จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 350
"สากตำข้าว!"
ทันทีที่ปิอาโร่ปลดปล่อยทักษะท่าไม้ตาย
ครืนนนนน!
เสียงสั่นสะเทือนโครมครามดังขึ้นจากผืนดิน นี่คือสายฟ้างั้นหรือ ไม่ใช่แน่นอน ในยามนี้ครอเกลกำลังหวาดผวาดสุดขีด สิ่งนี้ไม่ใช่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากระบบภายในเกมบีบบังคับ แต่เป็นความรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจว่าตนกำลังถูกคุกคามชีวิต
ฟ้าวววว!
ยิ่งเงาลางของวัตถุปริศนาบนท้องฟ้ามีขนาดใหญ่ขึ้น บรรยากาศรอบข้างก็ยิ่งหนักอึ้ง
หงึกหงึก.. หงึกหงึก..
ร่างกายครอเกลกำลังสั่งระริกอย่างหวาดกลัวสุดขีด
'เป็นไปไม่ได้'
ครอเกลยืนอยู่บนพื้นดินที่ยังคงสั่นสะเทือน เขาตัดสินใจแหงนหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อมองวัตถุปริศนาให้เห็นเต็มสองตา...
ขนาดของมันใหญ่กว่าบ้านคนหนึ่งหลัง และความเร็วที่ตกลงมานั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะหลบได้พ้น
โครมมมมมมม!
"...!"
ครอเกลไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้องใด สากขนาดยักษ์ได้สร้างความหวาดกลัวทางจิตใจ และยังสร้างอาการบาดเจ็บทางร่างกายอย่างรุนแรง
ความรู้สึกจำนวนมหาศาลที่ถูกระเบิดออกในชั่วพริบตาเช่นนี้ หากจิตใจไม่แข็งแกร่งพอล่ะก็ ผู้เล่นคนดังกล่าวอาจหัวใจวายตายคาเครื่องแคปซูลเลยก็ได้
***
[ ท่านถูกโจมตีอย่างรุนแรง! ]
[ ความคงทนของ<หมวกฟางเรียบง่าย(ทั่วไป)>กลายเป็นศูนย์ ไอเท็มถูกทำลายถาวร]
[ ความคงทนของ<ชุดเมฆาขาว(ยูนีค)>ลดลง 128 หน่วย ]
[ ความคงทนของ<รองเท้าเมฆาขาว(ยูนีค)>ลดลง 150 หน่วย ]
[ ความคงทนของ<ถุงมือเมฆาขาว(ยูนีค)>ลดลง 163 หน่วย โปรดระวัง ไอเท็มใกล้เสียหาย ]
[ ความคงทนของ<เขี้ยวขาว(เลเจนดารี)>ลดลง 61 หน่วย ]
[ ท่านจะไม่เสียชีวิตในการดวลแบบฝึกซ้อม พลังชีวิตของท่านเหลือหนึ่งหน่วย โหมดการดวลจบลง ]
สากขนาดใหญ่เท่าบ้านเมื่อครู่ที่ตกลงมากระแทกร่างครอเกล บัดนี้หายลับไปจากสายตาของทุกคนราวกับเป็นเพียงภาพลวงตา
"..."
บนท้องฟ้าไม่มีเมฆอยู่อีกแล้ว นี่คือผลพวงมาจากทักษะสากตำข้าวเมื่อครู่ ครอเกลที่นิ่งอึ้งไปพักใหญ่ ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้
'เราแพ้แล้ว'
เขาแพ้เพราะคู่ต่อสู้มีเลเวล 400 งั้นหรือ เปล่าเลย นั่นเป็นแค่ข้ออ้างปลอบใจตนเองเท่านั้น การที่เลเวลแตกต่างกัน ย่อมหมายความว่า ทักษะและสติปัญญาในการหาโอกาสเพิ่มเลเวลของครอเกลยังเป็นรองปิอาโร่อยู่
'เราแพ้ทุกประตู'
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากสู้กันอีกครั้ง
'ผลก็คงเหมือนเดิม'
ปิอาโร่ในปัจจุบันแตกต่างจากสมัยก่อนอย่างสิ้นเชิง ปิอาโร่ผู้เป็นตำนานในตอนนี้ ได้ละทิ้งวิชาดาบที่เคยเป็นจุดอ่อน และบรรลุศาสตร์ของชาวนาอย่างถ่องแท้
ใครก็ตามที่สามารถไปถึงจุดสูงสุดของเส้นทางตนเองได้ ความแข็งแกร่งของคนผู้นั้นย่อมเป็นของจริง
'เขาคือกำแพงที่เรายังข้ามไม่ได้ในตอนนี้'
แล้วครอเกลรู้สึกเศร้าเสียใจไหมน่ะหรือ ที่ได้ตระหนักถึงความจริงอันโหดร้ายข้อนี้
ไม่เลยสักนิด
'...ก็แค่ตอนนี้เท่านั้น'
ผู้คนยกย่องให้ครอเกลเป็นอัจฉริยะสูงสุด ฟ้าเหนือฟ้า หรืออะไรก็ตามแต่ ด้วยพรสวรรค์ติดตัวตั้งแต่เกิด ช่วงชีวิตที่ผ่านมาคงประสบพบเจอแต่ความสำเร็จมาตลอด ทว่า… นั่นเป็นความเข้าใจผิดมหันต์
'แล้วสักวัน ฉันจะก้าวข้ามนายได้แน่'
บนโลกใบนี้ มีอัจฉริยะคนใดเกิดมาพร้อมกับความสุขสบายรออยู่บ้าง คำตอบคือไม่ แตกต่างจากที่ทุกคนรู้และมองเห็น ครอเกลเองก็เป็นหนึ่งในคนที่พ่ายแพ้และล้มเหลวมากกว่าใคร แต่ครอเกลมักตั้งเป้าหมายไว้สูงกว่าขีดจำกัดตนเองเสมอ เขาชื่นชอบความท้าทาย หากทำสำเร็จก็จะได้รับผลตอบแทนมหาศาล ทว่าถ้าหากล้มเหลว ครอเกลก็จะหาจุดผิดพลาดและแก้ไขมัน จนสุดท้ายก็พัฒนาตนเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นซ้ำไปมาเรื่อยๆ
"หึ… หึหึหึ"
เมื่อหมวกฟางถูกทำลาย ใบหน้าของชายผมดำที่เต็มไปด้วยบาดแผลก็เผยออก
[ ครอเกล ]
ชื่อของผู้เล่นที่โด่งดังที่สุดของซาทิสฟายได้นอนแผ่หราอยู่บนลานฝึกทหารพร้อมกับหัวเราะเสียดัง
"ฮะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"
มันคือเสียหัวเราะที่เจือปนความอบอุ่นไว้ ไม่ว่าใครได้ฟังต่างก็ต้องรู้สึกดีทั้งนั้น ครอเกลตระหนักถึงจุดอ่อนของตนได้ในการดวลครั้งนี้ และเขาจะรีบแก้ไขมันในอนาคต
***
รูบี้และลอร์ดกำลังนั่งชมการต่อสู้ในระยะที่ใกล้มาก แต่ถึงกระนั้น เหตุใดปิอาโร่ถึงกล้าใช้ทักษะไพ่ตายอันรุนแรงที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตคนทั้งสองออกมางั้นหรือ นั่นเพราะเขาเชื่อใจเพื่อนรักที่มีนามว่าอัสโมเฟล
โครมมมมมมมม!
ในวินาทีที่สากยักษ์กระแทกใส่ครอเกลและพื้นลานฝึกทหาร
"ฮึบ!"
อัสโมเฟลใช้มือทั้งสองข้างโอบรูบี้และลอร์ดไว้ พร้อมกับนำร่างกายตนเองมาเป็นโล่กำบังคลื่นกระแทกอันทรงพลัง ส่วนแผ่นดินที่สั่นสะเทือนจนเกิดพายุทรายคลุ้งไปทั่ว อัสโมเฟลก็สร้างบาเรียขึ้นมาป้องกันไว้
"ข--ขอบคุณค่ะ"
"อาบูววว!"
รูบี้กล่าวขอบคุณ ส่วนลอร์ดส่งเสียงอ้อแอ้
"แม้โลกใบนี้จะต้องแหลกสลาย แต่กระผมก็จะปกป้องท่านทั้งสองไว้ให้ได้"
เมื่ออัสโมเฟลแสดงความจริงใจ ความจงรักภักดีของเขาได้ทำให้รูบี้รู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก ในทางกลับกัน ลอร์ดกลับไม่ได้สนใจอัสโมเฟลเลยสักนิดเดียว
"อาบู! อาบูววว!"
เหตุใดทารกถึงมีเรี่ยวแรงมากมายขนาดนี้ได้นะ... หลังจากที่ลอร์ดแกะมือรูบี้ออกและคลานลงไปบนพื้น เขาก็คลานเตาะแตะเข้าไปยังใจกลางลานฝึกทหารด้วยความเร็วที่ไม่สมกับเป็นเด็กทารกเอาเสียเลย
"แฮ่ก… แฮ่ก… หือ?"
ปิอาโร่ออกอาการเหนื่อยหอบหลังจากใช้<สากตำข้าว>ออกไป เมื่อเหลือบไปเห็นลอร์ดกำลังคลานเข้ามาใกล้ เขาจึงพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
"นายน้อย...! ท่านยอมรับในฝีมือของกระผมงั้นหรือ"
ปิอาโร่เองก็มีสายตาเฉียบแหลม เขามองเห็นถึงความอัจฉริยะของลอร์ดได้ดีกว่าใคร ดังนั้นหากลอร์ดเติบโตขึ้น ปิอาโร่คิดจะชวนลอร์ดมาทำฟาร์มด้วยกันตราบนานเท่านาน
'สมกับเป็นนายน้อย'
ลอร์ดจะต้องประทับในใจการต่อสู้เมื่อครู่แน่ เขาคงอยากให้เราเป็นอาจารย์คอยสอนสั่งวิชาต่อสู้ และพวกเขาก็จะทำสวนด้วยกันอย่างสนุกสนาน! ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นายน้อยคนนี้จะกลายเป็นศิษย์อันดับหนึ่งที่ปิอาโร่เคยสอนแน่นอน
'ไม่สิ นายน้อย กระผมยังแข็งแกร่งไม่มากพอ!'
ในขณะที่ปิอาโร่กำลังเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง ลอร์ดตัวน้อยก็คลานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ...
จนในที่สุดก็คลานเลยปิอาโร่ไป
"..."
ฟ้าวววว~
สายลมฟัดผ่านทำลายความเงียบสงัด ปิอาโร่รู้สึกอับอายไม่น้อย
'เด็กคนนี้...'
ณ ใจกลางลานฝึกทหารที่ยุบตัวลงไปเพราะถูกสากยักษ์กระแทกเข้า ครอเกลซึ่งกำลังนอนแผ่หราอย่างหมดเรี่ยวแรง เมื่อเห็นทารกคลานเข้ามาใกล้ตน เขาพลันเกิดอาการกระอักกระอ่วนทำตัวไม่ถูก เพราะเด็กคนนี้น่ารักมาก มากจนเขาไม่รู้ว่าจะพูดสิ่งใดออกไปดี
"อาบู! อาบูววว! บูบู!"
"..."
แม้ครอเกลจะไม่เข้าใจภาษาของทารกแรกเกิด แต่เขาก็พอจะตีความได้คราวๆ จากสีหน้าที่แสดงออกมา แววตาเด็กคนนี้กำลังเปล่งประกายและเปี่ยมไปด้วยความอิจฉาที่มีต่อตน
***
========================
[ คันศรอัสนี ]
เกรด : ยูนีค
ความคงทน : 366/490
พลังโจมตี : 370~601
___________________________
* ไม่สามารถยิงด้วยลูกธนูได้
* การโจมตีแต่ละครั้งจะใช้มานา 100 หน่วย
* ได้รับทักษะ<ทะลวงในพริบตา>
* ความเร็วในการยิงเพิ่มขึ้น 10%
___________________________
สมบัติตกทอดประจำตระกูล<บง>แห่งอาณาจักรอีเทอนัล
คันศรที่สร้างขึ้นจากการผมผสานหินเวทย์มนต์และศิลาอัวร์ การโจมตีแต่ละครั้งจะกลืนกินมานาของผู้ใช้ โดยมานาจะถูกนำไปสร้างเป็นศรสายฟ้า
หากบรรจุลูกธนูธรรมดาเข้าไป มันจะถูกพลังสายฟ้าที่อัดแน่นอยู่ภายในทำลายจนเหลือเพียงผุยผง
___________________________
เงื่อนไขการสวมใส่ :
- เลเวล 300 หรือสูงกว่า
- ค่าความว่องไว 2,000 หรือสูงกว่า
- ความชำนาญธนูขั้นสูง เลเวลห้า หรือสูงกว่า
========================
นี่คือศันศรที่ดรอปมาจากมือธนูอันดับหนึ่งของอาณาจักรอีเทอนัล เฟอเรลล์ แม้จะเป็นคันศรที่นักธนูทั่วโลกต้องการมากเพียงใด แต่สำหรับกริดแล้ว ของแบบนี้ไม่เป็นที่ประทับใจเขาเลยสักนิด
'นักธนูจะมีมานาสักเท่าไรกันเชียว'
การที่ต้องสูญมานา 100 ต่อการยิงหนึ่งครั้ง ต่อให้เป็นถึงจิสึกะ เทพีแห่งคันศร ก็ไม่อาจยิงได้มากเกินกว่า 40 ครั้งแน่ ช่างเป็นจำนวนที่น้อยนิดเสียเหลือเกิน
'พลังโจมตีสูงกว่าคันศรทั่วไปราวสองเท่าสินะ'
อันที่จริง กริดไม่เคยสนใจพลังโจมตีของคันศรอยู่แล้ว
เพราะว่า...
'ความรุนแรงที่แท้จริงจะมาจากลูกธนูต่างหาก'
แต่คันศรชนิดนี้กลับไม่สามารถใช้ลูกธนูได้งั้นหรือ เหตุใดมันถึงยังถูกเรียกว่าคันศรได้อยู่อีก
"ขยะ"
เมื่อตัดสินใจได้ กริดก็แยกส่วนคันศรอัสนีทิ้งโดยไม่ลังเล เพราะเหตุผลเดียวที่เขาสนใจมันตั้งแต่แรกก็คือ
<ศิลาอัวร์>
"เอาล่ะ"
กริดเดินไปนั่งหน้าเตาหลอม หัตถ์เทวะทั้งสี่คอยทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิภายในเตาให้สูงขึ้น ทักษะการเป่าลมของพวกมันเทียบเท่ากับช่างตีเหล็กขั้นสูงเลยทีเดียว
"เท่านี้คงพอแล้ว"
กริดทำการโยนเศษซากคันศรอัสนีที่แยกส่วนแล้วลงไปในเตาหลอม เขาต้องการจะละลายสิ่งแปลกปลอมทั้งหมดและสกัดศิลาอัวร์บริสุทธิ์ออกมา
หลังจากนั้นไม่นาน
[ ท่านสำเร็จการถลุงแร่! ]
[ ท่านได้รับไอเท็ม <ศิลาอัวร์> จำนวนสามก้อน ]
ชิ้งงง~
========================
[ ศิลาอัวร์ ]
แร่ที่จะปรากฏขึ้นเมื่อจอมอสูร<อัสทาร็อต>มาเยือนโลกมนุษย์
มันสามารถมอบคุณสมบัติสายฟ้าให้กับไอเท็ม แถมยังสามารถใช้เป็นอาหารสำหรับสัตว์อสูรได้
สัตว์อสูรจะรู้สึกชื่นชอบมากเมื่อถูกป้อนด้วยสิ่งนี้
___________________________
น้ำหนัก : 5
========================
"หลักการเหมือนกับศิลาอัคคีและเฮลกาโอเลยแฮะ… เอ๋!"
ในขณะที่กำลังอ่านรายละเอียดไอเท็มอย่างชื่นชมยินดี เขาก็สะดุดเข้ากับประโยคหนึ่งจนสีหน้าบิดเบี้ยว
"อาหารสำหรับสัตว์อสูร?"
บ้าไปแล้วรึไงนะ
"ใครมันจะเสียสติจนนำแร่ล้ำค่าไปป้อนเป็นอาหารของสัตว์อสูรได้"
ช่างเป็นข้อดีที่ไร้ประโยชน์เหลือเกิน กริดไม่มีทางนำมันไปเป็นอาหารของโนเอะแน่ เขาตัดสินใจเก็บศิลาอัวร์ทั้งสามก้อนเข้ากระเป๋าและคิดใช้มันสร้างไอเท็มธาตุสายฟ้าขึ้นในอนาคต
แต่ทันใดนั้นเอง
โครมมมมม!
โรงตีเหล็กขนาดใหญ่ที่สามารถจุช่างตีเหล็กได้หลักร้อยพลันต้องเกิดการสั่นสะเทือนรุนแรง ทุกสิ่งที่ถูกแขวนอยู่ร่วงหล่นลงพื้น เปลวไฟจากเตาหลอมเริ่มสั่นไหววูบวาบและพุ่งขึ้นสูง ส่งผลให้แร่จำนวนมากต้องถูกเผาและสูญเสียมูลค่าของมันไป
"ผ--แผ่นดินไหวงั้นหรือ"
"มัวทำอะไรกันอยู่ รีบคว้าแร่สำคัญติดมือไว้!"
ภายในโรงตีเหล็กเกิดความโกลาหลขึ้นทันที มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นท่ามกลางทะเลทรายได้อย่างไร ช่างตีเหล็กวัยเยาว์เหล่านี้ไม่เคยมีประสบการณ์รับมือมาก่อน แต่พวกเขาก็ยังสติดีอยู่ หลายคนสามารถคว้าแร่ราคาแพงไว้ได้พร้อมกับดับไฟเตาหลอม
ในทางกลับกัน กริดกำลังโกรธจัด
'นี่ไม่ใช่แผ่นดินไหว'
ค่าวิสัยทัศน์อันสูงลิบได้บ่งบอกกับเขาว่า สิ่งนี้เป็นผลพวงมาจากการต่อสู้
"ข่าน จัดการความเรียบร้อยที่นี่ให้ด้วย"
เป็นการดีที่มีเพื่อนซึ่งสามารถไว้ใจได้ กริดฝากฝังโรงตีเหล็กไว้กับข่านและรีบเดินออกไป
***
ครอเกลฟื้นฟูค่าเรี่ยวแรงกลับมาได้บางส่วนแล้ว
"พี่ชายสุดยอดไปเลยนะ ฉันได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นอีกหลายสิ่ง คำพูดที่ใช้กล่าวชมพี่ชาย ไม่มีคำใดเลยที่เกินจริงไป"
"..."
ปิอาโร่ต้องการจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่เสมอ จึงไม่แปลกที่เส้นทางของเขาจะได้พบพานกับคนเก่งกาจมากมาย แต่ก็มีบางสิ่งที่ช่วยไม่ได้ เฉกเช่นครอเกลเป็นต้น ครอเกลคือตัวตนที่มีพรสวรรค์สูงสิบ สูงจนปิอาโร่ต้องเตรียมใจ
"สักวันนายจะก้าวข้ามฉันไปได้แน่"
ปิอาโร่ตระหนักถึงความจริงอันแสนโหดร้ายจากนายน้อย ลอร์ดเลือกจะคลานไปหาครอเกล แทนที่จะเป็นตน นั่นหมายความว่า สายตาของนายน้อยสามารถมองเห็นได้เป็นอย่างดี แม้วันนี้ปิอาโร่อาจชนะ แต่วันข้างหน้าจะต้องไม่ใช่แน่
ในขณะที่ปิอาโร่มีแววตาผิดหวังเจืออิจฉา ครอเกลก็ถามขึ้น
"ว่าแต่ เด็กคนนี้เป็นใครกัน"
แค่ดูเพียงเผินๆ ก็รู้แล้วว่าไม่ใช่เด็กธรรมดา
และเสียงที่ตอบครอเกลกลับไป… ไม่ใช่เสียงปิอาโร่
"ลูกชายฉันเอง"
สุ้มเสียงอันหนักแน่นลุ่มลึกได้ดังกังวาลจนทั่วลานฝึกทหาร
"ขอคารวะนายท่าน!"
ปิอาโร่ ชายซึ่งน่าจะเรียกได้ว่าเก่งกาจที่สุดบนโลกนี้แล้ว และสุดยอดอัศวินนามอัสโมเฟล เอ็นพีซีพิเศษทั้งสองคนต่างคุกเข่าลงหนึ่งข้างพร้อมกับคารวะกริด
ภาพนี้ทำให้ครอเกลตกตะลึงมาก
สวบ… สวบ...
"อาบู! อาบูววว!"
ลอร์ดตัวน้อยอมยิ้มอย่างสดใสน่ารักให้บิดาของตน ส่วนกริดที่เป็นเจ้าของคำตอบก็หันไปยิ้มให้ครอเกลอย่างเยือกเย็น
"อันดับหนึ่งของโลกมาทำอะไรในเมืองฉัน"
กริดแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เป็นมิตร ย่อมต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เพราะยามนี้ เขากำลังเห็นคนแปลกหน้าหัวเราะร่วนอยู่กับครอบครัวและบริวารผู้ซื่อสัตย์ของตน แถมยังมีโอกาสมากที่หมอนี่จะเป็นต้นเหตุของแรงสั่นสะเทือนเมื่อครู่
"..."
ครอเกลอึกอักพูดไม่ออก เป็นปิอาโร่ที่ออกปากรับแทน
"นายท่าน ชายคนนี้มีนามว่าครอเกล เขาคือน้องชายที่กระผมตัดสินใจเลือกคบหาเป็นสหาย"
'พี่ชาย...'
ครอเกลพลันอบอุ่นหัวใจ เขารู้สึกซาบซึ้งมากที่ปิอาโร่ออกปากปกป้องตน แต่ความประทับใจนี้ก็อยู่เพียงไม่นานนัก เพราะการกระทำของปิอาโร่ไม่ใช่การปกป้อง แต่เป็นการรายงานสถานการณ์ในแบบฉบับแม่ทัพต่างหาก
พี่น้องงั้นหรือ ของแบบนั้นจะเทียบอะไรได้กับความจงรักภักดีอย่างสุดหัวใจ
"หลังจากที่ไม่ได้พบกันนาน วันนี้เขาเดินทางกลับมายังเรย์ดันและขอดวลกับกระผมอีกครั้ง กระผมไม่มีทางเลือกจึงต้องรับคำท้า ลงเอยด้วยการทำให้ลานฝึกทหารกลายเป็นสภาพเช่นนี้ นายท่านจะให้กระผมจัดการเขาอย่างไรบ้าง เชิญออกคำสั่งมาได้เลยขอรับ"
"..."
สนุกสนานมากมายครับ
ReplyDeleteครอเกล 5555+
ReplyDeleteจัดการเขาเพื่อจัดการมึงนั่นแหละปิอาโร่555
ReplyDeleteขายน้องฟ้องนายของแท้
ReplyDeleteอย่างไว 555+
Delete