จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 470
ก่อนจะเข้าสู่อาณาจักรไซเรนเพียงไม่กี่วินาที ลอเอลเริ่มร่ายเวทย์ 'ลมหายใจมังกรวารี' เตรียมไว้ และเมื่อทัพเสริมของโอเวอร์เกียร์ย่างกรายผ่านประตูเมืองไซเรนอย่างเป็นทางการ เขาก็ร่ายมันเสร็จพอดิบพอดี
ฝนธนูจำนวนมหาศาลที่พุ่งใส่สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทั้งแปดเพื่อหวังดับลมหายใจ ยามนี้ถูกลมพายุอันทรงพลังพัดพากระจัดกระจายไปทุกทิศทาง
ลอเอลพลันขมวดคิ้วเมื่อเห็นภาพบ้านเมืองถูกทำลายเป็นวงกว้าง
"เป็นการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่ดีนี่"
"นี่แกมีสปายอยู่ในบลัดคาร์นิวัลรึไง ทำไมถึงรู้ว่าพวกเรากำลังดักซุ่มโจมตีอยู่"
แรกเริ่มเดิมที สมาชิกโอเวอร์เกียร์ตั้งใจเพียงส่งกำลังมาคอยสนับสนุนภารกิจของยูเฟอมิน่าเท่านั้น เพราะเธอมีผลงานโดดเด่นทั้งในสงครามไรน์ฮาร์ทและการฟื้นฟูเรย์ดัน
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีใครคิดว่ากลุ่มบลัดคาร์นิวัลจะมีเอี่ยวตั้งแต่แรก
แต่เมื่อบลัดคาร์นิวัลรู้ว่าโอเวอร์เกียร์คิดปกป้องเผ่าวารี พวกมันจึงวางกำลังดักรออยู่หน้าทางเข้าและสังหารทุกคนที่ผ่านไปมา
มีเพียงผู้บริสุทธิ์เท่านั้นที่เสียชีวิต กำลังเสริมของโอเวอร์เกียร์ปัดป้องทุกการโจมตีได้อย่างหมดจดด้วยเวทย์มนต์ของลอเอล
ลอเอลพ่นลมหายใจอย่างเหยียดหยันและตอบกลับ
"หากฉันโง่เขลาขนาดไม่รู้ความคิดพวกแก ฉันคงไม่สมควรเป็นรองหัวหน้าโอเวอร์เกียร์อีกแล้ว"
ลอเอลแสยะยิ้มพร้อมกับใช้มือสะบัดเส้นผมอันงดงามของตน เขาเพ่งมองไปยังสร้อยคอที่กลุ่มผู้เล่นคลาสระดับสามของบลัดคาร์นิวัลกำลังสวมอยู่
'สนามปั่นป่วน'
ไอเท็มที่สามารถระงับการส่งข้อความส่วนตัวในรัศมี 10 เมตรรอบตัวผู้สวม ไอเท็มนี้มีราคาไม่สูงนัก เพราะผลของมันไม่สนว่าเป็นมิตรหรือศัตรู ทำให้หามาใช้งานได้ง่าย
กลุ่มที่ชื่นชอบมักเป็นพวกนักลอบสังหารหรือไม่ก็กองโจร
'นี่คือสาเหตุที่ยูเฟอมิน่าและทีมแนวหน้าขาดการติดต่อสินะ'
สร้อยเส้นนี้มีราคาถูกว่า 'สนามปั่นป่วนสมบูรณ์' มาก ในตลาดประมูลจะวางขายอยู่ที่เส้นละ 500 ล้านวอนเท่านั้น แม้ไม่อาจหามาให้สมาชิกทั้ง 1,000 คนใช้งานจนครบ แต่ผู้เล่นคลาสระดับสามทั้ง 30 คนล้วนสวมใส่กันพร้อมหน้า ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ ยูเฟอมิน่าและทีมแนวหน้ากำลังต่อสู้กับผู้เล่นระดับสูงของบลัดคาร์นิวัลอยู่
"ต้องรีบแล้ว"
มีโอกาสสูงมากที่ยูเฟอมิน่าและทีมแนวหน้าจะเสียชีวิต
ลอเอลเป็นห่วงยูเฟอมิน่าเป็นพิเศษ แม้เธอจะไร้เทียมทานในสภาพพร้อมรบ แต่หากยิ่งเวลาผ่านไป จุดอ่อนของเธอจะเริ่มเผยให้เห็นทีละนิด
ทันใดนั้น ศรจำนวนหนึ่งได้พุ่งผ่านหัวไหลลอเอลไปพร้อมกับเปล่งแสงอันเจิดจ้า
'เทพีแห่งคันศร...!'
สมาชิกบลัดคาร์นิวัลชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะรีบใช้ทักษะตั้งรับ
แต่ทั้งหมดล้วนสูญเปล่า
บึ้มบึ้ม! บึ้ม!
ศรของจิสึกะสามารถเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศได้อย่างอิสระ ที่ใดมีช่องว่าง ที่นั่นย่อมตกเป็นเป้าโจมตี การละเลงเลือดชุดแรกของจิสึกะเป็นเพียงสัญญาณเริ่มศึกเท่านั้น
โทบัน ไอเบลลิน และสมาชิกที่เหลือต่างเปิดฉากเข่นฆ่าพวกมันต่อทันที
***
"แฮ่ก… แฮ่ก… ไม่ง่ายเลยแฮะ"
"เห็นด้วย"
ในขณะที่เรกัสตรึงไวท์อยู่ ปาร์ตี้ของป็อนก็มีภารกิจรีบหาตัวยูเฟอมิน่าให้พบ ระหว่างนั้นก็จัดการกลุ่มบลัดคาร์นิวัลไปพลาง แต่ภารกิจนี้ไม่ง่ายเลยสักนิด พวกเขาไม่มีทางมองหายูเฟอมิน่าพบในดงผู้คนจำนวนมากมาย
หลังจากสังหารศัตรูไปห้าถึงหกคน ก็จะมีศัตรูจำนวนมากโผล่มาเสริมราวกับไม่มีวันหมดสิ้น แถมปัญหาหลักคือกลุ่มนักธนูและจอมเวทย์ที่คอยยิงสนับสนุนจากด้านหลังอย่างน่ารำคาญ พวกเขาไม่มีทางต่อสู้ไปพร้อมกับปกป้องเผ่าวารีได้เลย
"พวกบ้านี่ไม่มีวันหมดรึไงนะ ค่าเรี่ยวแรงใกล้หมดแล้วสิ"
"เรกัสทนได้อีกไม่นานแน่..."
"หงุดหงิดฉิบ ส่งข้อความส่วนตัวไม่ได้เลย"
"ย๊ากกก..."
ท่ามกลางความสิ้นหวัง กลุ่มของป็อนก็ถูกศัตรูชุดใหม่เข้าล้อมจากทุกทิศทาง แม้เลเวลของพวกมันจะอยู่เพียงระดับ 250 ซึ่งสามารถซัดให้ตายได้ในการโจมตีเดียวก็จริง แต่นั่นหมายถึงการต่อสู้ตัวต่อตัว หากสู้กันเป็นกลุ่ม การทำเช่นนั้นจะยากกว่าปรกติมาก
แถมยิ่งต่อสู้ดำเนินไป พวกเขาก็ยิ่งเหนื่อยล้า ทั้งทักษะ ค่าเรี่ยวแรง มานา และสมาธิลดลงจนเหลือระดับต่ำ ไม่มีทางที่ทั้งสามคนจะรับมือกับศัตรูได้หมด การโจมตีจากทุกทิศทางเริ่มสร้างบาดแผลทีละนิด พวกเขาไม่อาจหลบได้ทั้งหมดแน่หากไม่ใช่ครอเกล
แต่ปัญหาใหญ่สุดคงหนีไม่พ้นเนื้อหาของภารกิจ หากเป็นภารกิจสิ้นคิดอย่างการฆ่าล้างบางศัตรูให้สิ้นซาก มันคงไม่ยากและสิ้นเปลืองสมองเท่านี้
พวกเขาต้องปกป้องเผ่าวารีไปด้วย และต้องมองหายูเฟอมิน่าไปด้วย
"พวกเราต้องรีบหาจุดหลบภัยให้เผ่าวารี และสู้เพื่อปกป้องพวกเขาที่นั่น"
พีคซอร์ดคืออดีตหัวหน้ากิลด์ซิลเวอร์ไนท์ซึ่งเชี่ยวชาญการศึก นี่คือเหตุผลที่ลอเอลให้พีคซอร์ดเป็นหัวหน้าทัพแรก
เมื่อมองหาสถานที่ซึ่งสามารถใช้เป็นที่หลบภัย พีคซอร์ดจึงรีบออกคำสั่งกับฮิวรอยและป็อนให้ย้ายชาวบ้านเผ่าวารีไปยังที่นั่น
หลังจากนั้นตนเองก็ปักหลักเป็นแนวหลังคอยสกัดขัดขวางศัตรูไว้
"ชักดาบ… สังหารหมู่!"
"อ๊ากก!"
"แค่ก!"
แน่นอนว่าพีคซอร์ดโจมตีได้ดุดันทรงพลัง แต่ดูเหมือนมานาจะเริ่มไม่พอใช้เสียแล้ว แถมระยะหน่วงทักษะอื่นก็ยังเหลือนานมาก
ฉึก!
"อั่ก...!"
ดาบซิมิท่าลึกลับแทงเข้าใส่อย่างแม่นยำในจังหวะที่พีคซอร์ดกำลังเก็บดาบ เขาบาดเจ็บหนักจนเสียหลักล้มลง เป็นการโจมตีที่ทรงพลังมาก พีคซอร์ดรีบหันไปมองด้วยความสงสัย
ใครกันที่มีพลังโจมตีรุนแรงเพียงนี้
"เล่นลูกไม้สกปรก...!"
"ไร้ความสามารถเองก็อย่าโทษคนอื่น หัดมองสนามรบให้รอบซะบ้าง"
"อ--อะไรนะ..."
ไร้ความสามารถ! พีคซอร์ดพลันหวนนึกถึงฉายาของตนในงานแข่งซาทิสฟายที่ผ่านมา 'พีคซอร์ดผู้ไร้ความสามารถ' เขาพลันโพล่งกลับอย่างฉุนเฉียว
"ไอ้บัดซบ! ฉันจะแสดงให้แกเห็นเองว่าใครกันแน่ที่ไร้ความสามารถ!"
พีคซอร์ดชักดาบโจมตีใส่เจ้าของซิมิท่าลึกลับด้วยความเร็วสูง ชื่อตัวละครเหนือศีรษะอีกฝ่ายเขียนไว้ว่า 'มัตดาชิ' ซึ่งเป็นภาษาเกาหลีใต้ หมายความว่าผู้เล่นคนนี้มาจากชาติเดียวกัน!
พีคซอร์ดพลันมีสีหน้าตกตะลึงในยามที่กำลังฟันดาบออกไป
"คลาสระดับสาม… มีผู้เล่นคลาสระดับสามชาวเกาหลีใต้คนอื่นด้วยหรือ"
มัตดาชิยักไหล่เบาๆ และตอบว่า
"มีอยู่เต็มไปหมด แต่ไม่เหมือนกริดหรอกนะ พวกเรามิได้แสวงหาชื่อเสียง ฉันไม่ได้ต้องการให้คนทั้งโลกมาหลงรัก!"
"ไอ้คนทรยศ...!" พีคซอร์ดกวัดแกว่งดาบด้วยใบหน้าแดงก่ำ
"ทั้งที่แกมีพลัง แต่กลับเลือกหดหัวอยู่ในกระดอง! แกสมควรลงแข่งซาทิสฟายนานาชาติเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ!"
"ฉันอาศัยอยู่ในประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ฉันมีอิสระในการเลือกทางเดินของตัวเอง"
มัตดาชิโจมตีใส่พีคซอร์ดได้อีกหน พีคซอร์ดนั้นเป็นนักดาบสายโจมตีฉับพลัน ไม่ใช่นักดาบทั่วไป ทำให้วิชาดาบของเขาแตกต่างจากนักดาบปรกติ หากไม่เก็บดาบให้เรียบร้อย เขาก็ไม่อาจใช้ทักษะโจมตีได้เลย พีคซอร์ดอ่อนแอในการดวลหนึ่งต่อหนึ่งมาก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ชายคนนี้ไม่เข้าร่วมในการแข่งลานประลองของซาทิสฟายนานาชาติ
หากหวังแสดงพลังที่แท้จริงออกมา พีคซอร์ดจำเป็นต้องมีใครสักคนคอยสนับสนุน แต่ตอนนี้เขากำลังอยู่ตามลำพัง เพราะป็อนและฮิวรอยกำลังอพยพเผ่าวารีหนีไปยังที่ปลอดภัย โดยระหว่างนั้นก็ต้องปกป้องพวกเขาไปด้วย
'ชิ!' พีคซอร์ดหงุดหงิดใจเมื่อตนปล่อยให้ถูกโจมตีอีกครั้ง
'ไม่ตลกเลยที่โดนโจมตีระหว่างรอดึงดาบกลับ...!'
หากเลือกได้ เขาไม่ต้องการดวลเดี่ยวกับหมอนี่เลยสักนิด
ในขณะที่พีคซอร์ดกำลังสิ้นหวังอยู่นี้เอง
"ฮะฮะ! พวกอ่อนแอ"
ถ้อยคำอันแสนเย้ยหยันของใครบางคนดังขึ้น
ซู่วววว!
เพียงพริบตาเดียว ร่างของมัตดาชิก็ถูกห่อหุ้มด้วยเสาโลหิต
[ ท่านได้รับความเสียหาย 21,500 หน่วย ]
[ กลิ่นชวนอาเจียนของเลือดทำให้ท่านเวียนหัว ทักษะใช้งานได้ช้าลง 20% ค่าต้านทานทุกชนิดลดลง 20% ]
[ เลือดอันเหนียวข้นเกรอะกรังติดอยู่ตามซอกชุดเกราะ ชุดเกราะของท่านไม่อาจทำงานได้ตามปรกติ พลังป้องกันลดลง 10% ความเร็วเคลื่อนที่ลดลง ]
[ ดาบของท่านเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด คมดาบทื่อลง พลังโจมตีลดลง 10% ]
'อะไรกัน...'
อาจไม่แปลกที่ 'ทักษะสร้างอาการผิดปรกติโดยเฉพาะ' จะส่งผลรุนแรงและหลากหลาย แต่เสาโลหิตของอีกฝ่ายกลับสร้างความเสียหายได้ทรงพลังเทียบเท่าท่าไม้ตายของแร้งเกอร์ระดับสูงเลยทีเดียว และอาการผิดปรกติที่เกิดขึ้นเป็นเพียงของแถมเท่านั้น!
มัตดาชิพลันใบหน้าขาวซีดและเริ่มออกอาการลนลาน
'บอสงั้นหรือ...!'
ไม่ใช่ว่าบอสพิเศษปรากฏตัวออกมาตอนนี้หรอกนะ มัตดาชิรีบหันไปมองทางผู้ที่โจมตีเข้ามา และมันก็ได้พบกับคนที่ไม่คาดคิดเข้า
"นักรบโลหิต..."
เหตุใดคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับโอเวอร์เกียร์ถึงอยู่ที่นี่...
"อย่ามาเรียกฉันว่านักรบโลหิตอีก มันฟังดูเหมือนฉันถูกดึงให้ต่ำลง เพราะชื่อดันมีความหมายไปพ้องกับกลุ่มชั่วร้ายของพวกแก"
แค็ทซ์เข้าโอเวอร์เกียร์เพราะต้องการไอเท็มจากกริด เขาจึงจำเป็นต้องดูดีในสายตากริดให้มากที่สุด แค็ทซ์หันไปพูดว่ามัตดาชิว่า
"ในอนาคต ให้เรียกฉันว่า 'ทาสรับใช้กริด'"
"ทาสรับใช้...!" (แสลงญี่ปุ่น)
แม้ชาวต่างชาติอาจฟังคำนี้ไม่ออก แต่ถ้าเป็นชาวเกาหลีย่อมฟังออกแน่ เพราะเป็นแสลงที่คล้ายคลึงกับภาษาเกาหลี
'เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ'
แต่ไม่ว่าจะอย่างไหน เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าแค็ทซ์คือหนึ่งในโอเวอร์เกียร์ มัตดาชิคิดเร็วทำเร็วและรีบลงมือทำสิ่งหนึ่ง...
นั่นคือการหนี!
ไม่ฉลาดเลยสักนิดที่จะสู้กับนักรบโลหิตบนสนามรบที่มีแต่การนองเลือดเต็มไปหมด
"คิดหนีงั้นหรือ ก็เข้าใจได้ล่ะนะ คนอย่างพวกแกไม่เคยมีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว"
ในขณะเดียวกัน พีคซอร์ดยังคงตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"หมอนี่เรียกตัวเองว่าทาสรับใช้ของกริดงั้นหรือ"
"เลือดของผู้คนนับพัน... การโจมตีหนนี้คงเจ็บหน่อยล่ะนะ"
แค็ทซ์เล็งเสาโลหิตใส่มัตดาชิอีกครั้งอย่างแม่นยำ ยิ่งบนสนามรบมีเลือดมากเท่าไร ทักษะของแค็ทซ์ก็ยิ่งรุนแรงและส่งผลมากเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ มัตดาชิจึงถูกสังหารอย่างง่ายดาย
"สุดยอด..."
แค็ทซ์จัดการผู้เล่นคลาสระดับสามได้ในพริบตา ฉากตรงหน้าทำให้พีคซอร์ดขนลุกซู่ไปทั้งร่าง
บางทีว่า ในวินาทีนี้ แค็ทซ์อาจเก่งกาจกว่ากริดหรือครอเกลเสียอีก
ขณะที่พีคซอร์ดกำลังตกตะลึงจนอ้าปากค้าง แค็ทซ์ก็เดินมากระซิบที่ข้างหู
"เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้กริดฟังด้วยนะ"
"..."
***
เส้นผมสีทองเริ่มเปียกโชก เหงื่อไคลเม็ดเป้งผุดขึ้นบนแก้มอันขาวนวล
"แฮ่ก… แฮ่ก..."
ทุกครั้งที่เธอหายใจหอบ หน้าอกจะกระเพื่อมยุบเข้า-ออกอย่างน่าดูชม
นักคัดลอก 'ยูเฟอมิน่า' ยามนี้เธอกำลังเหนื่อยล้าเจียนหมดแรง นี่เป็นการต่อสู้กับ 'แบล็ค' ที่คืนชีพกลับมาหนที่สามแล้ว ไม่แปลกที่ค่าเรี่ยวแรงของเธอจะสูญเสียไปมาก ยูเฟอมิน่ามีค่าความอดทนไม่สูงนัก นั่นจึงสงผลให้ค่าเรี่ยงแรงมีน้อยตามไปด้วย
"ฮิฮิ! อิฮิฮิฮิ!"
ในทางกลับกัน แบล็คยังสบายดีทุกประการ หน้าอกคัพ D สั่นกระเพื่อมทุกครั้งที่ส่งเสียงหัวเราะอันน่าขนลุก
"นี่ฉันชนะแล้วหรือ… ฮิฮิ!"
"เธอมันโกงสิ้นดี"
เหตุใดถึงคืนชีพได้ครั้งแล้วครั้งเล่ากันนะ ทักษะ 'จับตามมอง' ไม่ได้บอกสิ่งที่เป็นประโยชน์เลยสักนิด ทำให้ยูเฟอมิน่าไม่อาจเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าได้
'เรายื้อไม่ไหวแล้ว'
ภารกิจกำลังจะล้มเหลว การหมกตัวอยู่ไซเรนนานแปดเดือนล้วนสูญเปล่า ทุกสิ่งที่ลงแรงสร้างมาพลันถูกสายลมพัดพาหายไปจนหมดสิ้น
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ยูเฟอมิน่ารู้สึกผิดต่อพวกพ้อง
'คงไม่อาจชดเชยในสิ่งที่พวกเขาต้องเสียไปเพราะเราได้ ให้ตายสิ ไม่ชอบติดหนี้คนอื่นเลยแฮะ'
ในขณะที่กำลังสิ้นหวัง แบล็คเริ่มคลืบคลานเข้ามาใกล้
"ฮิฮิ! ฮิ! ถึง~ ตา~ ฉัน~ ฆ่า~ เธอ~ บ้าง~ แล้ว~"
"...เฮ่อ"
เธอยังเหลือทักษะชั้นเลิศที่คัดลอกมาอยู่มากมาย แต่จะมีค่าอันใดหากมันใช้ออกมาไม่ได้เพราะเรี่ยวแรงหมดเกลี้ยง
ลงเอยด้วย ยูเฟอมิน่าหลับตาลงพร้อมกับกล่าวว่า
"รีบฆ่าฉันซะ"
ทันใดนั้น มีเสียงของใครบางคนดังขึ้น ไม่ใช่แบล็ค
"เธอไม่ควรรีบถอดใจนะ"
"...ฮิ--"
ในขณะที่แบล็คก้าวเท้าไปด้านหลังเพื่อเตรียมโจมตีปิดฉาก
จู่ๆ ก็มีพลังงานลึกลับแผ่ออกมาตรึงการเคลื่อนไหวของแบล็คไว้จนชะงักงัน
ยูเฟอมิน่ารู้จักพลังงานประหลาดนี้เป็นอย่างดี
'หน่วง...!'
ถัดมาเป็น 'สังหาร' ที่เสียบใส่ร่างแบล็คอย่างจัง
ทำไมจบเร็วแท้ กำลังมัน ค้างงงงงงงมาก
ReplyDeleteขอบคุณครับ
ReplyDelete