จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 348



       "ในตอนนี้  ฉันกำลังติดอยู่ที่กำแพงด่านสุดท้ายของเป้าหมายสูงสุด  เพื่อที่จะพังกำแพงนั้นลงให้จงได้  ฉันขอท้าพี่ชายดวลหนึ่งต่อหนึ่งอย่างชอบธรรม"

       "โฮ่...  เป้าหมายสงสุดที่ว่า  คงจะเป็น..."

       คำๆ นี้มีน้ำหนักและความหมายกับปิอาโร่มาก  เขาเอ่ยปากถามครอเกลอย่างใจเย็น

       "อริยะดาบ... ใช่ไหม"

       ครอเกลไม่ปฏิเสธ

       "ใช่แล้ว"

       "ฮะฮะ"

       อริยะดาบ  ความหมายก็ตรงตามชื่อ  ผู้เป็นอริยะแห่งดาบ  ผู้ที่บรรลุศาสตร์ขั้นสูงสุดของอาวุธประเภทดาบและลืมตาตื่นขึ้นเป็นตัวตนใหม่ที่ใกล้เคียงกับเทพ  อริยะดาบในทุกยุคสมัยจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกเสมอ  เฉกเช่นมุลเลอร์  ชายที่มีพลังพอจะผนึกร่างเนื้อของจอมอสูรในอดีตได้มากถึงห้าตน  ประกอบด้วย  เฮลกาโอ  ดราเชี่ยน  โมแร็ค  อัสทาร็อธ และเพอร์พู

       หลังจากการตายของมุลเลอร์  ตลอดหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา  โลกนี้ก็ไม่มีอริดาบปรากฏตัวขึ้นอีกเลย  แต่บัดนี้  ครอเกลกำลังจะก้าวไปถึงจุดนั้น  จุดที่ปิอาโร่ในอดีตไปไม่ถึง

       'เขามีพรสวรรค์เพียงพอก็จริงอยู่'

       ปิอาโร่รู้สึกตกตะลึงมากในยามที่ได้พบครอเกลหนแรก  เป็นเพราะชายหนุ่มผู้นี้มีพรสวรรค์สูงกว่าตน  คนที่ทั่วทั้งทวีปเคยยกย่องให้เป็นนักดาบอันดับหนึ่ง   ใช่แล้ว  ปิอาโร่มองเห็นศักยาภาพของครอเกลตั้งแต่แรกพบ  หากจะมีใครสักคนที่ก้าวข้ามตนไปได้  คนๆ นั้นต้องเป็นครอเกล
       
       'แต่ว่า'

       หลังจากได้พบครอเกลที่พัฒนาขึ้นจาเดิม

       และนำมาเทียบกับตนเอง...

       'เราไม่เห็นถึงความแตกต่างนั้นอีกแล้ว...'

       ตึกตัก

       ตึกตัก!  ตึกตัก!

       หัวใจของปิอาโร่พลันเต้นโครมคราม  ไฟนักสู้ที่เริ่มเลือนหายไปตั้งแต่กลายเป็นชาวนาในตำนานได้ลุกโชนขึ้นใหม่อีกครั้ง  ณ ตอนนี้  เลือดในร่างกำลังสูบฉีดอย่างร้อนรุ่มประหนึ่งลาวาเดือด

       "งั้นคงต้องขอพิสูจน์สักหน่อย  ว่านายเหมาะสมกับสิ่งนั้นรึเปล่า"

       เขาเหมาะจะกลายเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่ที่ปิอาโร่ก้าวไปไม่ถึงหรือไม่  ครอเกลอ่านสีหน้าของปิอาโร่ออกและรับรู้ได้ว่านั่นคือคำพูดท้าทาย  เขาจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงขึงขังจริงจัง

       "เช่นนั้นคงต้องให้พี่ชายประจักษ์ด้วยตาตนเอง"
       
       เฉกเช่นปิอาโร่ที่อยู่บนจุดสูงสุดมาโดยตลอด  ครอเกลเองก็ไม่ต่างกัน  ไม่มีวันใดในซาทิสฟายที่เขาเป็นรองผู้เล่นคนอื่น  ครอเกลไม่เคยคิดว่าตนเองด้อยกว่าใครทั้งสิ้น  แม้อีกฝ่ายจะเป็นเอ็นพีซีพิเศษก็ตาม  ปิอาโร่เป็นทั้งมิตรสหายและภูเขาที่ต้องก้าวข้ามให้ได้สักวัน

       "ฉันขอท้าดวลพี่ชาย  กรุณารับคำท้าด้วย"

       "แน่นอนอยู่แล้ว"

       ปิอาโร่พยักหน้า  ด้วยสิ่งนี้  เงื่อนไขที่จำเป็นต่อภารกิจของครอเกลก็ครบถ้วนสมบูรณ์

============================
[ อริยะดาบ ]
ระดับความยาก : SSS
______________________________
       เอาชนะตำนานคนใดก็ได้ในการดวล
============================

       เป็นภารกิจที่ชัดเจนและเรียบง่าย  แถมเขายังรู้จักบุคคลระดับตำนานเป็นอย่างดี  แต่ดูเหมือนระดับความยากจะเข้าขั้นเป็นไปไม่ได้  การจะให้คนธรรมดาเอาชนะตำนานให้ได้เนี่ยนะ  เรื่องนั้นมันช่าง...

       'น่าสนใจดีนี่'

       ใช่แล้ว  แทนที่จะบ่นอุบอิบกับความโหดหิน  ครอเกลที่ชื่นชอบความท้าทายเป็นชีวิตจิตใจกลับตื่นเต้นยินดี  บททดสอบใหม่ๆ สามารถผลักดันให้ตนเองก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมได้เสมอ  

       ในทางกลับกัน  ฮูเร็นแทบไม่เชื่อหู

       'อริยะดาบ...!  อย่าบอกนะว่า...'

       ผู้เล่นคนเดียวในโลกนอกจากมันที่สิทธิท้าชิงตำแหน่งอริยะดาบ  ฮูเร็นรู้จักชายคนนั้นเป็นอย่างดี  มันจ้องมองชายหมวกฟางด้วยแววตาที่แฝงความนัย  ด้วยความอยากรู้อยากเห็น  ฮูเร็นจึงตัดสินใจเดินตามปิอาโร่และชายลึกลับคนนั้นไป

***

       "แทง"

       "ย่าห์!"

       "ฟัน"

       "ย่าห์!"

       "สับ"

       "ฮุยเร่~!"

       สงครามเมื่อสิบวันก่อนให้ทำให้ทหารเรย์ดันทุกคนตาสว่าง  พวกเขาไม่มีใครมัวเสียเวลาบ่นกับการฝึกนรกนี้อีกแล้ว  ทุกคนต่างรู้ดีว่า  ต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องบ้านเมือง  มิตรสหาย  คนรัก  และครอบครัวให้จงได้

       พวกเขาไม่อาจทำตัวเหยาะแหยะได้อีกแล้วหลังจากเพิ่งจะลิ้มรสความโหดร้ายน่ากลัวของสงครามมาหมาดๆ  ในยามนี้  อัสโมเฟลไม่ได้เข้มงวดเหมือนแต่ก่อนอีก  เป้าหมายดยุคกริดคือเร่งเลเวลทหารให้ถึง 160  โดยส่วนใหญ่ก็ผ่านเกณฑ์นั้นหมดแล้ว  ทว่าเป็นตัวทหารเสียเองที่ร้องขอการฝึกฝนให้หนักหน่วงรุนแรงมากยิ่งขึ้น 

       ความโกรธแค้นที่เคยมีต่อกริดได้สลายไปจนหมดสิ้น  ความจงรักภักดีอย่างหาที่สุดมิได้พลันเข้ามาแทนที่

       ทั้งการฝึกฝนพวกเขาอย่างหนักเพื่อรับมือกับการรุกรานจากทัพหลวง  ทั้งการเสียสละตนเองเข้าไปเผชิญหน้ากับศัตรูตามลำพัง  ทั้งการมอบเซ็ตกริดรุ่นผลิตจำนวนมากให้ใช้เมื่อมีเลเวลถึง 160  

       ทหารของเรย์ดันไม่อาจร้องขอสิ่งใดไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว

       "เป็นยังไงบ้างขอรับนายน้อย  นี่คือกองทัพอันแสนเกรียงไกรของบิดาท่าน  ดยุคกริด  แข็งแกร่งมากเลยใช่ไหม"

       อัสโมเฟลกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ  แต่เมื่อได้เห็นการฝึกของทหาร  ลอร์ดกลับถอนหายใจเบาๆ ด้วยสีหน้าอันแสนผิดหวังบนอ้อมอกรูบี้  

       "อาบู… บู๊ววว"

       "...?"

       อัสโมเฟลพลันนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ  สีหน้าเหยเกของนายน้อยราวกับเขาต้องการจะพูดว่า
       'ทหารพวกนี้มีระดับต่ำเกินไป'

       'อะไรกัน...'

       นายน้อยเข้าใจในสิ่งที่ตนต้องการสื่อด้วยงั้นหรือ  ไม่เพียงเท่านั้น  เขาสามารถประเมินระดับของทหารได้อย่างไร  โดยสิ่งที่น่าตกใจที่สุด  เหตุใดทารกตัวน้อยถึงรู้จักการถอนหายใจอย่างผิดหวัง...

       '...เมื่อครู่เราฝันไปรึเปล่านะ'

       อัสโมเฟลที่ยังไม่มั่นใจนัก  ได้แสดงสีหน้าสับสนออกมาอย่างหนัก  รูบี้อมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันไปพูดกับเขาว่า

       "หลานของฉันยังอายุไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ  จะไปเข้าใจคำพูดของคุณได้อย่างไร  อย่าได้คิดมากกับท่าทางแปลกประหลาดของเด็กทารกเลย"

       "...ขอรับ"

       ใช่แล้ว  เขาต้องคิดไปเองแน่  อัสโมเฟลพยักหน้าเบาๆ รับคำปลอบประโลมจากรูบี้  หลังจากนั้น  ลอร์ดตัวน้อยก็ชี้นิ้วไปทางหอฝึกเวทย์มนต์

       "หนูอยากให้อาพาไปดูจอมเวทย์ใช่ไหม"

       เมื่อรูบี้พูดจบ  ลอร์ดก็พยักหน้าหงึกหงัก

       'นายน้อยก็รู้ความนี่!'

       เขาเคยได้ยินมาว่าลอร์ดคือเด็กอัจริยะ  แต่อัสโมเฟลก็ไม่เชื่อข่าวลือสักเท่าใด  ทว่า… กลับกลายเป็น  ข่าวลือไม่อาจบรรยายความสุดยอดของเด็กคนนี้ได้หมด

       'สามารถเข้าใจสิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องการจะสื่อได้ด้วยอายุไม่ถึงหนึ่งเดือน… เด็กคนนี้จะต้องเติบโตขึ้นไปเป็นสุดยอดจอมเวทย์หรือไม่ก็ยอดนักปราชญ์ในอนาคตแน่'
       
       นั่นยังสามารถอธิบายได้ด้วยอีกว่า  เหตุใด  ลอร์ดจึงไม่สบอารมณ์กับการฝึกของทหารนัก  เพราะเขาไม่มีความรู้ในด้านการต่อสู้นี่เอง

       'นายน้อยเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ด้านปัญญา  หาใช่สายตาของนักรบ'

       ในขณะที่อัสโมเฟลกำลังคิดเช่นนั้น

       "ฉันต้องการใช้สถานที่สักหน่อย  นายช่วยนำทหารออกไปฝึกที่อื่นก่อนได้ไหม"

       ปิอาโร่  ผู้เป็นทั้งเพื่อนรักและแม่ทัพใหญ่แห่งเรย์ดัน  ยามนี้ได้เข้าพบและขอความร่วมมืออย่างกระทันหัน  แต่แปลกมาก  เพราะตามปรกติแล้ว  ด้วยเวลาเช่นนี้  เขาควรหมวกตัวอยู่ในฟาร์มมากกว่า

       "นายคิดจะทำอะไร"

       ปิอาโร่ชี้นิ้วไปยังชายปริศนาที่สวมหมวกฟาง 

       "ฉันต้องการจะดวลกับสหายเก่าสักหน่อย"

       "โฮ่"

       อัสโมเฟลสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของครอเกลตั้งแต่แรกพบ  สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความสนใจทันที

       'ชายคนนี้… เราไม่อาจวัดพลังที่แท้จริงได้เลย'

       นี่นับเป็นคนแรก  หลังจากอัสโมเฟลเคยต้องตกตะลึงกับปิอาโร่มาแล้วในอดีต  หลังจากสำรวจตารางการฝึกสักพัก  อัสโมเฟลก็หันไปออกคำสั่งกับทหาร

       "ออกไปวิ่งรอบทะเลทรายหนึ่งรอบ"

       ทะเลทรายรอบเรย์ดันนั้นกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา  แต่อัสโมเฟลกลับออกคำสั่งราวกับเป็นเพียงของกล้วยๆ   อันที่จริง  นี่ไม่ต่างอะไรกับการลงโทษทางวินัยร้ายแรง  แต่ทหารทุกคนกลับกระตือรือร้นที่จะฝึกอย่างเต็มที่

       "ขอรับ!"

       พวกเขาจะวิ่งจนกว่าขาขาดหรือหมดลมหายใจตายไป  นี่คือความคิดของทหารเรย์ดันทุกคน  เพียงไม่นาน  กองทหารก็เคลื่อนเคลื่อนย้ายออกจากลานฝึกในยามบ่าย

       ลานฝึกอันกว้างขวางที่จุทหารได้หลายพัน  ยามนี้กลับมีเพียงแค่ปิอาโร่  ครอเกล  อัสโมเฟล  รูบี้  และลอร์ด  หรือหากรวมฮูเร็นเข้าไปด้วยก็จะกลายเป็นหกคน

       ฮูเร็นมั่นใจมากว่าไม่มีใครจับสัมผัสของมันได้แน่  แต่ความจริงก็ช่างโหดร้ายกับมันเสมอ  อัสโมเฟสจับไต๋ได้ตั้งแต่ไก่โห่  เขาเดินมายังต้นไม้ใหญ่ที่ฮูเร็นซ่อนอยู่และพูดขึ้น

       "ที่นี่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามา"

       "เชี่ย..."

       ฮูเร็นพลันสั่นระริกทันที  มันหลบซ่อนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่แถมยังมีออร่าปกคลุมไว้ทั้งร่างอย่างแนบเนียน  แต่กลับกลายเป็นว่า  ถูกพบตั้งแต่การต่อสู้ยังไม่เริ่มเลยงั้นหรือ  ชายที่ชื่ออัสโมเฟลคนนี้  เกรงว่าระดับคงอยู่ไม่ห่างจากปิอาโร่นัก

       'เจ้าบ้ากริดไปหาปีศาจแบบนี้มาจากไหนเยอะแยะ!'

       ตัวมันคือแร้งเกอร์หลักเดียวของโลกผู้โด่งดังและเล่นเกมนี้หนักกว่าใครทั้งหมด  แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา  ฮูเร็นกลับไม่มีโอกาสได้พบกันเอ็นพีซีพิเศษบ่อยครั้งนัก  ลืมเรื่องจะนำมาเป็นลูกน้องไปได้เลย  แค่จะสนิทชิดเชื้อจนเป็นเพื่อนกันก็ยากยิ่งแล้ว  เอ็นพีซีแต่ละคนล้วนมีอิทธิพลมหาศาลต่อเนื้องเรื่องบทหลักของซาทิสฟาย

       ฮูเร็นอดชื่นชมกริดในข้อนี้ไม่ได้  

       ในขณะเดียวกัน  อัสโมเฟลก็ถามจี้ต่อไป

       "ยังไม่ออกไปอีกหรือ"

       "เอ่อ..."

       ฮูเร็นยังไม่อยากกลับไปตอนนี้  เขาต้องการจะเห็นฝีมือของชายหมวกฟางสักหน่อย

       "ขอดูอีกสักครู่ได้ไหม"       

       อัสโมเฟลหรี่ตาลงอย่างเยือกเย็น

       "เหตุใดฉันต้องเห็นใจคนนอกด้วย"

       อัสโมเฟลไม่ชอบพูดเรื่องเดิมซ้ำหลายหน  ทันทีที่ปลดปล่อยจิตสังหาร  ร่างกายฮูเร็นพลันเย็นยะเยือบ  หัวใจเต้นโครมครามอย่างประหม่า

       'เรากลายเป็นออร่ามาสเตอร์มานานแค่ไหนแล้วนะ'

       หลังจากถูกกริดล็อกเอาต์ภายในห้าวินาที  ฮูเร็นก็ฝึกตนเองอย่างหนักมาตลอดจนสามารถเลื่อนระดับออร่ากลายเป็นเกรดยูนีคได้สำเร็จ  มันมั่นใจอย่างมากว่า  สามารถเอาชนะผู้เล่นได้ทุกคนบนโลกแล้ว  ไม่เว้นแม้แต่แอ็กนัสและครอเกลที่ร่ำลือกันว่าเก่งนักเก่งหนา

       แต่ความมั่นหน้าก็ต้องพังลงอย่างไม่มีชิ้นดีเมื่อได้ปะทะกับปิอาโร่  ชาวนาในตำนานสามารถล้มตนได้ด้วยการโจมตีจากคราดเล็กเพียงสามครั้งที่หน้าผาก  หลังจากนั้นก็เกิดคำถามขึ้นมากมายภายในใจ

       ทำให้ในตอนนี้

       "จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ..."

       ฮูเร็นเลือกที่จะถอย  นี่คือหนแรกที่มันต้องทำตัวนอบน้อมเป็นแกะป่วย  ฮูเร็นกล้ำกลืนฝนทนกับความอับอายครั้งนี้และกลับไปทำฟาร์มแต่โดยดี  ภายในใจก็ได้แต่นึกสงสัยว่า  ตัวมันเป็นถึงสุดยอดผู้เล่นที่สามารถดูแคลนผู้อื่นได้มาตลอด  แต่แล้วทำไม  ในสถานนี้แห่งนี้  มันถึงได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตแสนอ่อนแอและลีบเล็กราวกับแมลงตัวน้อย

       เรย์ดันแห่งนี้จะแปลกเกินไปแล้ว  ตัวมันรู้สึกไม่ต่างอะไรกับเป็นอลิสในดินแดนมหัศจรรย์       

       ***

       นักบุญหญิง  รูบี้

       น้องสาวของกริด  ด้วยความเป็นนักเรียนหญิงมัธยมปลายธรรมดาทั่วไป  เป้าหมายของเธอจึงมุ่งเน้นไปที่การตั้งใจเรียนและสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง  ทำให้เวลาเล่นเกมจึงมีน้อยมาก  เฉลี่ยอยู่ที่วันละ 30 นาทีเท่านั้น  จึงเป็นเหตุผลที่ว่า  ทำไมเลเวลของเธอถึงได้ต่ำนัก  แม้จะมีคลาสลับสุดโกงควบคู่ไปกับเยริมก็ตาม

       แต่พักหลังมานี้  เธอเปลี่ยนกิจวัตรไปมาก  นับตั้งแต่ลอร์ดลืมตาขึ้นมาดูโลก  แม้จะเป็นเพียงแค่ทารกในเกม  แต่รูบี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือหลานของตน  เธอชื่นชอบในความน่ารักและเฉลียวฉลาดของลอร์ดมาก  เวลาการออนไลน์ซาทิสฟายจึงเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว

       เฉกเช่นวันนี้  เธอกำลังมีความสุขอยู่กับช่วงเวลาที่มีลอร์ดในอ้อมแขน  ส่วนลอร์ดเองก็ชอบคุณอาสาวสวยคนนี้มากเช่นกัน  กลิ่นอันหอมหวลและนุ่มละมุนจากรูบี้  คือสิ่งที่ลอร์ดประทับใจเป็นพิเศษ  ทว่า  เด็กยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ

       "ฮ้าว~"

       ลอร์ดเริ่มหาว  เป็นสัญญาณว่าถึงเวลานอนแล้ว

       "งั้นฉันกลับก่อนนะ"

       ได้เวลาล็อกเอาต์และกลับสู่โลกความจริง  ในขณะที่รูบี้กำลังจะเดินออกจากลานฝึก

       เคร้ง!

       เมื่ออาวุธของครอเกลและปิอาโร่เริ่มปะทะกัน

       "อาบู..."

       อาการง่วงนอนเมื่อครู่ของลอร์ดพลันหายเป็นปลิดทิ้ง  

       "อาบู!  อาบูววววว"

       ลอร์ดส่งเสียงอย่างตื่นเต้น  แขนขาสั้นๆ ถูกโบกไปมาอย่างมีชีวิตชีวา  นัยน์ตาสีฟ้าที่ได้จากแม่พลันเปล่งประกายระยิบระยับราวกับอัญมณีล้ำค่า

       ลอร์ดจ้องมองการต่อสู้ของครอเกลและปิอาโร่อย่างไม่กระพริบตา

       'นายน้อย...!'

       ก่อนหน้านี้  ทารกตัวน้อยไม่ได้เบื่อหน่ายกับการฝึกทหารเรย์ดันเพราะเขาปราศจากสายตานักสู้  

       'แต่เป็นเพราะมาตรฐานของเขาสูงเกินไป!'

       ชายหมวกฟางที่กำลังสู้กับปิอาโร่  และตัวปิอาโร่เอง  การต่อสู้ของสองคนนี้ได้ทำให้ลอร์ดเกิดความสนใจ  อัสโมเฟลที่เห็นภาพดังกล่าวได้แต่ยืนนิ่งอึ้งด้วยอาการสั่นระริก  เด็กคนนี้  ในอนาคตจะกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนกันนะ...

       "อาบู๊ววว!"

       ลอร์ดถูกการต่อสู้อันน่าตกตะลึงดึงดูดความสนใจไว้ทั้งหมด  

       ไม่แปลกที่เด็กคนนี้จะมีอารมณ์ร่วมอย่างน่าประหลาด

       เพราะในอนาคต  ระหว่างครอเกลและปิอาโร่  จะมีหนึ่งคนที่กลายมาเป็นหนึ่งในเจ็ดอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของลอร์ด

Comments

  1. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete
  2. ว้าว กำลังได้อรรถรสเลย มันมาก ของคุณที่แปลครับ

    ReplyDelete
  3. เมื่อไหร่หลอดจะโตตต

    ReplyDelete
  4. ขอบคุณมากครับ

    ReplyDelete
  5. ลูกชายกริดจะกลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนกันนะนั้น

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00