จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 361
[ ท่านเข้าสู่เกาะหมายเลข 20 ]
"แฮ่ก... แฮ่ก..."
สีหน้าของกริดดูซีดเผือดเมื่อเขาเริ่มหายใจไม่ทัน ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น ชายหนุ่มใช้เวลาไปแล้วทั้งสิ้น 45 ชั่วโมงกับอีก 19 นาทีเพื่อเคลียร์เกาะทั้ง 19 แห่งที่ผ่านมา นั่นหมายความว่าเขาเล่นเกมติดต่อกันมาแล้ว 15 ชั่วโมงในชีวิตจริง การที่ต้องเล่นเกมออนไลน์เสมือนจริงติดต่อกันนานถึง 15 ชั่วโมงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ร่างกายขาดน้ำขาดสารอาหาร แถมสภาพจิตใจก็ยังเกิดความตึงเครียด
'นับตั้งแต่เกาะหมายเลข 11 เป็นต้นมา ดูเหมือนเราจะใช้เวลาไปมากทีเดียว'
เกาะหมายเลข 11 ถึง 19 จะเป็นภารกิจชนิดล่ามอนสเตอร์หรือไม่ก็ล้มบอส จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะใช้เวลานานจนส่งผลให้กริดออกอาการเหนื่อยล้า
'วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า'
ดันเจี้ยนหมู่เกาะเบเฮ็นไม่มีเวลาเส้นตายกำหนด กริดจึงไม่มีความจำเป็นต้องเอาชีวิตนเองไปเสี่ยงเพียงเพราะความวู่วาม และตอนนี้เลเวลของกริดอัพเป็น 306 แล้ว
แต่ในขณะที่เขากำลังจะล็อกเอาต์ออกจากเกม
'นั่นมันอะไร...'
เงาขนาดใหญ่บนท้องฟ้าได้ทำให้เกาะหมายเลข 20 แห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด ประหนึ่งเป็นยามค่ำคืนก็มิปาน
"นั่นมัน...!"
กริดเงยหน้าขึ้นและพบกับความตกตะลึง วัตถุทรงกลมปริศนาขนาดใหญ่ที่มีดวงตานับหมื่นอยู่รายรอบได้บดบังดวงอาทิตย์จนหมดสิ้น
"อึก..."
กริดขมวดคิ้วพลางจะอาเจียน เขาต้องข่มใจอยู่นานเพื่อไม่ให้อ้วกพุ่งออกมา รูปลักษณ์ของวัตถุทรงประหลาดนี้ช่างน่าเกลียดน่ากลัว เพราะไม่เพียงแค่ดวงตาอันแสนอัปลักษณ์เท่านั้น แต่บนวัตถุทรงกลมก็ยังมีเส้นเลือดสีแดงเข้มปูดโปนอย่างน่าสยดสยอง ด้วยเบ้าตานับหมื่นที่ถลนออกมา ทุกครั้งที่พวกมันเริ่มกระพริบตา กริดแทบสิ้นลมหายใจตายเสียตรงนั้น
นี่มันบททดสอบบ้าบออะไรกัน... ในขณะที่กริดพยายามเบือนสายตาออก ข้อความระบบที่คุ้นเคยก็แสดงขึ้นเฉกเช่นทุกครั้ง
[ ภารกิจถูกสร้างขึ้น ]
========================
[ เกาะหมายเลข 20 ]
จงหลบการจดจ้องจากจันทร์ขุมนรก
___________________________
ของรางวัลผ่านบททดสอบครั้งแรก : คะแนนท้าทาย 130 แต้ม
========================
[ ภารกิจจะเริ่มขึ้นในอีก 30 นาทีข้างหน้า ]
'จันทร์ขุมนรก...'
ดวงจันทร์ในขุนนรกมีหน้าตาเช่นนี้หรอกหรือ
'เป็นไปได้...'
กริดเคยมีประสบการณ์ไปเยือนนรกมาแล้วหนหนึ่ง โลกที่เขาเห็นในตอนนั้นไม่มีสิ่งใดแตกต่างจากโลกมนุษย์เลยสักนิด จึงเป็นการยากที่จะให้เชื่อว่าดวงจันทร์ในขุมนรกจะอัปลักษณ์ขนาดนี้
'แต่ใครจะรู้ล่ะ เพราะตอนนั้นเราโชคดีไปโผล่ตอนกลางวัน'
แม้จะน่าเกลียดน่ากลัวขนาดไหน แต่ในเมื่อเป็นเป้าหมายบททดสอบ ครั้นจะไม่เพ่งพิจารณาเลยก็คงจะไม่ได้ และทันทีที่กริดหันกลับไปมองจันทร์ขุมนรกอีกครั้ง...
[ ภูติช่วยเหลือปรากฏตัว! ]
ระบบที่ไม่เคยมีมาก่อนตลอด 19 เกาะแรกได้ปรากฏขึ้น
"สวัสดีท่านผู้ท้าทาย"
สูงราว 50 เซนติเมตรได้กระมัง... ภูติเพศชายซึ่งมาพร้อมกับแสงสว่างได้กล่าวทักทายกริด แม้น้ำเสียงและวิธีการพูดจะเปี่ยมไปด้วยความสุภาพนอบน้อม แต่สีหน้ากลับกำลังเผยให้เห็นถึงความซุกซน
"นายเป็นใคร"
ภูติชายตอบกลับ
"กระผมคือบีนี่ ภูติแห่งความรักและความถูกต้อง จอมปราชญ์สติกส์ได้ส่งผมให้มาอำนวยความสะดวกแก่ท่านผู้ท้าทาย"
"โฮ่... จากสติกส์งั้นหรือ"
"ใช่แล้วขอรับ จอมปราชญ์สติกส์กำลังหวังว่าใครสักคนจะสามารถเคลียร์ดันเจี้ยนหมู่เกาะเบเฮ็นแห่งนี้ได้สำเร็จ"
"กำลังหวังว่างั้นรึ..."
กริดเคยคิดว่าบททดสอบยากๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่สติกส์สร้างขึ้น อาจเป็นบทพิสูจน์ว่าผู้ท้าทายแข็งแกร่งพอที่จะเดินทางไปยังทวีปตะวันออกหรือไม่ แต่ดูเหมือนตนจะเดาผิดไปถนัด
"ถ้าหากไม่ใช่สติกส์ แล้วใครกันที่เป็นคนสร้างหมู่เกาะเบเฮ็นขึ้นมา"
"กระผมเองก็ไม่ทราบ หมู่เกาะเบเฮ็นมีตัวตนอยู่มานานแล้ว"
"บนเกาะหมายเลขสุดท้ายมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่"
"เรื่องนี้กระผมก็ไม่ทราบเช่นกัน ท่านสามารถถามจอมปราชญ์สติกส์ได้โดยตรงหากมีโอกาส"
"...เห็นว่านายคือภูติช่วยเหลือ แต่ดูเหมือนจะช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลยนะ"
"ไม่เลย กระผมช่วยท่านได้แน่นอน หน้าที่หลักของผมคือการช่วยเหลือท่านผู้ท้าทายให้ผ่านบททดสอบต่างหาก"
"แล้วทำไมถึงไม่ปรากฏตัวออกมาให้เร็วกว่านี้"
"กระผมไม่ช่วยเหลือพวกอ่อนแอหรอกนะ จะช่วยเฉพาะผู้ที่สามารถมายังเกาะหมายเลข 20 ด้วยพลังของตนเองเท่านั้น! นับจากนี้ไปก็ช่วยฟังคำแนะนำของกระผมด้วย"
บีนี่หยิบแว่นออกมาสวมและเริ่มบรรยาย
"ในการจะผ่านบททดสอบของเกาะหมายเลข 20 ท่านจะต้องห้ามถูกดวงตาของจันทร์ขุมนรกจ้องมองเด็ดขาด ว่ากันว่าจำนวนของดวงตาจะมีทั้งหมด 66,666 ดวง และไม่มีสถานที่ใดบนเกาะนี้ที่พวกมันมองไม่เห็น"
"แล้วฉันจะหลบยังไงได้บ้าง"
"ต้องแสร้งว่าท่านไม่ใช่ผู้คน"
"อะไรนะ"
แสร้งว่าไม่ใช่ผู้คน
'เดี๋ยวก่อน...'
ในขณะที่กำลังฉงน กริดก็นึกถึงทักษะร่างมืดขึ้นมา
"แล้วถ้าฉันกลายเป็นเผ่าอสูรล่ะ"
"เห... ท่านผู้ท้าทายมีพลังของร่างมืดด้วยงั้นหรือ สมแล้วที่มาถึงเกาะหมายเลข 20 ได้ด้วยตนเอง แต่น่าเสียดายที่วิธีนั้นก็ใช้ไม่ได้ผล จันทร์ขุมนรกจะเป็นศัตรูกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด"
"งั้นก็พูดว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดแต่แรกก็สิ้นเรื่อง"
"ท่านผู้ท้าทายเป็นเผ่ามนุษย์ กระผมจึงอธิบายเป็นภาษาของมนุษย์ ฮิฮิ"
"แล้วฉันจะแสร้งว่าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตด้วยวิธีไหนได้บ้าง"
"หยุดนิ่ง"
"..."
"จันทร์ขุมนรกจะไม่คิดว่าสิ่งที่กำลังหยุดนิ่งเป็นสิ่งมีชีวิต ท่านต้องหยุดนิ่งในจังหวะที่ดวงตาของจันทร์ขุมนรกเปิดออก และต้องขยับหนึ่งก้าวอย่างช้าๆ เมื่อดวงตาปิดลงในทุกห้าวินาที"
'เหมือนกับเกมไฟเขียวไฟแดงสินะ'
กริดพลันย้อนนึกไปถึงการละเล่นสมัยเด็กระหว่างที่ตนกวาดสายตามองไปรอบเกาะ หลังจากนั้นก็ต้องขมวดคิ้วหนัก เพราะขนาดของเกาะหมายเลข 20 นั้นใหญ่เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ดูเหมือนจะใหญ่กว่าสวนสาธารณะยออิโดราวสองถึงสามเท่าเลยทีเดียว
"ขยับหนึ่งก้าวในทุกห้าวินาที... แล้วฉันต้องเดินไปถึงจุดไหนกัน"
กริดถามด้วยเสียงสั่นเครือ
บีนี่ตอบกลับพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง
"อีกฟากฝั่งหนึ่งของเกาะแห่งนี้ ประตูมิติสำหรับเกาะถัดไปรออยู่ที่นั่น"
"..."
ถ้าคนเรามีกระบวนการความคิดที่ซับซ้อนขึ้น นั่นจะทำให้นิสัยเก่าๆ หายไปด้วยรึไม่ คำตอบคือไม่เกี่ยวกันเลยสักนิด แม้จะฉลาดขึ้นหน่อยนึงแล้ว แต่นิสัยเสียในอดีตก็ไม่มีวันถูกลบออกไปได้โดยง่าย
"นี่นายจะบ้ารึไง!"
กริดเผยสันดานดิบโดยการคว้าผ้าอ้อมที่บีนี่สวมอยู่ด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด บีนี่รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก เพราะยามนี้แก้มก้นของตนเผยออกมาให้เห็นกว่าครึ่งแล้ว
"ท่านผู้ท้าทายคิดจะทำอะไรกระผม!"
บีนี่ยิ่งสั่นระริกเมื่อใบหน้าของกริดยิ่งเข้ามาใกล้
"ไอ้วิธีการขยับทีละก้าวในทุกห้าวินาทีของนายมันดีที่สุดแล้วจริงหรือ แทนที่จะช่วยเหลือฉัน ดูเหมือนนายกำลังเล่นตลกกับฉันมากกว่านะ"
กริดไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากต้องใช้วิธีของบีนี่จริง ตนต้องใช้เวลากี่วันกว่าจะเดินไปถึงอีกฟากฝั่งหนึ่งของเกาะ และเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้วที่กริดยังเก็บอารมณ์ไว้ได้ขนาดนี้
'และถ้าเกิดระหว่างหยุดนิ่งอยู่ต้องถูกมอนสเตอร์จู่โจมเข้าล่ะก็...'
บีนี่รีบพูดอธิบายกับกริดที่กำลังฉุนเฉียวสุดขีด
"12 ชั่วโมง! ดวงอาทิตย์จะโผล่ขึ้นทุกๆ 12 ชั่วโมง ถึงตอนนั้นจันทร์ขุมนรกก็เลือนจะหายไปชั่วคราว"
"ฉันจะต้องเดินหนึ่งก้าวในทุกห้าวินาทีตอนกลางคืน และสามารถเป็นอิสระได้ในตอนกลางวันใช่ไหม"
"ถูกต้อง! รีบวิ่งให้สุดชีวิตตอนกลางวันและต่อสู้กับจันทร์ขุมนรกตอนกลางคืน! มันใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น! แม้อาจต้องประสบกับปัญญาอดนอนไปบ้าง แต่นี่คือวิธีที่เป็นไปได้มากที่สุด!"
'ยากฉิบ'
กริดรู้สึกทึ่งกับครอเกลที่สามารถไปได้ถึงเกาะหมายเลข 30
'เดี๋ยวก่อนนะ... เราใช้ไอ้นั่นได้ไหม'
กริดปล่อยผ้าอ้อมของภูติช่วยเหลือทันทีที่เขาได้ไอเดียใหม่ ไอเท็มชิ้นที่สองซึ่งกริดออกแบบต่อจาก<ความผิดพลาด> สิ่งนั้นจะมีประโยชน์ในสถานที่แบบนี้ไหมนะ
"จันทร์ขุมนรกมีประสาทสัมผัสอื่นนอกจากการมองเห็นรึเปล่า"
"ไม่นะ กระผมไม่เคยได้ยินเรื่องนั้นมาก่อน"
ป่านนี้สติกส์เองก็คงกำลังเฝ้ามองจากที่ใดสักแห่ง...
บีนี่ยังคงสะอื้นจากความอับอายเมื่อครู่อยู่
"งั้นหรอกหรือ"
กริดแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายทันที เขามีวิธีรับมือกับดวงตาของจันทร์ขุมนรกแล้ว แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ กริดต้องพักผ่อนเสียก่อนเพราะสภาพจิตใจและร่างกายกำลังเหนื่อยล้าสุดขีด
"ล็อกเอาต์"
***
"ฮ้าวว... รู้สึกดีจัง"
การได้นอนเต็มอิ่มหนึ่งคืนทำให้ยองวูกระปรี้กระเปร่า เขายืดเส้นยืดสายเล็กน้อยก่อนจะเดินมายังห้องนั่งเล่นซึ่งมีเซฮีนั่งอยู่ก่อนแล้ว
"หนูได้รับโทรศัพท์จากหัวหน้าทีมโทมินจุน"
"หัวหน้าทีมโทมินจุนงั้นหรือ"
เธอคือพนักงานระดับหัวกะทิของบริษัทก่อสร้างเซนต์คอนสตรักชั่น เซนต์คอนสตรักชั่นคือบริษัทก่อสร้างอันดับที่ห้าของเกาหลีใต้ซึ่งไม่ได้เป็นบริษัทลูกของกลุ่มทุ่นยักษ์ใหญ่ใดทั้งสิ้น และยังเป็นบริษัทที่ดูแลการสร้างตึกราคาหมื่นล้านวอนของยองวูด้วย
"เธอว่าไงบ้าง"
"ก็รายงานความคืบหน้าตามปรกติน่ะ เธอยังบอกอีกว่าให้พี่โผล่หน้าไปดูตึกบ้าง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ลูกค้าของเธอไม่ไปตรวจตราความคืบหน้าตึกของตนเอง"
"พี่จะเอาเวลาที่ไหนไปดูกันเล่า ต้องเล่นเกมทั้งวันนะ"
"ชินยองวู ดูเหมือนช่วงนี้พี่จะเริ่มไว้ใจในตัวคนอื่นบ้างแล้วสินะ ถ้าเป็นสมัยอดีตคงเอาแต่คิดเรื่องที่ผู้อื่นจะแอบทำสิ่งแย่ๆ หากไม่ได้ไปเฝ้าด้วยตัวเอง 24 ชั่วโมงทุกวัน"
"ทางเซนต์คอนสตรักชั่นก็ทำงานได้ดีแล้วไม่ใช่หรือ แถมยังเป็นบริษัทที่ยูร่าเจาะจงแนะนำมาให้ คงไม่ใช่พวกห่วยแตกหรอกมั้ง ช่างเถอะ เซฮี เธอจะไปดูกับพ่อแม่ก็ได้นะ"
"ก็ได้ เข้าใจแล้ว"
เดิมทีพี่ชายของเธอจะต้องถูกปกป้องและคอยดูแลเอาใจใส่ ทว่าเรื่องนั้นเป็นอดีตไปนานแล้ว ตอนนี้เซฮีเชื่อมั่นในสิ่งที่พี่ชายพูดและทำตามแต่โดยดี คำพูดของพี่ชายมีน้ำหนักขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ
เหตุผลที่เธอเชื่อใจพี่ชายน่ะหรือ เป็นเพราะเขาร่ำรวยขึ้นมาอย่างกระทันหันรึเปล่า หรือเพราะว่าเขากลายเป็นคนดังไปแล้ว ไม่ใช่เลยสักนิด เซฮีไม่ใช่คนโง่ที่ยอมโอนอ่อนเพียงเพราะสิ่งเล็กน้อยเหล่านั้น แต่เป็นเพราะอุปนิสัยของยองวูเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
"เพื่อนพี่ที่ชื่อว่าครอเกล เขาสุดยอดไปเลยไม่ใช่รึไง หนูค้นหาในอินเทอร์เน็ตมา"
"แค่คำว่าสุดยอดใช้อธิบายหมอนั่นได้ไม่หมดหรอกนะ"
"พี่ดีใจรึเปล่าที่เอาชนะตัวตนยิ่งใหญ่ขนาดนั้นได้"
"พวกเราสู้ด้วยเงื่อนไขที่ไม่เท่าเทียมกัน ครอเกลไม่พร้อมในตอนที่สู้กับพี่ และผลลัพธ์คงต่างออกไปแน่ถ้าเขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์"
"..."
นี่เขารู้จักให้เกียรติผู้อื่นด้วยงั้นหรือ... เซฮีอมยิ้มอย่างข่มขื่นเมื่อมองเข้าไปในแววตาอันลุ่มลึกของพี่ชาย
'ทำไมพี่ถึงเติบโตขึ้นในทุกวัน....'
แม้พี่ชายจะมีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง แต่เซฮีกลับรู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก ราวกับพี่ชายของเธอค่อยๆ ห่างออกไปทีละนิดจนเอื้อมไม่ถึง
ทว่าก็เกิดเป็นความภาคภูมิใจขึ้นในเวลาเดียวกัน
"หนูไปกินข้าวแต่งตัวก่อนนะ"
***
"เข้าจะกลับมาเมื่อไร..."
สิ่งมีชีวิตที่ถูกพระเจ้าอวยพรหรือสาปแช่งจะไม่มีวันตาย ในอีกความหมายหนึ่ง สติกส์สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างผู้เล่นกับเอ็นพีซีได้ เขาเฝ้ารออย่างใจเย็นหลังจากที่ชายผมดำหายตัวไปเมื่อเดินทางมาถึงเกาะหมายเลข 20
ก็อก... ก็อก ก็อก!
สติกส์เคาะคทาเล่นไปพลางเฝ้ามองลูกแก้วเวทย์ไปพลาง ดวงตาอันลุ่มลึกที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหัวได้แฝงไปด้วยความตึงเครียดและกระวนกระวายใจ
โดยทันทีที่ชายผมดำปรากฏตัวกลับมาอีกครั้ง
"ยา... ยาของฉัน"
เขารีบกลืนยาลงคอก่อนที่จะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น ยาที่กินลงไปนั้นเป็นยาที่ตนผลิตเอง สติกส์สูดลมหายใจอย่างเต็มปอดเพื่อรักษาความเยือกเย็น หลังจากนั้นก็หันกลับไปมองลูกแก้วเวทย์อีกครั้ง
'เขาจะผ่านเกาะหมายเลข 20 ได้รึเปล่า'
โอกาสสำเร็จนั้นต่ำมาก ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา มีผู้ท้าทายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถผ่านบททดสอบของเกาะหมายเลข 20 ไปได้ หมายความว่าระดับของความยากมีสูงจนไม่อาจหยั่งถึง เพราะบททดสอบคราวนี้จะใช้วัดทั้งความอดทนที่ต้องค่อยๆ ก้าวเดิน และสติปัญญาที่ใช้รับมือกับมอนสเตอร์ในยามที่ถูกก่อกวน
'อย่าไปคาดหวังมาก ทำใจให้สงบซะ'
ไม่รู้ว่าทำไมกัน แต่สติกส์กลับเริ่มคาดหวังในตัวชายคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ สงสัยจะเป็นเพราะเขากระทำสิ่งที่อยู่นอกเหนือภูมิปัญญาของสติกส์ครั้งแล้วครั้งเล่า
"เริ่มแล้ว!"
เอื๊อก...!
ทุกอย่างเริ่มขึ้นในขณะที่สติกส์กำลังเฝ้ามองดวงตาสีแดงของจันทร์ขุมนรกและกลืนน้ำลายลงคอ
"เขาหายไปไหน!!"
การหายตัวไปอย่างสมบูรณ์แบบจนทักษะพรางตัวเทียบไม่ติด ชายผมดำปริศนาได้ล่องหนและรอดพ้นจากการเฝ้ามองของจันทร์ขุมนรก
"นี่มัน...! ไม่ใช่เวทย์ล่องหน!"
สมกับเป็นจอมปราชญ์ สติกส์สามารถรับได้ทันทีว่าผู้ท้าทายคนนี้ใช้วิธีการใดทำให้ตนเองหายไป และนั่นยิ่งทำให้สติกส์ต้องตกตะลึงมากขึ้น
"ผ้าคลุมล่องหน...! มรกดตกทอดที่มีเพียงน้อยนิดจากแท่นบูชาในตำนาน!"
ข้อมูลทางประวัติศาสตร์บันทึกการมีตัวตนของผ้าคลุมล่องหนครูเกอร์ไว้เพียงสองผืนเท่านั้น แล้วทำไมชายคนนี้ถึงมีในครอบครองได้... สติกส์ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเขาเป็นใครกันแน่
"อะ... แค่ก...!"
ในขณะที่ภูมิปัญญาของจอมปราชญ์ไม่สามารถไขปริศนาได้
ตุ้บ...!
เป็นอีกครั้งที่สติกส์พบกับความตกตะลึงจนต้องกุมหน้าอกและล้มลงไป เขารีบกลืนยาที่สร้างขึ้นเองจากความรู้ด้านเภสัช
ขอบคุณมากครับ
ReplyDeleteอ่ะ ค้างมาก ลุ้นต่อพรุ่งนี้
ReplyDeleteโถ่ลุง อย่าเพิ่งหัวใจวายยยย มีไรให้ตกใจอีกเยอะ 55555555
ReplyDeleteผ้าคลุมล่องหน ตอนนี้น่าจะมีใช่หมดทุกคนในสมาชิกรุ่นแรกแล้วมั้ง
ReplyDelete