดบัลลังก์ต่อจากจักรพรรดิฮวนเดอร์
       หลังจากจักรพรรดินีอาเรียสิ้นพระชมน์และเธอสามารถกุมหัวใจฮวนเดอร์สำเร็จ  แมรี่ได้สร้างสายสัมพันธ์อันดีกับขุนนางและอัศวินสีชาดไว้อย่างแน่นแฟ้น
       
       มีช่วงหนึ่งที่กองอัศวินสีชาดรุ่นปัจจุบันถูกประเมินว่าอ่อนแอกว่ารุ่นก่อนมาก
       แต่ไม่ใช่กับตอนนี้อีกแล้ว 
       อัศวินสีชาดรุ่นปัจจุบันได้รับการสอนสั่งวิชาดาบจากดยุคลิมิตจนก้าวขึ้นไปเป็นมหาจอมดาบกันถ้วนหน้า
        จึงไม่แปลกเลยที่อัศวินสีชาดรุ่นปัจจุบันจะมีความทรงพลังกว่าสมัยอดีตอย่างมาก

       ด้วยเหตนี้  สถานะทางสังคมของแมรี่จึงยิ่งมั่นคงมากขึ้น  ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด  แต่เธอคือผู้ที่เปลี่ยนเปลงอัศวินสีชาดไปในทางที่ดีขึ้น  ทำให้จักรพรรดิชื่นชอบในตัวเธอมากขึ้นกว่าเดิม

       ที่จริงแมรี่ควรจะดีใจ  แต่เธอกลับต้องปวดหัวหนักอีกครั้งแม้ว่าจะกุมอำนาจสำรัญทั้งห้าภาคส่วนไว้หมดแล้ว  
       ตอนนี้จักรพรรดิทรงเล็งเห็นว่าอัศวินสีชาดคือ 'เครื่องมือที่กลับมาใช้การได้อีกครั้ง'
       จักรพรรดิจึงไว้วางใจมอบภาระหน้าที่จำนวนมากให้อัศวินสีชาดออกปฏิบัติการ  ส่งผลให้เธอมีโอกาสติดต่อกับพวกเขาได้น้อยลง  และนั่นอาจเกิดเป็นช่องว่างทางขุมกำลังขึ้นได้

       'ฮวนเดอร์... ฉันรู้ดีว่าคุณรักฉันมากแค่ไหน  แต่ทำไมฉันถึงไม่อาจควบคุมคุณได้เลย...'

       ฮวนเดอร์มิได้ก้าวขึ้นมาเป็นจักรพรรดิของจักรวรรดิซาฮารันอันยิ่งใหญ่เพราะโชคช่วย
       ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะควบคุมบงการชายคนนี้ได้อย่างหมดจด  ไม่ว่าเธอจะพยายามมากแค่ไหน  แต่ก็ไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้งเดียว 
       แถมระยะหลังมานี้  แมรี่เริ่มวิตกกังวลจากการหายตัวไปอย่างลึกลับของอัสโมเฟล  เธอจึงก่อตั้งหน่วยคุ้มกันพิเศษขึ้นใหม่ด้วยความหวาดระแวง

       แมรี่เลือกใช้งานทาสผู้ที่คิดซื่อสัตย์กับเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น  ทาสที่จักรพรรดิและขุนนางคนอื่นเอื้อมมือไม่ถึง

       ***

       ในทุกสี่เดือน  จันทร์สองดวงจะบรรจบกันในหนึ่งคืน  
       เมื่อชายฝั่งหาดบรินิชี่มีน้ำลดลงถึงระดับต่ำสุด  ทางลับก็จะเปิดออก  ถนนสีม่วงที่นำพาไปสู่ท้องทะเลลึก  อาณาจักรใต้น้ำไซเรนอันลึกลับ
       ใช่แล้ว  ไซเรนเคยเป็นอาณาจักรที่เข้าได้เพียงหนึ่งครั้งในรอบสี่เดือน  

       แต่หลังจากยูเฟอมิน่าค้นพบอาณาจักรไซเรน  ผู้เล่นอีกหลายคนก็ค้นพบทางเข้าจากฝั่งอื่น  ทำให้ตอนนี้ไซเรนกลายเป็นอาณาจักรที่สามารถเดินทางเข้าไปตอนไหนก็ได้

       "ใช่ที่นี่แน่หรือ"

       ณ ราบิ

       ด้วยความเร็วในการบินเต็มสปีดของไวเวิร์น  สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากเรย์ดันเป็นเวลาสองชั่วโมง
       แค็ทซ์พลันกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเหลือบไปเห็นกระแสน้ำวนอันเชี่ยวกรากด้านล่าง   เขาไม่อาจเข้าใจตรรกะได้เลย  ว่าการบินทะลุผ่านน้ำวนจะช่วยให้ตนไปถึงอาณาจักรไซเรนได้อย่างไร

       "ถ้าหากพวกเราดิ่งพสุธาลงไป  ไม่ใช่ว่าต้องตาย 100% หรอกรึไง"

       ไม่ใช่ว่าคนพวกนี้กำลังคิดฆ่าเขาหรอกนะ
       แค็ทซ์อดเคลือบแคลงสงสัยมิได้เพราะตนเพิ่งเข้าร่วมทีมได้ไม่นาน  เขาเติบโตมาในสังคมที่ห้ามเชื่อใจคนอื่น  แค็ทซ์ต้องต่อกรกับพี่น้องร่วมสายเลือดที่ต่างคิดแทงข้างหลังกันเองเพื่อให้ได้สืบทอดมรดก
       
       สำหรับแค็ทซ์  การเชื่อใจมนุษย์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด

       "ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงปอดแหกนัก"

       ในฐานะทายาทของกลุ่มต่อสู้เพื่อแยกตัวเป็นอิสระของเกาหลี  พีคซอร์ดรังเกียจชาวต่างชาติที่เหยียดหยามคนเกาหลีมาก   เฉกเช่นอเล็กซานเดอร์ของรัสเซีย
       โชคดีที่แค็ทซ์ไม่ถือสาหรือเก็บคำพูดพีคซอร์ดไปคิดมาก  เขายอมรับว่าในอดีต  ตนเคยทำผิดจริงที่พูดไม่ดีไว้กับชาวเกาหลีใต้  
       แม้แค็ทซ์จะนิสัยไม่ดีและเป็นไอ้งั่ง  แต่ชายคนนี้ก็ไม่ลืมความผิดพลาดในอดีตของตน
       
       "ฉันเข้าใจถึงเหตุผลที่นายไม่ชอบหน้า  ฉันขอโทษที่เคยพูดไม่ดีไว้มากมาย"

       "...เอ๋!"

       พีคซอร์ดพลันทำตัวไม่ถูกเมื่อแค็ทซ์กล่าวขอโทษด้วยสีหน้าจริงใจ  แค็ทซ์มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโอหังและก้าวร้าว  พีคซอร์ดจึงไม่เชื่อว่าเขาจะมีมุมแบบนี้ได้

       'หมอนี่ไม่ใช่คนเลว'

       แล้วเขาต้องทำตัวอย่างไรดี...  
       ในขณะที่พีคซอร์ดกำลังสองจิตสองใจ  แค็ทซ์ได้ออกแรงถีบไปที่ก้นพีคซอร์ดอย่างจัง

       "นี่คือการไถ่โทษของนาย..."

       "เชี่ย...! บัดซบ!"

       พีคซอร์ดที่ถูกถีบได้หล่นลงไปในกระแสน้ำวนโดยพลัน  แค็ทซ์กำลังยืนมองอย่างสงสัยว่าพีคซอร์ดจะรอดชีวิตหรือไม่  
       ป็อนและเรกัสต่างหัวเราะร่วนอย่างขบขัน  ในขณะที่ฮิวรอยมองว่ามันบ้าบอสิ้นดี

       'ในโอเวอร์เกียร์ไม่ค่อยมีคนปรกติมากนัก  เราคงต้องเป็นหูเป็นตาให้นายท่าน  จะคลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียวไม่ได้เด็ดขาด'

       ฮิวรอยคือคนที่ชอบด่าพ่อล่อแม่ผู้อื่นบ่อยครั้ง  หากคิดดูให้ดีแล้ว  เขาคือคนที่ต่ำทรามที่สุดในโอเวอร์เกียร์อย่างปฏิเสธไม่ได้

       ***

       เผ่าวารี  รูปลักษณ์ภายนอกดูคล้ายกับมนุษย์มาก  แตกต่างกันเพียงครีบตรงบริเวณหัวไหล่และต้นแขน  แถมยังมีเกล็ดส่องประกายระยิบระยับบริเวณต้นขา  ไม่ผิดนักที่จะกล่าวว่า  เผ่าวารีคือมนุษย์ที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ในน้ำ

       แต่ส่วนที่แตกต่างชัดเจนที่สุดคงเป็นพลังเวทย์  เผ่าวารีทุกคนล้วนมีระดับพลังเวทย์ที่สูงลิบ  แถมยังมีศักยภาพในการพัฒนาได้อีกไกล  หากพวกเขาไม่มีจุดอ่อนในการด้านสืบพันธุ์และอ่อนแอบนบก  ป่านนี้คงสร้างอารยธรรมแซงหน้ามนุษย์ไปไกลแล้ว

       "ฉันพบความลับทางเวทย์มนต์ของพวกมันแล้ว  เผ่าวารีมีหัวใจที่อัดแน่นไปด้วยพลังเวทย์  จงเดินทางไปยังไซเรนและรวบรวมหัวใจเผ่าวารีให้ได้มากที่สุด… ไม่สิ  ไปเอาหัวใจของเผ่าวารีทุกดวงมาให้ฉัน"       

       ไวท์คือหนึ่งในผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดของบลัดคาร์นิวัล  เมื่อครึ่งปีก่อน  เธอเข้าร่วมกับกองอัศวินกุหลาบที่คอยรับใช้จักรพรรดินีแมรี่เป็นการส่วนตัว  นับแต่นั้นมา  ไวท์ก็จงรักภักดีต่อแมรี่มาโดยตลอด  แมรี่คือหนึ่งในไม่กี่คนบนโลกที่ทำให้ความปรารถนาเธอเป็นจริงได้

       "ฉันเกลียดสิ่งที่สวยงาม"

       ไวท์ย้อนนึกถึงคำพูดของแมรี่ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบไซเรน  เธอสะดุดตาเข้ากับปราสาททรายที่ตั้งเด่นตระหง่านอยู่ใจกลางอาณาจักรใต้น้ำ

       เอสเซ็นเต้หัวเราะอย่างขบขันเมื่อเห็นเผ่าวารีคนแล้วคนเล่ากำลังกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาณในขณะวิ่งหนีเอาชีวิตรอด

       "หายากนะที่อาณาจักรใดจะงดงามเช่นนี้  แต่เจ้าพวกปลานี้โง่ฉิบ  ไม่รู้ว่าเพราะเป็นปลารึเปล่า  ทำไมถึงสร้างปราสาทด้วยวัสดุอย่างทรายกันนะ"
       
       เอสเซ็นเต้เป็นสมาชิกบลัดคาร์นิวัลเหมือนกับไวท์  แต่มันมิได้เกี่ยวกับข้องกับแมรี่หรือกองอัศวินกุหลาบแต่อย่างใด  มันเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้เพราะไวท์แชร์รายละเอียดภารกิจมาให้ทำ

       "หัวใจหนึ่งดวงมีราคา 80 เหรียญทอง… 100 ดวงก็ปาไป 7,000 ดอลล่า"

       "และมันจะกลายเป็น 70,000 ดอลล่าถ้าฉันล่าได้ 1,000 ดวง!  หึหึหึ!  สุดยอด!  นี่มันภารกิจระดับ SSS ชัดๆ!  โชคเข้าข้างแล้ว!"

       เฉกเช่นเดียวกับเอสเซ็นเต้  สมาชิกบลัดคาร์นิวัลอีกหลายคนก็มาร่วมทำภารกิจนี้ด้วย  จำนวนทั้งหมดราว 30 คนเห็นจะได้  เรียกได้ว่ามากถึงหนึ่งในสามของสมาชิกบลัดคาร์นิวัลเลยทีเดียว  
       พวกมันทุกคนล้วนเป็นผู้ที่ชำนาญในการต่อสู้และสังหารผู้คน  ดังนั้นการมารวมตัวกันมากถึง 30 ชีวิตย่อมทำให้เกิดหายนะเป็นวงกว้าง

       และทุกคนจะชักชวนเพื่อนฝูงหรือไม่ก็จ้างคนมาช่วยทำภารกิจนี้  จำนวนของผู้บุกรุกจึงมีสูงถึงเกือบ 1,000 คนเลยทีเดียว  
       เลเวลเฉลี่ยทั้งหมดอยู่ที่ 233  
       ไม่ว่าจะเจ็ดกิลด์ใหญ่หรือโอเวอร์เกียร์ก็ไม่มีทางยิ่งใหญ่ขนาดนี้แน่  กลุ่มบลัดคาร์นิวัลทระนงในศักดิ์ศรีของพวกมันอย่างมาก
       
       ทหารเผ่าวารีที่ไม่เคยออกรบจึงกลายเป็นเพียงเหยื่อชั้นเลิศของพวกมัน

       ฉัวะ!

       ณ เมืองไซเรน

       หลังจากสังหารเผ่าวารีสูงอายุที่ร้องขอชีวิตอย่างสั่นกลัวไปเมื่อครู่  เอสเซ็นเต้ก็หัวเราะร่วนเมื่อเห็นทหารสองคนวิ่งชาร์จเข้าใส่ตน

       "ง่ายฉิบ!  ง่ายจังโว้ย!  ไอ้พวกกระจอก!  แทนที่จะเป็น 1,000 ดวง  ฉันว่าวันนี้ต้องล่าหัวใจได้หนึ่งล้านดวงแน่นอน!"

       เลเวลเฉลี่ยของชาวเมืองคือ 100  ส่วนของทหารคือ 180  
       ปัจจัยเดียวที่อาจเป็นปัญหาคือคนเหล่านี้สามารถใช้เวทย์ธาตุน้ำ  แต่พวกมันก็เตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว  เวทย์ธาตุน้ำไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปเมื่อพวกมันสวมใส่ไอเท็มต้านทานธาตุน้ำทั้งตัว

       เผ่าวารี  เหยื่อที่แสนอ่อนแอและมีค่าหัวมากถึงศพละ 80 เหรียญทอง

       บลัดคาร์นิวัลพร้อมกองทัพต่างไล่สังหารชาวเมืองด้วยสีหน้ายินดีปรีดา  
       อาณาจักรใต้น้ำไซเรนที่เคยงดงามไปด้วยสิ่งก่อสร้างจากทราย  บัดนี้ถูกชโลมไปด้วยเลือดของประชาชนอย่างโหดร้ายทารุน

       องค์ชายลำดับสาม 'กูล็อง'  เขามาถึงสนามรบพร้อมกับสถบอย่างหัวเสีย

       "ไอ้พวกมนุษย์ชั่วช้า..."

       เผ่าวารีเป็นเผ่าที่ปล่อยวาง  พวกเขาไม่มีความทะเยอทะยานหรือกระหายอยากได้สิ่งใดเป็นพิเศษ  
       ดังนั้นมนุษย์ที่ละโมภและแก่งแย่งชิงดี  ฆ่าฟันกันเองเป็นผักปลา  จึงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจในสายตาพวกเขาทันที
       
       "ทำไมกัน… ทำไมพวกแกต้องลงทุนเดินทางไกลโพ้นเพียงเพื่อล้างสังหารพวกเรา  ทำไมต้องฆ่าแม้กระทั่งผู้หญิงและเด็กที่ไม่มีทางสู้...!"

       กูล็องเหวี่ยงซิมิท่า (ดาบโค้ง) ในมือใส่เอสเซ็นเต้  
       เอสเซ็นเต้ที่บล็อคดาบไว้พลันตื่นตระหนก  เพราะในจังหวะที่กูล็องฟันเข้ามา  เขาก็ใช้หัวไหล่อันแข็งแกร่งกระแทกเสริมตามเข้ามาทันที  
       ชายคนนี้ไม่ใช่นักรบธรรมดา  แต่ยังมากไปด้วยเทคนิคแพรวพราว

       "อั่ก"
       
       เอสเซ็นเต้ถูกกระแทกที่หน้าอกอย่างจังพร้อมกับกระเด็นไปไกลหลายเมตร  เมื่อรีบลุกขึ้น  มุมปากของมันเริ่มกระตุกเล็กน้อยอย่างยียวน

       "ถามโง่ๆ...  พวกฉันก็ลงมาล่าปลายังไงล่ะ!"

       "ไอ้สาระเลว!"

       ท่าทีของกูล็องพลันฉุนเฉียวสุดขีดหลังจากถูกยั่วยุ  ความเร็วและพลังกำลังเพิ่มขึ้นหลายระดับ  ดาบในมือกูล็องทั้งทรงพลังและดุดัน  แต่ก็มาพร้อมกับจุดอ่อนใหญ่หลวง  เอสเซ็นเต้บล็อคดาบกูล็องด้วยโล่และโจมตีสวนกลับไปยังปลายคาง

       "ฮะฮ่า!  สู้กับพวกสมองทึบนี่ง่ายจังแฮะ!"

       กูล็องคือเอ็นพีซีพิเศษ  
       หากตนจับตัวมาได้ล่ะก็  รับรองได้เลยว่าค่าตอบแทนจะต้องไม่ต่ำกว่า 100,000 เหรียญทองแน่นอน  เอสเซ็นเต้ผู้ละโมบเริ่มรุกหนักโจมตีใส่กูล็องหวังทำให้เขาอ่อนแรง  
       แต่กูล็องกลับแข็งแกร่งกว่าที่คาดมาก  เพียงไม่นานเอสเซ็นเต้ที่เป็นผู้เล่นคลาสระดับสามก็ตกเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเสียเปรียบหนัก

       "ใครก็ได้ช่วยหน่อย!"

       เอสเซ็นเต้ร้องขอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง  แต่ก็ไม่มีใครเหลียวแลเลยสักนิด  
       บลัดคาร์นิวัลคือกลุ่มคนที่มีจุดประสงค์ร่วมกันคือเงิน  พวกมันไม่มีเหตุผลที่ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  
       หากไม่มีกฏพื้นฐานห้ามไว้ล่ะก็  บางทีอาจพบเห็นการทรยศได้บ่อยครั้ง

       "ใช้โล่บล็อคไปจนตายเสียเถอะ!  โทษฐานที่โลภเกินจำเป็นยังไงล่ะ!"

       "เคี้ยกเคี้ยก!  ดูไม่ได้เลยให้ตายสิ!  น่าสมเพช!"

       พวกพ้องเอสเซ็นเต้เอาแต่เย้ยหยันแทนที่จะเข้ามาช่วย

       "ไอ้พวกบัดซบ...!"

       หลังจากรอดพ้นวิกฤติอย่างฉิวเฉียด  
       เอสเซ็นเต้หวังหาทางให้กูล็องพุ่งไปโจมตีคนอื่นแทน  แต่กูล็องคนนี้กลับเก่งกาจจนไม่มีช่องว่าง  ดูเหมือนต้องใช้ผู้เล่นคลาสระดับสามหลายคนในการลุมล่ากูล็องเพียงคนเดียว

       'ทำไมไอ้ปีศาจนี่ต้องเล็งแต่เรา...'

       มันเพิ่งจะล่าหัวใจได้ 27 ดวงเท่านั้น  ตีเป็นเงินเทียบเท่า 2,160 เหรียญทองเท่านั้น  
       หากตายไปตอนนี้จะถือว่าขาดทุนย่อยยัย

       'เราจบสิ้นแล้ว!'

       ในขณะที่เอสเซ็นเต้กำลังหัวเสีย

       "กรี๊ดดดดด!"

       "อ๊า!  ท่านแม่!  ท่านพ่อ!"

       บลัดคาร์นิวัลเริ่มเร่งสปีดในการฆ่าฟัน  
       พวกมันเปิดประตูเข้าไปฆ่าครอบครัวผู้บริสุทธิ์ภายในบ้าน  ไม่สนว่าจะเพศใดอายุเท่าไร  เสียงร้องของหญิงสาวและเด็กดังระงมไปทั่วเมือง  
       พวกมันมิได้แยแสกับโศกนาฏกรรมตรงหน้าเลยสักนิด  เพราะหากเป็นคนดีขนาดนั้นจริง  คงไม่มีใครสมัครเข้าร่วมบลัดคาร์นิวัลตั้งแต่แรก

       "หยุด!  หยุดได้แล้ว!"

       กูล็องไม่อาจทนดูภาพผู้บริสุทธิ์ถูกสังหารอย่างทารุนได้อีก  
       เอสเซ็นเต้ฉวยโอกาสนี้แทงดาบเข้าใส่ช่องว่างพร้อมกับเย้ยหยัน

       "ฮะฮ่า!  อย่ามองไปทางอื่นระหว่างต่อสู้!"

       "อึก!"

       กูล็องตระหนักถึงความสิ้นหวังของสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างดี  
       แม้จำนวนทหารของเผ่าวารีจะมีมากกว่าถึงสิบเท่า  แต่จำนวนก็ไม่มีความหมายเลยในศึกนี้  มนุษย์ล้วนแข็งแกร่งเกินไป  หนึ่งในนักรบที่เก่งกาจที่สุดอย่างกูล็องยังถูกมนุษย์เพียงคนเดียวตรึงไว้

       'ท่านพี่...!'

       องค์ชายลำดับหนึ่ง  พาอง  เขาเองก็ถูกมนุษย์กลุ่มหนึ่งล้อมไว้  สถานการณ์ไม่สู้ดีเช่นกัน  
       คงเป็นดังคำที่ผู้วิเศษมิองกล่าวไว้  เทพแห่งคลื่นได้ทอดทิ้งพวกตนแล้ว  
       ในขณะที่กูล็องกำลังหลับตารอรับความเจ็บปวดจากมนุษย์ตรงหน้า...

       เปรี้ยะเปรี้ยะ!

       เกิดแสงสว่างวาบขึ้นบนท้องฟ้า  
       เพียงพริบตาเดียว  เอสเซ็นเต้ก็ถูกฟ้าผ่าเข้าที่ศีรษะอย่างจัง  เป็นการลอบโจมตีที่ไม่มีใครคาดคิด  แถมทักษะนี้ยังมองข้ามพลังป้องกัน  เอสเซ็นเต้พลันตกอยู่ในอาการชะงักทันที  
       มันรีบหันไปมองยังทิศทางที่โจมตีเข้ามาด้วยสีหน้าหวั่นวิตก  แล้วก็ได้พบกับชายคนหนึ่งเข้า

       "เป็นทะเลเลือดที่งดงามมาก"

       แสยะ

       ชื่อตัวละครเหนือศีระชายคนนี้เขียนไว้ว่า 'แค็ทซ์' 
       รอยยิ้มของเขาทั้งชั่วร้ายและน่าขนลุก  ไม่ต่างจากเอสเซ็นเต้และสมาชิกบลัดคาร์นิวัลคนอื่นเลยสักนิด  
       ไม่สิ  หมอนี่ดูเสียสติยิ่งกว่าใครทั้งหมด

       "นักรบโลหิต..."

       ซู่วววว!

       โลหิตจากซากศพของเผ่าวารีค่อยๆ ลอยขึ้นในอากาศ
       ภาพตรงหน้าทั้งพิสดาร  ดิบเถื่อน  และงดงามมากในเวลาเดียวกัน
       ไม่ว่าใครที่ได้เห็นเป็นต้องเคลิบเคลิ้มเหลียวมอง

Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00