จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 344
'กริดเหน็ดเหนื่อยเร็วกว่าที่คิด...'
แม้จริงกริดจะแสดงฝีมือเป็นพระเอกของสงครามครั้งนี้ก็จริง แต่ลอเอลกลับยังไม่พอใจเท่าไรนัก เพราะเขาทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่ลอเอลคำนวนไว้
'ฉันอยากให้นายปราศจากจุดบกพร่อง'
การอ่านความเคลื่อนไหวศัตรู การใช้ภูมิประเทศให้เกิดประโยชน์ จังหวะในการใช้โพชั่นและไอเท็มสำคัญ กริดในตอนนี้ทำได้เหนือกว่ามาตรฐานผู้เล่นทั่วไปมาก จัดว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว ทว่า... หากนำไปเทียบกับแร้งเกอร์แถวหน้าของโลก เขายังห่างไกลนัก
นี่ไม่ใช่การดูแคลนกริด เพียงแต่สีหน้าของลอเอลไม่ได้ยินดีหรือยินร้ายใดๆ
'เทียบกับยูร่าแล้วยังห่างชั้นอยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การบริหารค่าเรี่ยวแรงและมานา'
กริดจะต้องจำใส่ใจให้มาก ว่าแม้ทักษะระดับเลเจนดารีจะเยี่ยมยอดสักเพียงใด แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยปริมาณมานามหาศาล
'ทุกครั้งที่ตกอยู่ในวิฤกติ เขามักจะเลือกใช้คลื่นและหน่วงเสมอ จะต้องเกิดปัญหาเข้าสักวันแน่ หากกริดได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่สามารถหลบหลีกทักษะชนิดไม่ล็อคเป้าได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วอีกเรื่องหนึ่ง ทำไมถึงได้ชอบใช้ศรเวทย์นักนะ?'
เท่านั้นยังไม่พอ
'สติปัญญาของหัตถ์เทวะงั้นยังไม่สูงมาก โชคยังดีที่ศัตรูในศึกหนนี้จัดว่าอ่อนแอ ไม่มีการโจมตีระดับสุดยอดจนหัตถ์เทวะบล็อคไม่ทันปรากฏขึ้น... แต่หากต้องสู้กับคนที่มีทักษะเก่งฉกาจขึ้นมาจะทำอย่างไร?'
ในบรรดาแร้งเกอร์หัวแถว ยังมีปีศาจเหนือปีศาจอย่างแอ็กนัส และฟ้าเหนือฟ้าอย่างครอเกล คนทั้งโลกยังหาวิธีรับมือกับสองคนนี้ไม่ได้ แล้วกริดจะทำได้หรือ?
ช่องว่างนั้นยังกว้างนัก สิ่งแรกที่ลอเอลเห็นในตอนนี้ก็คือ เมื่อใดที่ยูร่าเลเวลอัพถึง 300 เมื่อนั้นเธอก็จะก้าวข้ามกริดไปได้
'อย่างแน่นอน...'
กริดกำลังพัฒนาตนเองทีละนิด ลอเอลสามารถยืนยันในเรื่องนี้ได้ แต่เขาก็ยังกลัวว่าสักวัน...
สักวันกริดจะพัฒนาไปจนถึงขีดจำกัด... เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนมีขีดจำกัด
'ถึงกระนั้น...'
ต่อให้กริดถึงขีดจำกัดตนเอง แต่เขาก็ยังมีทางออกอยู่
'ขีดกำจัดสามารถขยายออกได้ด้วยพลังของไอเท็ม'
กริดมีทักษะระดับตำนานที่สามารถออกแบบไอเท็มชนิดใหม่ขึ้นมาได้ จินตนาการคือสิ่งสำคัญ ด้วยเหตุนี้ ความแข็งแกร่งทางด้านไอเท็มของกริดจึงไร้ขีดจำกัด
'แล้วฉันจะใช้มันสมองช่วยนายออกแบบไอเท็มอีกแรง'
ลอเอลครุ่นคิดสิ่งเหล่านี้อยู่ในหัวตลอด โดยในเวลาเดียวกัน เขาก็ไม่ลืมเป้าหมายปัจจุบันของตน ขณะบัญชาการทัพเรย์ดันไปด้วย เขาก็จ้องมององค์ชายเร็นอย่างไม่กระพริบตา
"องค์ชายเริ่มคิดหนีแล้วสินะ"
อัศวินจำนวนมากกำลังรุมล้อมกริดไว้ ส่วนทหารแดนเหนือก็กำลังรับมืออยู่กับทหารของทัพหลวง จึงไม่มีใครทันรู้ตัวว่าองค์ชายเร็นกำลังหนีไป
ลอเอลแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย
'นั่นยิ่งง่ายต่อการจับกุมตัว'
ลอเอลเปิดหน้าต่างรายละเอียดทหารของเรย์ดันทั้งหมด เขาเริ่มเรียงลำดับจากเลเวลมากไปหาน้อย หลังจากนั้นก็ขานชื่อของทหารจำนวน 13 นายออกมา
"พวกนายทุกคนจงสวมใส่ชุดศึกเหล่านี้และตามฉันมา"
"ขอรับ!"
ทหารทุกคนที่ลอเอลเลือก ทั้งหมดล้วนมีเลเวล 160 ทั้งสิ้น ซึ่งเข้าเงื่อนไขการสวมใส่เซ็ตกริดรุ่นผลิตจำนวนมากพอดิบพอดี
***
'เป็นไม่ได้ เกิดเรื่องบ้าบอเช่นนี้ขึ้นได้ยังไง?'
องค์ชายเร็นออกอาการหงุดหงิดสุดขีด ท่ามกลางแสงจันทร์ยามค่ำคืนที่สาดส่อง ทะเลทรายอันเย็นยะเยียบก็ไม่อาจทำให้หัวใจที่ร้อนรุ่มของเร็นเย็นลงได้
'สามารถใช้พลังที่เหนือกว่าเพื่อเอาชนะคนจำนวนมาก... แถมยังอ่านแผนการของฉันจนทะลุปรุโปร่ง!'
กริด!
ชายคนนี้เหนือกว่าที่เร็นคาดคิดไว้หลายขุม ชายที่ห้ามเป็นศัตรูโดยเด็ดขาด แม้จะต้องเสื่อมเกียรติของราชวงศ์อีเทอนัลไปบ้าง แต่เร็นก็ต้องก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้
ม้าแพเทรี่ยนกำลังควบผ่านทะเลทรายยามค่ำคืนอย่างไม่หยุดพัก
องค์ชายเร็นกำสายบังเหียนในมือด้วยเส้นเลือดที่ปูดโปน ทั้งความโกรธ เจ็บใจ สิ้นหวัง และเสียใจ ทุกอารมณ์กำลังพรั่งพรูอยู่ในหัวสมอง หลังจบศึกนี้ ค่อนข้างเป็นที่แน่นอนแล้วว่า ตัวมันคงสูญเสียอำนาจในฐานะองค์รัชทายาทไปแน่
ในขณะที่เร็นกำลังตัดพ้อ ชายลึกลับกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง
เป็นลอเอลและทหารจำนวน 13 นาย
"องค์ชายเร็น! หากไม่อยากตายก็จงหยุดม้าเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้น ในนามแห่งดยุคกริด ฉันไม่ขอรับรองชีวิตให้!"
"ถ้าแกเป็นฉัน แกจะหยุดรึเปล่าล่ะ?"
เร็นเย้ยหยันคำพูดไร้สาระของลอเอล มันเร่งฝีเท้าม้าให้เร็วขึ้นไปอีก เมื่อเห็นดังนั้น ลอเอลจึงส่งสัญญานมือให้กับทหารทุกนาย
"ยิงได้!"
"หือ?"
จะให้ยิงธนูในขณะขี่ม้าเนี่ยนะ? พวกเขายังเป็นมือใหม่ในการขี่ม้าอยู่เลย ดังนั้นเรื่องยิงธนูบนหลังม้าจึงห่างไกลความเป็นจริงมาก ในขณะที่พวกเขาลังเล ลอเอลก็ตะโกนขึ้น
"จงเชื่อมั่นในพลังแห่งไอเท็ม!"
"ไอเท็ม...!"
แม้เอ็นพีซีทั่วไปจะไม่เข้าใจคำว่าพลังแห่งไอเท็ม แต่ทหารของเรย์ดันนั้นไม่ใช่ เมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งให้ทำ พวกตนก็ต้องทำ ในขณะที่ม้ากำลังควบ ทหารทุกนายก็โก่งคันศรไปด้านหลังอย่างพร้อมเพรียง
ลอเอลเองก็เช่นกัน ทันใดนั้น หน้าต่างข้อความระบบก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน
[ ท่านปล่อยมือออกจากสายบังเหียนม้า! อันตรายมาก! โอกาสที่ท่านจะตกจากหลังม้ามีมากถึง 60% ]
[ ไอเท็ม<รองเท้าสนับแข้งเหล็กกริดรุ่นผลิตจำนวนมาก>กำลังติดอยู่กับโกลนม้า ส่งผลให้โอกาสตกจากหลังม้าลดลงอย่างมาก ]
'ทำได้ไม่เลว'
แม้ทหารราบระดับหัวกะทิจะมีทักษะขี่ม้าขั้นต้นติดตัว แต่การจะใช้อาวุธบนหลังม้านั้นยังห่างไกลเกินไปสักหน่อย แถมพื้นผิวทะเลทรายก็ยิ่งทำให้การฝึกฝนยากขึ้นหลายเท่า ด้วยเหตุนี้ ลอเอลจึงร้องขอให้กริดผลิตไอเท็มที่ช่วยแก้ไขปัญหาขึ้นมา
การแก้ปัญหาด้วยไอเท็มคือของถนัดสำหรับกริด ชายหนุ่มทำการเพิ่มคุณสมบัติไปยังรองเท้าสนับแข้งเหล็ก ให้เวลาที่ยึดเกาะอยู่กับโกลนม้า โอกาสตกม้าจะลดต่ำลงจนเกือบเป็นศูนย์ ข้อเสียเดียวคือความรู้สึกเสียวสันหลังในยามปล่อยมือออกจากสายบังเหียน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
'พวกเราจะทำความเคยชินกับมันเอง!'
หึหึ!
บนหลังม้า... ลอเอลและทหารทั้ง 13 นายเริ่มง้างธนูบนหลังม้า! องค์ชายเร็นพลันตื่นตระหนกกับภาพที่เห็น
'เหตุใดทหารราบถึงมีทักษะใช้อาวุธบนหลังม้าได้?'
แม้แต่อัศวินก็ยังยากที่จะได้รับทักษะอันแสนสำคัญเช่นนี้มา! ลอเอลแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายเมื่อได้เห็นใบหน้าอันขาวซีดของเร็น
"ทหารหัวกะทิแห่งเรย์ดันทุกนายเอ๋ย...! พวกนายคือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์และภักดีต่อดยุคกริด! จงอัดความโกรธแค้นทั้งหมดที่มีลงในคมธนู จงทำให้ศัตรูสำนึกเสียใจและรู้สึกสิ้นหวังที่บังอาจรุกรานเรย์ดันอันสำคัญยิ่งซะ!"
ทหารทั้ง 13 นายพลันขนลุกซู่ แต่ด้วยความที่ผ่านการฝึกนรกกับปิอาโร่และอัสโมเฟลมาแล้ว สมาธิของทุกคนจึงสงบนิ่ง ลูกธนูทุกดอกถูกปล่อยออกไปด้วยสีหน้าเยือกเย็นปราศจากความสั่นคลอน
ฟุ่บ!
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!
"ปกป้ององค์ชาย!"
ในฐานะขององค์รัชทายาท ชีวิตของเร็นจึงมีความสำคัญกับอาณาจักรอีเทอนัลมาก หน่วยลอบสังหารมันกรเงินจึงคอยเป็นเงาคุ้มกายตลอดเวลา ยามนี้ พวกมันตัดสินใจถอดชุดดาลูก้าออกและเผยตนเอง ลูกศรทั้ง 14 ดอกถูกมีดสั้นปัดป้องไว้ได้ทั้งหมด คมมีสีเงินที่ส่องประกายยามค่ำคืนช่างดูน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง
'แข็งแกร่ง!'
ความกังวลเริ่มถูกเผยให้เห็นบนสีหน้าของเหล่าทหารเรย์ดัน พวกเขายังไม่แข็งแกร่งพอจะต่อกรกับนักลอบสังหารระดับสูงไหว
แต่ลอเอลกลับยังคงแสยะยิ้มอยู่
"โนเอะ!"
สัตว์อสูรอันดับหนึ่งของขุมนรกตนนี้ ตลอดสงครามที่ผ่านมา เจ้าแมวอ้วนหลับอยู่บนหน้าอกของลอเอลมาโดยตลอด นั่นเป็นเพราะกริดสั่งไว้ ว่าให้โนเอะคุ้มกันลอเอลให้ดีที่สุด
"เมี๊ยว!"
แมวดำที่มาพร้อมกับปีกอสูร! ร่างกายอันอวบอ้วนได้พุ่งตัวอย่างรวดเร็วเข้าใส่กลุ่มนักลอบสังหารมังกรเงิน หลังจากนั้นก็เริ่มลงมือข่วนด้วยความเร็วที่ตามองไม่เห็น
"แง่ง! แง่งแง่งแง่ง~~!"
"โอ้ย!"
"อั่ก!"
"แค่ก!"
หน่วยมังกรเงินล้วนเป็นนักลอบสังหารระดับสูง จึงไม่ง่ายเลยที่โนเอะซึ่งมีเลเวล 200 ต้นๆ จะเอาชนะได้สบาย มีดสั้นถูกยกมาบล็อคคมเขี้ยวไว้ได้หลายหน แต่โนเอะก็ยังมีไม้ตายก้นหีบอยู่
"งั่ม!"
ปากของโนเอะขยายออกจนกว้าง หลังจากนั้นก็เขมือบเพื่อกลืนกินค่าความว่องไวมาเป็นของตนเอง
"หึหึหึ! ฉันไม่อ่อนแอเหมือนกับชีวิตที่แล้วหรอกนะ!"
จูนิเบียวลอเอลพึมพำอีกครั้งก่อนจะเหยียดนิ้วออกไป พลังคีกำลังถูกควบแน่นที่ปลายนิ้ว หลังจากนั้น กรงเล็บมังกรก็พุ่งขึ้นจากพื้นดินและสร้างความเสียหายรุนแรงให้กับหน่วยมังกรเงิน
"ป--เป็นไปไม่ได้!"
หน่วยมังกรเงินถูกจัดการได้ง่ายดายขนาดนี้เชียวหรือ?
'แมวปีศาจตัวนี้มันอะไรกันแน่?'
องค์ชายเร็นเร่งความเร็วม้าขึ้นไปอีก แต่โนเอะที่ขโมยความไวของนักลอบสังหารมา มีหรือจะตามไม่ทัน
ผัวะ!
"อั่ก!"
อุ้งเท้าแมวได้กระแทกเข้าที่หลังหัวขององค์ชายเร็นอย่างรุนแรงจนมันเสียหลักล้มลง นี่คืออีกหนึ่งความอับอายที่ยากจะลืมเลือนของมัน
***
ณ ค่ายทหารของเรย์ดัน องค์ชายเร็นที่ละทิ้งกองทัพ รวมไปถึงทหารทุกคนที่ยังรอดชีวิต ทั้งหมดถูกจับกุมตัวมาไว้ที่นี่
"พวกแกกล้าดียังไง!? ไม่รู้รึไงว่าฉันเป็นใคร?"
ด้วยความเป็นเชื่อพระวงศ์ แถมเร็นยังเป็นถึงองค์รัชทายาท ทำให้มันทระนงตนราวกับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การถูกลากไปไหนมาไหนด้วยทหารเฉกเช่นสุนัขเยี่ยงนี้ สำหรับมันแล้ว นี่คือความอับอายที่เกินกว่าจะยอมรับได้ ให้ถูกฆ่าทิ้งเสียยังดีกว่า กริดอ่านความรู้สึกนี้ออกผ่านทางสีหน้าและแววตาที่มันแสดง
ชายหนุ่มจึงเปิดปากขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
"คุกเข่าลงซะ"
"อะไรนะ...?"
แม้จะเป็นเชลย แต่ฐานะองค์ชายแห่งราชวงศ์อีเทอนัลก็ไม่ใช่สิ่งที่จะถูกมองข้ามได้ อย่างน้อยก็ควรได้รับการปฏิบัติตัวเฉกเช่นเชลยชั้นดี ไม่ใช่ลากเหมือนหมูเหมือนหมาแล้วสั่งให้คุกเข่าเช่นนี้
"อ--เอ๋? ดยุคกริด! แกกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง?"
"ไม่เห็นจะเข้าใจยากตรงไหน นี่พวกแกโง่รึเปล่า? ใครกันที่ฝ่ายคิดรุกรานเรย์ดันก่อน? แล้วจะมากล่าวโทษอะไรฉันได้? ไปเอาความกล้าหาญผิดๆ เช่นนี้มาจากไหนกัน?"
"สามหาว!"
ผั่วะ!
เร็นกระอักเลือดคำโต ดูเหมือนอวัยวะภายในบางชิ้นจะฉีกขาด กริดถอนหายใจเบาๆ และกล่าวพร้อมกับจิตสังหารอันรุนแรง
"แกไม่ได้สำนึกในความผิดเลยสินะ"
นี่คือนิสัยเสียของคนที่เคยอยู่เหนือผู้อื่นมาก่อน หากเติบโตมาด้วยการเหยียบย่ำผู้อื่น คนเช่นนี้จะไม่มีทางสำนึกความผิดของตนเองได้เลยแม้เพียงเศษเสี้ยว
'ไม่ต่างอะไรกับลีจุนโฮและชเยชานซองเลยสักนิด'
กริดคือผู้ที่ถูกกระทำมาทั้งชีวิต เขาจึงเข้าใจความรู้สึกและสีหน้าของผู้กระทำได้ดีกว่าใคร
"คนอย่างแกไม่มีทางเปลี่ยนสันดานได้แน่ ฉันเองก็เช่นกัน"
นิสัยในปัจจุบันของกริด ได้ถูกหล่อหลอมขึ้นจากการถูกกลั่นแกล้งอย่างยาวนานในอดีต
เขาจงเกลียดจงชังคนที่ดูแคลนและกดหัวผู้อื่นมาก ความแค้นในคนประเภทนี้ได้ฝักรากลึกลงไปจนไม่อาจถอนออกได้อีก แม้ว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้นมากขนาดไหนก็ตาม
"ก้มหัวลงไป"
ผั่วะ!
แค่เป็นองค์ชาย ไม่ทำให้กริดปฏิบัติตัวต่อมันดีกว่าผู้อื่น เขาจับศีรษะขององค์ชายเร็นกดลงให้ก้มคำนับ
หลังจากนั้นก็ประกาศกร้าวด้วยแววตาอันแสนเย็นชา
"โทษของแกคือความตาย"
เกิดเสียงเอะอะวุ่นวายขึ้นทันที
อันที่จริง ในทวีปตะวันตกจะมีกฏหมายข้อหนึ่งที่ใช้ร่วมกันมาเป็นเวลากว่าร้อยปีแล้ว เนื้อความของกฏหมายมีดังนี้ : หากเชลยเป็นขุนนางหรือราชวงศ์ ห้ามทำร้ายร่างกายหรือคร่าชีวิตของเชลยโดยเด็ดขาด
ดังนั้น การที่กริดฝ่าฝืนกฏเหล็กข้อนี้ ทั้งกองทัพหลวงและองค์ชายเร็นจึงตกตะลึงอย่างมาก
ลอเอลรีบส่งข้อความส่วนตัวหากริด
>> ใจเย็นก่อน หากนายฆ่าองค์ชายเร็นตอนนี้ เรย์ดันถูกโดดเดี่ยวและกลายเป็นศัตรูกับอาณาจักรอีเทอนัลทันที
>> ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้โดดเดี่ยวไปสิ เพราะอีกเดี๋ยวฉันก็ต้องเป็นกษัตริย์อยู่แล้วมิใช่หรือ?
>> นั่นมันยังเร็วเกินไป หากพวกเราแยกตัวทันที ดินแดนตอนเหนือของมาร์ควิสสไตมจะถูกอาณาจักรอีเทอนัลยึดครองในตอนที่ไม่มีคนดูแล เพราะทั้งมาร์ควิสสไตมและลาเด็นยังอยู่ที่นี่ แถมเรย์ดันก็จะกลายเป็นเหยื่อของจักรวรรดิอีกด้วย
>> หืม...
แม้กริดจะมีความเข้าใจในกลยุทธ์และการเมืองที่ต่ำ แต่เขาก็เลือกจะฟังคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
>> แล้วฉันต้องทำยังไง?
>> กลายเป็นผู้มีพระคุณด้วยการไว้ชีวิตองค์ชาย ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฝ่ายเสียเปรียบในศึกนี้คือฝั่งองค์ชาย เขาสูญเสียไพร่พลไปมากจนตำแหน่งรัชทายาทอาจถูกสั่นคลอน แล้วถ้าเกิดนายได้กลายเป็นผู้มีพระคุณเข้า ไม่แน่ว่า หลังจากนี้องค์ชายเร็นอาจให้การสนับสนุนนาย เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว หลังจากนั้นเรย์ดันก็จะมีคนหนุนหลังที่มั่นคงจนกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของอีเทอนัล
>> แต่ฉันเคยประกาศกร้าวไปแล้วว่า จะไม่ปล่อยให้ผู้บุกรุกมีชีวิตรอดกลับไป
>> ฉันคงบอกได้เพียงว่า นายต้องยอมกลืนน้ำลายตนเอง การไว้ชีวิตองค์ชายไม่ได้ทำให้นายเสียความน่าเกรงขามลงไป ตรงกันข้าม ทุกคนจะชื่นชมในความใจกว้างและความเฉลียวฉลาดแทน
>> เป็นอย่างนั้นหรอกหรือ?
ยอมกลืนน้ำลาย... กริดไม่ชอบใจเอาเสียเลย
>> นายคงไม่คิดจะทรยศฉันหลังจากนี้ใช่ไหม?
>> สิ่งนั้นจะมีไม่มีวันเกิดขึ้น ตราบใดที่นายยังปรารถนาจะเป็นผู้ปกครองสูงสุดของซาทิสฟายอยู่
>> ก็ได้ ถ้าอย่างนั้น ฉันจะเข้มงวดกับตนเองให้หนักขึ้น จนแม้แต่นายก็ยังต้องหวาดกลัวในตัวฉัน
>> หึหึหึ!
จูนิเบียวลอเอลแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย
ความจริงที่ว่า ลอเอลจะไม่มีวันทรยศเขา กริดรู้ซึ้งในเรื่องนี้ดียิ่งกว่าใครทั้งหมด
สนุกสนานมากมายครับ
ReplyDeleteขอบคุณครับ
ReplyDelete