จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 346



       ระหว่างทางที่กลับมายังเรย์ดัน  

       ความแตกต่างของกองทัพแดนเหนือและกองทัพเรย์ดันได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านการเคลื่อนทัพ  ในขณะที่กองทัพแดนเหนือแสดงอาการเหนื่อยหอบ  กองทัพเรย์ดันกลับมีท่าทีสบาย  ปราศจากอาการล้าโดยสิ้นเชิง

       เป็นเพราะกองทัพแดนเหนือกรำศึกหนักมานานกว่างั้นหรือ?  

       เปล่าเลย           

       ด้วยเลเวลและค่าสถานะที่ต่างกันต่างหาก  แม้กองทัพแดนเหนือจะเป็นหนึ่งในกองทัพที่เกรียงไกรที่สุดของอาณาจักร  แต่เมื่อเทียบกับทหารเรย์ดันที่ผ่านการฝึกนรกจากปิอาโร่และอัสโมเฟลแล้ว  พวกเขาก็เป็นได้เพียงเด็กน้อย

       ทัพของเรย์ดันไม่เพียงมีเลเวลที่สูงกว่าเท่านั้น  แต่ค่าเรี่ยวแรงและพละกำลังก็เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด  และส่วนสำคัญที่สุดก็คือ  ความสามารถในการเคลื่อนที่บนพื้นทราย  พวกเขาถูกฝึกมาประหนึ่งหน่วยรบพิเศษ  คงยากที่จะให้มองทหารเหล่านี้เป็นเพียงทหารราบธรรมดาทั่วไป

       'เราคงต้องเลียนแบบหลักสูตรการฝึกทหารของเรย์ดันไว้บ้างแล้ว'

       ในขณะที่ลาเด็นกำลังนึกชื่นชมอยู่ในใจ  กริดก็หันไปพูดกับอัสโมเฟลที่นำทัพอยู่หน้าสุดว่า

       "อัสโมเฟล  ขอบใจที่ช่วยตั้งใจฝึกฝนทหารอย่างหนักเสมอมา  สงครามครั้งนี้  ฉันชนะมาได้ก็เพราะนายแท้ๆ"

       "นายท่านกล่าวชมเกินไปแล้ว  อันที่จริง  กระผมไม่ได้เป็นคนเดียวที่ทำหน้าที่ครูฝึก"

       "ไม่เลย  ฉันไม่ได้พูดเกินจริง  ความต่างชั้นของกองทัพหลวงกับกองทัพเรย์ดันนั้นมากมายราวกับท้องฟ้าและหุบเหว  นี่คือโอกาสที่ฉันได้ประจักษ์ชัดในฝีมือและคุณงามความดีของนาย  ส่วนปิอาโร่น่ะหรือ?  ปล่อยหมอนั่นไปเถิด...  วันๆ เอาแต่ทำฟาร์มไร้ประโยชน์  นายดีกว่าเขาเป็นร้อยเท่า"

       "นายท่าน...!"

       นับตั้งแต่รับใช้กริดมา  อัสโมเฟลเป็นเพียงเงาเบื้องหลังมาโดยตลอด  เขาอยากได้รับคำชมจากกริดบ้าง  อยากให้กริดได้เห็นฝีมือที่แท้จริงบ้าง  จนกระทั่งโอกาสนั้นมาถึง  ในที่สุด  นายของตนก็ได้เห็นค่าความสำคัญเสียที

       อัสโมเฟลพลันขนลุกซู่อย่างซาบซึ้งพร้อมกับกล่าวต่อไป
       "กระผมจะพยายามอย่างหนักเพื่อความก้าวหน้าของนายท่าน!"

       "เยี่ยมมาก  ต้องอย่างนั้น  หลังจากนี้ก็ช่วยฝึกทหารต่อไปด้วยนะ"

       "...เอ๋?"

       ตำแหน่งของอัสโมเฟลในตอนนี้คือ  กัปตันกองอัศวินเวทย์มนต์โอเวอร์เกียร์  นั่นหมายความว่า  เขาไม่มีความจำเป็นต้องมาเป็นครูฝึกทหารอันต่ำต้อยด้วยตนเอง  ตามปรกติแล้ว  กัปตันกองอัศวินจะมีภารกิจที่สำหรับระดับอาณาจักรให้ออกไปทำอยู่เสมอ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัสโมเฟลที่เป็นถึงอดีตเสาหลักจักรวรรดิ 

       'เขาต้องการให้เราเป็นครูฝึกทหารไปจนตายรึไง...?'

       ปัญหาก็คือ  ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง  อัสโมเฟลจะไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือในด้านการรบเลย

       'นายท่านยังคงไม่ตระหนักถึงฝีมือต่อสู้ที่แท้จริงของเรา'
       
       ตัวตนอันแสนสำคัญในอดีต  บัดนี้ถูกลดขั้นมาเป็นเพียงครูฝึกทหาร  ในขณะที่อัสโมเฟลกำลังกังวลกับอนาคต  กริดก็เอ่ยปากถามขึ้น
       "แล้วเมื่อครู่  นายหยิบไอเท็มที่ดรอปตามพื้นมาได้เท่าไร?"

       "...กองทัพหลวงดรอปดาบ 933 เล่ม  หอก 712 เล่ม  ธนู 250 คัน  โล่ 195 อัน  และชุดเกราะ 141 ชิ้น"

       "หมดหรือยัง?"       

       "หมดแล้วขอรับ..."

       "จริงหรือ?  ทำไมถึงน้อยจัง?"

       "นี่คือทั้งหมดแล้วแน่นอนขอรับ"

       "กองทัพหลวงสูญเสียไปเกินกว่า 4,000 นายเลยไม่ใช่รึไง?  อย่างน้อยไอเท็มดรอปก็ควรจะรวมกันได้ 4,000 ชิ้นสิ"

       "..."

       เฉกเช่นมอนสเตอร์หรือผู้เล่น  ในยามที่ตาย  ไอเท็มจะไม่ดรอปเสมอไป    และมีโอกาสสูงมากที่จะไม่ได้รับสิ่งใดติดมือเลย  กริดเองก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี  แต่เขาก็ยังคิดว่า  จำนวนไอเท็มเท่านี้ออกจะน้อยเกินไปสักหน่อย  

       ในขณะเดียวกัน  กริดก็หันไปถามลอเอล
       
       "ลอเอล  พวกเราจะได้กำไรเท่าไร?  นายเป็นคนบอกเองว่า  เราจะได้นอนบนกองเงินกองทองหลังจากที่นำไอเท็มทั้งหมดไปขาย  นี่ฉันตั้งความหวังสูงไปรึเปล่า?"

       "อาวุธเลเวล 130 เกรดทั่วไปมีทั้งหมด 2,090 ชิ้น  ส่วนชุดเกราะเกรดทั่วไปก็มีทั้งหมด 141 ชิ้น  หากคำนวนจากราคาต่ำสุด  กำไรของพวกเราจะอยู่ที่ 25,000 เหรียญทอง… นายที่กำลังจะเป็นเจ้าของตึกซึ่งต้องใช้เงินมากขึ้น  จะยอมมองข้ามเงินจำนวนมากขนาดนี้ได้หรือ?"

       "หืม...?"

       25,000 เหรียญทองตีเป็นเงินจริงได้ทั้งหมด 30 ล้านวอน  การทำสงครามเพียงครึ่งวันก็ได้กำไรมากขนาดนี้แล้วหรือ?

       "ทำไมถึงได้มีราคาสูงนัก?"

       "ไอเท็มเลเวล 130 จะมีราคาขั้นต่ำอยู่ที่สิบเหรียญทอง  ส่วนชุดเกราะจะอยู่ที่ 30 เหรียญทอง  ยิ่งมีปริมาณมากก็ยิ่งมีราคาสูง  แถมนายจะยิ่งได้กำไรมากขึ้นหากนำโลหะทั้งหมดมาหลอมและสร้างเป็นไอเท็มชุดใหม่"

       "...สงครามก็ไม่เลวซะทีเดียว"

       "แน่นอน  ถ้าหากนายสามารถควบคุมสงครามได้ดั่งใจนึก  ไม่เพียงแต่จะได้รับเงินจากไอเท็มดรอปเท่านั้น  แต่ยังสามารถดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งไปพร้อมกันได้ด้วย  มีแต่ความร่ำรวยที่รออยู่ตรงหน้า  ด้วยเหตุนี้  จักรวรรดิจึงมุ่งเน้นในการทำสงครามอย่างหนักตลอดหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา"

       "งั้นพวกเราเริ่มทำสงครามทุกวันเลยดีไหม?"

       "มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกกระมัง?  แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรย์ดันคือเมืองที่เหมาะจะเป็นฐานในการทำสงคราม  พื้นที่ทางภูมิศาสตร์สำหรับฝ่ายตั้งรับจัดว่าสมบูรณ์แบบ  ทั้งผืนทะเลทรายอันกว้างใหญ่ยากแก่การเคลื่อนทัพเข้ามาบุก  มอนสเตอร์ดุร้ายคอยปรากฏตัวก่อกวนทัพศัตรู  แถมยังมีอาหารเลี้ยงกองทัพได้ไม่มีวันหมดด้วยฝีมือของปิอาโร่… นั่นสินะ  เรย์ดันเหมาะแก่การทำสงครามมากจริงๆ ถ้าหากถึงเวลาที่เหมาะสม"

       "จริงสิ… ปิอาโร่"

       สีหน้าของกริดพลันบิดเบี้ยวทันทีที่ได้ยินชื่อนี้  ในฐานะแม่ทัพใหญ่แห่งเรย์ดัน  แต่เขากลับไม่ได้เข้าร่วมสงครามเลยสักนิดเดียว  

       ยิ่งคิด...  กริดก็ยิ่งโมโห
       
       "เจ้านั่นขอเดินทางไปยังภูเขาอัลเทสก่อนจะเกิดสงครามเพียงแค่วันเดียวสินะ?  ราวกับรู้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว  แถมเหตุผลก็ยัง… เพียงเพื่อฝึกพิเศษให้กับทหารหนึ่งคนเนี่ยนะ?  จะบังเอิญอะไรขนาดนั้น"

       แต่ในความเป็นจริง  ปิอาโร่กำราบกองทัพจำนวน 2,000 นายไปพร้อมกับแม่ทัพศัตรูอย่างฮูเร็นได้ตามลำพัง  ไม่เพียงเท่านั้น  เขายังหาชาวนาได้เพิ่มอีก 850 คน… ไม่สิ  ต้องเรียกว่าเชลยถึงจะถูก  คุณงามความดีของปิอาโร่นับว่าสูงสุดของศึกครั้งนี้แล้วก็ว่าได้  แต่กริดก็ไม่มีโอกาสได้รับรู้เลย 

       ***

       "องค์ชาย...!  องค์ชาย...!"

       ทะเลทรายยามค่ำคืนอันแสนเย็นยะเยียบ  สายเลือดอันสูงศักดิ์ได้จบชีวิตลงโดยไม่มีโอกาสได้สั่งเสียบอกลา

       ชักสเล่ย์กอดร่างไร้วิญญานขององค์ชายเร็นอย่างแนบแน่นพร้อมกับร่ำไห้  ในขณะเดียวกัน  อัสลันก็จ้องมองชักสเล่ย์ด้วยสายตาชื่นชม

       "เซอร์ชักสเล่ย์  ฉันรู้ดีว่านายจงรักภักดีกับราชวงศ์อีเทอนัลมากเพียงใด  ดังนั้น  จงมาอยู่กับฉันซะ  จงรับใช้ฉันไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่"

       "..."

       อันที่จริง  ชักสเล่ย์ไม่ได้มีความรู้สึกใดให้องค์ชายเร็นมากกว่าเชื้อพระวงศ์คนอื่น  เขาซื่อสัตย์ต่อราชวงศ์ทุกคนอย่างเท่าเทียม  แต่ในยามนี้  ชักสเล่ย์กลับรู้สึกไม่พอใจองค์ชายอัสลันเอาเสียเลย  ชายคนนี้คือปีศาจที่สังหารพี่ชายแท้ๆ ของตนโดยไม่แม้กระพริบตา 

       'ช่างน่ากลัวนัก!'
       
       แถมหลังจากนี้ไป  ชักสเล่ย์ก็ต้องใช้ชีวิตอยู่กับความหดหู่และฝันร้ายที่ตนไม่อาจปกป้ององค์ชายเร็นไว้ได้  

       แต่หน้าที่ก็ต้องมาก่อน  ลงเอยด้วย  เขาตัดสินใจยอมจำนนต่อองค์ชายอัสลัน  ชักสเล่ย์ทำการโค้งคำนับทันที

       "...กระผมจะขอติดตามท่าน"

       นี่คือหน้าที่ซึ่งตระกูลโลคานทุกรุ่นยึดมั่นมาโดยตลอด  พวกเขาต้องคอยรับใช้ราชวงศ์อีเทอนัล  ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นปีศาจมาจากไหนก็ตาม

       แต่ว่า

       'องค์ชายสิ้นคิดที่หยิบยืมพลังอำนาจของจักรวรรดิมาช่วยให้ตนเองได้เป็นใหญ่  คนเช่นนี้  เราจะไม่มีวันมอบความจริงใจให้เด็ดขาด!'       

       แค่เพียงทำหน้าที่ของตนเท่านั้น  ไฟศรัทธาในตัวราชวงศ์อีเทอนัลจากชักสเล่ย์เริ่มดับมอด  ในขณะเดียวกัน  องค์ชายอัสลันที่อ่านความคิดของชักสเล่ย์ไม่ออก  มันจึงแสดงสีหน้าโล่งใจออกมา

       "วันนี้เป็นวันดีจริงๆ"

       องค์ชายอัสลัน  เพียงเพราะเกิดหลังจากเร็นสองปี  มันจึงหมดโอกาสในการสืบทอดบัลลังก์ไปโดยปริยาย  อัสลันสาปแช่งชีวิตอันน่าอดสูของตนมาโดยตลอด  จนกระทั่งวันนี้  วันที่เร็นตัดสินใจกระทำสิ่งโง่เขลาลงไป

       "เอาล่ะ  กลับกันเถอะ  ฉันจะดูแลพระศพของพี่ชายที่ถูกดยุคกริดสังหารเป็นอย่างดี"

       10 กุมภาพันธ์ ปีอาณาจักร 406

       ประวัติศาสตร์ถูกบันทึกไว้ว่า  องค์ชายเร็น  รัชทายาทแห่งอาณาจักรอีเทอนัล  ได้นำทัพหลวงจำนวน 7,000 นายรุกรานเรย์ดันและพ่ายแพ้ต่อดยุคกริดจนถูกสังหารในสนามรบ

       17 กุมภาพันธ์ ปีอาณาจักร 406

       กษัตริย์องค์ที่ 13 แห่งราชวงศ์อีเทอนัล  กษัตริย์วิสบาเดน  สิ้นพระชมน์  

       และในวันเดียวกัน  องค์ชายลำดับที่สอง  อัสลัน  ได้ขึ้นครองราชย์กลายเป็นกษัตริย์คนใหม่

       21 กุมภาพันธ์  ปีอาณาจักร 406

       กษัตริย์องค์ที่ 14 แห่งอาณาจักรอีเทอนัล  กษัตริย์อัสลัน  ได้ออกประกาศสำคัญสู่สาธารณะชน

       "ดยุคกริดอาจเป็นผู้ที่สังหารองค์ชายเร็นก็จริง  แต่เขาก็ปราศจากความผิดทั้งหมด  เป็นฝ่ายองค์ชายเร็นเสียเอง  ที่หลงลืมว่าดยุคกริดคือวีรบุรุษอาณาจักรและเข้ารุกรานอย่างโง่เขลา  ดยุคกริดกระทำการปกป้องตนเองอย่างถูกต้องชอมธรรมแล้ว"

       ด้วยเหตุนี้  กริดจึงสามารถใช้ชีวิตอย่างสันติสุขต่อไปโดยที่ตำแหน่งและดินแดนไม่ถูกสั่นคลอน  แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็นผู้สังหารองค์รัชทายาทก็ตาม

       ทว่า… นี่ไม่ใช่สิ่งที่ลอเอลต้องการเลยสักนิด 

       'หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนเดิมล่ะก็  สถานะของกริดคงอยู่สูงกว่าราชวงศ์ไปแล้วในตอนนี้'

       ลอเอลหวังจะใช้องค์ชายเร็นเป็นบันไดไต่เต้าให้กริดขึ้นเป็นกษัตริย์  แต่แผนทั้งหมดต้องพังลงเพราะมีใครบางคนได้ลอบสังหารองค์ชายเร็นระหว่างทางกลับ  โดยต้นเหตุครั้งนี้  ลอเอลมั่นใจว่าจะต้องเป็นฝีมือของกษัตริย์อัสลัน  แต่เขาก็ไม่มีหลักฐานและไม่มีสิทธิไปตัดสิน  จึงทำได้เพียงเก็บงำเรื่องนี้ไว้เป็นความลับต่อไป

       ในขณะเดียวกัน  กษัตริย์อัสลันก็แสดงความชื่นชอบในตัวกริดอย่างออกนอกหน้า

       'หมอนั่นฉลาดมาก...'

       ด้วยการกระทำเช่นนี้  พลังอำนาจของกริดจึงถูกสะกดไว้เพียงแค่ลอร์ดแห่งเรย์ดันและดยุคของอีเทอนัล  คงเป็นการยากที่กริดจะขยายกำลังรบไปมากกว่านี้ได้  ในทางกลับกัน  อัสลันที่ตีหน้าซื่อว่าเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกริด  แต่เบื้องหลังก็กำลังสมคบคิดกับจักรวรรดิและซ่องสุมกำลังพลไว้โค่นล้มกริดในอนาคต

       'ผลของการยืมมือจักรวรรดิได้แสดงออกอย่างชัดเจนตั้งแต่วินาทีแรกที่อัสลันครองบัลลังก์  ราชวงศ์อีเทอนัลทุกคนต่างถือข้างอัสลัน  ในขณะที่อัสลันได้ครองอำนาจและมีกำลังทหารในมือเพื่อกำราบกริด  จักรวรรดิก็คอยเชิดอัสลันอยู่เบื้องหลังอีกทอดหนึ่ง  นับเป็นสถานการณ์ที่ส่งผลดีอย่างมากกับทั้งสองฝ่าย'

       อัสลัน  ศัตรูคราวนี้เล่นด้วยได้ยากมาก  แต่แทนที่ลอเอลจะเศร้าเสียใจ  เขากลับกำลังแสยะยิ้มอย่างตื่นเต้น

       "หึหึหึ!  กษัตริย์อัสลันเอ๋ย… งั้นก็ดีเลย  แกคือศัตรูคนแรกที่สามารถทำให้ฉันต้องเค้นความคิดมากขนาดนี้!  รอยหยักในสมองกำลังสั่นระริกอย่างตื่นเต้นที่พวกมันจะได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ!"

       จูนิเบียวลอเอลใช้ฝ่ามืออันใหญ่โตเลื่อนขึ้นมาปิดใบหน้าที่เรียวเล็กไว้ครึ่งหนึ่ง  หลังจากนั้นก็เอนหลังไปพิงกับหน้าต่างพร้อมกับขยับแว่นพอเป็นพิธี

       "ฉันรอไม่ไหวแล้ว… ฝ่ายที่จะได้ลิ้มรสน้ำตาของผู้แพ้คือฉันคนนี้!"

       ในขณะเดียวกัน

       กริดก็กำลังตื่นเต้นดีใจโดยปล่อยให้ลอเอลทำตัวบ้าบออยู่ตามลำพัง

       "กษัตริย์อัสลันส่งของขวัญมาให้อีกแล้วหรือ?  หมอนั่นเป็นคนดีเหมือนกันนะ  ฮ่าฮ่าฮ่า!  อย่างน้อยดีกว่ากษัตริย์วิสบาเดนเยอะเลย"

       หลังจบสงครามดังกล่าว

       กริดได้รับเงินจากการขายไอเท็มดรอปจำนวนมาก  แถมยังมีของขวัญที่อัสลันส่งมามอบให้บ่อยครั้ง  เรย์ดันพบกับความมั่งคั่งในชั่วพริบตา  สิ่งนี้มากพอจะเสริมเขี้ยวเล็บของกองทัพเรย์ดันทั้ง 1,000 นายด้วยเซ็ตกริดรุ่นผลิตจำนวนมาก  

       และในภายหลัง  ทหารทั้ง 1,000 ก็จะกลายเป็นกองทัพสุดแสนเกรียงไกรของทวีป

       ***

       "เอ๋?"

       เมื่อเสร็จการสร้างไอเท็มพร้อมกับหัตถ์เทวะทั้งสี่  กริดก็มักออกเดินสูดอากาศและแวะไปเล่นกับบุตรชายอยู่บ่อยครั้ง  จนกระทั่งวันนี้  เขาได้เห็นภาพอันน่าตกตะลึงในตอนที่เดินผ่านฟาร์ม  จำนวนของชาวนาที่กำลังก้มหน้าตรากตรำทำฟาร์มในขณะนี้  ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกราว 1,000 คนอย่างไม่ทราบสาเหตุ

       "คนพวกนี้มาจากไหนกัน?"

       เรย์ดันประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานมานานแล้ว  ดังนั้น  ปิอาโร่ไม่ควรจะมีชาวนาในสังกัดมากขนาดนี้ได้  ในขณะที่กริดยืนสับสน  ปิอาโร่ก็เดินเข้ามารายงาน

       "กระผมเก็บคนเหล่านี้มาจากภูเขาอัลเทส"

       ไปเก็บคนมากกว่า 800 มาจากภูเขาเนี่ยนะ?  ช่างเป็นคำแก้ตัวที่ฟังดูไร้สาระอย่างมาก  แต่กริดกลับเชื่อคำพูดปิอาโร่  เพราะตนเองก็เคยเก็บชนเผ่าอัลจากจักรวรรดิมาได้เช่นกัน

       "คงเป็นชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่บนภูเขาสินะ  ยอดเยี่ยมมาก  ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงไม่เห็นนายในตอนที่เกิดสงคราม"

       ทหารของกองทัพหลวงดันกลายเป็นชนกลุ่มน้อยไปเสียได้...

       อันที่จริง  รอยแมนเกิดคำถามขึ้นมากมายในหัว  เมื่อเธอมั่นใจว่ากริดเดินจากไปพร้อมกับบุตรชายในอ้อมแขน  รอยแมนจึงหันมาถามกับปิอาโร่

       "ปิอาโร่  ทำไมคุณถึงไม่บอกความจริงกับท่านดยุคไปล่ะ?  คนพวกนี้ไม่ใช่ชนกลุ่มน้อยสักหน่อย  แต่เป็นทหารอีเทอนัลเหมือนกับพวกเรา"

       "ฉันไม่ต้องการให้แรงงานทำฟาร์มถูกดึงไปเป็นทหาร  สิ่งนี้ไม่ใช่การทรยศนายท่าน  แต่เป็นการตัดสินใจแทน  ชาวนาคือกระดูกสันหลังของระบบเศรษฐกิจและเมือง  เป็นหน้าที่ที่สำคัญไม่แพ้ทหาร  ดังนั้น  ฉันเพียงแค่ตัดสินใจในสิ่งที่ดีที่สุดแทนนายท่าน  แล้วอีกอย่าง  ฉันก็คอยฝึกฝนคนเหล่านี้ด้วยหลักสูตรทหารอยู่เป็นระยะ"       

       "อย่างนี้นี่เอง!"

       รอยแมนที่ประจักษ์ชัดในฝีมือของปิอาโร่มาแล้ว  เธอจึงเชื่อเขาทุกคำพูดโดยไม่กังขา  แล้วอีกอย่าง  รอยแมนปฏิเสธไม่ได้ว่า  ทหารทั้ง 850 คนที่กลายเป็นชาวนาก็ทำคุณประโยชน์ให้กับเรย์ดันได้ไม่แพ้ทหาร  พวกเขาทุกคนต้องทำฟาร์มตอนกลางวัน  และฝึกรบตอนกลางคืน

       ในบรรดาชาวนาจำนวนมากเหล่านี้  หนึ่งในนั้นคือฮูเร็น  ออร่ามาสเตอร์

       'เรากำลังทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย?'

       ฮูเร็นทั้งอับอายและไม่เข้าใจตนเองเลยสักนิด  แต่เขาก็ไม่อาจเมินเฉยต่อรางวัลอันแสนล่อตาล่อใจจาก <★ ภารกิจลับ ★  การฝึกฝนอันแสนเพลิดเพลินและสนุกนาน!>ได้เลย

       ยิ่งกาลเวลาผ่านไป  เรย์ดันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่หยุดพัก

Comments

  1. สนุกมากมายครับ

    ReplyDelete
  2. ปิอาโร่ไม่คิดจะให้ภารกิจลัศบกับกริดบ้างเหรอ
    ถ้ากริดรู้เองทีหลังต้องโมโหมากแหงๆ

    ReplyDelete
    Replies
    1. นั้นสิน่าจะเอามาทำไห้หมกิลสลับกันมาทำ

      Delete
  3. แย่ๆๆๆ ฮูเร็นนะ โดนล่อซื้อ 555

    ReplyDelete
  4. ตอนนี้นายตกเป็นทาสให้กับชาวนาเป็นที่เรียบร้อยแล้วสินะ ฮูเร็น

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00