จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 467
วิวด้านบนกำแพงใสชั้นนอกของอาณาจักรไซเรนนั้นงดงามเกินคำบรรยาย
แต่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด การปรากฏตัวของแค็ทซ์ทำให้ฉากเหตุการณ์ยิ่งทวีความน่าตื่นตาตื่นใจ
"นักรบโลหิต...! นายมาทำอะไรที่นี่"
เอสเซ็นเต้ตกอยู่ในอาการชะงักไปหนึ่งวินาที หลังจากนั้นมันก็โพล่งขึ้นพร้อมกับดื่มโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิต
แค็ทซ์พ่นลมหายใจอย่างเหยียดหยัน
"เป็นแค่ขยะไร้ค่า เหตุใดถึงทำตัวเจ้ากี้เจ้าการนัก แกเป็นใครกัน ทำไมฉันต้องรายงานด้วยว่ามาทำอะไรที่นี่"
"แกสติดีอยู่รึเปล่า! ทำไมถึงลงมือทำร้ายคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน!"
เอสเซ็นเต้โพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงเดือดดาล ก่อนที่มันจะนึกขึ้นได้ว่า
"ฮะฮ่า! จริงด้วย! แกเองก็มาล่าเงินรางวัลเหมือนกันใช่ไหม!"
ไซเรนคืออาณาจักรที่ไม่มีแหล่งเก็บเลเวลหรือภารกิจที่น่าสนใจ เหตุผลเดียวที่ผู้เล่นระดับสูงอย่างแค็ทซ์มาที่นี่ สถานที่ซึ่งแม้แต่ผู้เล่นเลเวล 100 ยังไม่เหลียวแล
เอสเซ็นเต้มั่นใจมาก
"นายได้รับภารกิจจากไวท์เหมือนกันสินะ! มาเพื่อล่าเผ่าวารีใช่ไหมล่ะ!"
ถ้าเช่นนั้น แค็ทซ์ควรจะเป็นพวกเดียวกับมันสิ
แล้วเหตุใดเขาถึงลงมือทำร้าย
"เจ้าเล่ห์นักนะ! แกคิดจะฮุบเงินรางวัลทั้งหมดไว้คนเดียวใช่ไหม!"
เอสเซ็นเต้กล่าวหาอย่างมั่นใจ แต่แค็ทซ์กลับมองว่าน่าเอ็นดู
"คนอย่างฉันเนี่ยนะทำเพื่อเงิน ฮุฮุ! ช่างไร้เดียงสาซะจริง!"
'นั่นสินะ...'
ชายคนนี้ไม่ได้ต้องการเงิน เอสเซ็นเต้พลันนึกได้ว่าแค็ทซ์คือทายาทของกลุ่มธุรกิจอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น
"แล้วนายมาที่นี่ทำไม..."
"ฉันมาที่นี่เพื่อปกป้องเผ่าวารี ในฐานะทาสรับใช้ของกริด"
"...ทาสรับใช้งั้นหรือ" (ต้นฉบับใช้คำแสลง)
หมายความว่ายังไงกัน นั่นคือคำแสลงภาษาญี่ปุ่นที่เอสเซ็นเต้ไม่เข้าใจ
แต่มันก็พอเดาได้จากรูปประโยค
'แค็ทซ์เข้ากิลด์โอเวอร์เกียร์แล้วสินะ ถ้าเช่นนั้น พวกโอเวอร์เกียร์คงกำลังมาที่นี่เพื่อปกป้องไซเรน'
มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง แล้วไวท์รู้รึเปล่า
เอสเซ็นเต้ไม่อาจทำความเข้าใจไปมากกว่านี้ได้อีก
ซู่ววววว!
โลหิตสีแดงฉานจากซากศพของเผ่าวารีได้ถูกดูดมารวมกันรอบกายแค็ทซ์ รูปร่างดูคล้ายกับงูยักษ์ที่มีชีวิต แค็ทซ์สั่งให้งูโลหิตโจมตีใส่เอสเซ็นเต้ด้วยสปีดอันรวดเร็ว เอสเซ็นเต้เห็นดังนั้นพลันมีใบหน้าขาวซีด
แต่ผิดคาด มันกลับหลบจากโจมตีจากงูยักษ์โลหิตได้ง่ายดาย แม้จะมีบรรยากาศน่ากลัวดุดัน แต่ทิศทางจากโจมตีกับซื่อตรงและคาดเดาได้ง่ายมาก
ฟ้าว!
ฟ้าว ฟ้าว!
ตรง ขวา และตรง
งูโลหิตพุ่งโจมตีอย่างเรียบง่ายไม่เหมือนกับความหน้าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาเลยสักนิด การโจมตีดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดบาดแผลใดนอกจากพื้นดินที่แตกร้าว เอสเซนเต้หลบการโจมตีจากงูโลหิตได้ทุกครั้งพร้อมกับถอยเข้าหาพวกพ้องที่อยู่ไม่ไกลนัก
'ฮ่า! กระจอกมาก-- เดี่ยวก่อน!'
มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ
นักล่าวิญญาณ 'ซิวรอน' จ้าวแห่งสนามรบ 'อาเรส' และนักรบโลหิต 'แค็ทซ์'
สามคนนี้คือตัวอันตรายที่ห้ามสู้ด้วยในสนามรบเด็ดขาด สังเวียนที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นจะยิ่งส่งเสริมพลังที่แท้จริงของแค็ทซ์ให้แข็งแกร่ง
เอสเซ็นเต้พลันเย็นสับหลังวาบเมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
'อย่าบอกนะว่า...!'
หรือแค็ทซ์จงใจโจมตีเพื่อให้ตนหลบหนีมาใกล้พวกพ้อง
ในขณะที่ความคิดลางไม่ดีนี้กำลังแล่นในหัว
บึ้มบึ้มบึ้ม!
ซู่วววว!
งูโลหิตเกิดระเบิดขึ้นจนเกิดเสียงดังกึกก้อง เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายคือเอสเซ็นเต้และกลุ่มของมัน
"คุคุ! ไอ้พวกขยะ!"
แค็ทซ์แสยะยิ้มอย่างน่าขนลุก ในขณะที่สมาชิกบลัดคาร์นิวัลกำลังร้องโหยหวนอย่างเจ็วปวด แค็ทซ์ก็ฮัมเพลงไปพลางประหนึ่งฆาตกรโรคจิต
เขากำดาบในมือแน่นและพุ่งประจัญบานใส่พวกมัน
"ขอบคุณนะที่ช่วย แต่ทำไมนายถึงมีสีหน้ายินดีนักเวลาที่ได้ฆ่าคน หรือว่านายเองก็สนุกกับการพรากชีวิตผู้อื่น"
"..."
เดิมทีแล้ว แค็ทซ์คือผู้เล่นที่ไม่เคยแยแสเอ็นพีซีเลยสักนิด แต่ตอนนี้เขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของโอเวอร์เกียร์แล้ว แค็ทซ์ได้ยินมาว่ากริดให้ความเคารพเอ็นพีซีมาก
ชายคนนั้นแม้กระทั่งแต่งงานกับเอ็นพีซี!
"...หืม"
แค็ทซ์คำนึงถึงภาพพจน์ของกริดและกิลด์โอเวอร์เกียร์
จึงตั้งใจหันไปตอบคำถามกูล็องที่เป็นเอ็นพีซีพิเศษ
"ใช่แล้วล่ะ จะมีสิ่งใดในโลกที่สนุกไปกว่าการต่อสู้ฆ่าฟันอีก"
"ให้ตายสิ..."
สีหน้าของกูล็องและเผ่าวารีพลันขาวซีด นี่คือวินาทีที่เผ่าวารีรังเกียจในตัวมนุษย์มากขึ้นเป็นเท่าทวี
ต้องขอบคุณความใจดีไม่เข้าท่าของแค็ทซ์
***
ยูเฟอมิน่า เธอมีรูปลักษณ์ภายนอกเป็นเด็กสาวน่ารัก ถูกเรียกขานภายในกิลด์ว่าเป็นอัญมณีลึกลับของโอเวอร์เกียร์ เธอคือผู้ที่คนภายนอกไม่ค่อยรู้จักนัก ด้วยความที่เก็บตัวทำภารกิจตามลำพังอย่างเงียบงันโดยตลอด แต่ความจริงแล้ว ยูเฟอมิน่าถือเป็นหนึ่งในขุนพลสุดแกร่งที่กิลด์ขาดไม่ได้ พลังคัดลอกของเธอมีความจำเป็นต่อกิลด์ในหลายด้าน หากอยู่ในสภาพพร้อมรบสุดขีด ยูเฟอมิน่าจะมีความแข็งแกร่งเป็นลำดับต้นของกิลด์
ไม่ผิดนักที่จะเรียกยูเฟอมิน่าว่าเป็น 'นางฟ้าผู้พิทักษ์' ประจำโอเวอร์เกียร์
แน่นอนว่าต้องอยู่ในเงื่อนไขที่เธอ 'คัดลอกทักษะทรงพลังไว้มาก' ถ้ายูเฟอมิน่าพร้อมรบเต็มพิกัดเมื่อใด แม้แต่กริดเองก็ยังเรียกขานเธอว่าเป็นผู้เล่นสุดโกง ยูเฟอมิน่าเคยเอาชนะเฟคเกอร์และพวกพ้องมาแล้วหนหนึ่ง
แถมยังเคยต่อสู้กับปิอาโร่และเอาชีวิตรอดมาได้ ทั้งที่ปิอาโร่ใช้ทักษะลับอย่าง 'ความตายที่ถูกลิขิต'
ยูเฟอมิน่าตอนนี้กำลังอยู่ในสภาพพร้อมรบสุดขีด นั่นเพราะก่อนหน้านี้ เธอได้รับภารกิจมาจากผู้วิเศษ 'มิอง' ตั้งแต่หกเดือนก่อน ระหว่างนั้นเธอคอยคัดลอกเวทย์ระดับสูงมาสะสมไว้โดยแทบไม่ใช้งานออกไปเลย
ยูเฟอมิน่ากำลังมั่นใจมากว่าเธอดวลไม่แพ้ใครแน่นอน
แต่การต่อสู้ตรงหน้ากลับไม่ง่ายเลยสักกนิด
แบล็ค
หญิงสาวปริศนาที่มีรูปร่างและหน้าอกตรงตามสเปคกริดทุกประการ เธอคนนี้มีความว่องไวเหนือสามัญสำนึก แค่มองตามให้ทันด้วยตาเปล่าก็ยากเต็มที ไม่มีทางเลยที่จะโจมตีให้โดยด้วยทักษะชนิดไม่ล็อคเป้า
ยูเฟอมิน่าจำต้องใช้เวทย์สายป้องกันเกรด S 'อ้อมกอดยักษา' เพื่อคอยปัดป้องการโจมตีจากแบล็ค
"เพลิงขุมนรก!"
พรึบ!
เสาเปลวเพลิงขนาดใหญ่รัศมีแปดเมตรผุดขึ้นรอบกายยูเฟอมิน่า นี่คือเวทย์โจมตีเป็นวงกว้าง ไม่มีสิ่งใดใช้รับมือกับพวกพลิ้วไหวได้ดีกว่านี้อีกแล้ว ลงเอยด้วยแบล็คถูกเผาผลาญรุนแรง
หล่อนพยายามดิ้นรนหนี แต่ก็สายเกินไป ยูเฟอมิน่าตามต่อด้วยเวทย์ 'พายุสนามแรงโน้มถ่วง' ทันที
ซู่ววว!
ตึง!
เกิดเสียงดังสนั่นเมื่อร่างของแบล็คถูกดึงลงกระแทกพื้นอย่างแรง รอบกายแบล็คกำลังเปี่ยมไปด้วยสนามแรงโน้มถ่วงที่สูงกว่าปรกตินับสิบเท่า
"ฮิฮิ!"
นี่คือเสียงหัวเราะสิ้นหวังก่อนตายงั้นหรือ
แบล็คส่งเสียงหัวเราะในยามที่ร่างกายกำลังลุกไหม้เป็นจุณ พายุอันเกรี้ยวกราดกำลังฉีกกระชากร่าง ยูเฟอมิน่าทำการยิงศรเพลิงซ้ำเข้าไปอีกหลายหนจนกระทั่งร่างของแบล็คกลายเป็นแสงสีเทา
'สี่นาทีกับอีก 31 วินาที...'
ยูเฟอมิน่าถูกแบล็คตรึงไว้นานมาก แถมยังต้องใช้ทักษะระดับสูงไปมากถึงแปดชนิด
เธอออกอาการหงุดหงิดพร้อมกับทำแก้มปูดเหมือนกระกรอก
"แข็งแกร่งเอาเรื่อง"
แบล็คไม่ด้อยไปกว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดของโอเวอร์เกียร์เลยสักนิด เธออดสงสัยไม่ได้ว่า ผู้เล่นทรงพลังขนาดนี้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมา และเหตุใดเธอถึงไม่รู้จัก ยูเฟอมิน่าขบคิดไปพลางเดินไปยังใจกลางสนามรบ
แต่ทันใดนั้น ใบหน้าของเธอพลันขาวซีดประหนึ่งเห็นผี
"ฮิฮิ! อิฮิฮิ! เด็กสาวน่ารักอย่างเธอคงยังไม่รู้จักโลกนี้ดีพอสินะ เดี๋ยวฉันจะเรียกพี่สาวมาช่วย!"
"..."
แบล็ค หญิงสาวที่กลายเป็นแสงสีเทาไปแล้วเมื่อครู่ บัดนี้ปรากฏตัวใหม่อีกครั้งต่อหน้ายูเฟอมิน่าโดยปราศจากรอยขีดข่วน
"ฝาแฝดงั้นหรือ..."
เป็นไปไม่ได้ เพราะชื่อตัวละครยังเขียนว่า 'แบล็ค' เหมือนเดิมทุกประการ
นัยน์ตาสีแดงสดของยูเฟอมิน่ากำลังสั่นระริกเหมือนกับตอนที่ได้พบกริดครั้งแรก
***
บึ้ม!
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!
อาณาจักรไซเรนที่สงบสุขมานานกว่าพันปี บัดนี้ถูกมนุษย์รุกรานทำลายจนเสียหายหนักภายในเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น ตึกรามบ้านช่องล้วนพังพินาศ เกิดเสียงระเบิดดังระงมไปพร้อมกับภาพมนุษย์ไล่สังหารเผ่าวารีอย่างโหดเหี้ยม
"หยุด...! ได้โปรดหยุดเถอะ!"
องค์ชายลำดับหนึ่ง 'พาอง' เขาคือหนึ่งในสุดยอดนักรบของเผ่าวารี แต่ยามนี้กลับทำได้เพียงตั้งรับอย่างสิ้นหวัง เขาส่งเสียงขอร้องใจแทบขาด แต่มีหรือมนุษย์สุดโฉดจะยอมเห็นใจ ความต่างชั้นของขุมกำลังที่เหมือนกับอยู่คนละมิติกำลังสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล
"อ--องค์ชาย..."
"ยาอง! เมียวอง!"
อัศวินหนุ่มที่เติบโตมาด้วยกัน รวมถึงอัศวินวัยกลางคนและจอมเวทย์ที่เปรียบเสมือนอาจารย์ตน พวกเขาเหล่านี้กำลังล้มหายตายจากไปทีละคนสองคนด้วยฝีมือมนุษย์
"อภัยให้ไม่ได้...! ไอ้พวกมนุษย์ชั่วช้า!"
เอาตัวเป็นโล่กำบังให้ชาวเมืองงั้นหรือ
ใครมาเห็นเข้าอาจหัวเราะเยาะ แต่สำหรับเผ่าวารีแล้ว ชาวเมืองของพวกตนสำคัญที่สุด เหล่าทหารใช้ตัวเป็นกำบังการโจมตีจากมนุษย์เพื่อหวังให้ชาวบ้านมีชีวิตรอดต่อไป
การบุกล้างผลาญฝ่ายเดียวกำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
ไวท์แลเห็นว่า ช่างน่าขบขันนัก
"พวกโง่เขลา"
"แกมันปีศาจ!"
พาองที่กำลังเดือดดาลพยายามโจมตีใส่ไวท์อย่างสุดกำลัง เขาต้องรีบจัดการผู้หญิงคนนี้เพื่อออกไปช่วยเหลือชาวเมือง แต่ไวท์นั้นแข็งแกร่งเกินไป แม้กระทั่งนักรบอันดับหนึ่งอย่างพาองยังไม่ใช่คู่ต่อสู้
ตึง!
เธอใช้พุงอันอ้วนกลมรับหอกจากพาอง
ผัวะ!
หลังจากนั้นก็ใช้ท่อนแขนขนาดใหญ่กระแทกใส่ใบหน้าพาองอย่างจัง ไวท์คือหญิงสาวที่มีน้ำหนักมากถึงสองตัน แถมยังเป็นจ้าวแห่งศิลปการต่อสู้
ไวท์มีเทคนิคในการใช้ร่างกายให้เกิดประโยชน์สูงสุด
"น--นี่มัน...!"
"ต้องขอขอบคุณนายล่ะนะ... ที่ไม่เอาฉันไปเปรียบกับหมูเหมือนคนอื่น"
ไวท์แสยะยิ้มพร้อมกับจุมพิตข้างแก้มพาองอย่างน่าขนลุก พาองพลันร่างกายแข็งทื่อด้วยความหวาดผวา
ส่งผลให้ไวท์ขมวดคิ้วทันที
"ท่าทางเช่นนี้หมายความว่ายังไง... หรือนายก็เหมือนกับคนอื่นที่รังเกียจฉันเพราะว่าอ้วนและอัปลักษณ์!"
เปรี้ยง!
ไวท์พลันเกรี้ยวกราด เธอใช้กำปั้นชกไปยังใบหน้าพาองสุดแรง พาองแทบไม่เชื่อสายตา เหตุมนุษย์ไร้อาวุธตรงหน้าถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้
ในขณะที่พาองกำลังเมาหมัด เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น
"เป็นนักสู้ที่เก่งกาจมาก... รู้จักใช้ร่างกายให้เกิดประโยชน์สูงสุด"
ชายคนนี้มีเสียงที่ใสกังวาล
เจ้าของเสียงจะต้องปราศจากความดำมืดภายในจิตใจโดยสิ้นเชิง
"นายเป็นใคร"
พาองไม่เป็นมิตรกับมนุษย์หน้าไหนทั้งนั้น แม้กระทั่งชายปริศนาที่กำลังย่างกรายเข้ามาใกล้และยื่นแขนออกมาหวังพยุงเขา พาองในยามนี้กำลังเกลียดมนุษย์เข้ากระดูกดำ
เรกัสผู้ที่พยายามช่วยพยุงพาองพลันแสดงสีหน้าเศร้าใจ
"ทำไมกันนะ..." แววตาอันเศร้าหมองเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความดุร้ายโกรธเกรี้ยว
"เหตุใดพวกเขาถึงต้องลิ้มรสความเจ็บปวดและสิ้นหวังถึงเพียงนี้..."
เรกัสผู้ยิ้มแย้มตลอดเวลา ยามนี้ราวกับเข้าโหมดโทสะ
เขาหันไปมองจองไวท์ด้วยแววตาอาฆาตแค้นสุดขีด
"อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น...! ฉันคือผู้ที่ถูกสาปให้อ้วน! แค่ดื่มน้ำเปล่าก็อ้วนแล้ว!"
เปรี้ยง!
ไวท์พูดจาเหลวไหลพร้อมกับชกใส่เรกัสหนึ่งหมัด
เป็นวินาทีที่เรกัสได้ตระหนักว่า
'เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ...!'
***
"ฉันมีคำถาม"
มนุษย์สัตว์ป่า 'ทูน' ชายคนนี้จ่ายค่าห้องรายเดือนและย้ายมาอยู่ชั้นห้าของอาคารที่กริดสร้างขึ้น
ตอนนี้กำลังช่วยกริดขนของเพื่อแลกกับการไม่ต้องจ่ายค่ามัดจำ
"ทำไมนายถึงไม่จ้างบริษัทขนของ"
กริดตอบกลับในขณะยกกล่องใบใหญ่
"ประหยัดเงินยังไงล่ะ นายไม่รู้หรือว่าค่าแรงขั้นต่ำตอนนี้มันแพงขนาดไหน"
"นายใช้เวลาอันมีค่าไปเล่นเกมเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าขนย้ายไม่ดีกว่าหรือ แทนที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเองเช่นนี้"
มูลค่าในตัวกริดมีสูงมาก เขาสามารถมีรายรับมหาศาลเพียงแค่เล่นเกมหนึ่งชั่วโมง
ไม่สิ เขายอดเยี่ยมยิ่งกว่านั้น กริดเคยทำเงินหลักหมื่นล้านวอนมาแล้วเพียงแค่พูดว่า 'โคเม็ตกรุ๊ป' ต่อหน้ากล้อง
"อ๊ะ...!" กริดพลันหน้าถอดสี
"บ้าจริง...! ชีวิตยากจนในอดีตทำให้กระบวนการความคิดของฉันปั่นป่วนไปหมด!"
เขาประเมินสถานการณ์ได้ผิดแผกสามัญสำนึกไปมาก
ทันใดนั้นเอง ทูนยื่นสมุดขนาดเล็กเล่มหนึ่งให้กริด มันคือคู่มือของแคปซูลรุ่นเพชรที่โคเม็ตกรุ๊ปส่งมา
"ที่เหลือให้ฉันจัดการเอง นายไปเล่นเกมเถอะ"
"ด--ได้... ขอบคุณมาก"
กริดรีบวิ่งไปยังห้องของตน ทูนมองตามหลังไปด้วยแววตาคาดหวัง
"นายจะพัฒนาไปได้ไกลขนาดไหนกันนะ"
ทูนตกตะลึงไม่น้อยเมื่อค้นพบความจริงว่า แคปซูลที่กริดใช้เล่นเกมมาตลอดคือรุ่นบุกเบิกซึ่งมีอายุเก่าแก่มาก เคยเป็นรุ่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านราคาถูก
โดยเป็นที่กล่าวขานกันว่ามี 'ระบบเชื่อมต่อห่วยแตกที่สุด'
ในทางกลับกัน แคปซูลรุ่นเพชรถือเป็นที่สุดของเทคโนโลยียุคใหม่ ราคาของมันสูงกว่าแคปซูลเดิมของกริดถึง 150 เท่า แน่นอนย่อมมาพร้อมประสิทธิภาพเหนือคำบรรยาย
แคปซูลรุ่นตลาดที่ใช้ในงานแข่งซาทิสฟายนานาชาตินั้นเทียบไม่ติดเลยสักนิด
"ชีวิตจริงก็ต้องพึ่งพาพลังแห่งไอเท็มเหมือนกันสินะ"
ทูนอมยิ้มพร้อมกับเดินกลับไปขนของชิ้นต่อไป
ว่าแล้วแคปซูลเก่าต้องกากแน่
ReplyDeleteเหมือนกับเรื่องไหนแล้วว่ะพระเอกใช้เครื่องกากตลอดแต่โคตรโหด
แล้วพอได้เครื่องดีๆมาก็จะกลายเป็นโหดแบบสุดๆ
Deleteเรื่องอะไรครับ
Delete