จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 373
'เรายังแข็งแกร่งไม่พอ...'
พลังชีวิตสูงสุดของกริดในร่างมืดยังมีไม่ถึง 30,000 หน่วยด้วยซ้ำ ทีราเม็ทสามารถสังหารเขาได้ด้วยการชกต่อยเพียงสามหรือสี่ครั้ง แต่กริดก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเผชิญหน้ากับมันโดยตรง โชคยังดีที่วิถีหมัดของทีราเม็ทสามารถอ่านทางได้ง่าย ส่วนตัวเขานั้นพึ่งพาหัถต์เทวะและแรนดี้ซึ่งโจมตีจากทุกทิศทางและเป็นสิ่งที่ทีราเม็ทรับมือได้ยาก
ถึงกระนั้น กริดก็ประเมินวิธีการใช้ไอเท็มและฝีมือของตนเองไว้ว่า
'เรายังมีจุดอ่อนให้ต้องแก้ไขอีกมาก...'
ชายหนุ่มไม่พึงพอใจเลยสักนิด ศัตรูที่จะได้พบพานในวันข้างหน้ามีแต่จะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้ไม่รู้อีกกี่เท่า
'มีวิธีใดที่จะช่วยฝึกฝนฝีมือการควบคุมให้ดีกว่านี้ไหมนะ เพราะไม่ว่าจะพัฒนาตนเองมากแค่ไหน แต่เราก็ไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีจากศัตรูได้ทั้งหมดอยู่ดี'
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากสร้างไอเท็มที่ช่วยรับการโจมตีแทน...
'อย่างเช่นไอเท็มที่ช่วยสะท้อนการโจมตี'
หรือจะเป็น <ชุดเกราะที่มีความสามารถของหลุมดำ> ดีล่ะ ทุกครั้งที่ศัตรูโจมตีใส่ มันจะถูกดูดเข้าไปในหลุมดำและโผล่ในอีกมิติหนึ่ง แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว สำหรับกริด จินตนาการคือพลังที่จำเป็นอย่างมากสำหรับอนาคต
ทำไมน่ะหรือ
'เพราะเรามีทักษะออกแบบไอเท็มยังไงล่ะ'
ยังมีไอเท็มในซาทิสฟายอีกมากที่กริดยังไม่รู้จักคุณสมบัติ โอกาสเติบโตของเขายังมีอีกมาก ชายหนุ่มหันไปให้ความสนใจกับอักขระความมืดที่เพิ่งจะได้รับการอัพเกรดมาหมาดๆ
=============================
[ อักขระความมืด ]
ไอเท็มผูกมัดตัวละคร
________________________________
ไอเท็มชิ้นนี้จะฝังอยู่ในกระเป๋าสัมภาระของท่านเป็นการถาวร ท่านไม่สามารถค้าขาย โยนทิ้ง หรือทำลายมันได้
________________________________
- ผลกระทบการจากใช้งาน : พลังอสูรจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปรกติ
* การโจมตีธรรมดาและทักษะจะสร้างความรุนแรงธาตุมืดเพิ่มขึ้น 20%
เอฟเฟคพิเศษ : เมื่อสังหารเอ็นพีซีหรือมอนสเตอร์พิเศษที่เป็นเผ่าอสูรได้ ท่านจะดูดซับพลังพิเศษเขาเหล่านั้นมาเป็นของตน
* พลังทีราเม็ท : หากพลังชีวิตของท่านลดลงต่ำกว่า 10% พลังชีวิตของท่านจะฟื้นฟูกลายเป็น 30% ในทันที ระยะหน่วงหลังใช้ : 12 ชั่วโมง
=============================
'อีกหนึ่งความสามารถที่ช่วยให้เรารอดตายสินะ'
เมื่อกริดอ่านรายละเอียดอักขระความมืดจบ เขาก็ผุดไอเดียบางประการขึ้นมาได้
'เราควรเป็นสายแทงค์เต็มตัวดีไหม'
ในโอเวอร์เกียร์มีผู้เล่นสายโจมตีมากพอแล้ว แต่แทงค์หลักนั้นมีน้อยมาก สองคนที่พึ่งพาได้มีเพียงโทบันและแวนเนอร์
'ถ้าเราช่วยเป็นแทงค์ให้อีกคน ความลงตัวของกิลด์โอเวอร์เกียร์ก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า'
ชายหนุ่มพลันจินตนาการตนเองกำลังสวมชุดเกาะเต็มสูบและโล่ขนาดใหญ่ ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
'...แบบนั้นวิชาดาบแพ็กม่าจะเสียของรึเปล่านะ'
กริดคือผู้เล่นที่มีทักษะโจมตีเกรดเลเจนดารีซึ่งรุนแรงที่สุดในเกมอยู่กับตัว มันคงจะเสียเปล่าถ้าหากต้องไปทำหน้าที่แทงค์หลัก แต่เมื่อมาลองคิดอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง มันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด
'เราสามารถสลับไอเท็มได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว'
ถ้าหากเขามีเซ็ตไอเท็มสำหรับป้องกันสุดโต่งและโจมตีสุดโต่งไว้คอยสลับสับเปลี่ยนตามแต่โอกาสที่เหมาะสมล่ะ
'เช่นนั้นก็จะรับมือกับสถานการณ์พิเศษอย่างทีราเม็ทเมื่อครู่ได้'
ใบหน้าของกริดที่กำลังแสดงสีหน้าครุ่นคิดอย่างเอาจริงเอาจังนั้นทั้งดูสง่าและอบอุ่น... ยูร่าจ้องมองชายหนุ่มด้วยดวงตาเป็นประกายราวกับอัญมณี
***
"สกปรกฉิบ"
"เราติดอยู่ที่นี่นานแล้วสินะ"
ทางฝั่งตะวันออกบนชั้นที่หนึ่งของปราสาท ห้องซึ่งเต็มไปด้วยดงเสาหินสุดลูกหูลูกตาประหนึ่งป่า ความสิ้นหวังของป็อนและแวนเนอร์กำลังพุ่งขึ้นถึงขีดสุด พวกเขากำลังโมโหโกรธแค้นรัน แวมไพร์บารอนซึ่งใช้วิธีต่อสู้อันแสนสกปรกภายใต้สภาพแวดล้อมเสาหินที่น่ารำคาญ
"พวกเราเสียเปรียบด้านภูมิประเทศมาก ทำลายเสาหินพวกนี้ให้จบๆ ไปเลยดีไหม"
ซู่ววว
มือของป็อนที่ใช้จับหอกเริ่มบิดเป็นเกลียว กล้ามเนื้อทุกมัดบนแขนหดเกร็งปูดโปนเพื่อรวบรวมพละกำลัง
"หอกบดขยี้"
โครมมมม!
ทุกสิ่งในเส้นทางถูกบดขยี้เป็นผุยผง นับเป็นการโจมตีอันทรงพลังที่แม้แต่มิตรสหายยังรู้สึกหวาดหวั่น หอกของป็อนทำลายเสาหินด้านหน้าไปเป็นจำนวนมาก เงาลางที่คอยหลบซ่อนอยู่หลังเสาจึงปรากฏตัวออกมาให้เห็น
แวนเนอร์ไม่พลาดโอกาสทอง
"แสงตะวันคุ้มภัย!"
วาบ~!
โล่ในมือแวนเนอร์ส่องสว่างประหนึ่งดวงตะวัน ห้องที่เคยมืดมิดพลันสว่างจ้า แสงจากโล่แวนเนอร์มีความสว่างเข้มข้นราวกับไฟฉาย รันที่ปราศจากจุดซ่อนตัวจึงเริ่มทำการยิงกระสุนเวทย์มนต์โต้กลับมา
"แค่นี้ไม่เท่าไรหรอกน่า!"
เวทย์มนต์ของรันนั้นไร้พลังมากหากนำไปเทียบกับเอลฟิน-สโตน แวนเนอร์ใช้โล่บังกระสุนเวทย์มนต์ไว้ ในขณะเดียวกัน ป็อนได้กระโจนไปด้านหน้าเพื่อเตรียมกระหน่ำโจมตี... แต่แวนเนอร์เองก็วิ่งขึ้นหน้าเช่นกัน ลำตัวของคนทั้งสองจึงชนกันและเสียหลัก
โครม!
"ไอ้หมูสกปรก!"
ป็อนโซซัดโซเซเมื่อถูกแวนเนอร์ชนเข้าเต็มแรงไม่มีผ่อน ทางด้านแวนเนอร์เองก็ส่งเสียงโวยวาย
"ไอ้งั่ง! ทางวิ่งของนายก็มีอยู่แล้ว มาวิ่งทับเส้นทางของฉันทำไม!"
"ทำไมฉันต้องคอยอธิบายทุกการกระทำด้วย นายเป็นเด็กทารกรึไงฟะ"
ป็อนและแวนเนอร์หันมาฮึ่มใส่กัน ด้วยเหตุนี้ รันจึงรอดพ้นจากวิกฤติอย่างหวุดหวิดโดยหนีไปหลบอยู่หลังเสาหินต้นถัดไปที่ยังไม่พังลงมา
'โชคดีที่พวกมันไม่ค่อยลงรอยกัน'
รันเริ่มยิงเวทย์มนต์ตอบโต้กลับอีกครั้งอย่างโล่งใจ
บึ้ม!
เกิดเป็นแสงสีแดงระเบิดขึ้นบนเพดานห้อง เศษหินกระจัดกระจายตกลงพื้นขัดขวางการบุกของคนทั้งสองไว้ชั่วคราว รันฉวยโอกาสนี้หายตัวในความมืดและโผล่ที่ด้านหลังของป็อนพร้อมกับเล็บสีแดงที่ยาวและแหลมคม
ฉึก!
เล็บแวมไพร์สีแดงสดเสียบทะลวงลำคอป็อนอย่างสยดสยอง
"วะฮ่าฮ่า! ไอ้กระจอก! แกโดนโจมตีอีกแล้วสินะ!"
แวนเนอร์หัวเราะอย่างสะใจเมื่อเห็นป็อนบาดเจ็บ ดูเหมือนคนทั้งสองจะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีสักเท่าไรนัก
***
[ ช่างตีเหล็กในตำนานมีสายตาเฉียบแหลมดุจดั่งพญาเหยี่ยว หากไอเท็มใดมีคุณสมบัติลับซ่อนอยู่ มันจะไม่มีวันรอดพ้นสายตาของเขาไปได้แน่นอน ]
[ ท่านไม่พบคุณสมบัติลับของไอเท็ม ]
กริดใช้ทักษะตรวจสอบไอเท็มกับปืนวิศวกรรมเวทย์มนต์อเล็กซ์ แล้วก็ต้องผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่พบสิ่งใดเป็นพิเศษ ชายหนุ่มรีบมุ่งหน้าเดินทางต่อทันทีพร้อมกับยูร่า สติกส์ และบีนี่
"ตรงนั้นใกล้ที่สุด"
สติกส์หยิบยืมพลังของผืนดินและสายลมเพื่อตรวจหาจุดที่มีการต่อสู้ ก่อนหน้านี้ก็มีหน้าที่สำคัญในการพากริดเข้ามาในดันเจี้ยน นับว่าตัวตนของสติกส์เป็นประโยชน์ต่อกริดอย่างหาที่สุดมิได้
'แต่เขาไม่ยอมให้ไอเท็มเรา...'
ยูร่าได้รับปืนวิศวกรรมเวทย์มนต์อเล็กจากสติกส์โดยไม่มีเงื่อนไข กริดอดริษยาในจุดนี้ไม่ได้
"เอ๋..."
เมื่อกริดเดินผ่านประตูที่สติกส์ระบุ ทันใดนั้นก็ต้องแสดงสีหน้าบูดบึ้งออกมาสุดขีด ส่วนยูร่าที่เดินตามมาติดๆ ก็ไม่ได้ต่างกันเลยสักนิด
เหตุผลน่ะหรือ
"ไอ้หัวปลาหมึกยักษ์ไร้ประโยชน์เอ้ย!"
"แกทำอะไรลงไป! ถ้าไม่ได้เล่นแทงค์ฉันคงตายไปแล้ว! เจ้าบ้า!"
"ถ้านายไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก แวมไพร์บารอนตนนี้คงถูกฉันฆ่าไปนานแล้วเหมือนกัน!"
"..."
มีร่องรอยต่อสู้อย่างหนักหน่วงรุนแรงจนพังพินาศไปทั้งห้อง ยังคงเหลือเสาหินที่ยังไม่พังอยู่ราวสิบต้น แต่ภาพที่เตะตากริดที่สุดคือการทะเลาะกันของป็อนและแวนเนอร์ต่อหน้าศัตรู
"ฮุฮุฮุ!"
"อั่ก!"
"บ้าจริง!"
เพราะมัวแต่คว้าคอเสื้อกันและกันไว้ จึงไม่อาจหลบการโจมตีจากรันได้ถนัดนัก ชายสองคนถูกแวมไพร์สาวใช้แผนเดิมเล่นงานครั้งแล้วครั้งเล่า ลอบโจมตีและหลบหนีกลับเข้าความมืด
กริดพลันโกรธจัด
"ฉันจะไม่ขอพูดเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างพวกนายสองคนก็แล้วกัน แต่ว่า..."
สวบ สวบ
กริดใช้วิชาดาบแพ็กม่า<หน่วง> รันที่หมายจะลอบโจมตีเหยื่อรายใหม่อย่างกริดพลันต้องชะงักงันกลางอากาศ
'เกิดอะไรขึ้น'
รันเริ่มเหงื่อตก กริดใช้ทักษะวิชาดาบแพ็กม่า<ทำลายล้าง>ฟาดฟันเข้าไปใส่หนึ่งครั้ง เท่านั้นยังไม่พอ ชายหนุ่มตามต่อด้วย<สังหาร>ทันที
"กรี๊ดดด!"
รันร้องเสียงหลงพร้อมกับพุ่งตัวหนีไปยังทิศทางของแวนเนอร์และป็อน เธอที่หลุดจากผลของ<หน่วง>หมายจะหายตัวกลับเข้าไปในความมืดอีกครั้ง แต่ยูร่าก็ไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นได้
"กระสุนชำระล้าง"
ปัง!ปัง!ปัง! ปัง!ปัง!ปัง!
กระสุนที่กลั่นจากมานาของยูร่าได้แปรเปลี่ยนให้ร่างกายรันพรุนเป็นรังผึ้ง
"ร่ายรำสังหาร"
ฉึก!
ฉึก!ฉึก!ฉึก!
กริดปิดฉากอย่างสวยงาม
[ แวมไพร์บารอน รัน ถูกสังหาร ]
[ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 525,810,470 หน่วย ]
[ ท่านได้รับไอเท็ม <หินเสริมแกร่งอาวุธที่ถูกอวยพร> จำนวนสองก้อน ]
[ ท่านได้รับไอเท็ม <หินเสริมแกร่งอาวุธ> จำนวนเจ็ดก้อน ]
[ ท่านได้รับไอเท็ม <หนังสือทักษะ : นิทานแห่งความมืด> ]
ซ่าาา!
โลหิตสาดกระเซ็น ร่างของรันกลายเป็นเพียงหมอกควันสีดำ กริดหันมาส่งสายตาตำหนิป็อนและแวนเนอร์อย่างรุนแรง
"ในอนาคต ช่วยเลือกเวลาและสถานที่ในการทะเลาะกันด้วย จงนึกถึงความเจ็บปวดที่พวกพ้องคนอื่นกำลังได้รับในขณะที่พวกนายเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ที่นี่"
กริดไม่ได้พูดเกินจริงไปเลยแม้แต่คำเดียว ชายหนุ่มเป็นห่วงเพื่อนมาก จึงรีบมุ่งหน้ามาจากหมู่เกาะเบเฮ็นอันไกลโพ้น เขาจึงทนไม่ได้เมื่อเห็นป็อนและแวนเนอร์ลืมความคิดที่จะช่วยผู้อื่นเพียงเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว
"...ฉันขอโทษ"
"ในอนาคตจะระวังให้มากกว่านี้"
ป็อนและแวนเนอร์ก้มศีรษะให้กริดเพื่อเป็นการขอโทษ และเพื่อเป็นการแสดงความยอมรับว่ากริดคือหัวหน้าพวกตน ในขณะนั้นเอง กริดได้ยื่นแขนข้างหนึ่งเข้ามาใกล้
นี่เขาคิดจะจับมือเพื่อเป็นการให้อภัยงั้นหรือ ทั้งป็อนและแวนเนอร์ต่างคิดเช่นนั้น
"ขอยืมหอกหน่อย"
"..."
กริดร้องขอในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
***
ณ โถงกว้างบนชั้นหนึ่งของปราสาท เฟคเกอร์กำลังดิ้นรนกระเสือกกระสนอย่างยากลำบากภายใต้โคมไฟระย้าที่ระยิบระยับอยู่บนเพดาน
ครืนนนน!
แวมไพร์บารอน เมาน์เท่น มันสวมชุดเกาะหนักเต็มพิกัดและถืออาวุธขนาดใหญ่ยักษ์ พื้นดินสั่นสะเทือนรุนแรงเมื่อเมาน์เท่นเริ่มขยับตัว เฟคเกอร์ที่ไม่ทันระวังจึงเสียการควบคุมร่างกายทันที
เคร้ง!
เฟเกอร์พลาดท่าเซล้มลง เขาจำใจต้องใช้มีดสั้นเล่มเล็กบล็อคกระบองใหญ่ยักษ์ของเมาน์เท่น นักลอบสังหารอันดับหนึ่งของโลกอาศัยแรงปะทะถีบร่างตนขึ้นลอยไปในอากาศประหนึ่งขนนก เป็นเวลาเดียวกับที่เมาน์เท่นเหยียดแขนข้างหนึ่งตามไปหาเฟคเกอร์
"โลหิตพันธนาการ"
ซู่วววว!
โซ่โลหิตสีแดงสดพวยพุ่งขึ้นจากพื้นและรัดพันร่างเฟคเกอร์ไว้อย่างแน่นหนา... แต่นั่นเป็นเพียงร่างโคลนเท่านั้น
บึ้มบึ้มบึ้ม!
โซ่เกิดการระเบิดออกในจังหวะเดียวกับที่ร่างโคลนนับสิบของเฟคเกอร์กระจายตัวลอยอยู่เต็มอากาศ
สวบ...
เฟคเกอร์อาศัยจุดเด่นด้านความว่องไวของคลาสลอบเข้าด้านหลังของเมาน์เท่น เขาเชือดเฉือดมีดสั้นในมือเข้าใส่ท้ายทอยตรงช่องว่างระหว่างชุดเกราะอย่างแม่นยำ
ฉึก!
ฉึก! ฉึก!
ยิ่งจำนวนครั้งการโจมตีเพิ่มขึ้น ความรุนแรงของทักษะก็ยิ่งเพิ่มขึ้น การโจมตีนี้เคยส่งให้เอลฟิน-สโตนต้องได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัสมาแล้ว ดวงตาของเฟคเกอร์ยังคงปราศจากอารมณ์ทุกชนิดแม้ว่าหยดเลือดกำลังสาดเปรอะเปื้อนใบหน้าตนอยู่ก็ตาม
"ไอ้หนูสกปรก...!"
ร่างกายเมาน์เท่นสั่นเทาอย่างเจ็บปวด มันระเบิดพลังเวทย์กระจายออกทุกทิศทางส่งให้เฟคเกอร์กระเด็นลอยไปด้านหลัง ในขณะที่เฟคเกอร์กำลังจัดระเบียบร่างกาย กระบองยักษ์ได้ฟาดตามเข้ามาด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
'คงต้องยอมเจ็บตัวล่ะนะ'
เพราะถ้าหากเขาใช้ <ประกายแสง> ที่นี่ ทั้งมานาและทักษะที่เตรียมไว้เพื่อใช้คอมโบหลังจากนี้คงผิดเพี้ยนจากแผนเดิมทั้งหมด ในขณะที่เฟคเกอร์เตรียมใจรับแรงกระแทก
"ขว้างหอก"
ฟ้าววว!
เปรี้ยง!
หอกสีเงิน-ขาวได้พุ่งตรงจากประตูทางเข้าและเสียบใส่ศีรษะเมาน์เท่นอย่างแม่นยำ ด้วยเหตุนี้ เฟคเกอร์จึงรอดพ้นจากการถูกกระบองยักษ์บดขยี้ไปได้ เพราะวิถีการเหวี่ยงของมันพลันบิดผันไปทันที
เฟคเกอร์ได้หันหน้ามามองยังทางเข้า
"ขอบใจมากป็อ--… กริด!!"
เฟคเกอร์ไม่เคยคิดมาก่อนว่ากริดจะใช้หอกช่วยชีวิตตนไว้ กริดโบกมือให้กับเฟคเกอร์ที่กำลังมีสีหน้าฉงนสุดขีด
"ถูกกดดันจนได้แต่ตั้งรับฝ่ายเดียว คงน่าเบื่อแย่เลยใช่ไหม"
เฟคเกอร์คือเงาที่ติดตามร่วมสู้กับกริดบ่อยครั้ง เมื่อได้ยินดังนั้นจึงอมยิ้มและยักไหล่เบาๆ
"...แต่ถ้ามีนายอยู่ด้วยล่ะก็ ฉันสามารถแสดงฝีมือได้เต็มที่แน่นอน"
นั่นคือสัญญานบอกใบ้
"ไอ้พวกมนุษย์บัดซบ!"
ความสนใจของเมาน์เท่นพุ่งไปอยู่กับกริดทันที ชายหนุ่มแสยะยิ้มเฉกเช่นทุกครั้ง การเรียกความเกลียดชังจากบอสคือหน้าที่หลักของเขาไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง เฟคเกอร์จึงสามารถกลายเป็นเงาลอบสังหารได้อย่างอิสระประหนึ่งติดปีก และเมื่อยู่ร่ากับแวนเนอร์เข้าร่วมศึก จุดจบของเมาน์เท่นก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
"หอก... หอกของฉัน"
ส่วนป็อนนั้นยังไม่ว่าง เขากำลังตามเก็บหอกอันแสนล้ำค่าที่กริดขว้างออกไป
สนุกสนานมากมายครับ
ReplyDeleteถ้าเกิบหอกมันทันก่อนมันหายไปนี้ฮาเลยนะ
ReplyDeleteนั่นนะสิคงโครตจะฮาเลย
Delete