จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 344



       'กริดเหน็ดเหนื่อยเร็วกว่าที่คิด...'

       แม้จริงกริดจะแสดงฝีมือเป็นพระเอกของสงครามครั้งนี้ก็จริง  แต่ลอเอลกลับยังไม่พอใจเท่าไรนัก  เพราะเขาทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่ลอเอลคำนวนไว้

       'ฉันอยากให้นายปราศจากจุดบกพร่อง'

       การอ่านความเคลื่อนไหวศัตรู  การใช้ภูมิประเทศให้เกิดประโยชน์  จังหวะในการใช้โพชั่นและไอเท็มสำคัญ  กริดในตอนนี้ทำได้เหนือกว่ามาตรฐานผู้เล่นทั่วไปมาก  จัดว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว  ทว่า...  หากนำไปเทียบกับแร้งเกอร์แถวหน้าของโลก  เขายังห่างไกลนัก

       นี่ไม่ใช่การดูแคลนกริด  เพียงแต่สีหน้าของลอเอลไม่ได้ยินดีหรือยินร้ายใดๆ

       'เทียบกับยูร่าแล้วยังห่างชั้นอยู่มาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  การบริหารค่าเรี่ยวแรงและมานา'

       กริดจะต้องจำใส่ใจให้มาก  ว่าแม้ทักษะระดับเลเจนดารีจะเยี่ยมยอดสักเพียงใด  แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยปริมาณมานามหาศาล

       'ทุกครั้งที่ตกอยู่ในวิฤกติ  เขามักจะเลือกใช้คลื่นและหน่วงเสมอ  จะต้องเกิดปัญหาเข้าสักวันแน่  หากกริดได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่สามารถหลบหลีกทักษะชนิดไม่ล็อคเป้าได้อย่างคล่องแคล่ว  แล้วอีกเรื่องหนึ่ง  ทำไมถึงได้ชอบใช้ศรเวทย์นักนะ?'

       เท่านั้นยังไม่พอ

       'สติปัญญาของหัตถ์เทวะงั้นยังไม่สูงมาก  โชคยังดีที่ศัตรูในศึกหนนี้จัดว่าอ่อนแอ  ไม่มีการโจมตีระดับสุดยอดจนหัตถ์เทวะบล็อคไม่ทันปรากฏขึ้น...  แต่หากต้องสู้กับคนที่มีทักษะเก่งฉกาจขึ้นมาจะทำอย่างไร?'

       ในบรรดาแร้งเกอร์หัวแถว  ยังมีปีศาจเหนือปีศาจอย่างแอ็กนัส  และฟ้าเหนือฟ้าอย่างครอเกล  คนทั้งโลกยังหาวิธีรับมือกับสองคนนี้ไม่ได้  แล้วกริดจะทำได้หรือ?       

       ช่องว่างนั้นยังกว้างนัก  สิ่งแรกที่ลอเอลเห็นในตอนนี้ก็คือ  เมื่อใดที่ยูร่าเลเวลอัพถึง 300   เมื่อนั้นเธอก็จะก้าวข้ามกริดไปได้

       'อย่างแน่นอน...'

       กริดกำลังพัฒนาตนเองทีละนิด  ลอเอลสามารถยืนยันในเรื่องนี้ได้  แต่เขาก็ยังกลัวว่าสักวัน...  

       สักวันกริดจะพัฒนาไปจนถึงขีดจำกัด...  เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนมีขีดจำกัด

       'ถึงกระนั้น...'

       ต่อให้กริดถึงขีดจำกัดตนเอง  แต่เขาก็ยังมีทางออกอยู่

       'ขีดกำจัดสามารถขยายออกได้ด้วยพลังของไอเท็ม'

       กริดมีทักษะระดับตำนานที่สามารถออกแบบไอเท็มชนิดใหม่ขึ้นมาได้  จินตนาการคือสิ่งสำคัญ  ด้วยเหตุนี้  ความแข็งแกร่งทางด้านไอเท็มของกริดจึงไร้ขีดจำกัด

       'แล้วฉันจะใช้มันสมองช่วยนายออกแบบไอเท็มอีกแรง'

       ลอเอลครุ่นคิดสิ่งเหล่านี้อยู่ในหัวตลอด  โดยในเวลาเดียวกัน  เขาก็ไม่ลืมเป้าหมายปัจจุบันของตน  ขณะบัญชาการทัพเรย์ดันไปด้วย  เขาก็จ้องมององค์ชายเร็นอย่างไม่กระพริบตา

       "องค์ชายเริ่มคิดหนีแล้วสินะ"

       อัศวินจำนวนมากกำลังรุมล้อมกริดไว้  ส่วนทหารแดนเหนือก็กำลังรับมืออยู่กับทหารของทัพหลวง  จึงไม่มีใครทันรู้ตัวว่าองค์ชายเร็นกำลังหนีไป

       ลอเอลแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย

       'นั่นยิ่งง่ายต่อการจับกุมตัว'

       ลอเอลเปิดหน้าต่างรายละเอียดทหารของเรย์ดันทั้งหมด  เขาเริ่มเรียงลำดับจากเลเวลมากไปหาน้อย  หลังจากนั้นก็ขานชื่อของทหารจำนวน 13 นายออกมา

       "พวกนายทุกคนจงสวมใส่ชุดศึกเหล่านี้และตามฉันมา"

       "ขอรับ!"

       ทหารทุกคนที่ลอเอลเลือก  ทั้งหมดล้วนมีเลเวล 160 ทั้งสิ้น  ซึ่งเข้าเงื่อนไขการสวมใส่เซ็ตกริดรุ่นผลิตจำนวนมากพอดิบพอดี

       ***

       'เป็นไม่ได้  เกิดเรื่องบ้าบอเช่นนี้ขึ้นได้ยังไง?'

       องค์ชายเร็นออกอาการหงุดหงิดสุดขีด  ท่ามกลางแสงจันทร์ยามค่ำคืนที่สาดส่อง  ทะเลทรายอันเย็นยะเยียบก็ไม่อาจทำให้หัวใจที่ร้อนรุ่มของเร็นเย็นลงได้

       'สามารถใช้พลังที่เหนือกว่าเพื่อเอาชนะคนจำนวนมาก... แถมยังอ่านแผนการของฉันจนทะลุปรุโปร่ง!'

       กริด!

       ชายคนนี้เหนือกว่าที่เร็นคาดคิดไว้หลายขุม  ชายที่ห้ามเป็นศัตรูโดยเด็ดขาด  แม้จะต้องเสื่อมเกียรติของราชวงศ์อีเทอนัลไปบ้าง  แต่เร็นก็ต้องก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้

       ม้าแพเทรี่ยนกำลังควบผ่านทะเลทรายยามค่ำคืนอย่างไม่หยุดพัก

       องค์ชายเร็นกำสายบังเหียนในมือด้วยเส้นเลือดที่ปูดโปน  ทั้งความโกรธ  เจ็บใจ  สิ้นหวัง  และเสียใจ  ทุกอารมณ์กำลังพรั่งพรูอยู่ในหัวสมอง  หลังจบศึกนี้  ค่อนข้างเป็นที่แน่นอนแล้วว่า  ตัวมันคงสูญเสียอำนาจในฐานะองค์รัชทายาทไปแน่  

       ในขณะที่เร็นกำลังตัดพ้อ  ชายลึกลับกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง

       เป็นลอเอลและทหารจำนวน 13 นาย

       "องค์ชายเร็น!  หากไม่อยากตายก็จงหยุดม้าเดี๋ยวนี้!  ไม่อย่างนั้น  ในนามแห่งดยุคกริด  ฉันไม่ขอรับรองชีวิตให้!"

       "ถ้าแกเป็นฉัน  แกจะหยุดรึเปล่าล่ะ?"

       เร็นเย้ยหยันคำพูดไร้สาระของลอเอล  มันเร่งฝีเท้าม้าให้เร็วขึ้นไปอีก  เมื่อเห็นดังนั้น  ลอเอลจึงส่งสัญญานมือให้กับทหารทุกนาย

       "ยิงได้!"

       "หือ?"

       จะให้ยิงธนูในขณะขี่ม้าเนี่ยนะ?  พวกเขายังเป็นมือใหม่ในการขี่ม้าอยู่เลย  ดังนั้นเรื่องยิงธนูบนหลังม้าจึงห่างไกลความเป็นจริงมาก  ในขณะที่พวกเขาลังเล  ลอเอลก็ตะโกนขึ้น

       "จงเชื่อมั่นในพลังแห่งไอเท็ม!"

       "ไอเท็ม...!"

       แม้เอ็นพีซีทั่วไปจะไม่เข้าใจคำว่าพลังแห่งไอเท็ม  แต่ทหารของเรย์ดันนั้นไม่ใช่  เมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งให้ทำ  พวกตนก็ต้องทำ  ในขณะที่ม้ากำลังควบ  ทหารทุกนายก็โก่งคันศรไปด้านหลังอย่างพร้อมเพรียง

       ลอเอลเองก็เช่นกัน  ทันใดนั้น  หน้าต่างข้อความระบบก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน

[ ท่านปล่อยมือออกจากสายบังเหียนม้า!  อันตรายมาก!  โอกาสที่ท่านจะตกจากหลังม้ามีมากถึง 60% ]
[ ไอเท็ม<รองเท้าสนับแข้งเหล็กกริดรุ่นผลิตจำนวนมาก>กำลังติดอยู่กับโกลนม้า  ส่งผลให้โอกาสตกจากหลังม้าลดลงอย่างมาก ]

       'ทำได้ไม่เลว'

       แม้ทหารราบระดับหัวกะทิจะมีทักษะขี่ม้าขั้นต้นติดตัว  แต่การจะใช้อาวุธบนหลังม้านั้นยังห่างไกลเกินไปสักหน่อย  แถมพื้นผิวทะเลทรายก็ยิ่งทำให้การฝึกฝนยากขึ้นหลายเท่า  ด้วยเหตุนี้  ลอเอลจึงร้องขอให้กริดผลิตไอเท็มที่ช่วยแก้ไขปัญหาขึ้นมา

       การแก้ปัญหาด้วยไอเท็มคือของถนัดสำหรับกริด  ชายหนุ่มทำการเพิ่มคุณสมบัติไปยังรองเท้าสนับแข้งเหล็ก  ให้เวลาที่ยึดเกาะอยู่กับโกลนม้า  โอกาสตกม้าจะลดต่ำลงจนเกือบเป็นศูนย์  ข้อเสียเดียวคือความรู้สึกเสียวสันหลังในยามปล่อยมือออกจากสายบังเหียน  แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

       'พวกเราจะทำความเคยชินกับมันเอง!'

       หึหึ!

       บนหลังม้า...  ลอเอลและทหารทั้ง 13 นายเริ่มง้างธนูบนหลังม้า!  องค์ชายเร็นพลันตื่นตระหนกกับภาพที่เห็น

       'เหตุใดทหารราบถึงมีทักษะใช้อาวุธบนหลังม้าได้?'

       แม้แต่อัศวินก็ยังยากที่จะได้รับทักษะอันแสนสำคัญเช่นนี้มา!  ลอเอลแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายเมื่อได้เห็นใบหน้าอันขาวซีดของเร็น

       "ทหารหัวกะทิแห่งเรย์ดันทุกนายเอ๋ย...! พวกนายคือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์และภักดีต่อดยุคกริด!  จงอัดความโกรธแค้นทั้งหมดที่มีลงในคมธนู  จงทำให้ศัตรูสำนึกเสียใจและรู้สึกสิ้นหวังที่บังอาจรุกรานเรย์ดันอันสำคัญยิ่งซะ!"

       ทหารทั้ง 13 นายพลันขนลุกซู่  แต่ด้วยความที่ผ่านการฝึกนรกกับปิอาโร่และอัสโมเฟลมาแล้ว  สมาธิของทุกคนจึงสงบนิ่ง  ลูกธนูทุกดอกถูกปล่อยออกไปด้วยสีหน้าเยือกเย็นปราศจากความสั่นคลอน

       ฟุ่บ!

       ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!

       "ปกป้ององค์ชาย!"

       ในฐานะขององค์รัชทายาท  ชีวิตของเร็นจึงมีความสำคัญกับอาณาจักรอีเทอนัลมาก  หน่วยลอบสังหารมันกรเงินจึงคอยเป็นเงาคุ้มกายตลอดเวลา  ยามนี้  พวกมันตัดสินใจถอดชุดดาลูก้าออกและเผยตนเอง  ลูกศรทั้ง 14 ดอกถูกมีดสั้นปัดป้องไว้ได้ทั้งหมด  คมมีสีเงินที่ส่องประกายยามค่ำคืนช่างดูน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง

       'แข็งแกร่ง!'

       ความกังวลเริ่มถูกเผยให้เห็นบนสีหน้าของเหล่าทหารเรย์ดัน  พวกเขายังไม่แข็งแกร่งพอจะต่อกรกับนักลอบสังหารระดับสูงไหว  

       แต่ลอเอลกลับยังคงแสยะยิ้มอยู่

       "โนเอะ!"

       สัตว์อสูรอันดับหนึ่งของขุมนรกตนนี้  ตลอดสงครามที่ผ่านมา  เจ้าแมวอ้วนหลับอยู่บนหน้าอกของลอเอลมาโดยตลอด  นั่นเป็นเพราะกริดสั่งไว้  ว่าให้โนเอะคุ้มกันลอเอลให้ดีที่สุด

       "เมี๊ยว!"

       แมวดำที่มาพร้อมกับปีกอสูร!  ร่างกายอันอวบอ้วนได้พุ่งตัวอย่างรวดเร็วเข้าใส่กลุ่มนักลอบสังหารมังกรเงิน  หลังจากนั้นก็เริ่มลงมือข่วนด้วยความเร็วที่ตามองไม่เห็น

       "แง่ง! แง่งแง่งแง่ง~~!"

       "โอ้ย!"

       "อั่ก!"

       "แค่ก!"

       หน่วยมังกรเงินล้วนเป็นนักลอบสังหารระดับสูง  จึงไม่ง่ายเลยที่โนเอะซึ่งมีเลเวล 200 ต้นๆ จะเอาชนะได้สบาย  มีดสั้นถูกยกมาบล็อคคมเขี้ยวไว้ได้หลายหน  แต่โนเอะก็ยังมีไม้ตายก้นหีบอยู่

       "งั่ม!"

       ปากของโนเอะขยายออกจนกว้าง  หลังจากนั้นก็เขมือบเพื่อกลืนกินค่าความว่องไวมาเป็นของตนเอง

       "หึหึหึ!  ฉันไม่อ่อนแอเหมือนกับชีวิตที่แล้วหรอกนะ!"

       จูนิเบียวลอเอลพึมพำอีกครั้งก่อนจะเหยียดนิ้วออกไป  พลังคีกำลังถูกควบแน่นที่ปลายนิ้ว  หลังจากนั้น  กรงเล็บมังกรก็พุ่งขึ้นจากพื้นดินและสร้างความเสียหายรุนแรงให้กับหน่วยมังกรเงิน

       "ป--เป็นไปไม่ได้!"

       หน่วยมังกรเงินถูกจัดการได้ง่ายดายขนาดนี้เชียวหรือ?

       'แมวปีศาจตัวนี้มันอะไรกันแน่?'

       องค์ชายเร็นเร่งความเร็วม้าขึ้นไปอีก  แต่โนเอะที่ขโมยความไวของนักลอบสังหารมา  มีหรือจะตามไม่ทัน

       ผัวะ!

       "อั่ก!"

       อุ้งเท้าแมวได้กระแทกเข้าที่หลังหัวขององค์ชายเร็นอย่างรุนแรงจนมันเสียหลักล้มลง  นี่คืออีกหนึ่งความอับอายที่ยากจะลืมเลือนของมัน

       ***

       ณ ค่ายทหารของเรย์ดัน  องค์ชายเร็นที่ละทิ้งกองทัพ  รวมไปถึงทหารทุกคนที่ยังรอดชีวิต  ทั้งหมดถูกจับกุมตัวมาไว้ที่นี่

       "พวกแกกล้าดียังไง!?  ไม่รู้รึไงว่าฉันเป็นใคร?"

       ด้วยความเป็นเชื่อพระวงศ์  แถมเร็นยังเป็นถึงองค์รัชทายาท  ทำให้มันทระนงตนราวกับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์  การถูกลากไปไหนมาไหนด้วยทหารเฉกเช่นสุนัขเยี่ยงนี้  สำหรับมันแล้ว  นี่คือความอับอายที่เกินกว่าจะยอมรับได้  ให้ถูกฆ่าทิ้งเสียยังดีกว่า  กริดอ่านความรู้สึกนี้ออกผ่านทางสีหน้าและแววตาที่มันแสดง  

       ชายหนุ่มจึงเปิดปากขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

       "คุกเข่าลงซะ"

       "อะไรนะ...?"

       แม้จะเป็นเชลย  แต่ฐานะองค์ชายแห่งราชวงศ์อีเทอนัลก็ไม่ใช่สิ่งที่จะถูกมองข้ามได้  อย่างน้อยก็ควรได้รับการปฏิบัติตัวเฉกเช่นเชลยชั้นดี  ไม่ใช่ลากเหมือนหมูเหมือนหมาแล้วสั่งให้คุกเข่าเช่นนี้

       "อ--เอ๋?  ดยุคกริด!  แกกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง?"

       "ไม่เห็นจะเข้าใจยากตรงไหน  นี่พวกแกโง่รึเปล่า?  ใครกันที่ฝ่ายคิดรุกรานเรย์ดันก่อน?  แล้วจะมากล่าวโทษอะไรฉันได้?  ไปเอาความกล้าหาญผิดๆ เช่นนี้มาจากไหนกัน?"

       "สามหาว!"

       ผั่วะ!

       เร็นกระอักเลือดคำโต  ดูเหมือนอวัยวะภายในบางชิ้นจะฉีกขาด  กริดถอนหายใจเบาๆ และกล่าวพร้อมกับจิตสังหารอันรุนแรง
       "แกไม่ได้สำนึกในความผิดเลยสินะ"

       นี่คือนิสัยเสียของคนที่เคยอยู่เหนือผู้อื่นมาก่อน  หากเติบโตมาด้วยการเหยียบย่ำผู้อื่น  คนเช่นนี้จะไม่มีทางสำนึกความผิดของตนเองได้เลยแม้เพียงเศษเสี้ยว

       'ไม่ต่างอะไรกับลีจุนโฮและชเยชานซองเลยสักนิด'

       กริดคือผู้ที่ถูกกระทำมาทั้งชีวิต  เขาจึงเข้าใจความรู้สึกและสีหน้าของผู้กระทำได้ดีกว่าใคร

       "คนอย่างแกไม่มีทางเปลี่ยนสันดานได้แน่  ฉันเองก็เช่นกัน"

       นิสัยในปัจจุบันของกริด  ได้ถูกหล่อหลอมขึ้นจากการถูกกลั่นแกล้งอย่างยาวนานในอดีต

       เขาจงเกลียดจงชังคนที่ดูแคลนและกดหัวผู้อื่นมาก  ความแค้นในคนประเภทนี้ได้ฝักรากลึกลงไปจนไม่อาจถอนออกได้อีก  แม้ว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้นมากขนาดไหนก็ตาม

       "ก้มหัวลงไป"

       ผั่วะ!

       แค่เป็นองค์ชาย  ไม่ทำให้กริดปฏิบัติตัวต่อมันดีกว่าผู้อื่น  เขาจับศีรษะขององค์ชายเร็นกดลงให้ก้มคำนับ

       หลังจากนั้นก็ประกาศกร้าวด้วยแววตาอันแสนเย็นชา

       "โทษของแกคือความตาย"

       เกิดเสียงเอะอะวุ่นวายขึ้นทันที

       อันที่จริง  ในทวีปตะวันตกจะมีกฏหมายข้อหนึ่งที่ใช้ร่วมกันมาเป็นเวลากว่าร้อยปีแล้ว  เนื้อความของกฏหมายมีดังนี้ : หากเชลยเป็นขุนนางหรือราชวงศ์  ห้ามทำร้ายร่างกายหรือคร่าชีวิตของเชลยโดยเด็ดขาด  

       ดังนั้น  การที่กริดฝ่าฝืนกฏเหล็กข้อนี้  ทั้งกองทัพหลวงและองค์ชายเร็นจึงตกตะลึงอย่างมาก

       ลอเอลรีบส่งข้อความส่วนตัวหากริด

       >>  ใจเย็นก่อน  หากนายฆ่าองค์ชายเร็นตอนนี้  เรย์ดันถูกโดดเดี่ยวและกลายเป็นศัตรูกับอาณาจักรอีเทอนัลทันที

       >>  ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้โดดเดี่ยวไปสิ  เพราะอีกเดี๋ยวฉันก็ต้องเป็นกษัตริย์อยู่แล้วมิใช่หรือ?

       >>  นั่นมันยังเร็วเกินไป  หากพวกเราแยกตัวทันที  ดินแดนตอนเหนือของมาร์ควิสสไตมจะถูกอาณาจักรอีเทอนัลยึดครองในตอนที่ไม่มีคนดูแล  เพราะทั้งมาร์ควิสสไตมและลาเด็นยังอยู่ที่นี่  แถมเรย์ดันก็จะกลายเป็นเหยื่อของจักรวรรดิอีกด้วย

       >> หืม...

       แม้กริดจะมีความเข้าใจในกลยุทธ์และการเมืองที่ต่ำ  แต่เขาก็เลือกจะฟังคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

       >>  แล้วฉันต้องทำยังไง?

       >>  กลายเป็นผู้มีพระคุณด้วยการไว้ชีวิตองค์ชาย  ไม่ว่ายังไงก็ตาม  ฝ่ายเสียเปรียบในศึกนี้คือฝั่งองค์ชาย  เขาสูญเสียไพร่พลไปมากจนตำแหน่งรัชทายาทอาจถูกสั่นคลอน  แล้วถ้าเกิดนายได้กลายเป็นผู้มีพระคุณเข้า  ไม่แน่ว่า  หลังจากนี้องค์ชายเร็นอาจให้การสนับสนุนนาย  เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว  หลังจากนั้นเรย์ดันก็จะมีคนหนุนหลังที่มั่นคงจนกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของอีเทอนัล

       >>  แต่ฉันเคยประกาศกร้าวไปแล้วว่า  จะไม่ปล่อยให้ผู้บุกรุกมีชีวิตรอดกลับไป

       >>  ฉันคงบอกได้เพียงว่า  นายต้องยอมกลืนน้ำลายตนเอง  การไว้ชีวิตองค์ชายไม่ได้ทำให้นายเสียความน่าเกรงขามลงไป  ตรงกันข้าม  ทุกคนจะชื่นชมในความใจกว้างและความเฉลียวฉลาดแทน

       >>  เป็นอย่างนั้นหรอกหรือ?

       ยอมกลืนน้ำลาย...  กริดไม่ชอบใจเอาเสียเลย

       >>  นายคงไม่คิดจะทรยศฉันหลังจากนี้ใช่ไหม?

       >>  สิ่งนั้นจะมีไม่มีวันเกิดขึ้น  ตราบใดที่นายยังปรารถนาจะเป็นผู้ปกครองสูงสุดของซาทิสฟายอยู่

       >>  ก็ได้  ถ้าอย่างนั้น  ฉันจะเข้มงวดกับตนเองให้หนักขึ้น  จนแม้แต่นายก็ยังต้องหวาดกลัวในตัวฉัน

       >>  หึหึหึ!              

       จูนิเบียวลอเอลแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย

       ความจริงที่ว่า  ลอเอลจะไม่มีวันทรยศเขา  กริดรู้ซึ้งในเรื่องนี้ดียิ่งกว่าใครทั้งหมด

Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00