จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 466
จักรพรรดินีแมรี่
มารดาขององค์ชายลำดับสี่
เธอมีความทะเยอทะยานที่จะให้บุตรชายของตนสืบทอดบัลลังก์ต่อจากจักรพรรดิฮวนเดอร์
หลังจากจักรพรรดินีอาเรียสิ้นพระชมน์และเธอสามารถกุมหัวใจฮวนเดอร์สำเร็จ แมรี่ได้สร้างสายสัมพันธ์อันดีกับขุนนางและอัศวินสีชาดไว้อย่างแน่นแฟ้น
มีช่วงหนึ่งที่กองอัศวินสีชาดรุ่นปัจจุบันถูกประเมินว่าอ่อนแอกว่ารุ่นก่อนมาก
แต่ไม่ใช่กับตอนนี้อีกแล้ว
อัศวินสีชาดรุ่นปัจจุบันได้รับการสอนสั่งวิชาดาบจากดยุคลิมิตจนก้าวขึ้นไปเป็นมหาจอมดาบกันถ้วนหน้า
จึงไม่แปลกเลยที่อัศวินสีชาดรุ่นปัจจุบันจะมีความทรงพลังกว่าสมัยอดีตอย่างมาก
ด้วยเหตนี้ สถานะทางสังคมของแมรี่จึงยิ่งมั่นคงมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แต่เธอคือผู้ที่เปลี่ยนเปลงอัศวินสีชาดไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้จักรพรรดิชื่นชอบในตัวเธอมากขึ้นกว่าเดิม
ที่จริงแมรี่ควรจะดีใจ แต่เธอกลับต้องปวดหัวหนักอีกครั้งแม้ว่าจะกุมอำนาจสำรัญทั้งห้าภาคส่วนไว้หมดแล้ว
ตอนนี้จักรพรรดิทรงเล็งเห็นว่าอัศวินสีชาดคือ 'เครื่องมือที่กลับมาใช้การได้อีกครั้ง'
จักรพรรดิจึงไว้วางใจมอบภาระหน้าที่จำนวนมากให้อัศวินสีชาดออกปฏิบัติการ ส่งผลให้เธอมีโอกาสติดต่อกับพวกเขาได้น้อยลง และนั่นอาจเกิดเป็นช่องว่างทางขุมกำลังขึ้นได้
'ฮวนเดอร์... ฉันรู้ดีว่าคุณรักฉันมากแค่ไหน แต่ทำไมฉันถึงไม่อาจควบคุมคุณได้เลย...'
ฮวนเดอร์มิได้ก้าวขึ้นมาเป็นจักรพรรดิของจักรวรรดิซาฮารันอันยิ่งใหญ่เพราะโชคช่วย
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะควบคุมบงการชายคนนี้ได้อย่างหมดจด ไม่ว่าเธอจะพยายามมากแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้งเดียว
แถมระยะหลังมานี้ แมรี่เริ่มวิตกกังวลจากการหายตัวไปอย่างลึกลับของอัสโมเฟล เธอจึงก่อตั้งหน่วยคุ้มกันพิเศษขึ้นใหม่ด้วยความหวาดระแวง
แมรี่เลือกใช้งานทาสผู้ที่คิดซื่อสัตย์กับเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น ทาสที่จักรพรรดิและขุนนางคนอื่นเอื้อมมือไม่ถึง
***
ในทุกสี่เดือน จันทร์สองดวงจะบรรจบกันในหนึ่งคืน
เมื่อชายฝั่งหาดบรินิชี่มีน้ำลดลงถึงระดับต่ำสุด ทางลับก็จะเปิดออก ถนนสีม่วงที่นำพาไปสู่ท้องทะเลลึก อาณาจักรใต้น้ำไซเรนอันลึกลับ
ใช่แล้ว ไซเรนเคยเป็นอาณาจักรที่เข้าได้เพียงหนึ่งครั้งในรอบสี่เดือน
แต่หลังจากยูเฟอมิน่าค้นพบอาณาจักรไซเรน ผู้เล่นอีกหลายคนก็ค้นพบทางเข้าจากฝั่งอื่น ทำให้ตอนนี้ไซเรนกลายเป็นอาณาจักรที่สามารถเดินทางเข้าไปตอนไหนก็ได้
"ใช่ที่นี่แน่หรือ"
ณ ราบิ
ด้วยความเร็วในการบินเต็มสปีดของไวเวิร์น สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากเรย์ดันเป็นเวลาสองชั่วโมง
แค็ทซ์พลันกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเหลือบไปเห็นกระแสน้ำวนอันเชี่ยวกรากด้านล่าง เขาไม่อาจเข้าใจตรรกะได้เลย ว่าการบินทะลุผ่านน้ำวนจะช่วยให้ตนไปถึงอาณาจักรไซเรนได้อย่างไร
"ถ้าหากพวกเราดิ่งพสุธาลงไป ไม่ใช่ว่าต้องตาย 100% หรอกรึไง"
ไม่ใช่ว่าคนพวกนี้กำลังคิดฆ่าเขาหรอกนะ
แค็ทซ์อดเคลือบแคลงสงสัยมิได้เพราะตนเพิ่งเข้าร่วมทีมได้ไม่นาน เขาเติบโตมาในสังคมที่ห้ามเชื่อใจคนอื่น แค็ทซ์ต้องต่อกรกับพี่น้องร่วมสายเลือดที่ต่างคิดแทงข้างหลังกันเองเพื่อให้ได้สืบทอดมรดก
สำหรับแค็ทซ์ การเชื่อใจมนุษย์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด
"ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงปอดแหกนัก"
ในฐานะทายาทของกลุ่มต่อสู้เพื่อแยกตัวเป็นอิสระของเกาหลี พีคซอร์ดรังเกียจชาวต่างชาติที่เหยียดหยามคนเกาหลีมาก เฉกเช่นอเล็กซานเดอร์ของรัสเซีย
โชคดีที่แค็ทซ์ไม่ถือสาหรือเก็บคำพูดพีคซอร์ดไปคิดมาก เขายอมรับว่าในอดีต ตนเคยทำผิดจริงที่พูดไม่ดีไว้กับชาวเกาหลีใต้
แม้แค็ทซ์จะนิสัยไม่ดีและเป็นไอ้งั่ง แต่ชายคนนี้ก็ไม่ลืมความผิดพลาดในอดีตของตน
"ฉันเข้าใจถึงเหตุผลที่นายไม่ชอบหน้า ฉันขอโทษที่เคยพูดไม่ดีไว้มากมาย"
"...เอ๋!"
พีคซอร์ดพลันทำตัวไม่ถูกเมื่อแค็ทซ์กล่าวขอโทษด้วยสีหน้าจริงใจ แค็ทซ์มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโอหังและก้าวร้าว พีคซอร์ดจึงไม่เชื่อว่าเขาจะมีมุมแบบนี้ได้
'หมอนี่ไม่ใช่คนเลว'
แล้วเขาต้องทำตัวอย่างไรดี...
ในขณะที่พีคซอร์ดกำลังสองจิตสองใจ แค็ทซ์ได้ออกแรงถีบไปที่ก้นพีคซอร์ดอย่างจัง
"นี่คือการไถ่โทษของนาย..."
"เชี่ย...! บัดซบ!"
พีคซอร์ดที่ถูกถีบได้หล่นลงไปในกระแสน้ำวนโดยพลัน แค็ทซ์กำลังยืนมองอย่างสงสัยว่าพีคซอร์ดจะรอดชีวิตหรือไม่
ป็อนและเรกัสต่างหัวเราะร่วนอย่างขบขัน ในขณะที่ฮิวรอยมองว่ามันบ้าบอสิ้นดี
'ในโอเวอร์เกียร์ไม่ค่อยมีคนปรกติมากนัก เราคงต้องเป็นหูเป็นตาให้นายท่าน จะคลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียวไม่ได้เด็ดขาด'
ฮิวรอยคือคนที่ชอบด่าพ่อล่อแม่ผู้อื่นบ่อยครั้ง หากคิดดูให้ดีแล้ว เขาคือคนที่ต่ำทรามที่สุดในโอเวอร์เกียร์อย่างปฏิเสธไม่ได้
***
เผ่าวารี รูปลักษณ์ภายนอกดูคล้ายกับมนุษย์มาก แตกต่างกันเพียงครีบตรงบริเวณหัวไหล่และต้นแขน แถมยังมีเกล็ดส่องประกายระยิบระยับบริเวณต้นขา ไม่ผิดนักที่จะกล่าวว่า เผ่าวารีคือมนุษย์ที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ในน้ำ
แต่ส่วนที่แตกต่างชัดเจนที่สุดคงเป็นพลังเวทย์ เผ่าวารีทุกคนล้วนมีระดับพลังเวทย์ที่สูงลิบ แถมยังมีศักยภาพในการพัฒนาได้อีกไกล หากพวกเขาไม่มีจุดอ่อนในการด้านสืบพันธุ์และอ่อนแอบนบก ป่านนี้คงสร้างอารยธรรมแซงหน้ามนุษย์ไปไกลแล้ว
"ฉันพบความลับทางเวทย์มนต์ของพวกมันแล้ว เผ่าวารีมีหัวใจที่อัดแน่นไปด้วยพลังเวทย์ จงเดินทางไปยังไซเรนและรวบรวมหัวใจเผ่าวารีให้ได้มากที่สุด… ไม่สิ ไปเอาหัวใจของเผ่าวารีทุกดวงมาให้ฉัน"
ไวท์คือหนึ่งในผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดของบลัดคาร์นิวัล เมื่อครึ่งปีก่อน เธอเข้าร่วมกับกองอัศวินกุหลาบที่คอยรับใช้จักรพรรดินีแมรี่เป็นการส่วนตัว นับแต่นั้นมา ไวท์ก็จงรักภักดีต่อแมรี่มาโดยตลอด แมรี่คือหนึ่งในไม่กี่คนบนโลกที่ทำให้ความปรารถนาเธอเป็นจริงได้
"ฉันเกลียดสิ่งที่สวยงาม"
ไวท์ย้อนนึกถึงคำพูดของแมรี่ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบไซเรน เธอสะดุดตาเข้ากับปราสาททรายที่ตั้งเด่นตระหง่านอยู่ใจกลางอาณาจักรใต้น้ำ
เอสเซ็นเต้หัวเราะอย่างขบขันเมื่อเห็นเผ่าวารีคนแล้วคนเล่ากำลังกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาณในขณะวิ่งหนีเอาชีวิตรอด
"หายากนะที่อาณาจักรใดจะงดงามเช่นนี้ แต่เจ้าพวกปลานี้โง่ฉิบ ไม่รู้ว่าเพราะเป็นปลารึเปล่า ทำไมถึงสร้างปราสาทด้วยวัสดุอย่างทรายกันนะ"
เอสเซ็นเต้เป็นสมาชิกบลัดคาร์นิวัลเหมือนกับไวท์ แต่มันมิได้เกี่ยวกับข้องกับแมรี่หรือกองอัศวินกุหลาบแต่อย่างใด มันเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้เพราะไวท์แชร์รายละเอียดภารกิจมาให้ทำ
"หัวใจหนึ่งดวงมีราคา 80 เหรียญทอง… 100 ดวงก็ปาไป 7,000 ดอลล่า"
"และมันจะกลายเป็น 70,000 ดอลล่าถ้าฉันล่าได้ 1,000 ดวง! หึหึหึ! สุดยอด! นี่มันภารกิจระดับ SSS ชัดๆ! โชคเข้าข้างแล้ว!"
เฉกเช่นเดียวกับเอสเซ็นเต้ สมาชิกบลัดคาร์นิวัลอีกหลายคนก็มาร่วมทำภารกิจนี้ด้วย จำนวนทั้งหมดราว 30 คนเห็นจะได้ เรียกได้ว่ามากถึงหนึ่งในสามของสมาชิกบลัดคาร์นิวัลเลยทีเดียว
พวกมันทุกคนล้วนเป็นผู้ที่ชำนาญในการต่อสู้และสังหารผู้คน ดังนั้นการมารวมตัวกันมากถึง 30 ชีวิตย่อมทำให้เกิดหายนะเป็นวงกว้าง
และทุกคนจะชักชวนเพื่อนฝูงหรือไม่ก็จ้างคนมาช่วยทำภารกิจนี้ จำนวนของผู้บุกรุกจึงมีสูงถึงเกือบ 1,000 คนเลยทีเดียว
เลเวลเฉลี่ยทั้งหมดอยู่ที่ 233
ไม่ว่าจะเจ็ดกิลด์ใหญ่หรือโอเวอร์เกียร์ก็ไม่มีทางยิ่งใหญ่ขนาดนี้แน่ กลุ่มบลัดคาร์นิวัลทระนงในศักดิ์ศรีของพวกมันอย่างมาก
ทหารเผ่าวารีที่ไม่เคยออกรบจึงกลายเป็นเพียงเหยื่อชั้นเลิศของพวกมัน
ฉัวะ!
ณ เมืองไซเรน
หลังจากสังหารเผ่าวารีสูงอายุที่ร้องขอชีวิตอย่างสั่นกลัวไปเมื่อครู่ เอสเซ็นเต้ก็หัวเราะร่วนเมื่อเห็นทหารสองคนวิ่งชาร์จเข้าใส่ตน
"ง่ายฉิบ! ง่ายจังโว้ย! ไอ้พวกกระจอก! แทนที่จะเป็น 1,000 ดวง ฉันว่าวันนี้ต้องล่าหัวใจได้หนึ่งล้านดวงแน่นอน!"
เลเวลเฉลี่ยของชาวเมืองคือ 100 ส่วนของทหารคือ 180
ปัจจัยเดียวที่อาจเป็นปัญหาคือคนเหล่านี้สามารถใช้เวทย์ธาตุน้ำ แต่พวกมันก็เตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว เวทย์ธาตุน้ำไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปเมื่อพวกมันสวมใส่ไอเท็มต้านทานธาตุน้ำทั้งตัว
เผ่าวารี เหยื่อที่แสนอ่อนแอและมีค่าหัวมากถึงศพละ 80 เหรียญทอง
บลัดคาร์นิวัลพร้อมกองทัพต่างไล่สังหารชาวเมืองด้วยสีหน้ายินดีปรีดา
อาณาจักรใต้น้ำไซเรนที่เคยงดงามไปด้วยสิ่งก่อสร้างจากทราย บัดนี้ถูกชโลมไปด้วยเลือดของประชาชนอย่างโหดร้ายทารุน
องค์ชายลำดับสาม 'กูล็อง' เขามาถึงสนามรบพร้อมกับสถบอย่างหัวเสีย
"ไอ้พวกมนุษย์ชั่วช้า..."
เผ่าวารีเป็นเผ่าที่ปล่อยวาง พวกเขาไม่มีความทะเยอทะยานหรือกระหายอยากได้สิ่งใดเป็นพิเศษ
ดังนั้นมนุษย์ที่ละโมภและแก่งแย่งชิงดี ฆ่าฟันกันเองเป็นผักปลา จึงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจในสายตาพวกเขาทันที
"ทำไมกัน… ทำไมพวกแกต้องลงทุนเดินทางไกลโพ้นเพียงเพื่อล้างสังหารพวกเรา ทำไมต้องฆ่าแม้กระทั่งผู้หญิงและเด็กที่ไม่มีทางสู้...!"
กูล็องเหวี่ยงซิมิท่า (ดาบโค้ง) ในมือใส่เอสเซ็นเต้
เอสเซ็นเต้ที่บล็อคดาบไว้พลันตื่นตระหนก เพราะในจังหวะที่กูล็องฟันเข้ามา เขาก็ใช้หัวไหล่อันแข็งแกร่งกระแทกเสริมตามเข้ามาทันที
ชายคนนี้ไม่ใช่นักรบธรรมดา แต่ยังมากไปด้วยเทคนิคแพรวพราว
"อั่ก"
เอสเซ็นเต้ถูกกระแทกที่หน้าอกอย่างจังพร้อมกับกระเด็นไปไกลหลายเมตร เมื่อรีบลุกขึ้น มุมปากของมันเริ่มกระตุกเล็กน้อยอย่างยียวน
"ถามโง่ๆ... พวกฉันก็ลงมาล่าปลายังไงล่ะ!"
"ไอ้สาระเลว!"
ท่าทีของกูล็องพลันฉุนเฉียวสุดขีดหลังจากถูกยั่วยุ ความเร็วและพลังกำลังเพิ่มขึ้นหลายระดับ ดาบในมือกูล็องทั้งทรงพลังและดุดัน แต่ก็มาพร้อมกับจุดอ่อนใหญ่หลวง เอสเซ็นเต้บล็อคดาบกูล็องด้วยโล่และโจมตีสวนกลับไปยังปลายคาง
"ฮะฮ่า! สู้กับพวกสมองทึบนี่ง่ายจังแฮะ!"
กูล็องคือเอ็นพีซีพิเศษ
หากตนจับตัวมาได้ล่ะก็ รับรองได้เลยว่าค่าตอบแทนจะต้องไม่ต่ำกว่า 100,000 เหรียญทองแน่นอน เอสเซ็นเต้ผู้ละโมบเริ่มรุกหนักโจมตีใส่กูล็องหวังทำให้เขาอ่อนแรง
แต่กูล็องกลับแข็งแกร่งกว่าที่คาดมาก เพียงไม่นานเอสเซ็นเต้ที่เป็นผู้เล่นคลาสระดับสามก็ตกเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเสียเปรียบหนัก
"ใครก็ได้ช่วยหน่อย!"
เอสเซ็นเต้ร้องขอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง แต่ก็ไม่มีใครเหลียวแลเลยสักนิด
บลัดคาร์นิวัลคือกลุ่มคนที่มีจุดประสงค์ร่วมกันคือเงิน พวกมันไม่มีเหตุผลที่ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
หากไม่มีกฏพื้นฐานห้ามไว้ล่ะก็ บางทีอาจพบเห็นการทรยศได้บ่อยครั้ง
"ใช้โล่บล็อคไปจนตายเสียเถอะ! โทษฐานที่โลภเกินจำเป็นยังไงล่ะ!"
"เคี้ยกเคี้ยก! ดูไม่ได้เลยให้ตายสิ! น่าสมเพช!"
พวกพ้องเอสเซ็นเต้เอาแต่เย้ยหยันแทนที่จะเข้ามาช่วย
"ไอ้พวกบัดซบ...!"
หลังจากรอดพ้นวิกฤติอย่างฉิวเฉียด
เอสเซ็นเต้หวังหาทางให้กูล็องพุ่งไปโจมตีคนอื่นแทน แต่กูล็องคนนี้กลับเก่งกาจจนไม่มีช่องว่าง ดูเหมือนต้องใช้ผู้เล่นคลาสระดับสามหลายคนในการลุมล่ากูล็องเพียงคนเดียว
'ทำไมไอ้ปีศาจนี่ต้องเล็งแต่เรา...'
มันเพิ่งจะล่าหัวใจได้ 27 ดวงเท่านั้น ตีเป็นเงินเทียบเท่า 2,160 เหรียญทองเท่านั้น
หากตายไปตอนนี้จะถือว่าขาดทุนย่อยยัย
'เราจบสิ้นแล้ว!'
ในขณะที่เอสเซ็นเต้กำลังหัวเสีย
"กรี๊ดดดดด!"
"อ๊า! ท่านแม่! ท่านพ่อ!"
บลัดคาร์นิวัลเริ่มเร่งสปีดในการฆ่าฟัน
พวกมันเปิดประตูเข้าไปฆ่าครอบครัวผู้บริสุทธิ์ภายในบ้าน ไม่สนว่าจะเพศใดอายุเท่าไร เสียงร้องของหญิงสาวและเด็กดังระงมไปทั่วเมือง
พวกมันมิได้แยแสกับโศกนาฏกรรมตรงหน้าเลยสักนิด เพราะหากเป็นคนดีขนาดนั้นจริง คงไม่มีใครสมัครเข้าร่วมบลัดคาร์นิวัลตั้งแต่แรก
"หยุด! หยุดได้แล้ว!"
กูล็องไม่อาจทนดูภาพผู้บริสุทธิ์ถูกสังหารอย่างทารุนได้อีก
เอสเซ็นเต้ฉวยโอกาสนี้แทงดาบเข้าใส่ช่องว่างพร้อมกับเย้ยหยัน
"ฮะฮ่า! อย่ามองไปทางอื่นระหว่างต่อสู้!"
"อึก!"
กูล็องตระหนักถึงความสิ้นหวังของสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างดี
แม้จำนวนทหารของเผ่าวารีจะมีมากกว่าถึงสิบเท่า แต่จำนวนก็ไม่มีความหมายเลยในศึกนี้ มนุษย์ล้วนแข็งแกร่งเกินไป หนึ่งในนักรบที่เก่งกาจที่สุดอย่างกูล็องยังถูกมนุษย์เพียงคนเดียวตรึงไว้
'ท่านพี่...!'
องค์ชายลำดับหนึ่ง พาอง เขาเองก็ถูกมนุษย์กลุ่มหนึ่งล้อมไว้ สถานการณ์ไม่สู้ดีเช่นกัน
คงเป็นดังคำที่ผู้วิเศษมิองกล่าวไว้ เทพแห่งคลื่นได้ทอดทิ้งพวกตนแล้ว
ในขณะที่กูล็องกำลังหลับตารอรับความเจ็บปวดจากมนุษย์ตรงหน้า...
เปรี้ยะเปรี้ยะ!
เกิดแสงสว่างวาบขึ้นบนท้องฟ้า
เพียงพริบตาเดียว เอสเซ็นเต้ก็ถูกฟ้าผ่าเข้าที่ศีรษะอย่างจัง เป็นการลอบโจมตีที่ไม่มีใครคาดคิด แถมทักษะนี้ยังมองข้ามพลังป้องกัน เอสเซ็นเต้พลันตกอยู่ในอาการชะงักทันที
มันรีบหันไปมองยังทิศทางที่โจมตีเข้ามาด้วยสีหน้าหวั่นวิตก แล้วก็ได้พบกับชายคนหนึ่งเข้า
"เป็นทะเลเลือดที่งดงามมาก"
แสยะ
ชื่อตัวละครเหนือศีระชายคนนี้เขียนไว้ว่า 'แค็ทซ์'
รอยยิ้มของเขาทั้งชั่วร้ายและน่าขนลุก ไม่ต่างจากเอสเซ็นเต้และสมาชิกบลัดคาร์นิวัลคนอื่นเลยสักนิด
ไม่สิ หมอนี่ดูเสียสติยิ่งกว่าใครทั้งหมด
"นักรบโลหิต..."
ซู่วววว!
โลหิตจากซากศพของเผ่าวารีค่อยๆ ลอยขึ้นในอากาศ
ภาพตรงหน้าทั้งพิสดาร ดิบเถื่อน และงดงามมากในเวลาเดียวกัน
ไม่ว่าใครที่ได้เห็นเป็นต้องเคลิบเคลิ้มเหลียวมอง
มาสักที!!!
ReplyDeleteเอาว่า
ReplyDelete