จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 371
ดาบขุมนรก
ทักษะที่ติดมากับยารุกต์ซึ่งต้องสำเร็จเงื่อนไขบางประการถึงจะใช้ออกไปได้ ความรุนแรงของมันอยู่ในระดับสุดยอด ไม่แพ้ทักษะเกรดเลเจนดารีอย่างวิชาดาบแพ็กม่าเลยสักนิด เมื่อกริดได้สำรวจอย่างละเอียดก็พบว่ามันสามารถสร้างความเสียหายได้สูงกว่า<สังหาร>เลเวลสี่เสียอีก
=============================
[ ดาบขุมนรก ]
สร้างความเสียหายรุนแรง 2,400% ของพลังโจมตีกายภาพ
หลังจากนั้นจะสร้างรัศมีดาบสีดำจำนวน 24 เส้นขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งานเลือกโจมตีซ้ำภายในหนึ่งวินาที รัศมีดาบสีดำจะมีความรุนแรงเส้นละ 100%
________________________________
มานาที่ใช้ : 1,000
ระยะหน่วงหลังใช้ : 15 นาที
=============================
ชิ้ง!
ยารุกต์เวอร์ชั่นผสานกับความผิดพลาด
ซู่วว!
ซู่วว!
เกิดเป็นประกายแสงสีดำห้อมล้อมยารุกต์ไว้ เส้นตรงถูกวาดขึ้นบนลำตัวทีราเม็ทเพื่อแบ่งบางสิ่งออกเป็นสองซีก
ฉัวะ!
"...!"
ทีราเม็ทถูกฟันขาดเป็นสองท่อนตั้งแต่กลางศีรษะลงมาจนถึงหว่างขา ทันใดนั้นก็เกิดเป็นรัศมีดาบสีดำจำนวน 24 เส้นกลางอากาศรอบกายมัน กริดเริ่มทำการขยับนิ้วเพื่อออกคำสั่งให้กับรัศมีดำทั้งหมด
'หนึ่ง'
ฉัวะ!
'สอง'
ฉัวะ!
'สาม'
ฉัวะ!
กริดจำเป็นต้องออกคำสั่งกับพวกมันด้วยนิ้วมือตนเองเท่านั้น จากรัศมีดาบทั้งหมด 24 เส้น มีเพียงสามเส้นเท่านั้นที่ชายหนุ่มสามารถควบคุมให้โจมตีโดนทีราเม็ท ส่วนอีก 21 เส้นค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อครบกำหนดหนึ่งวินาที
'ยากฉิบ'
กริดยังไม่คุ้นชินกับการออกคำสั่งเป็นชุด มันทั้งซับซ้อนและมีเวลาจำกัดน้อยเกินไป ไม่ใช่สิ่งที่จะชำนิชำนาญได้ในการใช้งานจริงเพียงหนหรือสองหน
'ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ตอนเด็กๆ เราน่าจะใช้เวลาฝึกซ้อมเล่นเกมให้มากหน่อย...'
เขาต้องสูญเวลาอย่างเปล่าประโยชน์ไปกับการนั่งเรียนหลังขดหลังแข็ง ที่มุมสายตาของกริดในตอนนี้ หน้าต่างข้อความระบบปริมาณมากกำลังหลั่งไหลไม่หยุด
[ คริติคอล! ]
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 1,229,112 หน่วย ]
[ ความเสียหายบางส่วนถูกเปลี่ยนเป็นพลังชีวิตจากผลของแหวนเอลฟิน-สโตน ]
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 17,071 หน่วย ]
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 17,071 หน่วย ]
[ คริติคอล! ]
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 51,213 หน่วย ]
[ ผลของโทสะช่างตีเหล็กหมดลง ]
หลังจากการโจมตีอันหนักหน่วงทั้งดาบขุมนรก มายาร่ายรำ ร่ายรำสังหาร ร่ายรำ สังหาร ทำลายล้าง และวังวน รวมไปถึงไม้ตายก้นหีบอย่างผสานไอเท็มและร่างมืด
ณ จุดนี้ กริดมั่นใจมากกว่าทีราเม็ทจะต้องถึงจุดจบแล้วแน่นอน
'ไม่น่าจะมีตัวอะไรรอดไปจากทั้งหมดนั่นได้...'
กริดระเบิดพลังเต็มพิกัดใส่ทีราเม็ทตั้งแต่แรกเริ่ม เขาเหลือมานาเพียง 33 หน่วยหลังจากใช้ทุกทักษะสำคัญ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากทีราเม็ทยังไม่ตายงั้นหรือ ชายหนุ่มก็ต้องตกอยู่ในสถาพตั้งรับเพื่อรอให้โพชั่นมานากลับมาใช้ได้อีกครั้ง
แต่เรื่องแบบนั้นไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน
'เฮล-กาโอที่ถูกขุดศิลาอัคคีออกไปหนึ่งก้อนก็ไม่มีทางรอดเมื่อโดนการโจมตีเหล่านั้นเข้าไป...'
"อ--อะไรกัน..."
สีหน้าของกริดพลันขาวซีด
'ทำไมมันถึงยังไม่ตาย...'
กริดไม่ได้รับข้อความระบบที่บ่งบอกว่าสังหารทีราเม็ทได้แล้ว ชายหนุ่มเริ่มตื่นตัวอีกครั้ง
"...อา นั่นสินะ นี่คงเป็นสาเหตุที่เอลฟิน-สโตนต้องจบชีวิตลง"
ทีราเม็ทเปิดปากพูดขึ้นแม้พลังชีวิตของมันจะมิดหลอดแล้วก็ตาม
"เจ้านั่นมีร่างกายที่บอบบาง... แตกต่างจากฉันคนนี้!"
'ได้ยังไง...'
กริดพลันฉงนทันทีเมื่อเห็นทีราเม็ทยังมีชีวิตอยู่ ร่างของมันในยามนี้สิ้นสภาพไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว แต่กลับมีมวลพลังเวทย์มหาศาลกำลังอัดแน่นอยู่รอบผ้าขี้ริ้วนั่น
"ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด ตัวฉันมีพลังเวทย์มนต์อ่อนแอที่สุด ไม่อาจใช้เวทย์ทรงพลังได้เหมือนพี่น้องคนอื่นเขา แต่ก็แลกมาด้วย..."
"...!"
ดวงตาของกริดเบิกโพลง พลังเวทย์มืดรอบกายทีราเม็ทได้ฟื้นฟูร่างที่แหลกเหลวของมันให้กลับมาเป็นปรกติอีกครั้ง
"ฉันมีพลังเวทย์ชนิดพิเศษสำหรับการฟื้นฟูร่างกาย จะเรียกว่าอมตะก็ไม่ผิดนักหรอกนะ"
ทีราเม็ทแสยะยิ้มเผยให้เป็นเขี้ยวอันแหลมคม
"เอาล่ะ มาเริ่มกันอีกรอบดีกว่า"
ตึง!
ทีราเม็ทตั้งท่าเตรียมสู้ ดูราวกับเป็นนักศิลปะการต่อสู้ยังไงยังงั้น ใช่แล้ว เป็นท่าลักษณะเดียวกับที่เรกัสชอบใช้ บอกเป็นนัยว่ามันจะไม่มีวันโดนลอบโจมตีอย่างคาดไม่ถึงอีก
"จะบอกอะไรให้อย่างนะ ฉันแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่เกือบตายและคืนชีพกลับมาใหม่สำเร็จ"
เปรี้ยงงง!
ทีราเม็ทขยับเท้าหนึ่งครั้งพร้อมกับชกลม เกิดเป็นพลังเวทย์ปริมาณมหาศาลพุ่งออกมาจากกำปั้นพร้อมกับสายลมคลื่นกระแทก นี่คือการโจมตีผสานอันหนักหน่วงที่แฝงไว้ทั้งพลังเวทย์และพลังกายภาพ
'เจ้านี่เป็นแค่วิสเคาต์จริงหรือ'
หากไม่นับการโจมตีที่ทรงพลัง ความว่องไวก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นด้วย กริดเรียกหัตถ์เทวะทั้งหมดกลับมาอยู่ในท่าป้องกันอีกครั้ง ทั้งนี้ก็เพื่อรอให้ระยะหน่วงของโพชั่นมานาและทักษะต่างๆ กลับมาพร้อมใช้งาน
แต่ทีราเม็ทได้เกิดใหม่มาพร้อมกับค่าสถานะที่สูงกว่าเดิมมาก คงเป็นการยากที่กริดจะรับมือได้โดยปราศจากทักษะทั้งปวง
ผลัก! ผัวะ!
ทีราเม็ทเตะต่อยได้รวดเร็วคล่องแคล่วมากขึ้น หัตถ์เทวะเริ่มใช้งานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพเพราะตกอยู่ในอาการชะงักงันบ่อยครั้ง กริดเล็งเห็นว่าสถานการณ์แบบนี้คงยื้อต่อไปได้ไม่นานแน่
'ท่าไม่ดีแล้วสิ'
ในกรณีของเอลฟิน-สโตนนั้น ความแข็งแกร่งส่วนใหญ่ของมันมาจากเขตแดนโลหิตและเวทย์มนต์สร้างอาการผิดปรกติชนิดอื่น พลังทางกายภาพจึงมีไม่สูงมาก ทำให้เอลฟิน-สโตนไม่สามารถดึงพลังที่แท้จริงออกมาสู้กับกริดได้ ต่างจากทีราเม็ทที่เน้นหนักไปในด้านพลังกายภาพ ศัตรูชนิดนี้คือสิ่งที่กริดแพ้ทางมากที่สุด
'แถมทักษะการชุบชีวิตตัวเองนั่นอีก'
ชายหนุ่มทำพลาดมหันต์ที่ดันใช้ทักษะทั้งหมดไปกับการมุ่งเน้นปลิดชีพ ถ้าหากไม่ใช่เพราะสติปัญญาและจิตใจแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมากแล้ว ป่านนี้คงกำลังสิ้นหวังพร้อมกับสติแตกแน่นอน
เคร้ง!
ผลั่ก! ผัวะ!
ในขณะที่กริดมีแต่จะย่ำแย่ลง ทีราเม็ทนั้นได้ใจรุกหนัก กำปั้นและฝ่าเท้าถูกประเคนใส่กริดอย่างพัวพัน ชายหนุ่มพยายามปัดป้องอย่างสุดชีวิตโดยไร้ทางหนี
"การที่ฉันเป็นแค่วิสเคาต์ ไม่ใช่เพราะว่าอ่อนแอกว่าเอลฟิน-สโตน แต่เป็นเพราะฉันไม่ต้องการมีภาระหน้าที่อันยุ่งยากวุ่นวาย!"
เคร้ง!
กริดเริ่มหยิบโล่เทวะออกมาป้องกัน
ทีราเม็ทใช้โล่เทวะเป็นฐานเหยียบเพื่อกระโดด ในยามที่เอาขาลงพื้นมันก็เริ่มหมุนตัวควงสว่านอย่างรวดเร็วพร้อมกับควบแน่นพลังเวทย์ไว้ที่ปลายนิ้วโป้งเท้า ก่อเกิดเป็นลมพายุอันรุนแรงเกรี้ยวกราดส่งผลให้ทั่วบริเวณถูกปกคลุมไว้ด้วยพลังเวทย์ปริมาณมาก
'รับไปตรงๆ ไม่ดีแน่'
กริดตั้งสติพร้อมกับเตรียมหลบหลีก แต่คงเป็นการยากที่จะหลบให้พ้นทีราเม็ทซึ่งมีความเร็วระดับนี้ เพราะผลของบัฟ<พลิ้วไหว>ได้หมดลงแล้ว ทีราเม็ทซัดกริดจนล้มลงไปกองกับพื้น
"วะฮ่าฮ่าฮ่า! ต้องอย่างนั้น มนุษย์อย่างแกคู่ควรกับการนอนเกือกกลิ้งบนพื้นมากกว่า!"
ทีราเม็ทย่างสามขุมเข้ามาใกล้และใช้เท้าเหยียบไหล่กริดไว้
โครม!
"อ๊ากกกก!"
ชายหนุ่มส่งเสียงร้องอย่างทุกข์ทรมาน ทีราเม็ทก้มตัวลงไปดึงศีรษะกริดให้ตั้งขึ้นและกระซิบข้างหูว่า
"ฉันจะบดขยี้แกจนกว่าจะสาแก่ใจ"
เปรี้ยง!
ทีราเม็ทประเคนเข่าใส่ใบหน้ากริด
ผั่วะ!
ครั้งที่สอง
ผลั่ก!
ครั้งที่สาม
หยาดโลหิตไหลรินท่วมศีรษะกริดจนแดงฉาน ยูร่าส่งเสียงกรีดร้องราวกับหัวใจกำลังแหลกสลาย
"กริด!!"
***
[ มานาถูกใช้ไปกับการกลั่น <กระสุนปัดเป่า> ]
[ ปืนเวทย์มนต์ของท่านไม่สนับสนุนโหมดไรเฟิล มีโอกาสสูงมากที่จะเกิดข้อผิดพลาด ]
[ กระสุนปัดเป่าขัดลำกล้อง ]
[ ความคงทนของไอเท็ม <ปืนเวทย์มนต์เอมิลฟา> ลดลง 95 หน่วย อันตราย! ไอเท็มใกล้เสียหาย ]
[ มานาถูกใช้ไปกับการใช้งาน <ดาบอาฆาต> ]
[ ปืนเวทย์มนต์ของท่านไม่สนับสนุนโหมดดาบ มีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนรูปร่างไม่สำเร็จ ]
[ ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นรูปร่างดาบอาฆาตได้ ]
[ ความคงทนของ <ปืนเวทย์มนต์เอมิลฟา> กลายเป็น 0 อาวุธถูกทำลายเป็นการถาวร ]
นักล่าอสูรยูร่ายังไม่อาจดึงพลังที่แท้จริงออกมาใช้งานได้ เป็นเพราะเธอยังทำภารกิจประจำคลาสไม่เสร็จงั้นหรือ นั่นก็ใช่ หรือจะเป็นเพราะเธอยังมีเลเวลไม่ถึง 300 กันนะ จึงยังไม่ได้รับการตื่นของค่าสถานะระดับสาม นั่นก็ใช่อีกเช่นกัน
แต่เหตุผลหลักและเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดซึ่งทำให้ยูร่าดึงศักยภาพออกมาไม่ได้เต็มที่ คือการที่ปืนเวทย์มนต์ของเธอมีเลเวลเพียง 180 เท่านั้น เน้นย้ำกันอีกครั้ง ปืนเวทย์มนต์คืออาวุธที่สร้างได้เฉพาะในโรงแปรธาตุ
แต่ดูเหมือนปืนเวทย์มนต์ที่สร้างจากโรงแปรธาตุของมนุษย์จะยังเป็นผลผลิตที่มีตำหนิอยู่ เทคโนโลยีแปรธาตุของมนุษย์สามารถเลียนแบบการทำงานของปืนเวทย์มนต์ได้บางส่วนเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด ปืนเวทย์มนต์ที่แท้จริงจะต้องสนับสนุนทั้งโหมดไรเฟิล โหมดดาบ และโหมดปืนสั้นได้อย่างไร้ปัญหา โดยมีเพียงเผ่าคนแคระเท่านั้นที่สามารถสร้างอาวุธชนิดนี้ได้สมบูรณ์แบบ
"กริด...!!"
ชายเพียงคนเดียวในโลกที่สั่นคลอนหัวใจอันเย็นชาของเธอได้ ยูร่ารู้สึกเศร้าใจที่ตนไม่อาจทำอะไรได้เลยในขณะที่ชายหนุ่มกำลังถูกซ้อมอย่างหนัก หน้าอกพลันเจ็บแปลบ
'ทำไมนายต้องทำเพื่อฉันขนาดนี้...'
ทำไมต้องเสียสละตนเองเพื่อเธออีกแล้ว ยูร่ากล่าวขอโทษกริดในใจนับพันครั้ง เธอเกลียดตนเองที่ไร้ประโยชน์
'เราต้องหาทางช่วยเขา'
เธอคิดฝืนใช้ทักษะไพ่ตายของตน แม้ว่ามันจะทำให้อาวุธสำรองต้องพังเสียหายไปอีกชิ้นก็ตาม ปืนเวทย์มนต์เลเวล 120 ถูกชักออกจากกระเป๋าสัมภาระ ปืนเวทย์มนต์เรียนฟ่า ยูร่าถือมันวิ่งเข้าไปยืนจังก้าต่อหน้าทีราเม็ทโดยอัดแน่นไปด้วยเกียรติยศศักดิ์ศรีและความห่วงใยที่มีต่อกริด
'แกอย่าได้ลืมว่าศัตรูที่แท้จริงคือใคร...!'
"หยุดนะ!" ยูร่าตะโกนขึ้นพร้อมหันปากกระบอกปืนเข้าหาทีราเม็ท แต่ทันใดนั้นก็ต้องชะงักไปหลังจากได้ยินเสียงของใครบางคน
"ใจเย็นก่อน ฉันไม่เป็นอะไร"
"...เสียงกริดหรือ"
เสียงของกริดใสกังวาลเกินกว่าจะอยู่ในสภาพปางตายจากการถูกทีราเม็ทซ้อม แถมยังดังมาจากจุดแปลกประหลาดที่ไม่ถูกไม่ควร ทันใดนั้นทีราเม็ทก็โพล่งขึ้นอย่างประหลาดใจ
"ตัวปลอม...!"
ใช่แล้ว กริดที่ถูกทีราเม็ทซ้อมอยู่คือแรนดี้ ไม่ใช่ตัวจริง เป็นเวลาเดียวกันกับที่กริดกระโดดเข้าใส่ทีราเม็ทจากด้านบน
ทักษะใหม่ของแรนดี้ซึ่งเธอได้รับมาเมื่อครั้งที่เลื่อนเลเวลถึงระดับ 200 ตอนอยู่บนหมู่เกาะเบเฮ็น <สลับตำแหน่งกับร่างต้นที่เลียนแบบ> ถือเป็นทักษะที่มีประโยชน์ใช้สอยหลากหลาย
"พวกแกสลับตัวกันงั้นหรือ...!"
"สังหาร!"
เปรี้ยง!
"อ๊ากกกก!"
ทีราเม็ตส่งเสียงร้องเจ็บปวดเมื่อถูกยารุกต์เสียบเข้าที่ศีรษะ แต่ก็ยังเร็วไปนักที่จะกล่าวว่ากริดได้รับชัยชนะแล้ว ชายหนุ่มยังคงมีมานาไม่พอใช้และระยะหน่วงทักษะอื่นก็ยังไม่พร้อม
แถมยิ่งไปกว่านั้น
'จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราทุ่มพลังทั้งหมดลงไปแล้วมันดันฟื้นกลับมาอีก'
นั่นยิ่งจะแย่ไปกว่านี้ และอาจเป็นจุดจบของจริงเลยก็ว่าได้
'มีโอกาสสูงที่บอสตัวนี้จะไม่มีทางเอาชนะได้ถ้างานเงื่อนไขบางประการไม่ตรง'
กริดหันไปพูดกับยูร่า
"พวกเราต้องถอยก่อน"
แต่ยูร่ากลับคิดต่าง เธอโล่งใจที่กริดปลอดภัยดี และในระหว่างที่มองกริดสู้อย่างใจเย็น หัวสมองก็ประมวลผลหาวิธีฆ่าทิราเม็ทออกมาได้
"มีบาดแผลที่มันเคยถูกนักล่าอสูรคนก่อนทำร้ายอยู่"
เหตุใดบาดแผลนั้นถึงไม่หายไปแม้ว่าจะมีพลังรักษาระดับอนันต์เช่นนี้ คำตอบงั้นง่ายมาก เป็นเพราะบาดแผลดังกล่าวถูกสร้างขึ้นจากฝีมือของนักล่าอสูรโดยตรง
"ฉันอาจเป็นคนเดียวที่ฆ่ามันได้"
ยูร่าคาดเดาจากเหตุผลและหลักฐานที่มี ในขณะเดียวกันก็มีใครบางคนปรบมือให้กับการสันนิษฐานอันแม่นยำของเธอ เป็นสติกส์ เขาเฝ้ามองการต่อสู้จากด้านนอกมานานแล้ว ยามนี้กำลังอมยิ้มอย่างอบอุ่นและหันไปมองยูร่า
"ที่เธอพูดมานั้นถูกต้องทุกประการ"
"คุณคือ..."
นี่คือครั้งแรกในซาทิสฟายที่เธอได้พบกับเผ่าเอลฟ์ ยูร่าเกิดอาการสับสนไปครู่หนึ่งก่อนจะนึกบางสิ่งขึ้นได้
"กริด นายเข้ามาในดันเจี้ยนนี้ได้ด้วยฝีมือของเขาใช่ไหม"
กริดพยักหน้า
"ถูกต้อง เขาคือจอมปราชญ์เร้นกายที่มีนามว่าสติกส์"
สติกส์ยื่นกล่องเล็กๆ ให้กับยูร่า
"นี่คือปืนกระบอกที่อเล็กซ์ใช้เมื่อยังเยาว์วัย"
อเล็กซ์ อดีตนักล่าอสูรคนก่อนและเพื่อนสนิทของสติกส์ กริดที่รักษาความเยือกเย็นมาได้ตลอดพลันออกอาการหงุดหงิด
"นายไม่มีไอเท็มที่แพ็กม่าใช้ตอนเยาว์วัยบ้างรึไง"
"ไม่เลย กระผมไม่ได้สนิทกับแพ็กม่า"
สติกส์ตอบกลับอย่างหนักแน่น กริดทำได้เพียงคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
***
สันตะปาปาดาเมี่ยน เขาอาศัยอยู่ในเรย์ดันมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว
ดาเมี่ยนกำลังมีความสุขมาก เพราะว่าเขาดีใจที่ได้เห็นโบถส์รีเบคก้าถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็วในเรย์ดันงั้นหรือ เปล่าเลย นั่นเป็นเพียงเหตุผลรอง
ลอร์ด-สไตม การได้เล่นกับบุตรชายกริดกลายเป็นงานอดิเรกในทุกวันไปแล้ว
"นายเข้าใจหลักการควบคุมพลังเทพแล้วงั้นสินะเจ้าหนู นายไม่ใช่แค่อัจฉริยะ แต่เป็นสุดยอดอัจฉริยะ!"
"บูบู!"
ลอร์ดพยักหน้าหงึกหงักอย่างภูมิใจเมื่อสามารถสร้างแสงสีขาวออกมาจากปลายนิ้วได้ แม้จะเป็นแสงที่มีความเข้มข้นเจือจางบางเบา แต่เขาก็เพิ่งจะฝึกมันได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ลอร์ดเป็นอัจริยะในทุกด้านอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าใครจะสอนสิ่งใด ลอร์ดก้สามารถเรียนรู้ได้ในพริบตา
"นายสามารถใช้พลังเทพในการปกป้องพวกพ้อง แถมยังใช้มันจัดการกับเผ่าพันธุ์อสูรได้ง่ายดายอีกด้วย ตัวอย่างเช่นพวกแวมไพร์"
ดาเมี่ยนเกิดความคิดเอาจริงเอาจังที่จะถ่ายทอดความรู้ของตนให้ลอร์ด
โดยในขณะเดียวกัน ทั้งคาซิมและหน่วยมังกรเงินทั้ง 20 คนก็กำลังหลบซ่อนอยู่ในความมืดคอยอารักขานายน้อยผู้นี้
สนุกมากครับ
ReplyDeleteขอบคุณมากครับ
ReplyDeleteทีมยูร่า
ReplyDeleteยูร่าเริ่มจะเกิบความรู้สึกไม่อยู่ละเริ่มแสดงออกมาที่ละนิด
ReplyDelete