จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 468
"ให้ตายสิ... แย่กว่าที่คิดเยอะเลยแฮะ"
"ใช่... เลวร้ายมาก"
ฮิวรอย พีคซอร์ด และป็อน พวกเขากวาดสายตาไปรอบเมืองไซเรนด้วยสีหน้าหดหู่ ทั้งสามคนปีนป่ายขึ้นมายืนบนยอดเขาพร้อมกับขมวดคิ้วต่อหน้าฉากสงครามนองเลือด
ผู้เล่นที่รุกรานไซเรนมีจำนวนมากกว่าที่พวกเขาคาดไว้
"ราวพันคนเห็นจะได้ เลเวลเฉลี่ยก็คงไม่ต่ำกว่า 200"
"ประมาณ 30 คนเป็นผู้เล่นคลาสระดับสาม นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว พวกมันล้วนเชี่ยวชาญการต่อสู้"
คำพูดของพวกเขามิได้แฝงความตึงเครียดไว้มากนัก สามคนนี้มิได้ชื่นชอบสนามรบนองเลือดสักเท่าไร พวกเขากำลังเพ่งสมาธิกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อสำรวจระดับไอเท็มสวมใส่ของศัตรู
แต่ทันใดนั้น ทุกคนพลันตกตะลึงเมื่อได้เห็นสิ่งหนึ่งพร้อมกัน
"เอ๋!"
"เรกัสเป็นฝ่ายเสียเปรียบ..."
"ไวท์... นั่นใครกัน"
เรกัสและแค็ทซ์รุดหน้ามาที่นี่ก่อน ป็อนและคนอื่นมิได้สนใจความปลอดภัยของเรกัสมากนัก อย่าลืมว่าชายคนนั้นเป็นใครกัน เขาคือคนที่สู้กับสันตะปาปาดาเมี่ยนได้อย่างสูสี หากกริดและครอเกลคือผู้เล่นเกรด SSS เรกัสก็คือเกรด SS
ชายคนนี้สามารถแก้ผ้าเต้นรำกลางสนามรบได้โดยที่ไม่ต้องกลัวตาย
กลุ่มของป็อนไม่เคยเป็นกังวลที่เรกัสขอล่วงหน้ามาก่อน
แต่แล้วภาพตรงหน้ามันอะไรกัน
ไวท์ หญิงร่างท้วมที่ชื่อตัวละครไม่คุ้นหู หล่อนกำลังไล่รุกหนักจนเรกัสเสียเปรียบหนัก เธอเหนือกว่าเรกัสในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นค่าสถานะ ทักษะ และฝีมือควบคุม พูดได้เต็มปากว่าเรกัสกำลังจะพ่ายแพ้ในอีกไม่ช้า
อีกความหมายหนึ่งก็คือ ไวท์เป็นปีศาจระดับเดียวกับครอเกล
"หล่อนไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมาตั้งนาน"
ครั้งแรกที่ครอเกลปรากฏตัวสู่สายตาคนทั้งโลก ผู้ชมต่างตกตะลึงว่าผู้เล่นคนหนึ่งสามารถเก่งกาจได้ขนาดนี้เชียวหรือ ครอเกลยังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า หรือเป็นเอ็นพีซีกันแน่
ไวท์เองก็เช่นกัน พลังในการต่อสู้ของเธอน่าสะพรึงกลัวไม่แพ้ครอเกลเลยสักนิด
"...โลกใบนี้กว้างใหญ่นัก"
หงึกหงึก! หงึกหงึก!
ป็อนกำลังสั่น เขาสั่นเพราะความหวาดกลัวงั้นหรือ นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนคือความกระหายอยากลิ้มลอง ป็อนคือชายที่แสวงหาจุดสูงสุด หากเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นแล้ว เขานิยมชมชอบในการต่อสู้กับศัตรูที่เก่งกาจ เฉกเช่นเรกัสที่กำลังอมยิ้มอย่างมีความสุขแม้จะเสียเปรียบหนัก
สำหรับคนทั้งคู่ ไวท์ก็เหมือนกับบททดสอบใหม่ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
"ฉันจะไปช่วยเรกัส พวกนายจัดการที่เหลือด้วย"
"ที่นี่ไม่มีศัตรูคนใดอ่อนแอ" พีคซอร์ดรีบคว้าไหล่ป็อนไว้พร้อมกับพูดเตือนสติ
"ฉันเข้าใจความรู้สึกของนาย แต่ช่วยระงับมันไว้ด้วย สิ่งสำคัญที่พวกเราต้องรีบทำคือการลดจำนวนศัตรูให้ได้มากที่สุดในขณะที่เรกัสตรึงเจ้าปีศาจนั่นไว้ให้"
"พีคซอร์ดพูดถูก พวกเราต้องลดความเสียหายของเผ่าวารีให้มากเท่าที่จะทำได้ จนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง ดังนั้นช่วยลืมเรื่องส่วนตัวด้วย"
"อะแฮ่ม..."
ป็อนกลับมาเยือกเย็นได้อีกครั้งเพราะคำพูดของพีคซอร์ดและฮิวรอย
แต่ก่อนจะจากไป เขากระทบกรามแน่นจนเกิดเสียง ท่อนแขนง้างเตรียมขว้างหอกแม่เหล็กไฟฟ้า
"ขอใช้ไอ้นี่ช่วยเรกัสส่งท้ายก็แล้วกัน"
กล้ามเนื้อท่อนแขนของป็อนกำลังปูดโปนและบิดเบี้ยวผิดรูปพร้อมส่งเสียงแปลกประหลาด
พีคซอร์ดและฮิวรอยได้แต่ส่ายศีรษะให้กับองศาแขนที่มนุษย์ไม่น่าจะทำได้
'คงเจ็บปวดมาก'
มีทักษะจำนวนไม่น้อยที่ผู้เล่นต้องจ่ายค่าตอบแทนในรูปแบบอื่นนอกจากมานา ทักษะเหล่านั้นจะส่งผลให้ผู้เล่นสูญเสียพลังชีวิตหรือไม่ก็ร่างกายบาดเจ็บชั่วคราว
หนึ่งในนั้นคือหอกแม่เหล็กไฟฟ้าของป็อน แต่เขาก็ยินดีที่จะจ่ายเพื่อแลกกับประสิทธิภาพอันน่าทึ่งของมัน
ฟ้าวววว!
เปรี้ยงงงงงงงงง!
ฮิวรอยและพีคซอร์ดต่างกลืนน้ำลายอึกใหญ่พร้อมกัน ไม่ว่าพวกเขาจะเห็นมาแล้วสักกี่ครั้ง แต่หอกแม่เหล็กไฟฟ้านั้นยอดเยี่ยมเสมอ มันคือทักษะโจมตีระยะไกลที่มีความเร็วสูงมาก น้อยคนบนโลกที่จะมองทันด้วยตาเปล่า เป็นการยากที่จะหลบหลีกให้พ้น ไม่เว้นแม้แต่ไวท์สุดแกร่งคนนี้ เธอส่งเสียงกรีดร้องทันทีเมื่อหอกของป็อนเสียบทะลุจากด้านหลัง เปิดช่องว่างให้เรกัสได้พักหายใจหายคอและตั้งหลักใหม่
เรกัสรีบชูนิ้วโป้งขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณ
"สุดยอด… เจ้ากล้ามเนื้อที่รู้จักแต่เรื่องต่อสู้อย่างหมอนั่นกลับขอบคุณที่ช่วย แปลกมากนะเนี่ย"
"ปรกติต้องโกรธแล้วถ้าฉันยื่นมือเข้าไปสอด"
"ผู้หญิงคนนั้นเก่งกาจเกินไป"
สีหน้าทั้งสามคนเริ่มกลับมาตึงเครียดอีกครั้งเมื่อตระหนักถึงความเลวร้ายของสถานการณ์ตรงหน้า
กลุ่มบลัดคาร์นิวัลที่เมื่อครู่กำลังไล่เชือดชาวเมืองเป็นว่าเล่น บัดนี้ได้หยุดชะงักและหันมามองพวกเขาเป็นตาเดียว
"นั่นป็อน!"
"นั่นพีคซอร์ด!"
"โอเวอร์เกียร์มาทำอะไรที่นี่..."
"พวกมันคิดจะขัดขวางเรา!"
ตำแหน่งของพวกเขาถูกเปิดเผยจากการที่ยื่นมือเข้าช่วยเรกัส น่าเสียดายที่ต้องพลาดการซุ่มโจมตีไป ชายทั้งสามหันมามองหน้ากันอย่างรู้ใจ
ต่างคนต่างลงมือด้วยความรวดเร็วฉับพลัน
"มิสยูร่าที่เป็นความหวังของพวกเรานั้นสวยกว่าอีอ้วนตั้งเยอะ!"
นักพูด 'ฮิวรอย' เริ่มเปิดศึกด้วยบัฟพลังใจ
"ชักดาบ..."
ชิ้ง~
ดาบยาวอุดมคติพลันส่องแสงสีขาวเจิดจ้าอยู่ภายในฝักดาบที่กริดสร้างขึ้น
"ฉับพลัน!"
ฉัวะฉัวะฉัวะ!
ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่กรูกันเข้ามาหาล้วนถูกสังหารในดาบเดียว
ยกเว้นผู้เล่นคลาสระดับสาม
"วู้ว!"
ป็อนผิวปากชื่นชมฝีมือของพีคซอร์ด หลังจากนั้นเขาก็อัญเชิญอาชาสีขาวบริสุทธิ์ออกมาขี่ ป็อนควบม้าลงไปยังตีนเขาอย่างรวดเร็วพร้อมกับหอกคู่ใจ ทุกครั้งที่เหวี่ยงแทง จักต้องมีศัตรูล้มตายไม่ต่ำกว่าสามคน ชาวเมืองเผ่าวารีที่ถูกช่วยชีวิตไว้ต่างรีบขอบอกขอบใจพร้อมกับน้ำตานองหน้า
แต่ป็อนพลันหรี่ตาลงอย่างเยือกเย็นเมื่อเหลือบไปเห็นหนูน้อยคนหนึ่งที่นั่งกอดศพมารดาและร่ำไห้
"พวกสาระเลว… จงพบกับความสิ้นหวังซะเถอะ..."
"ชิ...! หยุดหมอนั่นไว้!"
สัจธรรมของโลกใบนี้ ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง
เฉกเช่นที่ป็อนมองไวท์เป็นปีศาจ กลุ่มสมาชิกบลัดคาร์นิวัลก็กำลังมองป็อนเป็นปีศาจเช่นกัน
***
"ฉันเคยเห็นทักษะอมตะมามาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นทักษะคืนชีพ นั่นเป็นผลจากคลาสงั้นหรือ รึว่าจากไอเท็ม หรือมาจากสมญานามกันล่ะ ชักอยากได้บ้างแล้วสิ"
"ฮิฮิ! อิฮิฮิ!"
ในศึกแรก ยูเฟอมิน่าดวลกับแบล็คนานสี่นาทีกับอีก 31 วินาที แต่ศึกที่สองนั้นใช้เวลามากถึงห้านาทีกับอีก 20 วินาที ในที่สุดยูเฟอมิน่าก็เอาชนะมาได้อีกครั้งและรอปิดฉาก
เธอวางมือไว้บนศีรษะของแบล็คด้วยสีหน้าเย็นชา แม้จะเป็นฝ่ามือที่อ่อนนุ่มและหอมหวล แต่แบล็คก็สัมผัสได้ว่ามันกำลังอัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร
บึ้ม!
[ ประหาร ]
เวทย์มนต์เกรด C ที่มีความรุนแรงตามระยะทาง ยิ่งใกล้ก็ยิ่งแรง หากใช้ในระยะประชิดจะมีความแรงเทียบเท่าเวทย์มนต์เกรด B เลยทีเดียว
เมื่อยูเฟอมิน่ามั่นใจว่าศีรษะของแบล็คระเบิดเป็นจุณ เธอจึงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหอบ
"ไม่มีทางคืนชีพได้สองหนติดต่อกันแน่"
เธอได้รับข้อความส่วนตัวจากฮิวรอยว่ามาถึงไซเรนแล้ว ยูเฟอมิน่าจึงต้องการไปสมทบกับพวกพ้องโดยเร็วที่สุดเพื่อปกป้องเผ่าวารี
ทว่า...
"ฮิฮิ! อิฮิฮิ! เธออ่อนแอลงหน่อยนึงรึเปล่าน้า~"
"...เอ๋!"
แบล็คที่ศีรษะแหลกละเอียดไปเมื่อครู่ ยามนี้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งต่อหน้ายูเฟอมิน่าในสภาพสมบูรณ์พร้อม
บางทีนี่อาจไม่ใช่ทักษะคืนชีพ หากแต่เป็นเทคนิคชั้นสูงบางประการ
"อึดเหมือนแมลงสาปเลยนะ"
ยูเฟอมิน่าพึมพำอย่างไม่สมอารมณ์พร้อมกับระเบิดเวทย์ใส่แบล็ค แรงระเบิดส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง อาคารบ้านช่องบางส่วนเกิดความเสียหาย
ภารกิจของยูเฟอมิน่าไม่ใช่แค่ช่วยชีวิตเผ่าวารีเท่านั้น แต่ยังเป็นการปกป้องเมืองด้วย
เธอเริ่มแสดงสีหน้าหวั่นวิตก ตอนนี้ทั้งทักษะ มานา และค่าเรี่ยวแรงลดลงไปหลายส่วน ยูเฟอมิน่าซึ่งกำลังตกที่นั่งลำบากพลันหวนคิดถึงหน้ากริดขึ้นมาทันใด
เธอเขินอายอย่างหน้าแดงพร้อมกับส่ายศีรษะเล็กน้อย
'นี่ไม่ใช่ความรู้สึกลึกซึ้งแต่อย่างใด เพียงแค่ศัตรูตรงหน้าเก่งกาจจนทำให้เรานึกถึงเขาเท่านั้น'
"ฮิฮิ! อุฮิ--..."
ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายหน้าแดงอย่างแปลกประหลาดระหว่างต่อสู้ แบล็คจึงจ้องมองเธอด้วยสีหน้าฉงนปนรังเกียจ
เมื่อถูกหญิงสาวปริศนาสติไม่ดีมองด้วยสายตาเย้ยหยัน ยูเฟอมิน่าจึงเริ่มออกอาการหงุดหงิดพร้อมกับไฟการต่อสู้ที่ลุกโชน
***
"แร้งเกอร์ปิกปิดตัวตน 30 คน… แถมยังมีผู้เล่นระดับดวงอาทิตย์อีกหนึ่งคน" ลอเอลพยายามวิเคราะห์ข้อมูลที่ทีมแนวหน้าส่งกลับมา
เพียงครู่เดียวเขาก็แสดงสีหน้ามั่นอกมั่นใจทันที
'บลัดคาร์นิวัล'
กองกำลังลึกลับที่แข็งแกร่งกว่าเจ็ดกิลด์ใหญ่ บางทีอาจเทียบชั้นโอเวอร์เกียร์ได้เลย
ผู้เล่นที่รุกรานไซเรนในคราวนี้ ดูเหมือนจะมีแร้งเกอร์ปกปิดตัวตนระดับสูงเข้าร่วมไม่น้อย
'ไม่อยากเป็นศัตรูกับพวกมันเลยให้ตายสิ'
บลัดคาร์นิวัลคือกลุ่มคนเสียสติที่ทำทุกสิ่งเพื่อเงินและความสนุก ไม่มีศีลธรรมใดในใจทั้งสิ้น หากต้องเป็นศัตรูด้วยคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
จิสึกะที่เห็นลอเอลกำลังตึงเครียด เธอจึงอมยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า
"ไม่ต้องกังวลไป หากพวกเราจัดการพวกมันได้เด็ดขาดมากพอ บางทีอาจหวาดกลัวและไม่กล้ามายุ่งอีกเลยก็เป็นได้"
ลอเอลได้อมยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
"ใช่แล้ว ถ้าพวกเราบดขยี้มันจนราบคาบ รับรองได้เลยว่าไม่กล้ามาหาเรื่องอีกแน่"
ทว่าแตกต่างจากคำพูดและสีหน้าภายนอก ลอเอลเองกลับกำลังหนักใจในสถานการณ์ตรงหน้า
ไวท์เป็นถึงผู้เล่นระดับดวงอาทิตย์เชี่ยวนะ
'คงดีกว่านี้ถ้าเรียกเฟคเกอร์มาด้วย'
ด้วยความสัตย์จริง ลอเอลประเมินว่าแค่เพียงทีมของตนและทีมแนวหน้าก็มากพอที่จะช่วยยูเฟอมิน่าทำภารกิจแล้ว ดังนั้นเขาจึงเรียกสมาชิกโอเวอร์เกียร์มาเพิ่มแค่แปดคนเท่านั้น
เหตุผลที่ลอเอลคิดว่ามันง่าย เพราะกองกำลังลึกลับที่รุกรานไซเรนนั้นเป็นผู้เล่น และผู้เล่นทั่วไปไม่มีทางรับมือขุนพลหัวกะทิของโอเวอร์เกียร์กว่าสิบคนไหวแน่
แต่นั่นคือความผิดพลาดใหญ่หลวง ดูเหมือนกลุ่มที่ชั่วร้ายที่สุดจากผู้เล่นซาทิสฟายกว่าสองพันล้านจะมีเอี่ยวในเหตุการณ์นี้
'ถ้ากริดอยู่ที่นี่ด้วยก็คงดี...'
ทำไมหมอนั่นถึงไม่รับโทรศัพท์กันนะ ลอเอลได้แต่ตัดพ้ออย่างไร้เรี่ยวแรง
แต่ทันใดนั้น ข้อความระบบที่เขารอคอยก็แสดงขึ้น
[ หัวหน้ากิลด์ <กริด> ออนไลน์ ]
***
หลักการทำงานของเกมออนไลน์เสมือนจริงนั้นง่ายมาก ผู้เล่นจะส่งข้อมูลผ่านคลื่นสมองเข้าไปยังแคปซูล โดยแคปซูลจะส่งไปหาเซิร์ฟเวอร์ของซาทิสฟายอีกทอดหนึ่ง
หมายความว่าการเคลื่อนไหวทั้งหมดขึ้นอยู่กับคลื่นสมอง
แต่การควบคุมตัวละครในเกมจะช้ากว่าที่สมองคิดเล็กน้อย เนื่องจากต้องเสียเวลาไปกับการส่งผ่านข้อมูล
สมมติว่าช้ากว่า 0.1 วินาทีก็แล้วกัน แต่แคปซูลรุ่นเก่าที่กริดใช้มาตลอดคือรุ่นบุกเบิกเมื่อสองปีก่อน เทคโนโลยีจึงยังไม่พัฒนามากนัก คลื่นสมองจะใช้เวลาส่งข้อมูลนานถึง 0.3 วินาที แต่กริดก็ไม่เคยมองว่าตัวเลขนี้สลักสำคัญแต่อย่างใด
ก็แค่ 0.3 วิ จะส่งผลอะไรมากมายขนาดนั้น
แต่ซาทิสฟายนานาชาติหนที่สองทำให้กริดต้องเปลี่ยนความคิดไปตลอดกาล ทุกสิ่งตอบสนองอย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการขยับมือหรือร่างกาย แม้กระทั่งทำพูด การกระทำในเกมเกิดขึ้นโดยไม่ต้องรีรอ เป็นความแต่งต่างที่กริดในอดีตไม่มีทางสัมผัสได้แน่
เขาต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะคุ้นชินกับมัน
และในวันนี้นี่เอง
"เชี่ย..."
กริดกำลังเปิดประสบการณ์โลกใบใหม่ ร่างกายในซาทิสฟายเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต ระยะเวลาหน่วงระหว่างความคิดและคำพูดไม่มีอีกแล้ว
แม้กำลังเชื่อมต่อซาทิสฟาย แต่เขากลับรู้สึกเสมือนจริงยิ่งกว่าโลกแห่งความจริงเสียอีก
"น--นี่มัน...!" กริดโพล่งขึ้นอย่างตื่นเต้นเมื่อย้อนนึกถึงคำโฆษณาแคปซูลรุ่นเพชรที่กล่าวไว้ว่า 'สุดยอดความเร็วในการเชื่อมต่อ'
"เราจะทำให้ไอรีนพึงพอใจยิ่งกว่าเดิม!"
เขาสามารถขยับเอวได้เร็วขึ้นและ...
หลังจากนี้ขอไม่พูดถึง
ลัลล้า~
กริดกำลังฮัมเพลงอย่างมีความสุขในขณะเดินตรงดิ่งไปยังห้องนอนไอรีน
แต่เพียงไม่นานก็ต้องหยุดกึก เพราะเขาได้รับข้อความส่วนตัวจากลอเอล
กริดเอง ความไวของการเชื่อมต่อเอาไปคิดกับเรื่องอะไรแบบนั้นอะนะ
ReplyDelete