จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 345
กริดตัดสินใจทำตามที่ลอเอลแนะนำ เขาพยักหน้าเบาๆ และตอบกลับไปว่า
>> เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ขอสอบสวนองค์ชายเร็นก่อน
นัยน์ตาสีดำที่เปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นเมื่อครู่ค่อยๆ บรรเทาลง กริดเรียนรู้ในสิ่งนี้จากการเฝ้ามองฮิวรอยและลอเอลมาเป็นเวลานาน เขาเปิดปากถามองค์ชายเร็นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า
"องค์ชายเร็น... ฉันขอถามหนึ่งเรื่อง การที่ตัดสินใจรุกรานเรย์ดัน เป็นเพราะมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับกษัตริย์วิสบาเดนใช่รึไม่?"
'เขาฉลาดขนาดนี้เชียวหรือ?'
กริดรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว จึงนำมันมาใช้ในการข่มขวัญฝั่งตรงข้ามเพื่อแสดงถึงภูมิปัญญา ดวงตาของกริดจดจ้องอย่างไม่สั่นคลอน ราวกับบอกเป็นนัยว่าเขาสามารถมองทะลุทุกสิ่งได้
ความองอาจที่แสดงออกมาในยามนี้ มิต่างอะไรกับกับสายเลือดขุนนางที่น่าเกรงขามเลยสักนิด
องค์ชายเร็นถึงกับกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ
"ถูกต้อง เวลาของกษัตริย์วิสบาเดนเหลืออยู่ไม่มากแล้ว ฉันจำเป็นต้องโจมตีนายเพื่อที่จะกลายเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์อย่างถูกต้อง"
หลังจากนั้น องค์ชายเร็นก็กล่าวต่อไปด้วยสีหน้าอันแสนเจ็บแค้นและโมโห
"เป็นเพราะนายนั่นแหละ...! ถ้าหากในวันนั้น นายลั่นวาจาว่าจะจงรักภักดีต่อราชวงศ์ ไม่ใช่กษัตริย์แต่เพียงผู้เดียว ฉันก็คงไม่ต้องใช้วิธีนี้!"
การสืบทอดบัลลังก์ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายถ้าหากอำนาจของขุนนางคนใดมีอิทธิพลมากเกินไป เรื่องที่องค์ชายเร็นจะตั้งตนเป็นศัตรูกับกริด ลอเอลสามารถมองเห็นได้อย่างทะลุปรุโปร่งนานแล้ว ในยามนี้ เขากำลังแสยะยิ้มราวกับผู้มีชัย
'องค์ชายเร็นเอ๋ย… ทางเลือกที่แสนอันตรายของนาย สุดท้ายก็เป็นเพียงการลดค่าของราชวงศ์และเพิ่มพลังอำนาจให้กับกริด'
'ลอเอล… นายนี่มัน...'
กริดพลันขนลุกให้กับสีหน้าอันยิ้มแย้มของลอเอลในยามนี้
พวกอัจฉริยะนี่ช่างน่ากลัวนัก...
"หืม... ที่นายพูดมากก็ถูก ฉันเคยลั่นวาจาไว้แล้ว ว่าจะจงรักภักดีต่อกษัตริย์วิสบาเดนเพียงผู้เดียว..."
กริดยอมคำนึงถึงภาพรวมของการเมือง และตัดสินใจระงับความโกรธแค้นไว้เพียงเท่านี้
"ตัวข้า กริด-เรย์ดัน-ดูสไตมแห่งอาณาจักรอีเทอนัล แม้องค์ชายเร็นจะมีความผิดในโทษฐานพยายามสั่นคลอนพลังอำนาจของฉัน แต่ด้วยฐานะที่องค์ชายเป็นถึงรัชทายาทและเสาหลักของอาณาจักร ตัวข้า หนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชา จะขอยกโทษให้กับความผิดทั้งหมดที่ผ่านมาขององค์ชายเร็น"
"...!"
ดวงตาของทั้งองค์ชายเร็นและทหารกองทัพหลวงทุกคนพลันลุกวาว แม้ก่อนหน้านี้กริดจะปฏิบัติตัวกับองค์ชายอย่างต่ำทรามเพียงใด แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา ในเมื่อตอนนี้กริดกล่าวอย่างหนักแน่นว่าจะไว้ชีวิต ย่อมหมายความว่าความผิดในการรุกรานคราวนี้จะได้รับการอภัยทั้งหมด
ความใจกว้างเฉกเช่นมหาสมุทธระดับนี้ พวกมันไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต
องค์ชายเร็นที่ไม่เชื่อหูตนเองได้กล่าวถามอีกครั้ง
"เมื่อครู่นายยังคิดจะประหารฉันอยู่เลย... แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจึงยกโทษให้กับความผิดทั้งหมดได้ง่ายดายนัก? วางแผนอะไรไว้กันแน่?"
กริดพลันหรี่ตาลง
"เหตุใดองค์ชายถึงได้ขี้สงสัยจังเล่า? แค่ไว้ชีวิตยังไม่พอใจอีกรึไง?"
กริดแสดงนิสัยเสียออกมาอีกครั้งเมื่อถูกองค์ชายเร็นซักไซ้ ลอเอลส่ายศีรษะเบาๆ ก่อนจะหันไปมองบันนี่บันนี่ นักจัดรายการเกมอันดับหนึ่งผู้นี้ไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีกว่าลอเอลต้องการให้ตัดฉากนี้ออกไป บันนี่บันนี่จึงพยักหน้ารับทันที
กริดยังคงกล่าวต่อไป
"ที่ฉันปล่อยนายไป เพราะนายคือผู้สืบทอดของกษัตริย์วิสบาเดนผู้ที่ฉันถวายความจงรักภักดีด้วย เพื่อเป็นการแสดงความเคารพในตัวกษัตริย์ และเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง ฉันจึงละเว้นชีวิตของบุตรชายเขา ทีนี้เข้าใจรึยังล่ะ? เจ้างั่ง"
"ทำไมกัน...? ทำไมนายถึงใจกว้างขนาดนี้?"
องค์ชายเร็นพลันขนลุกซู่เมื่อรู้ว่ากริดเป็นคนใจกว้างจนไม่อาจหยั่งถึง เขารู้สึกผิดทันทีที่เป็นฝ่ายคิดรุกรานกริดในตอนแรก
'ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แต่เราก็ได้พยายามจะทำลายดยุคกริดผู้มีจิตใจกว้างขวางเช่นนี้ลงไปแล้ว'
ทว่า… สุดท้ายกลายเป็นมันเสียเองที่ได้รับการอภัยโทษ...
องค์ชายเร็นที่หัวใจเริ่มถูกสั่นคลอนได้กล่าวขึ้น
"ตัวข้า องค์ชายลำดับที่หนึ่ง องค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรอีเทอนัล ขอให้สัตย์สาบานว่า... ดยุคกริดผู้ซึ่งมีจิตใจกว้างขวาง ยอมระงับความแค้นส่วนตน มองเห็นแก่ภาพรวมของอาณาจักรและมอบการอภัยโทษความผิดทั้งหมดที่ฉันได้กระทำลงไป... ฉันจะไม่มีวันลืมเรื่องในวันนี้และคิดใช้ทั้งชีวิตที่เหลือเพื่อทดแทนบุญคุณ"
"อย่าได้คิดทรยศฉันอีกก็เพียงพอแล้ว"
กริดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง ทันใดนั้น กองทหารเรย์ดันทั้ง 1,000 นายและกองทหารแดนเหนือ 500 นายที่เหลือ ทุกคนต่างลุกยืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียงขนาบข้างซ้ายขวากริด เกิดเสียงชุดเกราะกระทบกันดังกังวาล ฉากตรงหน้าช่างยิ่งใหญ่อลังการนัก ณ ตอนนี้ คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า กริดคือผู้ที่กำลังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของผู้เล่นกว่าสองพันล้านคนบนโลก
'ทุกคนเริ่มเล่นเกมอย่างเท่าเทียมกันแท้ๆ...'
แต่ในขณะที่ใครบางคนกำลังกวัดแกว่งอาวุธใส่ออร์คเพื่อเก็บเลเวล กริดก็กำลังปกครองเมืองอันยิ่งใหญ่ในฐานะดยุคแห่งอาณาจักร พร้อมกับควบคุมกองทัพทหารอันแสนเกรียงไกร ไม่ว่าจะมองมุมไหน บันนี่บันนี่ก็ล้วนพบแต่ความสุดยอดในตัวชายคนนี้ เขาอดจ้องมองกริดอย่างอิจฉาเป็นไม่ได้...
'กริดคือตัวเอกที่เราตามหามาโดยตลอด...'
หลังจากเข้าสู่โหมดร่างมืด ดวงตาของกริดกลายเป็นสีดำล้วน ผิวหนังขาวซีดราวกับไม่ใช่มนุษย์ ด้วยรูปลักษณ์ที่แตกต่างออกไปนี้ ทำให้กริดขึ้นกล้องและหล่อเหล่ากว่าเดิมมาก แม้จะยังเทียบไม่ได้กับกริดร่างผมขาว(บราฮัม)ที่กุมหัวใจของหญิงสาวทั้งโลกไว้ก็ตาม แต่เท่านี้ก็มากพอแล้วสำหรับบันนี่บันนี่
"งั้นฉันไปก่อนนะ"
บันนี่บันนี่จับภาพกริดเป็นครั้งสุดท้าย กองทัพทุกฝ่ายค่อยๆ ถอนกำลังออกจากค่ายทหาร สิ่งสุดท้ายที่บันนี่บันนี่ได้เห็นคือชักสเล่ย์ นักดาบผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค กำลังปะปนอยู่ในกลุ่มกองทัพหลวงที่ยังเหลือรอด
ชักสเล่ย์ลั่นวาจาในใจด้วยสีหน้าขึงขัง
'วีรบุรุษแห่งอาณาจักรที่มีความชำนาญในศาสตร์ทุกแขนง...'
เขารู้สึกดีใจมากที่องค์ชายเร็นได้รับการไว้ชีวิต
'ฉันขอสาบานว่า... ตระกูลโลคานจะให้ความเคารพนับถือตระกูลของท่านดยุคไปตลอดกาล'
อันที่จริง เรื่องราวมันควรเป็นเช่นนี้ตั้งแต่ต้น ในเมื่อกริดคือวีรบุรุษที่ช่วยเหลืออาณาจักรให้พ้นภัย ทุกคนควรเคารพยำเกรงเขา แต่องค์ชายเร็นกับชักสเล่ย์ที่หน้ามืดตามัวอยู่กับบัลลังก์และอำนาจ จนท้ายที่สุดได้ก่อความผิดบาปร้ายแรงขึ้น พวกเขาทั้งสองกำลังรู้สึกสำนึกผิดจากใจจริง
***
"ฉันรู้สึกดีใจที่ได้รับการละเว้นชีวิต ทว่า... ความจริงที่รออยู่เบื้องหน้านั้นช่างโหดร้ายนัก ฉันคงไม่อาจรักษาสถานะขององค์รัชทายาทได้อีก"
ณ ตอนนี้ ทหารของทัพหลวงที่เร็นนำมามีเหลือไม่ถึง 1,000 นายจากทั้งหมด 7,000 นับเป็นการสูญเสียจำนวนมหาศาลจนยากจะทำใจยอมรับได้ แถมยังมีหน่วยมังกรเงินอีก 24 คน อัศวินระดับสูง 39 คน และอัศวินระดับสุดยอดอย่างเฟอเรลล์กับอันดูอีก การที่กองทัพราชวงศ์ต้องได้รับความเสียหายร้ายแรงขนาดนี้ เร็นคงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้แน่ ตำแหน่งองค์รัชทายาทคงถูกถอดถอน และดีไม่ดีอาจได้รับการลงโทษ
"องค์ชายมิต้องกังวลไปนัก สายเลือดของราชวงศ์มีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด เป็นการดีแล้วที่ยังรักษาชีวิตไว้ได้ แถมท่านยังสามารถยืนยันความจงรักภักดีของดยุคกริดได้ด้วยตาตนเองอีกด้วย"
ชักสเล่ย์พยายามปลอบประโลมเพื่อให้องค์ชายเร็นสบายใจขึ้น เมื่อได้ยินดังนั้น เร็นก็รู้สึกซาบซึ้งใจมากที่ตระกูลโลคานถวายความซื่อสัตย์ต่อราชวงศ์จนถึงที่สุด
"เร่งฝีเท้าเข้าเถอะ ฉันต้องการพบหน้าพระบิดาในวาระสุดท้าย"
กษัตริย์วิสบาเดนจะมีชีวิตได้อีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ องค์ชายเร็นคงถูกกล่าวโทษรุนแรงยิ่งกว่าเดิมแน่ถ้าหากกลับไปไม่ทันก่อนสิ้นพระชนม์ กองทัพหลวงเร่งฝีเท้าเพื่อกลับถึงไรน์ฮาร์ทให้เร็วขึ้น
แต่ทันใดนั้น ชายลึกลับจำนวนสองคนได้ปรากฏตัวขึ้นขวางขบวนไว้
หนึ่งในนั้นคือองค์ชายลำดับสองแห่งอาณาจักรอีเทอนัล องค์ชายอัสลัน ส่วนอีกหนึ่งคนกำลังปกปิดใบหน้ามิดชิดจนดูไม่ออก
"อัสลัน? นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?"
องค์ชายเร็นแสดงสีหน้าสับสนทันทีที่เห็นน้องชายตนเอง
"ฉันรู้อยู่แล้วว่าท่านพี่จะต้องพ่ายแพ้กลับมา ท่านพี่คิดจริงหรือว่าสามารถเอาชนะดยุคกริด วีรบุรุษแห่งอาณาจักรคนนั้นได้ด้วยกำลังทหารเพียง 7,000? ตัวตนแห่งตำนานไม่ใช่สิ่งที่จะเอาชนะได้ง่ายดายขนาดนั้น ราชวงศ์อีเทอนัลยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของดยุคกริดในตอนนี้"
"...ฉันขอโทษ เป็นเพราะความใจร้อนวู่วาม กองทัพหลวงจึงต้องเสียไพล่พลไปเป็นจำนวนมาก"
"ไม่เลย ฉันต้องขอบคุณพี่ถึงจะถูก พี่ไม่คิดบ้างหรือ ว่าทำไมฉันถึงไม่ห้าม ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าท่านจะพ่ายแพ้กลับมา?"
เดิมที อัสลันเป็นคนเงียบขรึมมาโดยตลอด กว่าจะเปิดปากพูดได้แต่ละคำต้องนึกทบทวนเป็นสิบหน แม้เร็นจะเป็นพี่ชายแท้ๆ แต่ตลอดสามสิบปีที่ผ่านมา มันแทบไม่เคยได้ยินเสียงของอัสลันเลย
แต่ตอนนี้...
อัสลันกลับพูดมากเป็นพิเศษด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เหยียดหยัน ทุกประโยคที่ออกมาจากปากของอัสลัน ไม่มีเรื่องใดเลยที่ทำให้เร็นฟังแล้วรู้สึกดี
ทันใดนั้น สีหน้าของเร็นพลันบิดเบี้ยว
"อัสลัน อย่าบอกนะว่านาย..."
อัสลันแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย
"รู้ตัวแล้วหรือ? ฉันอยากให้ท่านพี่ทำลายตัวเองยังไงล่ะ... แต่น่าเสียดาย ดูเหมือนดยุคกริดจะไว้ชีวิตพี่กลับมา หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ สถานการณ์มันจะไม่ตรงตามแผนที่ฉันวางไว้สักเท่าไร... คงจะดีไม่น้อยถ้าท่านพี่ถูกดยุคกริดฆ่าตายไปในสนามรบ"
"ระวังคำพูดด้วย! องค์ชายอัสลัน!"
ตระกูลโลคานของชักสเล่ย์นั้นรับใช้เชื้อพระวงศ์ทุกคน ไม่เฉพาะเร็นเท่านั้น ชักสเล่ย์จึงไม่ต้องการให้เกิดความบาดหมางระหว่างพี่น้ององค์ชาย
ในขณะเดียวกัน อัสลันก็ยื่นมือออกมาหาชักสเล่ย์พร้อมกับกล่าวสิ่งที่น่าตกตะลึงออกมา
"เซอร์ชักสเล่ย์ มาอยู่กับฉันสิ เพราะหลังจากนี้อีกไม่นาน ท่านพี่จะต้องเสียชีวิตอยู่ที่นี่ ฉันไม่อยากให้นายโดนลูกหลงไปด้วย"
"อะไรนะ...!?"
ชักสเล่ย์แทบไม่เชื่อหูตนเอง ก่อนที่เขาจะได้ลงมือทำสิ่งใด อัสลันก็หันไปพูดกับชายในชุดคลุมที่ยืนอยู่ด้านข้าง
"หากเป็นไปได้ก็ช่วยไว้ชีวิตเซอร์ชักสเล่ย์ด้วย เขาเป็นสมบัติล้ำค่าของอาณาจักรนี้"
ชายลึกลับพยักหน้าเบาๆ
"เข้าใจแล้ว"
พรึบ!
ชายปริศนาคนดังกล่าวได้โยนชุดคลุมขึ้นไปบนท้องฟ้า
ในขณะที่องค์ชายเร็นไม่ทันระวังตัว...
ฟุ่บ!
ชายลึกลับได้พุ่งเข้ามาประชิดตัวเร็นด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
"แกคิดจะทำอะไร!"
ชักสเล่ย์รีบใช้ดาบขวางการโจมตีนั้นไว้ แต่ฝีมือดาบของชายปริศนากลับสูงกว่าชักสเล่ย์อย่างเห็นได้ชัด มันฟันฝ่านการบล็อคไปได้ คมดาบปะทะกับร่างองค์ชายเร็นเป็นแนวทะแยงอย่างน่าสยดสยอง
"อ--อั่ก!"
องค์ชายเร็นพลันกระอั่กเลือดทันทีที่ดาบอันแหลมคมตัดผ่านชุดเกราะเหล็กเข้ามาได้ หยดเลือดอุ่นๆ ชโลมไปทั่วผืนทะเลทรายอันเย็นเฉียบทันที
"องค์ชาย!!"
ไม่ว่ายังไง องค์ชายเร็นก็ต้องรอดกลับไป ในหัวชักสเล่ย์มีเพียงความคิดนี้เท่านั้น เขารีบวิ่งเข้าไปดูอาการและพยายามพาเร็นไปหาที่รักษาบาดแผล แต่ดูเหมือนชายลึกลับจะไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น
"แกเป็นใครกันแน่?"
ตนเป็นถึงนักดาบผู้ยิ่งใหญ่เชียวนะ! หนึ่งในสุดยอดนักดาบของทวีป! แต่กลับไม่อาจบล็อคดาบจากชายคนนี้ได้ ชักสเล่ย์สัมผัสถึงความต่างชั้นได้ตั้งแต่ดาบแรกที่ปะทะกัน
ชายปริศนาตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ฉันมักถูกเรียกว่า... อัศวินลำดับเก้า"
"...!"
เมื่อชักสเล่ย์เพ่งพิจารณาชายตรงหน้าท่ามกลางความมืดมิด ชุดเกราะสีแดงนั่น... ไม่ผิดแน่ นี่คือชุดเกราะสีชาดซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอัศวินสีชาด!
"แกคือ... อัศวินหลักเดียว!"
กองอัศวินอันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิซาฮารัน หน่วยอัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีป ชื่อเสียงของพวกมันเลื่องลือมาเป็นร้อยปี แม้แต่ทวีปตะวันออกที่ห่างไกลออกไปก็ยังเคยได้ยินชื่อเสียงของกองอัศวินสีชาดอยู่บ้าง
แต่ว่า...
'เราเองก็เป็นถึงนักดาบผู้ยิ่งใหญ่เชียวนะ!'
หากอัศวินหลักเดียวคือสุดยอดอัศวินของจักวรรดิ ตัวชักสเล่ย์เองก็เป็นหนึ่งในนักดาบที่เก่งที่สุดในทวีปเช่นกัน ไม่แปลกเลยที่เขาจะรู้สึกหัวเสียกับความพ่ายแพ้ในหนนี้
'ทำไมกัน?'
อัศวินลำดับเก้าทำเพียงยักไหล่เบาๆ ให้กับชักสเล่ย์ที่กำลังแสดงสีหน้าสับสน
"ตั้งแต่แรกเริ่มจนกระทั่งสมัย 100 ปีก่อน นักดาบผู้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดในทวีป หากแต่เป็นอริยะดาบ"
"ทว่า… ในร้อยปีให้หลังมานี้ ไม่มีผู้ใดเหมาะสมพอจะได้รับตำแหน่งอริยะดาบไปครองแม้แต่คนเดียว ในทางกลับกัน ทุก 20 ปีก็จะมีนักดาบผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏตัวขึ้นใหม่เรื่อยๆ"
"แกอาจทระนงตนเองว่าแข็งแกร่งที่สุดแล้ว แต่ความเป็นจริง ผู้ที่มีสิทธิก้าวไปถึงอริยะดาบนั้นมีจำนวนมากมาย และแกก็เป็นเพียงหนึ่งในผู้คนเหล่านั้น นักดาบผู้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่สิ่งพิเศษแต่อย่างที่แกคิด!"
"แกเองก็เป็นนักดาบผู้ยิ่งใหญ่สินะ!"
"แน่นอน แถมยังเข้าใกล้ความเป็นอริยะดาบมากกว่าแกด้วย!"
ฉึก!
ดาบรูปทรงแปลกประหลาดที่มีปลายแหลมเป็นแฉกรูปตัว Y ได้บล็อคดาบชักสเล่ย์และเสียบเข้าที่หัวใจของเร็นในเวลาเดียวกัน
"องค์ชาย!"
ร่างของเร็นพลันเย็นชืดในพริบตา ชักสเล่ย์ทรุดลงกับพื้นด้วยสีหน้าสิ้นหวังสุดขีด ส่วนทหารที่เหลือ อัสลันได้ออกคำสั่งให้อัศวินลำดับเก้าเก็บกวาดจนหมดสิ้น
***
ย้อนกลับมายังนักลอบสังหารหน่วยมังกรเงินทั้ง 20 คนที่พยายามลักพาตัวไอรีน
พวกมันทั้งหมดถูกชายที่หลงไหลในมันฝรั่งจับกุมตัวเข้า ซึ่งชายคนนี้ พวกมันไม่รู้เลยว่าเขาเป็นชาวนา จอมเวทย์ หรือนักดาบกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ชายหลงไหลในมันฝรั่งกลับปราณียอมไว้ชีวิตมัน แทนที่จะฆ่าทิ้ง เขากลับถอนเวทย์มนต์ตราประทับที่ฝั่งอยู่ในหน่วยลอบสังหารทุกคนออก
"พวกนายคงถูกบังคับให้ทำภารกิจชั่วช้าโดยใครบางคนมาตลอด แต่ตอนนี้ ทุกคนเป็นอิสระแล้ว ฉันไม่ต้องการให้ฝ่ามืออันแสนบริสุทธิ์คู่นี้ต้องเปื้อนเลือด"
หน่วยมังกรเงินทั้งหมดคือเด็กกำพร้าที่ถูกจับมาฝึกให้กลายเป็นนักลอบสังหาร ชีวิตที่ผ่านมาไม่ต่างอะไรกับการตกอยู่ในขุมนรก เหล่าหน่วยมังกรเงินทั้ง 20 ต่างประทับใจในตัวชายที่หลงไหลในมันฝรั่งผู้นี้มาก แม้จะไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไรก็ตามที
ซึ่งในตอนนี้ พวกมันทั้ง 20 คนไม่มีที่ไหนให้กลับไปอีกแล้ว
"พวกเราขอติดตามท่าน!"
"..."
เป็นเรื่องน่ารำคาญสำหรับชายหลงใหลมันฝรั่งไม่น้อย บลันด์ไม่ต้องการมีนักลอบสังหารด้อยฝีมือคอยตามเป็นเงาให้ วุ่นวายจะตายชัก แต่บลันด์ก็รู้ดีกว่าคนเหล่านี้มีประโยชน์กับใคร
"พวกนายอ่อนแอเกินไปสำหรับจะเป็นลูกน้องฉัน แต่ถ้าอยากทำตัวให้มีประโยชน์จริงๆ ล่ะก็ จงคอยปกป้องดัชเชสไอรีนไว้ซะ!"
"ขอรับ!"
หน่วยมังกรเงินรีบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จุดหมายปลายทางคือปกข้างกายท่านดัชเชสไอรีน ซึ่งในยามนี้ ไอรีนกำลังอยู่ที่ห้องของลอร์ด เขตหวงห้ามของคาซิม ราชันย์แห่งเงา
"พวกแกเป็นใคร?"
"อึ๋ย!"
มีคนที่พวกมันไม่สามารถสัมผัสถึงตัวตนได้ด้วยงั้นหรือ? ทันใดนั้น คาซิมก็ปรากฏตัวออกมาต่อหน้าทุกคน
"โฮ่...? นี่มันเคล็ดวิชาควบคุมลมหายใจของดาลูก้านี่? พวกนายน่าสนใจทีเดียว"
ลอร์ด-สไตม ผู้ที่จะกลายเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่ของทวีปตะวันตกในวันข้างหน้า
บัดนี้คือช่วงเวลาที่หน่วยลอบสังหารอันดับหนึ่งในอนาคตถูกก่อตั้งขึ้น
<หน่วยเงาโอเวอร์เกียร์>
สนุกสนานมากมายครับ
ReplyDeleteเหยดเข้ หน่วยเงา
ReplyDeleteเนื้อเรื่องกำลังมัน
ReplyDeleteเอาแล้วววววว จะมีหน่วยย่อยเพิ่มแล้วเว้ยยย~~
ReplyDeleteถามจริง ตั้งหน่วยขึ้นมาได้ถามเจ้าขิงชื่อที่เอามาตั้งมั่งมั้ย 5555
ReplyDeleteอย่าว่าแต่ถามเลยแอบอยู่ก็ไม่บอกเขาซักกคำมันแอบยังไงเป็นปี
Delete