จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 447
"อ๊ากกกก!"
[ แวมไพร์จูเนียร์ถูกสังหาร ]
[ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 4,901,000 หน่วย ]
[ แวมไพร์ระดับกลางถูกสังหาร ]
[ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 6,954,300 หน่วย ]
[ ท่านได้รับไอเท็ม <ศิลาเวทย์มนต์ระดับสูง> (1) ]
สามวันก่อนการแข่งลานประลองจะเริ่มขึ้น เทียบได้กับเวลาในซาทิสฟายเก้าวัน กริดใช้เวลาทั้งหมดไปกับการล่าแวมไพร์อย่างเอาจริงเอาจัง เขาต้องการลับคมเขี้ยวฝีมือการต่อสู้และอัพเลเวลของยารุกต์ไปพร้อมกัน แต่นั่นไม่ง่ายเลยสักนิดเดียว
[ ยารุกต์ ]
เกรด : ยูนีค (เติบโต)
ค่าประสบการณ์ : 85.98%
"ยารุก์อัพเลเวลช้าจังแฮะ"
กริดสังหารแวมไพร์จูเนียร์ไปแล้ว 40 ตน และแวมไพร์ระดับกลางอีก 25 ตน แต่ค่าประสบการณ์ของยารุกต์กลับเพิ่มขึ้นมาเพียง 0.01% เท่านั้น จำนวนมอนสเตอร์ภายในเมืองแวมไพร์ที่ถูกเคลียร์นั้นลดลงจากแต่ก่อนมาก แถมแวมไพร์ก็ยังเป็นมอนสเตอร์ที่น่ารำคาญ พวกมันมีทักษะดูดเลือดและกลายเป็นควัน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำกริดให้ดับลมหายใจแวมไพร์ได้ยาก กริดอดสงสัยไม่ได้ว่า ด้วยระยะเวลาเพียงเก้าวัน เขาจะทำให้ยารุกต์อัพเลเวลได้จริงหรือ
'ถ้ารู้ว่าจะขึ้นยากแบบนี้ เราน่าจะขอดวลกับพวกแร้งเกอร์เพื่ออัพเลเวลยารุกต์แทน… เฮ่อ... มีจุดล่ามอนสเตอร์ที่ดีกว่านี้รึเปล่านะ'
กริดพลันคิดถึงมอนสเตอร์ของหมู่เกาะเบเฮ็นหมายเลขหลัก 50 ทั้งหลายขึ้นมาจับใจ แต่ตอนนี้จุดเซฟของเขาคือเกาะหมายเลข 60 คงเป็นการเสียเวลาเปล่าหากกลับไปท้าทายหมู่เกาะเบเฮ็นอีกครั้ง เพราะกริดไม่มีทางผ่านเกาะหมายเลข 61 ได้แน่นอน
"...ข้อมูลคือสิ่งที่มีค่ามาก"
มันคงดีกว่านี้ถ้าเขามีข้อมูลของจุดเก็บเลเวลที่น่าสนใจ หากรู้เช่นนี้แต่แรก ตนควรทุ่มเทกับการหาข้อมูลให้มาก
"เดี๋ยวนะ..."
กริดพลันกันริมฝีปากด้วยสีหน้าเจ็บใจ เมื่อย้อนนึกไปถึงคำพูดของลอเอลเมื่อหลายเดือนก่อน
'ตอนนี้เรย์ดันมีสิ่งก่อสร้างพื้นฐานครบถ้วนแล้ว ถัดไปจะเป็นการก่อสร้างอาคารพิเศษต่างๆ ภายในเมือง'
'อาคารพิเศษ...'
'เรย์ดันในตอนนี้มีสิ่งก่อสร้างพื้นฐานครบครันและเลเวลสูง แถมสิ่งก่อสร้างทางทหารก็พร้อมสรรพ ถัดมาเราต้องมุ่งเน้นไปที่การรวบรวมข้อมูล ดังนั้นฉันจะก่อตั้งสถานทูตและหน่วยนักลอบสังหารขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น เรย์ดันยังมีความจำเป็นต้องสร้างสมาคมสำหรับนักผจญภัยด้วย เพื่อเป็นจุดรวบรวมข่าวสารจากเอ็นพีซีและผู้เล่น'
'เข้าใจแล้ว… นายค่อนข้างยุ่งสินะ แต่ฉันเชื่อใจนายนะ ฝากด้วยล่ะ'
"บ้าจริง… ไม่น่าเชื่อ..."
ในตอนนั้น กริดไม่รู้คุณค่าของข้อมูลและเคยดูแคลนไอเดียของลอเอล แต่ตอนนี้เขากลับกำลังสิ้นหวังและต้องการข้อมูลใจแทบขาด กริดตระหนักแล้วว่าข่าวสารมีความสำคัญมากเพียงใด และลอเอลมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลขนาดไหน
'ลอเอล ถ้าไม่มีนายคอยช่วยเหลือตั้งแต่แรก… ฉันคงถอดใจไปหลายหนแล้ว'
เขาไม่มีทางบริหารเรย์ดันได้รุ่งเรืองเช่นนี้แน่ เรย์ดันคงกลายเป็นเมืองรกร้างและยากจน สุดท้ายก็ทำลายตัวเองไป ในขณะที่กริดกำลังซาบซึ้งในการมีตัวตนของลอเอล เขาเหม่อลอยจนแวมไพร์ตนหนึ่งเข้ามาประชิดตัวจากด้านข้าง ชายหนุ่มรีบใช้ยารุกต์โจมตีสวนกลับไปทันที
[ คริติคอล! ]
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 79,900 หน่วย ]
[ <แหวนเอลฟิน-สโตน (อีปิก)> เปลี่ยนความเสียหาย 9,588 หน่วยให้เป็นพลังชีวิตของท่าน ]
สิ่งใดกันที่สำคัญที่สุดในยามเก็บเลเวล… พลังโจมตีอันรุนแรงจนฟ้าถล่มแผนดินทลายงั้นหรือ รึว่าจะเป็นพลังป้องกันอันไร้เทียบทานดุจดั่งป้อมปราการ คำตอบคือไม่ใช่ทั้งคู่ ไม่ว่าค่าสถานะทั้งสองชนิดจะสูงเพียงใด แต่ถ้าไม่สามารถล่ามอนสเตอร์ได้อย่างต่อเนื่อง ทุกสิ่งก็ไร้ความหมาย
หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการฟื้นฟูพลังชีวิต ยิ่งฟื้นฟูกลับมาได้มาก ค่ำคืนแห่งการล่าก็ยิ่งยาวนาน โพชั่นสามารถชดเชยในจุดนี้ได้บ้าง แต่นั่นเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น โพชั่นมีระยะหน่วงหลังใช้ ผู้เล่นบางคนล่ามอนสเตอร์ได้ไม่นานก็ต้องหยุดพักเพื่อรอระยะหน่วงโพชั่น การกระทำเช่นนี้ทำให้สปีดในการเก็บเลเวลช้าลงมาก
แต่กริดนั้นต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เขามีทั้งแหวนโดรันที่ฟื้นฟูพลังชีวิตตามความเสียหายที่ได้รับ และแหวนเอลฟิน-สโตนที่สามารถดูดเลือดได้ทุก 12 วินาที! ไม่เพียงเท่านั้น กริดยังมีโพชั่นอันแสนทรงพลังจากโรงแปรธาตุเรย์ดัน อัตราการฟื้นฟูของกริดเทียบเท่าได้กับฮีลเลอร์ระดับสูงคนหนึ่ง ไม่สิ ยอดเยี่ยมกว่านั้นไปอีก สปีดในการล่าของกริดเทียบเท่าใครบางคน… ใช่แล้ว กริดดูดเลือดได้ไม่แพ้นักรบโลหิตอย่างแค็ทซ์เลยทีเดียว
'อยากให้แหวนเอลฟิน-สโตนเลเวลอัพเหมือนกันแฮะ...'
แหวนเอลฟิน-สโตนอัพเลเวลได้อย่างเชื่องช้า เพราะมันทำงานในทุก 12 วินาที การเก็บเลเวลของจึงถูกจำกัดกว่าไอเท็มชนิดอื่น ไม่ต่างจากเกราะไหล่ทีราเม็ทสักเท่าไร เกราะไหล่ทีราเม็ทเป็นไอเท็มประเภทชุดเกราะ การอัพเลเวลมีแต่ต้องถูกโจมตีจนเกิดความเสียหายเท่านั้น
'แต่ก็นะ… หากเทียบกับตอนไม่มีบัฟเมืองแวมไพร์ล่ะก็ ประมาณนี้ก็นับว่าเร็วมากแล้ว'
เร็วกว่าเดิมสัก 1.5 เท่าเห็นจะได้กระมั่ง แต่นั่นยังไม่สาแก่ใจสำหรับกริด ชายหนุ่มเหนื่อยหน่ายกับสถานที่แห่งนี้เต็มที ในขณะที่กริดคิดจะออกจากเมืองแวมไพร์ เขาตัดสินใจส่งข้อความส่วนตัวไปถามลอเอล
>> นายมีข้อมูลของจุดเก็บเลเวลดีๆ บ้างไหม
>> ไม่เลย
ลอเอลตอบกลับทันควัน
>> ...นั่นสินะ การหาข้อมูลคงไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันเข้าใจ
ลงเอยด้วยกริดถูกบีบบังคับให้ต้องเก็บเลเวลอยู่ในจุดเดิม แต่อีกด้านหนึ่ง ลอเอลกำลังขอโทษขอโพยกริดอยู่ในใจนับร้อยครั้ง
'ที่จริงก็เพิ่งได้รับข้อมูลจุดเก็บเลเวลใหม่เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งทุกคนบอกว่าดีกว่าเมืองแวมไพร์...'
แต่เขาก็พูดออกไปไม่ได้ ลอเอลไม่ต้องการให้กริดพัฒนาไปมากกว่านี้อีกแล้ว เหตุผลนั้นง่ายมาก ลอเอลต้องการให้ครอเกลคว้าเหรียญทองในการแข่งลานประลอง!
'ฉันต้องทำทุกวิธีทางเพื่อให้ครอเกลเข้าโอเวอร์เกียร์ ทั้งหมดก็เพื่อนายนะกริด… ได้โปรดอภัยให้ฉันด้วย'
อันที่จริงการกระทำของลอเอลนั้นเหมาะสมและเข้าใจได้ แต่การต้องโกหกและปิดบังความจริงจากผู้เป็นนาย… หัวใจของเขากำลังหนักอึ้งยิ่งกว่าใครทั้งหมด
เฮ่อ...
ลอเอลถอนหายใจยาว เขาใช้ฝ่ามือปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่งก่อนจะนำหลังไปพิงกำแพง จากนั้นก็พึมพำกับตนเองเมื่ออาการจูนิเบียวเริ่มกำเริบ
"อนิจจา… ความจงรักภักดีอย่างหาที่สุดไม่ได้นั้นทั้งน่ากลัวและงดงามในเวลาเดียวกัน... แต่น้ำตาแห่งสายเลือดที่ตัวเราหลั่งออกมาในวันนี้ ทั้งหมดก็เพื่อกริด ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เราทนได้สบายมาก… ต่อให้นรกสาปแช่งให้เราเจ็บปวดไปตลอดกาล เราก็ต้องอดทน..."
ทั้งท่าทางและฝ่ามือของลอเอลนั้นน่าขนลุกจนสาวใช้ที่เดินผ่านไปมาต่างแสดงสีหน้ารังเกียจ ดูเหมือนโปรเจคในตำนานของลอเอล <ยุทธการสร้างทายาทกับเอ็นพีซีสาวเรย์ดัน> จะยิ่งห่างไกลความสำเร็จออกไปเรื่อยๆ
***
『 วันนี้เรามากดูกันครับ ว่าทีมใดยังมีโอกาสเป็นเจ้าเหรียญทองในการแข่งซาทิสฟายนานาชาติหนที่สองบ้าง ทีมแรกคือสหรัฐอเมริกาซึ่งถือครองจำนวนของเหรียญรางวัลไว้มากที่สุด แต่ดูเหมือนโอกาสเป็นเจ้าเหรียญทองนั้นริบหรี่เหลือเกินครับ แม้เหลืออีกมากถึงสองรายการแข่ง แต่ทั้งสองรายการก้เรียกได้ว่าหมดลุ้นทั้งคู่ 』
『 น่าเห็นใจนะครับ ถ้าหากทีมสหรัฐสามารถตุ่นเหรียญทองก่อนหน้านี้ได้อีกสักเหรียญ พวกเขาคงกลายเป็นเจ้าเหรียญทองในปีนี้โดยไม่ต้องลุ้นแล้ว แต่มาถึงจุดนี้ ก็เรียกได้ว่าหมดลุ้นแล้วเช่นกันครับ... 』
『 สถิติก็น่าสนใจไม่น้อยนะครับ ในฐานะของแชมป์เก่าของปีที่แล้ว ทีมสหรัฐคือทีมเดียวในทัวร์นาเม้นที่มีลุ้นในทุกชนิดการแข่งขัน 』
『 แต่นั่นไม่มีความหมายเลยครับ เหรียญทองคือทุกสิ่ง ไม่เชื่อลองมองไปที่เกาหลีใต้สิครับ 』
『 พวกเขาคว้ามาแล้วห้าเหรียญรางวัล… โดยทั้งหมดล้วนเป็นเหรียญทอง 』
『 เป็นสถิติที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนะครับ ราวกับว่าทีมนี้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ 』
『 ผมอยากให้มองว่าเป็นทีมชาติกริดมากกว่าทีมชาติเกาหลีใต้นะครับ… กริดคนเดียวสามารถคว้าไปแล้วสี่เหรียญทองจากห้าเหรียญทองของพวกเขา 』
『 แม้ยูร่าจะทำได้ดีและโดดเด่นในการวิ่งแข่งขุมนรก แต่เธอกลับถูกรัศมีของกริดกลบเสียมิด ด้วยความสัตย์จริง การเรียกทีมนี้ว่าทีมกริดไม่ใช่คำกล่าวที่เกิดจริงไปเลยครับ 』
『 กริดคือชายที่สุดยอดมาก เขาสร้างความประหลาดใจได้ทุกครั้งที่ปรากฏตัว แต่เขาจะคว้าเหรียญทองได้ในการแข่งลานประลองจริงหรือ 』
『 นั่นเป็นไปไม่ได้เลยครับ ลานประลองที่มีขุนเขาอย่างครอเกลยืนเด่นตระหง่านขวางทางอยู่ 』
『 แม้กริดจะมีความถนัดหลากหลายมากกว่าครอเกล แต่หากเป็นการดวลเดี่ยวแล้ว คนทั่วไปก็ยังเห็นว่าเขาอ่อนแอกว่าครอเกลอยู่มากครับ มาดูผลจากสำรวจจากผู้ชมจำนวน 280 ล้านคนกัน… กว่า 92.3% ทำนายว่าครอเกลจะเอาชนะกริดไปได้ 』
『 จาก 280 ล้านคน มีมากถึง 260 ล้านคนที่คิดว่ากริดจะแพ้งั้นหรือ 』
『 ถูกต้องครับ ครอเกลคืออันดับหนึ่งจากสองพันล้าน เขาถูกขนานนามให้เป็นฟ้าเหนือฟ้า แน่นอนว่าทุกคนย่อมลงเดินพันข้างครอเกล 』
『 ผมขอสอบถามแขกรับเชิญพิเศษที่เป็นผู้เชี่ยวชาญหน่อยครับ คุณคิดว่ากริดจะพ่ายแพ้ต่อครอเกลรึไม่ 』
『 กริดเป็นคนที่คาดเดาได้ยากมาก ผมก็ไม่กล้าวิจารณ์ในเชิงลึก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมกล้าพูดได้เต็มปาก ผมมั่นใจในตัวครอเกลมากกว่ากริดครับ 』
『 หากดูจากสถิติการต่อสู้ที่ผ่านมาตลอดทั้งทัวร์นาเม้นต์ ครอเกลทำได้ดีกว่ากริดหลายเท่าเลยครับ 』
『 จุดแข็งของกริดคือพลังโจมตี พลังป้องกัน พลังชีวิต โดยครอเกลสามารถทำให้สิ่งเหล่านั้นไร้ค่าไปได้ แต่ในทางกลับกัน กริดกลับไม่มีวิธีเอาชนะจุดแข็งของครอเกลได้เลยครับ... 』
『 นั่นสินะ… พวกเราจะได้เห็นกันไม่ช้าแล้วว่า เหตุใดครอเกลจึงถูกยกย่องให้มีฝีมือเหนือล้ำเกินขอบเขตของมนุษย์ 』
ผู้เล่นส่วนใหญ่รวมถึงกริดกำลังเชื่อมต่อกับซาทิสฟายเพื่อเตรียมตัวสำหรับรายการสุดท้าย สถานีข่าวนานาชาติต่างมีช่องข่าวสำหรับวิเคราะห์ผลการต่อสู้ระหว่างกริดและครอเกลโดยเฉพาะ ทุกคนพยายามหาความเป็นไปได้ทั้งหมดของผลลัพธ์การเผชิญหน้าครั้งนี้ และแน่นอนว่า ผู้ชมทั้งโลกยังคงเทใจให้ครอเกลเป็นฝ่ายชนะสูงเกินกว่า 90%
พวกเขากำลังเย้ยหยันว่ากริดอ่อนแองั้นหรือ ไม่เลย ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด ฝีมือของกริดได้รับการพิสูจน์หนแล้วหนเล่า ทุกคนต่างยอมรับในความแข็งแกร่งของกริด หากจะมีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง สิ่งนั้นคือศัตรูของกริดในคราวนี้ ครอเกลคือสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบเกินไป
ฟ้าเหนือฟ้าครอเกล ขุนเขาที่ยากข้ามผ่าน แม้กระทั่งสมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่เป็นพวกพ้องกริด พวกเขายังมองว่าเป็นเรื่องยากที่กริดจะเอาชนะครอเกลได้
'ในแมตช์เรย์ดันวันก่อน ครอเกลเหนื่อยล้าจากปิอาโร่และอยู่ในสภาพไม่พร้อม'
'ทักษะท่าไม้ตายของครอเกลอยู่ในระยะหน่วง'
แต่ว่า
'หากให้พวกเราสู้กับครอเกลสภาพนั้นบ้าง ผลลัพธ์คงมีแต่ความพ่ายแพ้'
'มีเพียงกริดเท่านั้นที่สามารถโค่นท้องฟ้าลงได้'
'กริด… สู้ให้เต็มที่นะ'
'จงอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนให้ได้!'
กริดกำลังก้มหน้าก้มตาเลื่อนระดับยารุกต์เอาเป็นเอาตาย ส่วนครอเกลพยายามวิเคราะห์หาจุดแข่ง-อ่อนของกริดและหาทางรับมือ ไม่ต่างจากนักแข่งลานประลองคนอื่นมากนัก ทั้งดาเมี่ยน ป็อน เรกัส ซิวรอน คริส แค็ทซ์ เฮ่า และทาร์ม่า ทุกคนต่างฝึกซ้อมและเตรียมความพร้อมก่อนแข่ง
และเป็นดังที่ทุกคนคาด ผู้ชนะของการแข่งคาราวานสินค้าคือทีมสเปน โดยหลังจากจบพิธีมอบเหรียญไม่นาน พิธีเปิดการแข่งทัวร์นาเมนต์ลานประลองก็เริ่มขึ้นต่อทันที
『 ก่อนอื่นต้องจับสลากแบ่งสายก่อนครับ! ขอเชิญนักกีฬาทั้ง 64 คนขึ้นมาบนเวที! 』
ใครจะได้ดวลกับใคร ทุกสิ่งตัดสินด้วยการจับสลากเฉกเช่นการแข่งชิงปราสาท ทั้งนี้ก็เพื่อความเป็นธรรมของทุกคน แต่กริดกลับรู้สึกว่าวิธีไม่แฟร์กับตนเลยสักนิด ชายหนุ่มอดแสดงสีหน้าพะอืดพะอมไม่ได้
'เราคงไม่พบกับครอเกลในรอบแรกหรอกนะ...'
ความอับโชคของเขาไม่ใช่เรื่องล้อเล่น! กริดพยายามกลืนน้ำลายเพื่อสงบใจไว้ เขาเคยสาบานกับตนเองแล้วว่าจะเอาชนะความอับโชคนี้ให้ได้
'...มาลุยกันสักตั้ง'
กริดหรี่ตาลงอย่างมุ่งมั่นและเดินขึ้นเวทีไปพร้อมกับนักกีฬาคนอื่น
"ทำไมนายถึงไม่ลงแข่งคาราวานสินค้า ด้วยค่าความน่าหลงไหลระดับดยุค เหรียญทองคงไม่ใช่เรื่องที่เกินเอื้อม และเกาหลีใต้ก็จะกลายเป็นเจ้าเหรียญทองทันที"
ครอเกลเอ่ยปากถาม ส่วนกริดตอบกลับอย่างเรียบง่าย
"ฉันต้องการสู้กับนายอีกครั้งด้วยเงื่อนไขที่เท่าเทียม"
เหตุผลที่กริดประกาศว่าเกาหลีใต้จะคว้าห้าเหรียญทอง มิใช่หกเหรียญ เป็นเพราะเขาไม่มั่นใจในการแข่งลานประลองเลยสักนิด ใช่แล้ว กริดคิดลงแข่งลานประลองโดยไม่หวังชัยชนะไว้ตั้งแต่แรก
อันที่จริง กริดสามารถคว้าตำแหน่งเจ้าเหรียญทองให้เกาหลีใต้ด้วยเพียงการลงแข่งคาราวานสินค้า คำสรรเสิญและเงินทองอันล้นหลามก็จะรออยู่เมื่อเขากลับถึงประเทศ
"เกียรติยศและความมั่งคั่ง ฉันละทิ้งพวกมันเพื่อเลือกสู้กับนาย"
การได้สู้กับคนเก่งกว่าคือสิ่งที่ดีเสมอ กริดเชื่อมั่นว่าเขาจะได้รับการชี้นำที่ถูกต้องจากการเผชิญหน้ากับครอเกลอย่างเต็มกำลัง การลงทุนพัฒนาตนเองในคราวนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ในภายหลัง หาใช่เงินทองและชื่อเสียงเพียงชั่วคราวที่ประเดี๋ยวก็ถูกหลงลืม
แต่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด กริดต้องการตัดสินกับครอเกลอีกครั้งภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน
"ฉันมีความทะเยอะทยาน… ท้องฟ้าที่ฉันต้องโค่นลงมานั้นมีความสูงเท่าไรกันแน่นะ… ฉันอยากลองวัดระยะห่างด้วยมือคู่นี้ดู"
"..."
การแข่งลานประลองคือไฮไลท์ของซาทิสฟายนานาชาติในทุกปี ผู้ชมหลักร้อยล้านทางบ้านกำลังตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ กริดและครอเกลกำลังยืนคุยกับบนเวที ผู้ชมในสนามพากันลุ้นระรึกไปกับบรรยากาศ
"เฮ้~!!"
"กริด! กริด!"
"ฟ้าเหนือฟ้า! ฟ้าเหนือฟ้า! ฟ้าเหนือฟ้า!"
ผู้เล่นสองคนกำลังทำให้คนทั้งโลกตื่นเต้นแทบเป็นบ้า
สนุกสนานมากมายครับ
ReplyDeleteอ้ากกกก รู้สึกตื่นเต้นอ่ะ~~ 5555
ReplyDeleteถ้าคลอเกลชนะ..คือกลายเป็นคลาสเลเจ๊นเลยนะ...พุ่งทะยานไปเป็นน้องเล็กในโอเวอร์เกียร์ 555+
ReplyDelete