จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 357



       พาลาดินส่วนใหญ่จะมีวิชาดาบที่คล้ายคลึงกัน

       การเหวี่ยงดาบทุกครั้งจะอัดความตั้งใจและความศรัทธาลงไปอย่างเต็มเปี่ยมโดยหมายจะบดขยี้ศัตรูให้ราบคาบ  ด้วยเหตุนี้  วิถีดาบของพาลาดินจึงเรียบง่ายและหลบหลีกได้ไม่ยาก  แถมยิ่งเมื่อพลาดเป้า  ช่องว่างขนาดมหึมาจะเกิดขึ้น

       โยชิมุระมีประสบการณ์ต่อสู้มาไม่น้อย  มันจึงคุ้นชินกับสไตล์การต่อสู้ของพาลาดินบ้างพอสมควร  มีหรือที่นักธนูผู้คล่องแคล่วจะถูกพาลาดินที่แสนเชื่องช้าโจมตีโดนได้  สำหรับโยชิมุระแล้ว  พาลาดินก็ไม่ต่างอะไรกับกระสอบทรายเคลื่อนที่  ถึงแม้จะถึกทนทานและล้มลงยาก  แต่ก็ไร้พิษสงคุกคาม

       ทว่า...  ดาเมี่ยนคือข้อยกเว้น

       ฉั่วะ!

       "อ๊ากกกก!"

       ทุกครั้งที่ดาเมี่ยนกวัดแกว่งดาบ  บาดแผลตามลำตัวโยชิมุระก็จะเพิ่มจำนวนขึ้น  มันไม่สามารถหลบดาบดาเมี่ยนได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

       "แกนะแก...!  ทำไมพาลาดินถึงมีฝีมือดาบที่ซับซ้อนขนาดนี้ได้  หรือเป็นเพราะแกคือคลาสลับอย่างที่เขาร่ำรือกัน  ไม่ใช่พาลาดินอีกแล้วสินะ!"

       เป็นการคาดเดาที่ถูกต้องแต่ไม่ทั้งหมด  ในฐานะ<อัครทูตแห่งเทพธิดา>  ดาเมี่ยนยังคงมีพื้นฐานเป็นพาลาดินอยู่  แต่ในเมื่อคลาสนี้เป็นถึงเกรดยูนีค  ทำให้ดาเมี่ยนสามารถเรียนวิชาดาบในระดับที่สูงกว่าพาลาดินทั่วไปได้  นั่นคือสาเหตุที่ฝีมือดาบดาเมี่ยนแปลกตาไปจากที่โยชิมุระเคยเห็น  

       แถมยิ่งไปกว่านั้น  ดาเมี่ยนก็ยัง...

       "ฉันคือพาลาดินแน่นอน...  แต่เป็นพาลาดินที่มีสุดยอดอาจารย์คอยสอนสั่ง!"

       ใช่แล้ว

       ดาเมี่ยนได้รับการฝึกสอนจากปิอาโร่โดยตรง  เขาพัฒนาตนเองขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากคำชี้แนะที่กระจ่างชัดและถูกจุดของปิอาโร่  รวมไปถึงผลตอบแทนจาก<★ภารกิจลับ★ การฝึกฝนอันแสนเพลิดเพลินและสนุกสนาน!>นั่นด้วย

       "แม้วิชาดาบไร้ก้นบึ้งจะเชื่องช้าและมีความหลากหลายน้อยกว่าวิชาดาบชนิดอื่น  แต่มันคือวิชาดาบที่ดีที่สุดของทวีปนี้อย่างไร้ข้อกังขา"

       "ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น"

       "ดาบที่ดีอาจควบคุมได้โดยพละกำลัง  แต่ดาบชั้นเลิศจะถูกควบคุมโดยสติปัญญาและจิตใจ  เราสามารถเร่งความเร็วให้กับดาบได้มากเท่าที่ใจคิด  และแปรเปลี่ยนได้หลายรูปแบบตามจินตนาการ"

       "..."

       ในฐานะพาลาดิน  เป็นการยากมากที่จะให้ดาเมี่ยนเข้าใจคำพูดเหล่านี้  หากอยู่ในชีวิตจริง  ดาเมี่ยนคงจะยืนอึ้งเป็นไก่ตาแตกอยู่เช่นนั้นไปอีกนาน  แต่ที่นี่คือโลกของซาทิสฟายที่มีระบบเกมคอยช่วยเหลือผู้เล่น

[ ท่านได้รับคำชี้แนะจากปิอาโร่จนบรรลุสัจธรรมบางสิ่ง! ]
[ ค่าความแม่นยำเพิ่มขึ้น 30% เมื่อสวมใส่อาวุธประเภทดาบ  ผลนี้จะนำไปรวมกับเอฟเฟคจากทักษะความชำนาญดาบด้วย ]

       หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ  การบรรลุครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับรางวัลตอบแทนภารกิจ  แต่เป็นเพราะความอดทนและตั้งใจฝึกซ้อมของดาเมี่ยนจนเข้าตาปิอาโร่  เมื่อปิอาโร่รู้สึกชื่นชอบเป็นพิเศษ  เขาจึงมอบของขวัญตอบแทนให้มากกว่าสิ่งที่ภารกิจสัญญาไว้       

       "อาจารย์ที่เก่งกาจที่สุดงั้นหรือ  นายหมายถึงใครกัน"

       "คนอย่างแกไม่มีความจำเป็นต้องรู้!"

       ฉึก!

       "อ๊ากกก!"

       "หัวหน้า!"

       โยชิมุระถูกดาเมี่ยนแทงเข้าที่สีข้างอย่างจังจนทรุดลง  เมื่อโอโรจิเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้ามาขวางพร้อมกับตะโกนส่งเสียงเกรี้ยวกราด

       "แกกล้าดียังไงมาทำร้ายท่านหัวหน้า!!"

       โอโรจิคือผู้ที่มีฝีมือการดวลสูงที่สุดของกิลด์ซากุระ  คลาสของมันชำนาญการใช้ดาบคู่ที่ซับซ้อนและน่าตื่นตะลึง  โอโรจิเอาชนะคู่ต่อสู้ในการดวลมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน  แถมตัวมันเองก็เป็นแร้งเกอร์ระดับสูง  หากเป็นหนึ่งต่อหนึ่งแล้วล่ะก็  โอโรจิก็มีความมั่นใจมากพอตัว

       แต่ถึงกระนั้นก็ยังห่างชั้นกับดาเมี่ยนอยู่ดี  เขาใช้โล่ปัดป้องดาบของโอโรจิไว้และถอนหายใจอย่างผิดหวัง

       "แม้แต่ชาวนาในเรย์ดันที่ชอบเคี้ยวมันฝรั่งก็ยังต้องหาวอย่างเบื่อหน่ายให้กับฝีมือดาบของแก"

       ชาวนาในเรย์ดันที่ชอบเคี้ยวมันฝรั่ง...

       'มันกำลังหมายถึงใครอีก'

       หรือจะเป็นชาวนาในตำนานของเรย์ดันที่สามารถสร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกด้วยการเอาชนะฮูเร็นกับกองทัพ 2,000 นายตามลำพัง  

       ในขณะที่โอโรจิกำลังนึกสงสัย

       ฉึก!

       ดาเมี่ยนผลักโอโรจิให้เซถอยกลับไปด้วยโล่  หลังจากนั้นก็ใช้ดาบเสียบเข้าไปที่หน้าอกของมันจนมิดด้าม

       "แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน  อย่างน้อยก็ต้องมีฝีมือเทียบเท่าชาวนาชั่วคราวในเรย์ดันเสียก่อน  ไม่สิ  ฉันเองก็ยังสู้กับเขาคนนั้นไม่ไหวเหมือนกัน"

       ชาวนาชั่วคราวอะไรอีก...

       "แกหมายถึงใคร"

       "ฉันเองก็ไม่รู้"

       "...?"

       หลังจากนั้นก็เป็นการละเลงเลือดอยู่ฝ่ายเดียวของดาเมี่ยน  กิลด์ซากุระนั้นมีผู้เล่นคลาสระดับสามอยู่น้อยมาก  จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของดาเมี่ยนที่มีเลเวลสูงกว่า 300 เลยสักนิด  ด้วยความที่เขามีพลังป้องกันมาก  แถมยังมีทักษะฮีลบ่อยครั้งซึ่งรุนแรงและน่ารำคาญเป็นที่สุด  ทำให้ผู้เล่นในช่วงเลเวล 200 ไม่มีทางฆ่าเขาได้เลยแม้ว่าจะรุมจากทุกทิศทางแล้วก็ตาม

       ไม่ใช่คำกล่าวอ้างเกินจริงไปแต่อย่างใดถ้าจะกล่าวว่าดาเมี่ยนคือผู้เล่นที่ตายยากที่สุดในซาทิสฟาย ณ เวลานี้  แถมเขายังมีเด็กสาวที่ถูกเลือกจากรีเบคก้าอีกกว่า 200 คนที่คอยล้อมกิลด์ซากุระไว้ไม่ให้หลบหนีไปได้

       "ชิ!  บ้าจริง!"

       ยิ่งพวกพ้องพากันล้มตาย  สมาชิกกิลด์ซากุระก็ยิ่งหัวเสียเจือความสิ้นหวัง

       โยชิมุระโพล่งขึ้นอย่างโกรธแค้น
       "ทำไมกัน  ทำไมแกถึงยื่นมือช่วยเหลือไอ้พวกเกาหลี!!"

       "ไอ้พวกเกาหลีงั้นหรือ  ทำไมคำพูดเหยียดเชื้อชาติเช่นนี้ถึงออกมาจากปากได้ง่ายนัก"

       "แล้วจะทำไม  แกนะแก...  แค่ก...!"

       ดาเมี่ยนไม่คิดเสวนากับคนเหล่านี้ต่อ  เขารู้ดีว่าต่อให้พูดมากแค่ไหนก็คงไร้ประโยชน์  ดาเมี่ยนลงมือเชือดทุกคนอย่างทารุนด้วยใบหน้าเรียบเฉย  
       
       และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้

       กิลด์ซากุระได้รับความเสียหายใหญ่หลวง  สมาชิกทุกคนเสียชีวิตลงพร้อมกับค่าประสบการณ์สูญหาย  บางคนต้องเสียไอเท็ม  ความพังพินาศครั้งนี้คงทำให้พวกมันเคลื่อนไหวไม่ได้ไปอีกพักใหญ่

       ***

       กริดเกิดความมั่นใจในบางสิ่งหลังจากที่ตนประลองกับครอเกล  ความฝันที่เขาจะกลายเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ใช่สิ่งเพ้อฝันอีกแล้ว

       'เราเองก็เป็นอัจฉริยะงั้นหรือ...  ไม่สิ  หากเทียบกับคนที่เก่งจริงๆ แล้ว  พรสวรรค์เราเป็นได้แค่อึหมาเท่านั้น'

       กริดไม่ปฏิเสธความจริงข้อนี้  เพราะมันคือสัจธรรมที่ตนได้พบเจอตั้งแต่สมัยเด็ก

       'ทว่า...'

       กริดมีอาวุธพิเศษที่คนอื่นไม่มีสิทธิครอบครอง... พลังแห่งไอเท็ม  แถมพวกมันล้วนไม่ใช่ไอเท็มธรรมดา  แต่เป็นไอเท็มที่สามารถโค่นฟ้าเหนือฟ้าลงได้

       'ก่อนอื่นก็ต้องลับคมเขี้ยวด้วยการเปลี่ยนอุปกรณ์สวมใส่'

       ในการจะได้ครอบครองสุดยอดไอเท็มสักชิ้น  ผู้เล่นทั่วไปจำเป็นต้องทำภารกิจสุดหินหรือไม่ก็ตระเวนล่าบอสที่แข็งแกร่ง  แต่กริดนั้นต่างออกไป  ในฐานะช่างตีเหล็กในตำนาน  หากเขาต้องการได้ไอเท็มประเภทใดก็เพียงแค่ออกแบบมันขึ้นมาและลงมือสร้าง 

       'แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายไปทั้งหมด'

       การออกแบบไอเท็มเองก็มีข้อจำกัด  เขาไม่อาจสร้างไอเท็มสุดโกงที่มีพลังโจมตีหมื่นล้านหน่วยและสังหารศัตรูได้ในการโจมตีครั้งเดียว  หรือชุดเกราะไร้พ่ายจำพวกที่เป็นอมตะตลอดเวลาและมีพลังป้องกันหมื่นล้านหน่วย

       'ประเด็นอยู่ที่การสร้างไอเท็มในอุดมคติโดยยังอยู่ในข้อจำกัดของเกม'

       การนั่งอยู่เฉยๆ ในโรงตีเหล็กคงไม่ทำให้มีไอเดียออกแบบอะไรใหม่ๆ แน่   กริดรู้ดีว่าในเวลาเช่นนี้ตนต้องทำอย่างไร  

       เขาต้องทำอย่างไรน่ะหรือ
       
       "..."
       
       ณ โรงตีเหล็กเรย์ดัน

       กริดกำลังรวบรวมสมาธิอยู่ตามลำพัง

       "ต้องเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น"

       หากกริดต้องเล่นเกมนี้ตามลำพังเฉกเช่นครอเกล  เขาจะสามารถก้าวมาถึงในจุดปัจจุบันของตนเองได้ไหม  เรื่องนี้เมื่อลองมาคิดดูให้ดีแล้ว... แทบไม่มีทางเป็นไปได้เลย  ต่อให้มีมันสมองอัจฉริยะแค่ไหน  แต่การอยู่คนเดียวตามลำพังก็ไม่อาจหล่อหลอมให้ตนเองเป็นอย่างทุกวันนี้ได้แน่  กริดเติบโตขึ้นมาจากการต่อสู้กับศัตรูที่หลากหลาย  ผ่านการผจญภัยและได้ชมธรรมชาติอันงดงาม  พบพานมิตรสหายอัจฉริยะและได้รับการชี้แนะ  นั่นคือเส้นทางที่เขาเดินผ่านมา

       'และเราจะเดินต่อไปด้วยเส้นทางนั้น'

       กริดตัดสินใจที่จะออกเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง

       'หมู่เกาะเบเฮ็น'

       แบ่งออกเป็นทั้งหมด 66 เกาะย่อย  แม้กระทั่งครอเกลก็ยังไปถึงแค่เกาะหมายเลข 30 เท่านั้น  การพบเจอกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่รออยู่ในหนนี้  บางทีเขาอาจมีไอเดียในการออกแบบไอเท็มที่หลากหลายขึ้น

       กริดเดินกลับไปยังปราสาทเรย์ดันด้วยไฟการต่อสู้ที่ลุกโชน

       ***

       "อาบู!  อาบูวว!"

       "ยินดีต้อนรับกลับค่ะที่รัก"

       ไอรีนและลอร์ดกล่าวทักทายเมื่อเห็นกริดเดินเข้ามา  ไอรีนมีสีหน้าห่วงหาอาทร  ส่วนลอร์ดตัวน้อยก็กำลังจ้องมองบิดาด้วยแววตาอิจฉาและชื่นชม

       'เราจะทำให้พวกเขาพบเจอแต่ความสุขสบายในช่วงชีวิตที่เหลือ'

       ซาทิสฟายแตกต่างจากโลกความจริงอันแสนสงบสุข  ศัตรูของเขามีอยู่รอบทิศและไม่รู้ว่าจะลงมือวันใดบ้าง  ในการจะปกป้องผู้คนที่เขารักให้ปลอดภัย  กริดมีแต่ต้องครอบครองสุดยอดพลังมาไว้ในมือให้ได้เท่านั้น
       
       กริดตัดสินใจเรียกลอเอลเข้าพบ
       
       "นายมีอะไร"

       ลอเอลที่นั่งจมอยู่บนกองเอกสารในห้องทำงารได้รีบร้อนวิ่งมาหากริด  ชายหนุ่มรู้สึกขอบคุณลอเอลจากใจจริงที่เขาอุทิศตนให้กับการทำงานอย่างหนักกว่าใครมาตลอด  แม้จะมีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยเพียงใด  แต่ลอเอลก็ไม่เคยปริปากบ่นออกมาสักคำเดียว

       "เป็นเพราะฉันโง่เขลา  นายจึงต้องแบกภาระอันหนักอึ้งไว้ตามลำพัง"

       "ฉันเลือกจะทำแบบนี้ด้วยตนเอง  อย่าได้คิดมากไป  จงพึงพาฉันได้มากเท่าที่นายต้องการ"

       "นั่นสินะ... ฉันขอฝากที่นี่ไว้กับนายสักพักได้ไหม"

       "...หือ"

       "ฉันมีแผนจะออกเดินทางไปยังหมู่เกาะเบเฮ็น  ได้โปรดช่วยดูแลเรย์ดันและคนสำคัญในขณะที่ฉันไม่อยู่ด้วย  จริงสิ... ขอนำโพชั่นที่โรงแปรธาตุผลิตขึ้นติดตัวไปสักหน่อยได้รึเปล่า"

       "อ้อ... ไม่มีปัญหา"

       แม้ลอเอลจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ดีนัก  แต่เขาก็ไม่เคลือบแคลงสงสัยในเส้นทางที่กริดเลือกอีกแล้ว  ลอเอลเชื่อมั่นในตัวชายคนนี้ยิ่งกว่าใครทั้งหมด  กริดมีการพัฒนาทางจิตใจขึ้นมากหลังจากเอาชนะครอเกลมาได้

       หลังจากนั้น  กริดก็มีช่วงเวลาอันเร่าร้อนกับไอรีนเป็นหนสุดท้ายก่อนที่จะต้องบอกลากับเธอเป็นเวลานาน  เมื่อเสร็จกิจ  เขาก็บอกลาลอร์ดตัวน้อยอันเป็นที่รักพร้อมกับออกเดินทางไปยังอาณาจักรเมเดีย

       "อาบา!  อาบูบู!  อาบู!"

       ลอร์ดถือ<ดาบไม้ทารก>อยู่ในมือพร้อมกับชูขึ้นและแกว่งไปมา  ไม่มีใครเข้าใจว่าทารกคนนี้ต้องการจะสื่อความใด  คงเป็นเพียงการบอกลาผู้เป็นบิดาเท่านั้นกระมัง

       แต่ความจริงกลับมิได้เป็นเช่นนั้นเลย

       ***

       หลังจากนั้นหลายวัน  แม้จะเกิดอุปสรรคขึ้นเล็กน้อย  แต่ในที่สุดคณะเดินทางของสันตะปาปาก็มาถึงยังเรย์ดัน  ดาเมี่ยนเป็นปลื้มยิ่งกว่าใครเมื่อจะได้พบกับกริดและปิอาโร่อีกครั้ง  คนทั้งสองให้ความช่วยเหลือเขามากมายโดยไม่เคยเหยียดหยามว่าเป็นโอตาคุเลยสักครั้งเดียว

       แต่ดูเหมือนการพบพานของสหายเก่าจะไม่เรียบง่ายสักเท่าไร

       "ฆาตกรอย่างแกไม่มีสิทธิเข้าเมือง!"

       ทหารเวรยามของเรย์ดันไม่ยอมให้ดาเมี่ยนผ่านประตูเมืองเข้าไป  ย่อมต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว  เพราะยามนี้ชื่อเหนือศีรษะของเขากลายเป็นสีแดงสดหลังจากที่สังหารผู้เล่นกิลด์ซากุระทั้ง 180 คน

       "ฉันเป็นถึงสันตะปาปาเชียวนะ!"

       "เหลวไหล!"

       "สันตะปาปาที่ไหนจะฆ่าฟันผู้คนไปมากมายเช่นนี้  ไม่มีทาง!"

       "ฆาตกรอย่างแกพยายามจะโกหกสินะ!  หน้าไม่อาย!  ออกจากเมืองไปซะ!"

       "..."

       หลังจากติดขัดอยู่พักใหญ่  ดาเมี่ยนก็สามารถเดินทางเข้าเมืองได้ด้วยความช่วยเหลือจากลอเอล  แต่ดูเหมือนกริดจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว

       ***

       มีผู้คนมากมายต้องการจะเดินทางไปยังทวีปตะวันออก

       ทุกคนล้วนอยากนำหน้าผู้อื่น  บ้างก็แสวงหาประสบการณ์ใหม่  แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด  สิ่งหนึ่งที่คนทุกมีร่วมกันก็คือ  พวกเขาลงทุนทรัพยากรเป็นจำนวนมากเพียงเพื่อหวังจะเดินทางข้ามไปยังทวีปตะวันออกให้สำเร็จ

       แต่เกือบทั้งหมดก็ล้มเหลว  พวกเขาล้วนติดแหง่กอยู่กับอุปสรรคสำคัญที่สุดอย่างทะเลแดง  มีข่าวของผู้เล่นเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่สามารถเดินทางข้ามไปถึงทวีปตะวันออกได้  เพราะในบรรดาผู้เล่นกว่าสองพันล้านคนบนโลก  คนที่รู้วิธีเดินทางไปทวีปตะวันออกโดยไม่ต้องผ่านทะเลแดงมีไม่ถึงพันคน

       ผู้เล่นระดับสูงหลายคนได้สำเร็จภารกิจต่อเนื่องจนกระทั่งทราบว่า  เอ็นพีซีที่สามารถพาไปยังทวีปตะวันออกได้คือจอมปราชญ์ที่ชื่อว่าสติกส์  แต่ดูเหมือนข้อมูลนี้จะไม่มีประโยชน์มากนัก  เพราะแม้จะมีคนที่รู้ความจริงเกือบพันคน  ทว่ากลับมีเพียงไม่กี่สิบคนที่สามารถไปเยือนทวีปตะวันออกสำเร็จ

       หมู่เกาะเบเฮ็นคือดันเจี้ยนส่วนตัวที่สามารถเข้าไปได้ตามลำพังเท่านั้น  โดยผู้ท้าทายจะต้องผ่านอุปสรรคของแต่ละเกาะไปเรื่อยๆ   จุดหมายปลายทางสูงสุดคือเกาะหมายเลข 66
       
       "เฮ่อ..."

       หลังจากการเดินทางอันยาวนาน  ในที่สุดกริดก็มาถึงหมู่เกาะเบเฮ็น  เขาสูดลมหายใจเข้าลึกและพยายามทำใจให้สงบ  การที่ต้องตื่นเต้นขนาดนี้เพราะครอเกลเคยเล่าว่า  มีแร้งเกอร์ระดับสูงหลายคนไม่ผ่านแม้แต่บททดสอบของเกาะแรกด้วยซ้ำ

       ไม่สิ  อันที่จริงกริดมั่นใจในตัวเองมาก  การที่ถอนหายใจยาวก็เพราะเขาต้องการสงบสติอารมณ์ให้ได้

       "เอาล่ะ  มาเริ่มกันเลย"

       เมื่อเตรียมใจพร้อมแล้ว  กริดก็เดินข้ามสะพานที่เชื่อมระหว่างเกาะหลักกับเกาะที่เป็นบททดสอบแรก  ข้อความระบบได้แสดงขึ้นทันทีที่กริดไปถึงปลายอีกฝั่งของสะพาน  

[ ท่านจะเข้าไปในดันเจี้ยนส่วนบุคคลที่ชื่อ<หมู่เกาะเบเฮ็น>หรือไม่ ]
       
       "ใช่แล้ว"

[ <หมู่เกาะเบเฮ็น>สามารถเข้าไปได้เพียงคนเดียว  โดยวิธีการกลับออกมานั้นยังเป็นปริศนา  ผู้คนส่วนมากต้องจบชีวิตลงด้านใน  รู้เช่นนี้แล้วท่านยังจะเข้าไปอีกหรือ ]

       "เข้า"

       เมื่อสิ้นเสียง  ร่างกายของกริดก็ถูกดูดเข้าไปในประตูมิติ

       ***

       "ไม่มีใครเข้ามาท้าทายนานแล้วสินะ"

       จอมปราชญ์เร้นกาย  สติกส์  เขาเฝ้ามองชายผมดำผู้มาเยือนคนใหม่ผ่านลูกแก้วเวทย์มนต์  หลังจากที่พิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง  สติกส์ก็ส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยหน่าย

       "คนนี้ก็คงไปไม่รอดเช่นเคย"

       เกาะหมายเลขหนึ่งจะมอบบททดสอบที่ดูดกลืนค่าเรี่ยวแรงของผู้ท้าทายลงจนหมด  เมื่อต้องตกอยู่ในสภาพดังกล่าว  ผู้ท้าทายส่วนใหญ่ต้องเผชิญหน้ากับขุมนรกจนสิ้นหวังและทำลายตัวเองไปในที่สุด  จึงแทบไม่มีใครที่ผ่านเกาะแรกเลยในตลอดสิบปีที่ผ่านมา

       สติกส์เองก็มั่นใจมากว่า  สิ่งเหล่านั้นคงเกิดกับชายผมดำเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ดูเหมือนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

       "เฮ้ย...  เป็นไปได้ยังไง..."

       สติกส์ดวงตาเบิกโพลงอย่างตกตะลึงราวกับเห็นภูติผี  ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น  เพราะเกาะแรกคือภารกิจที่ต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวออกมาอย่างไม่มีวันหมดตลอด 20 นาทีเต็ม  ต้องใช้ภูมิประเทศอย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสูดในการผ่านด่านนี้ไปให้ได้

       ผู้ท้าทายต้องล่อมอนสเตอร์ไปต่อสู้ในที่แคบหรือไม่ก็ที่สูงตามแต่คลาสของตนจะถนัด  นี่คือยุทธวิธีพื้นฐานที่คนส่วนใหญ่รู้และทราบดี  แต่ก็ปฏิบัติตามไม่ได้  เพราะระยะเวลา 20 นาทีนั้นนานเกินกว่าจะรักษาปริมาณค่าเรี่ยวแรงไม่ให้หมดลง

       ทว่า… ดูเหมือนชายผมดำคนนี้จะใช้วิธีผิดแผกแหวกธรรมเนียมทั้งหมดที่เคยมีมา  เขาสามารถผ่านเกาะแรกไปอย่างง่ายดายโดยทำเพียงเรียกฝ่ามือสีทองจำนวนสี่ข้างออกมาร่วมต่อสู้  ฝ่ามือทั้งสี่ล้วนถืออาวุธที่น่าเกรงขามไว้  พวกมันสามารถกวัดแกว่งคร่าชีวิตมอนสเตอร์โดยไม่เหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด  สิ่งนี้ได้เหนือล้ำสามัญสำนึกจนแม้แต่ตัวสติกส์เองก็ยังต้องอึดอัดใจ

Comments

  1. ขอบคุณมากครับ

    ReplyDelete
  2. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete
  3. ความมันบทใหม่กำลังมาถึง กริด&สติกส์

    ReplyDelete
  4. This comment has been removed by the author.

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00