จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 446



       "บัดซบ!"

       โครมมม!

       หลังจากได้เห็นอันดับคะแนนล่าสุด  ซีบาลไม่อาจเก็บงำความเดือดดาลได้อีก  มันเตะใส่โต๊ะไม้สุดแรงจนปลิวกระแทกกับประตู  เศษไม้แตกละเอียดกระจัดกระจาย  ด้วยความที่มันเคยฝึกร่างกายในชีวิตจริงมาบ้าง  พละกำลังของซีบาลจึงไม่ด้วยไปกว่าใคร

       "ทีมสหรัฐ... พลาดการเป็นเจ้าเหรียญทองอย่างเป็นทางการ"

       สหรัฐอเมริกาเป็นชาติมหาอำนาจที่เด่นในทุกด้านมานานกว่าสองร้อยปี  ยกตัวอย่างในด้านกีฬา  สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าเหรียญทองโอลิมปิกเกินกว่า 25 ครั้ง  ดังนั้นในการแข่งซาทิสฟายนานาชาติเองก็ควรจะลงเอยเช่นนั้นด้วย  ไม่มีอเมริกันชนคนใดเลยที่เคลือบแคลงสงสัย

       แต่ผลลัพธ์กลับเปลี่ยนไป  ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะชายเพียงคนเดียว...  กริด!

       "ไอ้ปีศาจนั่น...!"

       ซีบาลกำลังคลุ้มคลั่ง  มันไม่มิได้ดูแคลนฝีมือของกริด  ตรงกันข้าม  ซีบาลยอมรับในตัวกริดมากกว่าใคร... แต่ผลกระทบจากกริดเพียงคนเดียวกลับร้ายแรงเกินกว่าที่มันจินตนาการไว้

       "ก็แค่โชคดีเท่านั้น..."

       มันพยายามหาเหตุผลมาแก้ต่าง  แต่ก็ไม่มีสิ่งใดโต้แย้งความสามารถของกริดได้  ซีบาลจำต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น  มันใจเย็นลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึกหนึ่งหน

       "หนึ่งปีที่ผ่านมา... เจ้านั่นเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นปีศาจได้ยังไง"

       กริดกลบจุดอ่อนทุกด้าน  และเสริมเขี้ยวเล็บในจุดเด่นให้คมกริบยิ่งขึ้น  ในทางทฤษฏีแล้ว  ไม่น่าจะมีใครพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเช่นนี้ได้ในหนึ่งปี

       "หรือว่าหมอนั่น... แท้จริงแล้วจะเป็นอัจฉริยะ"

       กริดใช้ชีวิตอย่างเงียบงันมาตลอดจนกระทั่งปีที่แล้ว  นั่นอาจเป็นเหตุผลที่คนไม่รู้ถึงพรสวรรค์ที่กริดมี  ลอเอลได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วให้กับความเหลวไหลของคำถามดังกล่าว

       'ต้องโง่ขนาดไหนกันถึงเข้าใจผิดว่ากริดเป็นอัจฉริยะได้...'

       แต่หากพิจารณาดูให้ดี  กริดมีพรสวรรค์ในด้านเพียรพยายาม  เขาอาจเป็นคนที่ถอดใจได้ยากที่สุดบนโลกแล้ว  เมื่อเห็นพัฒนาการของกริดเป็นที่น่าพึงพอใจ  ลอเอลก็นึกอมยิ้มอย่างมีความสุข  ในขณะเดียวกัน  ซีบาลกำลังนำวามโกรธแค้นทั้งหมดไปลงกับแพนเมียร์ผู้โง่เง่า  ส่วนลอเอลกำลังหัวเราะชอบใจอย่างเงียบงัน

       'สมน้ำหน้า...'

       หากแพนเมียร์ไม่ยั่วยุกริดล่ะก็  ป่านนี้ทีมสหรัฐคงได้เหรียญทองในการแข่งตีเหล็กไปเรียบร้อยแล้ว  พวกเขาจะกลายเป็นเจ้าเหรียญทองอย่างเป็นทางการโดยไม่ต้องตกอยู่ในสภาพน่าอดสูเช่นนี้  ไม่ผิดนักที่จะกล่าวว่าแพนเมียร์คือคนที่ทำทุกอย่างพัง  แต่ซีบาลก็ใส่อารมณ์กับแพนเมียร์ได้ไม่มากนัก  แพนเมียร์คือช่างตีเหล็กคนสำคัญของกิลด์สเน็คที่ซีบาลจะเสียไปไม่ได้เด็ดขาด  แม้ว่าผลการแข่งนานาชาติจะออกมาย่ำแย่แค่ไหนก็ตาม

       "...เฮ่อ"

       เป็นความผิดส่วนหนึ่งของซีบาลเช่นกันที่ไม่อาจคว้าเหรียญทองในรายการปราบบอส  มันถอนหายใจยาวก่อนจะสงบสติอารมณ์  หลังจากนั้นก็หันมาถามลอเอลอย่างไม่มีหวังนัก

       "พวกเรามีโอกาสมากน้อยแค่ไหนในการแข่งคาราวานสินค้า"

       "ก็อย่างที่นายรู้  การแข่งคาราวานสินค้าจำเป็นต้องใช้ผู้เล่นที่มีค่าคารมคมคายและค่าความน่าหลงไหลสูง  เพื่อไม่ให้เอ็นพีซีทหารรับจ้างที่ทำหน้าที่คุ้มกันเกิดลงมือปล้นเสียเอง  เซเฟอร์อาจเป็นจ้าวแห่งการลวงตาก็จริง  แต่ระยะเวลาของบัฟนั้นอยู่ต่อเนื่องได้ไม่นาน  พวกเราคงหวังได้แค่เหรียญเงิน"

       ผู้ชนะในการแข่งคาราวานสินค้าคงหนีไม่พ้นคลาสพ่อค้าหรือนักพูด  ซึ่งทีมสหรัฐไม่มีคนแบบนั้นอยู่เลย  หากกริดลงแข่งด้วยล่ะก็  เขามีโอกาสคว้าเหรียญทองสูงมากด้วยความเป็นดยุคและค่าความน่าหลงไหลที่สูงลิบ

       "หืม... แล้วลานประลองล่ะ"       

       ลอเอลเพียงยักไหล่เบาๆ

       "ฉันยอมรับในฝีมือของสกัลล์นะ  เป็นเหตุผลที่ฉันมักมอบหมายงานสำคัญให้สกัลล์ทำตลอด  ไม่ว่าจะเป็นการแข่งทำลายวัตถุหรือชิงปราสาท... แต่ถ้าพูดกันแบบไม่ลำเอียงล่ะก็  สกัลล์ยังไม่อาจเทียบชั้นท้องฟ้าได้  และกริดกับครอเกลคือผู้เล่นระดับท้องฟ้า"

       "..."

       ซีบาลรู้สึกเจ็บใจมาก  หากดูจากเหรียญรางวัลของทีมสหรัฐในตอนนี้  จำนวนเหรียญรางวัลของทีมตนเหนือกว่าทุกทีมอย่างถล่มทลาย  ไม่เว้นแม้แต่เกาหลีใต้ที่นำเป็นอันดับหนึ่ง  สหรัฐอเมริกามีทั้งหมด 13 เหรียญ  โดยที่เกาหลีใต้มีเพียงห้าเหรียญเท่านั้น  แต่ทั้งหมดกลับเป็นเหรียญทองที่แสนมีค่า 

       ซีบาลหงุดหงิดที่พวกตนไม่อาจเป็นที่หนึ่งได้เพราะหลาดเหรียญทองไปเพียงรายการเดียว

       "ถ้ามีอีกสักเหรียญทองล่ะก็..."
       
       จบการแข่งปีนี้  ตนคงถูกวิจารณ์ในแง่ลบอย่างรุนแรงอีกแน่  แถมคราวนี้อาจหนักกว่าปีที่แล้วมาก  ในปีก่อน  แม้ซีบาลจะนำทีมสหรัฐเป็นเจ้าเหรียญทองได้สำเร็จ  แต่เขาก็ต้องถูกสื่อในประเทศตั้งคำถามถึงสาเหตุที่พลาดเหรียญทองให้กริดถึงสามรายการ  ครั้งนี้ทีมสหรัฐไม่ได้เป็นอันดับหนึ่งอีกแล้ว  ซีบาลไม่อยากคิดว่าตนจะถูกกดดันรุนแรงแค่ไหน

       สกัลล์ยืนมองท่าทีสุดแสนน่าสมเพชของซีบาลพร้อมกับพูดขึ้นว่า

       "ผลการแข่งลานประลองยังไม่สรุปออกมาสักหน่อย  กริดกับครอเกลอาจเผชิญหน้ากันในรอบแรกก็ได้  และฉันอาจมีโชคช่วยในการเอาชนะหนึ่งในสองคนนั้น  ฉันไม่ชอบใจเลยสักนิดที่นายตัดใจยอมแพ้ตั้งแต่การแข่งยังไม่เริ่ม"

       ใช่แล้ว  ทีมสหรัฐล้วนเป็นผู้นำในทุกด้าน  นักกีฬาแต่ละคนล้วนเป็นหัวกะทิในแนวทางของตน  สกัลล์อาจมีฝีมือต่อสู้กับเทียบกริดและครอเกลไม่ได้ก็จริง  แต่เขาก็มั่นใจในตัวเองพอสมควร

       "ฉันขอโทษสกัลล์  ฉันเชื่อมือนายนะ..."

       ซีบาลกลับมาใจเย็นอีกครั้งและยื่นแขนออกไปขอจับมือกับสกัลล์  แต่สกัลล์กลับปฏิเสธพร้อมกับเดินออกจากห้องไป

       "..."

       ผู้เล่นอันดับสองของโลก  ซีบาล  มันมีฉายาว่า...

       <กระสอบทราย>
       
       ***

       『 ...ด้วยเหตุนี้นะครับ  ทีมสเปนจึงเป็นเต็งหนึ่งในการคว้าเหรียญทองการแข่งคาราวานสินค้า  ดังนั้นอันดับการแข่งรวมจะถูกตัดสินในรายการลานประลอง 』

       ตารางการแข่งซาทิสฟายนานาชาติถูกเปิดเผยอย่างเป็นทางการตั้งแต่สามเดือนก่อน  ด้วยเหตุนี้  หลังจากการแข่งความเร็วสัตว์ขี่  นักกีฬาทุกคนจะมีโอกาสพักผ่อนสามวันเต็มก่อนจะเริ่มแข่งในวันสุดท้าย  

       เหตุใดต้องพักผ่อนนานขนาดนี้น่ะหรือ  

       ทางผู้จัดให้เหตุผลว่า  เพื่อให้นักกีฬาเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดและผ่อนคลายตนเอง  แต่จะมีใครเชื่อข้ออ้างเด็กประถมเช่นนี้กัน  ทางเจ้าภาพจงใจยืดเวลาออกไปเรื่อยๆ เพื่อขยายเศรษกิจทางการท่องเที่ยวต่างหาก  รวมไปถึงธุรกิจโฆษณาที่จะยิ่งได้ประโยชน์หากการแข่งยืดเยื้อ

       ในยุคทุนนิยมครองโลกเช่นนี้  ปีศาจระดับแถวหน้าของโลกทุนนิยมคงหนีไม่พ้นกริด  ผู้ริเริ่มการโฆษณาอย่างหน้าไม่อาย  เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับนักกีฬาซาทิสฟายทั่วโลก  

       ชินยองวูกำลังสนทนากับยุคชีฮยอนแห่งโคเม็ตกรุ๊ป

       >>  ถ้าเช่นนั้น... การแข่งรายการต่อไปก็ฝากด้วยนะคะ

       "เงินมาของไป"

       >>  ฮุฮุ  ฉันคิดไว้แล้วว่าคุณต้องพูดแบบนี้  ทางเราจัดการให้เรียบร้อยแล้ว  ฉันขอตัวก่อนนะคะ

       ยุกชีฮยอนหัวเราะอย่างทรงเสน่ห์และวางสายไป  เธอกำลังสาว  สง่างาม  และมีอำนาจอิทธิพลมาก  ยุกชีฮยอนคิดในใจว่า  คงดีไม่น้อยหากได้ผู้ชายแบบกริดมาเป็นสามี  กริดนั้นกำลังจะกลายเป็นมหาเศรษฐีในไม่ช้า  เธอจึงพยายามทำงานอย่างหนัก  ติดต่อเขาเป็นระยะ  และนัดหมายออกมาพบโดยไม่มีเหตุจำเป็นบ่อยครั้ง  แต่การกระทำทั้งหมดล้วนสูญเปล่า
       
       เธอไม่มีทางเรียกร้องความสนใจจากกริดได้สำเร็จด้วยเหตุผลแค่ว่า 'หน้าตาค่อนข้างน่ารักและทำงานเก่งกว่าคนอื่นเล็กน้อย'  รอบกายกริดมีแต่สาวงามผู้ซึ่งมาพร้อมกับพรสวรรค์ระดับโลก  ไม่ว่าจะเป็นยูร่า  จิสึกะ  หรือไอรีน  ด้วยสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมกริดมาอย่างนาวนาน  สายตาที่กริดมีต่อหญิงอื่นได้เพิ่มมาตรฐานขึ้นโดยที่เขาไม่รู้ตัว  แถมสเปคหนึ่งที่ไม่เคยตกเลยคือต้องมีหน้าอกคัฟ D ขึ้นไป... 

       กริดเชื่อมต่อกับซาทิสฟาย  สิ่งแรกที่ทำคือการตรวจสอบระยะเวลาที่เหลืออยู่ของทักษะ <ผสานวิญญาณ>

[ ผสานวิญญาณ ]
       ปลุกดวงวิญญาณของบราฮัมที่หลับไหลอยู่ในร่าง  และทำการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับดวงวิญญาณของท่านชั่วคราว
       ในสภาวะดังกล่าว  คลาสของท่านจะเปลี่ยนไปเป็นมหาจอมเวทย์  สิทธิ์ควบคุมร่างกายจะตกอยู่กับบราฮัม-เฮชวาล
ผลของทักษะ : สามนาที
ระยะหน่วงที่เหลืออยู่ : 9 วัน  13 ชั่วโมง 7 นาที และ 5วินาที

       อันที่จริงระยะหน่วงของผสานวิญญาณจะอยู่ที่สิบวัน  แต่บราฮัมฝืนตัวเองอย่างหนักเพื่อผนึกประตูขุมนรกเอาไว้  ทำให้ดวงวิญญาณอ่อนล้าจนระยะเวลาเพิ่มกลายเป็น 80 วัน  เป็นเหตุผลที่กริดไม่อาจพึ่งพาบราฮัมได้เลยตลอดการแข่งที่ผ่านมา

       'ถ้าหากการแข่งคาราวานสินค้าและลานประลองกินเวลานานมากพอ  เราอาจใช้ผสานวิญญาณได้ในรอบชิงชนะเลิศ'

       ได้โปรดอย่าพบพานกับครอเกลก่อนรอบชิง  กริดได้แต่ภาวนา  ช่างน่าขันนัก  แม้แต่กริดยัอดสงสัยไม่ได้ว่า  การสวดอ้อนวอนของคนอับโชคอย่างตนจะเป็นไปตามที่หวังจริงหรือ  และถึงแม้จะทะลุจนเข้าชิงสำเร็จ  แต่ระยะหน่วงของผสานวิญญานอาจเสร็จไม่ทันอยู่ดี  กริดหยิบค้อนออกมาซ่อมแซมไอเท็มทั้งหมดและเดินออกจากโรงตีเหล็กไป

       ไม่เหมือนกับทุกครั้ง  คราวนี้กริดเดินตรงไปยังฟาร์มโดยไม่แวะไปหาไอรีนก่อน  ปิอาโร่และชาวนาอีกนับพันกำลังทำงานอย่างแข็งขันท่ามกลางทุ่งข้าวสาลีอันกว้างใหญ่

       "พวกนายจะได้อะไรถ้าหากปลูกเมล็ดถั่วเขียวลงในฟาร์ม"

       "ถั่วเขียว!"

       "น่าสมเพช!  พวกนายยังไม่บรรลุจุดสูงสุดของเกษตรกรรม!  ฉันบอกไปกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าเราสามารถปลูกถั่วเขียวแล้วได้ถั่วแดงกับถั่วเขียวพร้อมกันได้!"

       "นั่นมัน... ปิอาโร่  พวกเรามีโอกาสบรรลุสัจธรรมของการเกษตรอย่างนายได้รึเปล่า"

       "พวกนายต้องการจะปลูกถั่วแดงกับถั่วเขียวพร้อมกับใช่ไหม"

       "..."

       "ฮุฮุ... น่าสมเพช!  ทั้งที่พวกนายกวัดแกว่งคราดเล็กวันละ 100,000 ครั้งโดยมิขาดตกบกพร่อง  กลับยังมิอาจบรรลุสัจธรรมของการเกษตรได้อีกหรือ... สมองทึบเหมือนกับใครบางคนเลยแฮะ"

       "..."

       กริดพยายามไม่สนใจบทสนทนา  เขาเน้นไปที่การตรวจสอบรายละเอียดของชาวนานับพัน  คนพวกนี้มีมัดกล้ามเนื้อสวยงาม  ท่ามกล่างชุดเกราะอ่อนที่สวมอยู่  สีของผิวหนังเป็นสีบรอนซ์ทองที่แข็งแกร่ง  แววตาดุดันมุ่งมัน  พวกเขาดูเหมือนนักรบมากกว่าชาวนา  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  กลุ่มที่เป็นอดีตทหารขององค์ชายเร็น  พวกเขาได้พัฒนาจากทหารเลวกลายเป็นอัศวินเรียบร้อยแล้ว

       'สุดยอด'

       ปิอาโร่ต้องใช้วิธีการทรมานรูปแบบใดกันถึงได้ผลลัพธ์น่าอัศจรรย์เช่นนี้  ชาวนาของเรย์ดันมีความทรงพลังยิ่งกว่าทหารระดับหัวกะทิของจักรวรรดิเสียอีก  กริดชื่นชมไปพลางเดินเข้าหาปิอาโร่  ทางด้านปิอาโร่เมื่อรับรู้ว่าเจ้านายมาหา  เขาจึงกล่าวทักทายด้วยความนอบน้อม

       "ท่านคือชายที่มีภาระงานยุ่งวุ่นวายมากที่สุดคนหนึ่ง  เหตุใดถึงมาเยือนฟาร์มของกระผมได้"

       กริดถามออกไปตามตรง

       "ฉันยังอ่อนแอกว่าครอเกลใช่ไหม"

       "ขอรับ"

       ปิอาโร่ตอบกลับแทบจะทันทีโดยไม่ครุ่นคิด  ซึ่งก็ไม่ต่างจากที่กริดคาดไว้

       'เรามันโง่เอง'

       แม้จะมีความจงรักภักดีในระดับเต็มเปี่ยม  แต่อุปนิสัยในด้านความซื่อตรงของปิอาโร่ก็ไม่เปลี่ยนไป  เขาตอบทุกคำถามตามที่ตนคิด  และจะไม่โป้ปดเพื่อให้เจ้านายเหลิงอำนาจ

       "เข้าใจล่ะ..."

       เหตุผลที่กริดมาหาปิอาโร่เพราะเขาต้องการกำลังใจก่อนไปดวลกับครอเกล  แต่ดูเหมือนผลจะออกมาตรงกันข้าม  แทนที่จะได้กำลังใจ  กลับได้ความผิดหวังและเจ็บใจแทน  ชายหนุ่มย่ำเท้าออกจากฟาร์มอย่างไร้เรี่ยวแรง  ในขณะที่ปิอาโร่ยังคงก้มหัวให้กริดอยู่  เขาพึมพำกับตนเองด้วยเสียงบางเบา

       "แต่หากนายท่านสู้กับครอเกล... นายท่านยังมีโอกาสชนะได้อยู่"

       ครอเกลแข็งแกร่งเพราะมีมันสมองและการเคลื่อนไหวร่างกายเหนือสามัญสำนึก  ในระหว่างต่อสู้  ครอเกลสามารถเรียนรู้จุดอ่อน-แข็งศัตรูและใช้งานมันอย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด  ครอเกลคาดเดาลักษณะนิสัยอีกฝ่ายอย่างแม่นยำและหลบหลีกการโจมตีพร้อมโต้กลับในมุมอับ  แต่กริดเป็นใครกัน  ชายคนนี้พิสดารยากคาดเดาพฤติกรรม  วิธีการต่อสู้ของกริดคือสิ่งที่ชนะทางครอเกลที่สุด  เขามีไอเท็มประหลาดมากมายที่ครอเกลคาดเดาไม่ได้  แม้แต่ปิอาโร่ที่ดวลกับกริดบ่อยครั้งก็ยังอ่านใจกริดไม่ออก

       แล้วเหตุใดปิอาโร่จึงไม่เล่าสิ่งนี้ให้กริดฟัง
       
       เหตุผลนั้นง่ายมาก  เพราะกริดไม่ได้ถามว่า  'ถ้าตนกับครอเกลสู้กันใครจะเป็นฝ่ายชนะ'  กริดถามเพียงใครแข็งแกร่งกว่า  และหากวัดกันตัวต่อตัวโดยปราศจากไอเท็ม  ผู้ชนะจะเป็นครอเกลแน่นอน

       "กลับไปที่นาข้าวดีกว่า"

       ปิอาโร่ถืออุปกรณ์ทำฟาร์มและเดินกลับไปทำหน้าที่ตนเองอีกครั้ง  ในยามนี้เขาคือชาวนาปิอาโร่

Comments

  1. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete
  2. ปัดโถ่ววววว

    ReplyDelete
  3. คือสงสัยมากมึงปลูกข้าวทุกวันเลยหรอมันจะโตไวไปไหม

    ReplyDelete
    Replies
    1. เมืองทะเลทรายแต่รายรับทีีมากที่สุดได้มาจากการเกษตร 555

      Delete
    2. เค้าเรียกว่าดูแลฟามมั้ย...ในโลกนั้นมียาฆ่าหญ้าฆ่าแมลงรึไง

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00