จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 443
"กริด!"
ผู้ที่ตะโกนเรียกชื่อกริดคือนักรบโลหิตแค็ทซ์ กริดค่อนข้างประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเขาไม่เคยคิดว่าจะถูกคนๆ นี้เข้ามาทัก
'หมอนี่มาหาเราทำไม'
กริดไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดกับแค็ทซ์มาก่อนไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม แม้สมัยอดีตจะเคยพบกันครั้งหนึ่ง เป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าจดจำเท่าไรนัก ตอนนั้นกริดเสริมแกร่งมีดสั้นอุดมคติถึง +6 จึงถือมันเดินไปอวดที่กลางจัตุรัสวินสตัน แต่แค็ทซ์กลับถืออาวุธ +8 ของตนมาข่มทับอีกทีหนึ่ง
"นายต้องการอะไร"
แค็ทซ์ตอบด้วยน้ำเสียงโผงผาง
"สร้างไอเท็มชนิดเติบโตให้ฉัน! ส่วนเรื่องเงิน นายต้องการเท่าไรก็บอกมาได้เลย!"
"..."
สมกับเป็นพวกเติบโตมาบนกองเงินกองทอง กริดยักไหล่เบาๆ เมื่อนึกขึ้นได้ว่า แค็ทซ์คือทายาทของอภิหาเศรษฐีแห่งญี่ปุ่น
"น่าเสียดาย แต่ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในช่วงปิดรับจ้างผลิตไอเท็ม"
อันที่จริง กริดไม่ต้องการสร้างไอเท็มให้แค็ทซ์ เขาไม่เคยสร้างไอเท็มชนิดเติบโตได้มาก่อน ถ้าหากมีโอกาสสร้างขึ้นสักชิ้นล่ะก็ กริดต้องการขายมันให้กับสมาชิกโอเวอร์เกียร์มากกว่า
"โฮ่...!"
แค็ทซ์ขมวดคิ้วอย่างไม่เชื่อหู เขาไม่คาดคิดว่าคำตอบจะออกมาเป็นเชิงปฏิเสธ ชื่อเสียงของแค็ทซ์โด่งดังในทางไม่ดี เช่นความจองหองและความโอ้อวด กริดคาดว่า เมื่อแค็ทซ์ผิดหวัง ชายคนนี้คงข่มขู่ตนให้สร้างไอเท็มให้ แต่ความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม แม้แค็ทซ์อาจเคยใช้อารมณ์เป็นใหญ่และเคยพูดจางี่เง่าต่อหน้าสื่อหลายครั้ง แต่แค็ทซ์ไม่ใช่คนโง่โดยสมบูรณ์ เขารู้ว่าสถานะระหว่างกริดและตนเป็นอย่างไร แค็ทซ์พยายามระงับอารมณ์ไว้และยอมอ่อนข้อให้กริด
"นาย... ฉันต้องทำยังไงนายถึงจะยอมสร้างไอเท็มให้"
'ดูหมอนี่เข้าสิ'
กริดมองเห็นประกายความสิ้นหวังในแววตาแค็ทซ์ ชายตรงหน้าคือผู้ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการ
'เราจะใช้ประโยชน์จากหมอนี่ได้ยังไงบ้างนะ...'
คุณค่าของแค็ทซ์มีสูงมาก แม้ว่านิสัยส่วนตัวจะไม่ค่อยดีนักก็ตาม เมื่อลองครุ่นคิดอยู่สักพัก กริดก็ตัดสินใจได้
"ไปถามลอเอลดู"
"รองหัวหน้ากิลด์โอเวอร์เกียร์น่ะหรือ"
"ถูกต้อง ถ้าหากนายต้องการไอเท็มจากฉัน จงไปหาลอเอลและทำในสิ่งที่เขาบอก ฉันจะสร้างไอเท็มให้นายขึ้นอยู่กับดุลพินิจของลอเอล"
กริดมั่นใจมากว่าลอเอลจะมีวิธีใช้งานแค็ทซ์ได้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
"...เข้าใจแล้ว"
แค็ทซ์พยักหน้าเบาๆ และเดินจากไป กริดมองตามหลังด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ
'คนที่ไม่เคยเห็นหัวเราเมื่อสองปีก่อน บัดนี้กลับต้องศิโรราบต่อเรา...'
ไม่เพียงแค็ทซ์เท่านั้น หลังจากที่ฝีมือทางการตีเหล็กของกริดเผยแพร่ไปทั่วโลก รับรองเลยได้ว่า ในอนาคตอันใกล้ จะต้องมีตัวตนที่ยิ่งใหญ่มาร้องขอให้เขาสร้างไอเท็มเพิ่มอีกแน่
'เราเองก็เจ๋งเหมือนกันแฮะ'
กริดสามารถเรียกได้อย่างเต็มปากว่าเขาคือคนที่ประสบความสำเร็จ ความภาคภูมิใจกำลังลุกโชนอย่างเต็มเปี่ยม แต่เขารู้ดีว่าความรู้สึกนี้จะต้องไม่กลายไปเป็นความจองหองอวดดี
'ไม่ใช่เรื่องดีที่จะตื่นเต้นต่อหน้าผู้คนบ่อยครั้ง ต่อไปเราต้องรู้จักระงับอารมณ์ให้มากกว่านี้'
ความสนใจทั่วโลกกำลังพุ่งมายังตน กระทำทุกฝีเก้าจะต้องระมัดระวังให้มากที่สุด ไม่อย่างนั้นอาจเกิดปัญหาร้ายแรงตามมาได้ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกและเดินกลับไปยังห้องพักนักกีฬา
"ยินดีด้วย!"
"ก็อดกริด! ฉันรู้อยู่แล้วว่านายต้องทำได้!"
ณ ห้องพักนักกีฬาทีมเกาหลีใต้
ยูร่าและพีคซอร์ดกล่าวต้อนรับกริด พวกเขายินดีกับเหรียญทองของกริดมาก เพราะเหรียญทองล่าสุดส่งผลให้เกาหลีใต้กลายเป็นอีกหนึ่งตัวเต็งในการเป็นเจ้าเหรียญทองทันที แต่ไม่ใช่เพราะด้วยเหตุผลนั้นเพียงอย่างเดียว ขอเพียงกริดได้รับชัยชนะและมีความสุข พวกเขาล้วนดีใจทั้งสิ้น
"ขอบคุณพวกนายที่คอยเคียงข้างฉันเสมอ"
กริดตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยและนั่งลงบนโซฟา พีคซอร์ดเห็นดังนั้นจึงเริ่มขมวดคิ้ว
'เกิดอะไรขึ้นกับกริด เขากินอะไรผิดสำแดงเข้าไปงั้นหรือ'
ในยามนี้กริดกำลังมีสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อพีคซอร์ดลองพิจารณาดูให้ถ้วนถี่ เขาก็เล็งเห็นสิ่งที่อาจเป็นสาเหตุ การทุ่มเทแรงกายใจสร้างไอเท็มชนิดเติบโตคงทำให้สภาพจิตใจของกริดรับภาระหนัก พีคซอร์ดเริ่มเป็นกังวลและพยายามหาทางรักษากริด
"ฉันขอหลับตาสักครู่นะ"
กริดทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาพร้อมกับหลับตาลง อันที่จริง เขาต้องการกลับเข้าซาทิสฟายไปตรวจสอบสถานะโนเอะเป็นหนสุดท้าย แต่ดูเหมือนไม่มีเวลาทำเช่นนั้นแล้ว
ทุกสิ่งเกิดขึ้นกระชั้นชิดมาก ผ่านไปเพียงสิบนาที ประกาศเรียกตัวนักกีฬาก็ดังขึ้น ในฐานะนักกีฬาผู้เข้าแข่งความเร็วสัตว์เลี้ยง กริดต้องไปให้สัมภาษณ์กับสื่อก่อนแข่ง
"ไม่ได้พักเลยแฮะ"
"ตารางเวลาถูกกำหนดไว้แล้ว นี่เป็นเรื่องช่วยไม่ได้..."
เป็นเหตุผลที่นักกีฬาส่วนใหญ่ไม่ลงแข่งหลายรายการติดๆ กันในวันเดียว
'สมาธิกับเรี่ยวแรงของกริดจะเหลือพอให้ลงแข็งรึเปล่านะ'
พีคซอร์ดที่ไม่อาจเก็บซ่อนความกังวลได้เอ่ยปากถาม
"นายคงเหนื่อยจากการทุบค้อนนานแปดชั่วโมงใช่ไหม เดี๋ยวฉันไปรับหน้าที่สัมภาษณ์ให้เอง"
"ถ้าเป็นฮิวรอยก็ว่าไปอย่าง แต่นายเป็นปากเสียงให้ฉันตั้งแต่เมื่อไร..."
กริดเป็นกังวลหนัก เขากลัวพีคซอร์ดจะเอาแต่ตอบนักข่าวด้วยคำว่า 'พวกคุณรู้จัก...'
'เดี๋ยวสิ... อย่างน้อยพีคซอร์ดก็น่าจะดีกว่าฮิวรอย'
กริดพลันจินตนาการภาพฮิวรอยกำลังด่าพ่อล่อแม่นักข่าวต่อหน้าคนทั้งโลก ช่ายหนุ่มส่ายศีรษะเล็กน้อยก่อนจะพยุงตัวขึ้น
"ฉันไปเองดีกว่า"
***
"โฮ่... กริดพูดแบบนั้นหรอกหรือ"
ท่ามกลางที่นั่งสำหรับชมการแข่งความเร็วสัตว์เลี้ยง ลอเอลฟังเรื่องราวและเหตุผลที่แค็ทซ์มาหาตน เขาประหลาดใจที่กริดสามารถรับมือกับผู้คนได้เฉลียวฉลาดขนาดนี้
'ให้เราจัดการกับคนสำคัญอย่างแค็ทซ์แทน... นายโตขึ้นมากเลยนี่'
แรกเริ่มเดิมที กริดเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียนรู้ได้เชื่องช้ามาก เรียกว่าสมองทึบก็ไม่ผิดนัก ในบททดสอบเดียวกัน กริดกลับต้องใช้ความพยายามและเวลามากกว่าผู้อื่นหลายเท่า แต่ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปหลังจากเขาเริ่มท้าทายหมู่เกาะเบเฮ็น ชายคนนี้หัวไวขึ้นมากทีเดียว
"คุคุคุ... ชักน่าสนใจแล้วสิ"
สีหน้าและท่าทางของแค็ทซ์พลันบัดเบี้ยวเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจูนิเบียวจากลอเอล
'แค็ทซ์สินะ...'
หากดูจากพลังต่อสู้ สถานภาพทางการเงิน และความสำคัญในประเทศญี่ปุ่น แค็ทซ์คือผู้เล่นเกรด S อย่างไม่ต้องสงสัย ชายคนนี้สามารถสร้างปรากฏการณ์ได้เสมอ แม้จะมีนิสัยส่วนตัวที่แปลกประหลาดไปบ้าง แต่ลอเอลก็มองว่า นิสัยของสมาชิกระดับหัวกะทิของโอเวอร์เกียร์ล้วนพิสดารกันทุกคนอยู่แล้ว ไม่มีใครที่เป็นมนุษย์ปรกติ จึงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
'การมีเขาย่อมดีกว่าไม่มี'
ลอเอลเอ่ยปากถาม
"ฉันรู้ดีว่านายมีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าร่วมกิลด์ใหญ่สักกิลด์ แต่ทำไมถึงยังตัวคนเดียวมาจนตอนนี้ล่ะ"
"ฉันไม่อยากให้ใครมายุ่งวุ่นวาย ฉันไม่ชอบกฏระเบียบ"
"โฮ่... ถ้านายเกิดที่เกาหลีใต้คงอกแตกตายแน่ พวกเขาจะบังคับให้นายไปเป็นทหารซึ่งเต็มไปด้วยกฏระเบียบ"
"...ฉันคงหาทางออกได้เองแหละน่า ไม่สิ ทำไมจู่ๆ ถึงถามแบบนี้"
"เข้าร่วมโอเวอร์เกียร์ซะ"
"นายอยากให้ฉันเข้ากิลด์โอเวอร์เกียร์งั้นหรือ"
ใบหน้าแค็ทซ์พลันกระตุกเล็กน้อย
"ไม่เอาหรอก"
แค็ทซ์ปฏิเสธแทบจะทันควัน ซึ่งลอเอลก็เดาได้อยู่แล้ว เขาเพียงอมยิ้ม
"ฉันก็ไม่ได้บังคับอะไรนะ แต่นายก็จะไม่มีวันได้รับไอเท็มจากกริดเหมือนกัน"
"..."
นัยน์ตาแค็ทซ์เริ่มสั่นระริก แสดงให้เห็นว่าไอเท็มของกริดสำคัญต่อเขามากแค่ไหน
'นั่นสินะ..'
แค็ทซ์คือคนที่เล็งจุดสูงสุดไว้ เมื่อสองปีก่อน แค็ทซ์เคยประกาศกร้าวว่าตนจะกลายเป็นอันดับหนึ่งของโลกในอีกไม่ช้า แต่ผ่านมาแล้วสองปี เขายังห่างไกลจากคำๆ นั้นอยู่มาก เป็นเพราะแค็ทซ์มีฝีมือและไอเท็มไม่ดีพอ
'เราไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว...'
ในขณะที่แค็ทซ์กำลังสับสนว้าวุ่นใจ ลอเอลอมยิ้มอย่างมีเลศนัยด้วยสีหน้าชั่วร้ายราวกับกริดมาเอง เขายื่นข้อเสนอตอกย้ำแค็ทซ์อีกครั้ง
"นายต้องเข้าร่วมโอเวอร์เกียร์..."
ลอเอลตัดสินใจกลืนคำว่า 'และกลายเป็นทาสของกริด' ลงลำคอไป
"แต่ฉันมีเงื่อนไข หากนายอยากเข้ากิลด์โอเวอร์เกียร์ล่ะก็ ต้องเอาชนะกริดให้ได้ในการแข่งลานประลอง"
"เอาชนะกริด..."
"ใช่ ถ้าเป็นนายล่ะก็ทำได้แน่ รูปแบบการต่อสู้ของนายได้เปรียบกริดอยู่มาก... ไม่ลองดูสักหน่อยหรือ แล้วฉันจะบอกจุดอ่อนของกริดให้"
"..."
ลอเอลเป็นคนสนิทของกริดไม่ใช่หรือ เหตุใดเขาถึงต้องการให้กริดพ่ายแพ้ ถึงจะสงสัย แต่แค็ทซ์ก็ไม่ปริปากถาม เขาเติบโตมาในสังคมแก่งแย่งชิงดีที่การหักหลังเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในตอนนี้ แค็ทซ์กำลังเกิดความรู้สึกหนึ่งอย่างแรงกล้า...
โมโห...!
"นายจะบอกวิธีเอาชนะกริดให้ฉันงั้นหรือ เลิกพล่ามไร้สาระสักที! ฉันสามารถเอาชนะกริดได้ด้วยพลังตัวเอง! ไม่ต้องการคำบอกใบ้จากนายเลยสักนิดเดียว!"
อุปนิสัยของแค็ทซ์เปลี่ยนไปมากแล้วหลังจากกลายเป็นนักรบโลหิต เขาได้เรียนรู้ว่าโลกใบนี้มีปัญหาที่ไม่สามารถแก้ได้ด้วยเงินอยู่ และได้ตระหนักถึงพรสวรรค์ที่ขาดไปของตน ดังนั้นคำพูดเมื่อครู่ แค็ทซ์คิดกล่าวออกมาด้วยหลักเหตุและผลของตน หาใช่ความโอหัง
"ตกลง ฉันจะเอาชนะกริดให้ได้ ฉันไม่สนว่านายมีแผนหลอกใช้ยังไง ฉันจะยอมตามที่นายต้องการเพื่อให้ได้ครอบครองไอเท็มจากกริด แต่หากถูกนายแทงข้างหลังในอนาคตล่ะก็ มั่นใจได้เลยว่าฉันจะใช้พลังอำนาจทั้งหมดที่มีเพื่อตามล่าตัวนายในเกม"
"ฮุฮุฮุ... เป็นอันตกลงแล้วสินะ"
"..."
แค็ทซ์พลันขนลุกซู่
***
การแข่งความเร็วสัตว์เลี้ยงมีผู้เข้าแข่งทั้งหมด 53 คน เฉลี่ยประเทศละ 1.5 คน ทุกคนกำลังนั่งอยู่หน้านักข่าวเพื่อรอให้สัมภาษณ์
"กริดมีสัตว์อสูรอันดับหนึ่งจากขุมนรกอย่างเม็มฟิสอยู่ ในปีก่อน เม็มฟิสของกริดแสดงความเหนือชั้นทางเผ่าพันธุ์โดยการกำราบไวเวิร์นจำนวนมากตามลำพัง"
"ผู้คนทั่วโลกต่างเห็นพ้องต้องกันว่า กริดน่าจะคว้าเหรียญทองได้อีกครั้งในปีนี้ คุณมีความเห็นอย่างไรบ้างครับ"
ผู้เล่นคนอื่นจะมีวิธีรับมือกับกริดหรือไม่ นี่คือสิ่งที่คนทั่วโลกต่างสงสัย และคำตอบจากผู้เข้าแข่งก็แสนเรียบง่ายและซ้ำซากจำเจ
"ในซาทิสฟาย ไม่มีสิ่งใดที่สมบูรณ์แบบ"
"พวกเราล่วงรู้จุดอ่อนของโนเอะแล้ว และตอนนี้ก็มีแผนรับมือที่อยู่หมัด"
"โนเอะไม่มีทางคว้าเหรียญทองให้กริดได้อีกแน่!"
"...ไม่เบื่อกันรึไงนะ"
กริดแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่าย คำเย้ยหยันและคำประกาศกร้าวอันแสนมั่นอกมั่นใจ เขาได้ยินจนชาชินแล้วในทุกครั้งที่ลงแข่ง
'นี่เราต้องฟังเรื่องเดิมซ้ำซากอีกกี่รอบกัน'
ก่อนการแข่งจะเริ่ม อีกฝ่ายมักมากพร้อมกับความมั่นใจจนเกินพอดี และเมื่อการแข่งจบลง ผลก็ออกมาตรงกันข้ามทุกครั้ง
***
ผ่านไป 30 นาทีหลังจากงานสัมภาษณ์จบลง การแข่งความเร็วสัตว์เลี้ยงก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
"เมี๊ยว!"
โนเอะปรากฏกายข้างกริด เจ้าแมวอ้วนอยู่ดีกินดีตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ขนของเขาจึงเงางามฟูฟ่องมากขึ้น ลิ้นและปุ่มเท้ามีสีชมพูสดใส ฝ่าเท้าแลดูอ่อนนุ่มยิ่งกว่าเดิม
"สัตว์อสูรอันดับหนึ่งแห่งขุมนรกปรากฏตัว! เมี๊ยว!"
โนเอะตะโกนขึ้นด้วยเสียงน่ารักพร้อมกับพุ่งอ้วนกลมที่ยื่นออก ปากทรง 'ㅅ' เปล่งเสียงใสกังวาลด้วยสีหน้าอบอุ่น ผู้คนทั่วโลกต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
"กริดร้ายกาจมาก... เลี้ยงโนเอะได้น่ารักขึ้นกว่าเดิมขนาดนี้เชียว...!"
"เป็นคู่ต่อสู้ที่ตึงมือแน่นอน"
ผู้เข้าแข่งคนอื่นพากันเรียกไวเวิร์นออกมา ทุกคนล้วนชื่นชมในความแข็งแกร่งของโนเอะที่มีมากกว่าปีก่อน แต่พวกเขาก็ยังแสดงสีหน้ามั่นอกมั่นใจอยู่ เพราะหลังจากการค้นคว้าข้อมูลอย่างยาวนานตลอดหนึ่งปีเต็ม ทุกคนก็รับรู้จุดอ่อนอันใหญ่หลวงของเม็มฟิสแล้ว
สนุกสนานมากมายครับ
ReplyDeleteสนุกมาก ครับ
ReplyDelete