จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 312



       หลังจากเสร็จการทดสอบศรเวทย์  กริดก็รีบมุ่งหน้าไปโรงตีเหล็ก  ด้วยความช่วยเหลือจากกริด  ข่านจึงกลายเป็นช่างตีเหล็กขั้นสูงเลเวล 7 ไปแล้ว  เขามีฝีมือยอดเยี่ยมยิ่งกว่าจุดสูงสุดในอดีตเสียอีก

       ข่านกำลังพร่ำสอนและแนะนำช่างตีเหล็กวัยเยาว์ทั้ง 80 คน  โดยพวกเขากำลังสร้างไอเท็มตามคำสั่งของแร็บบิทและกองทัพเรย์ดัน

       "ลุงดูหนุ่มขึ้นรึเปล่า?"

       กริดกล่าวทักทายด้วยสีหน้าสดใส  คนทั้งคู่ไม่ได้พบกันมานานแล้ว  ข่านที่ดูเด็กลงได้หันมาหัวเราะคิกคักให้กริด

       "การได้อยู่กับคนหนุ่มย่อมทำให้ตัวเองดูเล็กลงตามไปด้วย  ทั้งหมดเป็นเพราะแก  ฉันดีใจมากที่ในช่วงบั้นปลายชีวิตได้พบกับแกจนพบความสุขขนาดนี้"

       "เห็นลุงมีความสุข  ฉันก็ดีใจ"

       กริดรู้จักกับข่านตั้งแต่ตอนที่ตนยังเป็นคนไม่เอาไหน  กริดชื่นชอบในตัวข่านมาก  ข่านเองก็เช่นกัน

       "ฉันจะทำงานหนักเพื่อแกตลอดชีวิตที่เหลืออยู่  ฉันจะผลิตช่างตีเหล็กของเรย์ดันให้ได้มากที่สุดจนกว่าจะตายไป"

       "อย่าพูดแบบนั้น  นายยังหนุ่มยังแน่น  ยังเหลือเวลาให้ใช้ชีวิตอีกมาก  ถึงจะพูดเล่นก็เถอะ  แต่อย่าได้พูดเรื่องความตายอีก  เข้าใจไหม--  หืม?"

       เมื่อกริดหันไปมองรอบโรงตีเหล็ก  ช่างตีเหล็กวัยเยาว์ทุกคนกำลังยืนขึ้นและมองมาทางเขาอย่างประหม่า  ทุกคนหยุดทำงานเพราะดยุคผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองมาเยือนด้วยตนเอง

       "เหนื่อยหน่อยนะ  พวกนายทุกคนทำงานต่อได้  ไม่ต้องสนใจฉัน"

       "ขอรับ!"

       บรรดาช่างตีเหล็กวัยเยาว์ได้โค้งคำนับพร้อมกลับไปทำงาน  กริดที่ยืนอยู่ข้างข่านได้หันไปมองสำรวจทีละคน

       "มีสองคนแล้วสินะที่กลายเป็นช่างตีเหล็กขั้นกลาง"

       ระยะเวลาเพียงครึ่งปีเท่านั้นที่เรย์ดันเริ่มฝึกฝนช่างตีเหล็กวัยเยาว์  การที่มีใครสักคนก้าวมาถึงขั้นกลางได้  ถือเป็นความเร็วที่น่าตกใจไม่น้อย

       "สภาพแวดล้อมของที่นี่ดีมาก  แถมยังมีช่างตีเหล็กในตำนานทำให้ดูเป็นแบบอย่าง  พรสวรรค์ในตัวพวกเขาจึงเจิดจรัสได้ไวขึ้น"

       ใช่แล้ว  พรสวรรค์จะมีประโยชน์อันใดถ้าหากขาดสภาพแวดล้อมส่งเสริม  เหตุผลที่ช่างตีเหล็กวัยเยาว์เติบโตได้รวดเร็วเป็นเพราะการพร่ำสอนของข่านและกริด  แถมยังมีโรงตีเหล็กอันก้าวหน้าซึ่งมีเครื่องมือเพียบพร้อมไว้ใช้งาน

       "จนกว่าเด็กพวกนี้จะกลายเป็นระดับช่างฝีมือ  ช่วยอยู่ฝึกฝนพวกเขาต่อไปนานๆ ด้วยนะ"

       ข่านคือเพื่อนคนแรกของกริด  กริดจึงให้ความสำคัญมากกว่าใคร  เขาอยากให้ข่านอยู่บนโลกนี้ไปอีกนานเท่านาน

       "เข้าใจแล้ว  ฉันจะพยายามยื้อชีวิตไว้จนกว่าจะผลิตช่างฝีมือได้ครบ 10,000 คนก็แล้วกัน"

       แม้จะเป็นมุกตลก  แต่กริดก็อยากให้มันเป็นความจริงเสียเหลือเกิน

       "แล้วจะรอนะ"

       "ฮ่าฮ่า… แกคิดจะให้คนแก่ทำแบบนั้นจริงๆ สินะ!"

       "นายไม่แก่เลยสักนิด  ยังแข็งแรงดีแม้ว่าจะมีอายุ 70 แล้วก็ตาม"

       "ฉันต้องอยู่ในกรงใบนี้ไปจนตายเลยหรือ?"

       "แล้วไม่ชอบรึไง?"

       ดยุคกริดและสามัญชนข่าน  บรรดาศักดิ์ต่างชั้นกันราวฟ้ากับเหว  แต่ทั้งคู่กลับเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้อย่างน่าประหลาด...

       'อาจารย์ของพวกเราเจ๋งที่สุด!'

       ช่างตีเหล็กวัยเยาว์ต่างทวีความศรัทธาในตัวข่านมากขึ้น  ไฟการทำงานพลันลุกโชนอย่างพุ่งพล่าน

       เคร้ง! เคร้ง!

       วันนี้เป็นวันที่โรงตีเหล็กของเรย์ดันมีเสียงค้อนดังกังวาลเป็นพิเศษ

       ***

       เมื่อกริดมั่นใจแล้วว่ามีช่างตีเหล็กพรสวรรค์สูงมากมาย  เขาก็ออกจากโรงตีเหล็กมาและรีบตรงไปหาไอรีน

       "สามีที่รัก~"

       ไอรีนฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับสวมกอดกริดอย่างอบอุ่น  เธอแสดงความรักอย่างล้นปรี่โดยไม่แคร์สายตาผู้อื่นเฉกเช่นทุกครั้ง  ความรักจากไอรีนมีค่าและสำคัญต่อกริดมาก  เพราะชีวิตนี้เขาแทบไม่เคยได้รับความรักจากผู้ใด

       "ฉันดีใจที่คุณกลับมาอย่างปลอดภัย"

       ไอรีนนำใบหน้ามาซุกไซร้กับแผ่นอกของกริด  กลิ่นหอมเย้ายวนใจได้ฟุ้งออกมาเตะจมูกเบาๆ

       "ฉันเองก็คิดถึงเธอมากเหมือนกัน"

       "ฉันอยากพบคุณมานานแล้ว"

       กริดจุมพิตเบาๆ ลงบนหน้าผากของไอรีน  ทุกคำพูดของเธอล้วนทำให้จิตใจเขาอิ่มเอม  ไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครสักคนที่มอบความรักให้กริดได้มากขนาดนี้

       "นั่นสินะ..."

       เมื่อลอเอลเห็นกริดและไอรีน  เขาก็อมยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะนำฝ่ามือเลื่อนมาปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง

       "แม้จะได้ยินข่าวลือมามาก  แต่ตอนนี้ฉันมั่นใจแล้ว"

       "เรื่องอะไร?"

       กริดไม่เข้าใจประโยคอันกำกวมของลอเอลเลยสักนิด  เขามองกลับไปอย่างสงสัย

       "ฮุฮุฮุ..."

       ลอเอลหัวเราะเบาๆ พร้อมยักไหล่

       "เธอคงเป็นสหายและศัตรูเพียงคนเดียวของฉันในชาติที่แล้วสินะ… นางฟ้าซิลเวนัส"

       "..."

       ดูเหมือนอาการจูนิเบียวของลอเอลจะยิ่งปะทุสุดขีดเมื่อได้เห็นกริดผมขาว  ป่านนี้ลอเอลคงคิดว่ากริดเป็นพวกเดียวกับตน  จึงจับเข้าไปอยู่ในโลกใบเดียวกันเสียอย่างนั้น

       'เมื่อไรหมอนี่จะหายป่วยกันนะ...?'

       กริดส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะหันมาสนใจครรถ์ของไอรีน

       "สองเดือนข้างหน้าแล้วสินะ… ที่ฉันจะได้พบกับ<ทองคำ>"

       "ฮิฮิ… ถูกต้อง  ฉันอยากให้วันนั้นมาถึงไวๆ"

       "...ท--ทองคำ?"  สีหน้าของลอเอลบิดเบี้ยวในทันที
       "กริด  นายคงไม่ได้จะตั้งชื่อลูกว่าทองคำหรอกใช่ไหม?"

       บ้าน่า… คงไม่มีใครเสียสติพอจะตั้งชื่อลูกว่าทองคำแน่… สิ่งนี้ไม่น่าเกิดขึ้นได้  

       แต่ถึงกระนั้น  มีโอกาสสูงมากที่กริดจะตั้งชื่อลูกว่า<กริดสอง>

       "ก่อนตั้งชื่อเด็ก  นายควรคำนึงถึงสถานะทางสังคมของเขาด้วย!"

       กริดหันไปหรี่ตามองลอเอล

       "นายกำลังพูดเรื่องอะไร?  ฉันไม่บ้าพอจะตั้งชื่อลูกว่าทองคำหรอกนะ  แค่ชื่อชั่วคราวเท่านั้น"

       "จ--จริงหรือ?"

       ลอเอลพลันโล่งใจ  เพราะโดยปรกติแล้ว  เซนส์การตั้งชื่อของกริดห่วยแตกมาก  ลอเอลตัดสินใจถามออกไปอีกครั้ง

       "แล้วนายจะตั้งชื่อลูกว่าอะไร?"

       กริดตอบกลับอย่างมั่นใจ

       "คิดไว้ว่าจะให้ชื่อกรีน"

       "อะไรนะ?"

       "กรีน...  มาจากกริดและไอรีน"

       "...?"

       พูดเป็นเล่นน่า?

       'นั่นสินะ  หมอนี่ต้องล้อเราเล่นแน่'

       ลอเอลอยากจะเชื่อเช่นนั้น  แต่สีหน้าอันมั่นใจของกริดและไอรีนกลับทำให้ทุกสิ่งแย่ลง

       "สามีที่รัก  ฉันชอบชื่อกรีนจัง  มันดูเข้ากับทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย"

       'เชี่ยไรกันเนี่ย...?'

       น่ากลัวเกินไปแล้ว...  ไอรีนเห็นดีเห็นงามกับทุกคำพูดของกริด  คงไม่มีใครได้รับรู้ว่า  การที่ไอรีนเปลี่ยนไปเช่นนี้  เป็นเพราะค่าความชำนาญและนิ้วมือของกริดล้วนๆ

       ***

       ณ ห้องทำงานกริด  

       กริดได้เรียกปิอาโร่เข้าพบ

       "นายรู้จักองค์ชายลำดับที่สามของจักรวรรดิซาฮารันรึเปล่า?"

       "เป็นบุตรชายคนที่สามของอดีตจักรพรรดินีอาเรียที่สิ้นพระชนม์ไป  มีนิสัยชอบเก็บตัวและไม่เข้าสังคมแตกต่างจากพี่น้องคนอื่น  กระผมไม่ค่อยมีโอกาสได้พบหน้ามากนัก  และไม่รู้ถึงรายละเอียดเบื้องลึกเลย  เหตุใดท่านจึงไต่ถามถึงเขา?"

       "ดูนี่"

       กริดหยิบโล่อะมิทิสต์ออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ  ปิอาโร่จ้องมองมันพร้อมกับแสดงอาการตกใจเล็กน้อย

       "สิ่งนี้มาอยู่กับท่านได้ยังไง...?"

       "ได้รับมาจากการฆ่ามอนสเตอร์ที่ชื่อผู้พิทักษ์พงไพร  มันคือสิ่งที่ใช้สำหรับเชิดชูเกียรติยศใช่ไหม?"

       "ถูกต้อง  มันเป็นเครื่องหมายของกัปตันกองอัศวินสีชาดที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รู่น"

       "มีคุณสมบัติใดพิเศษรึไม่?"

       "ไม่ขอรับ  เป็นเพียงโล่ที่งดงามธรรมดาทั่วไป  ประสิทธิภาพของมันเรียกได้ว่าด้อยคุณภาพ"

       "แล้วองค์ชายลำดับสามต้องการมันไปเพื่ออะไร?"

       "องค์ชายน่ะหรือ...?"

       "ได้ยินมาว่า  ชายคนนั้นอยากได้สิ่งของหลายชนิด"

       "หืม..."  ปิอาโร่พยายามครุ่นคิด
       "เท่าที่จำความได้  ดูเหมือนองค์ชายสามจะชอบทำพิธีกรรมประหลาด  บางทีอาจเกี่ยวกับเรื่องที่เขาต้องการไอเท็มมากมาย"

       "พิธีกรรม?  พิธีกรรมเกี่ยวกับอะไร?"

       "กระผมเองก็ไม่ทราบ  แต่ดูเหมือนโล่อะมิทิสต์จะเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับพิธีกรรม"

       "หืม..."

       หรือจะเป็นพิธีกรรมมนต์ดำ?

       'ไม่เห็นจะเข้าท่าเลยสักนิด'  คงเป็นการดีกว่าหากกริดเก็บไว้มันแทนที่จะนำไปมอบให้องค์ชายสามทำพิธี
       'แต่นั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของภารกิจต่อเนื่อง  เราจะโยนมันทิ้งเลยก็ไม่ได้… ไว้อนาคตค่อยคิดเรื่องนี้อีกทีก็แล้วกัน'

       แถมมันยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน  กริดมีงานอีกมากที่ต้องไปสะสาง  แต่ทันใดนั้น  มีข้อความส่วนตัวจากลอเอลถูกส่งมาหากริด

       >>  มีแขกมาหา

       'แขก?'

       เรย์ดันไม่ค่อยมีแขกมาเยี่ยมมากนัก  และถ้าลอเอลนำเรื่องนี้มาพูดกับกริด  หมายความว่าตัวตนของแขกย่อมไม่ธรรมดา

       >>  ใครกัน?

       >>  คริส

       >>  คริส?  อันดับสามของโลกน่ะหรือ?

       >>  ถูกต้อง

       คริสคือหัวหน้ากิลด์ไจแอนท์ที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุดในบรรดาเจ็ดกิลด์ใหญ่  แต่กริดก็ไม่ได้ยินข่าวคราวของคริสเลยนับตั้งแต่งานแข่งนานาชาติและสงครามไรน์ฮาร์ท

       'คริสเคยเป็นอริกับกิลด์เซดาก้าห์สินะ...'

       ทำไมหมอนั่นต้องเสี่ยงตัวเองถ่อมาถึงที่นี่ด้วย?  กริดเกิดความสนใจและลุกยืนขึ้นทันที 

       >>  พาคริสมาที่ห้องวาดภาพ

       ***

       กิลด์ไจแอนท์ต้องสูญสิ้นดินแดนหลังจากถูกโกเล็มรุกราน  เหตุการณ์นั้นผ่านมาแล้วครึ่งปี  พวกเขาต้องฝ่าฝันความยากลำบากนับไม่ถ้วน  แถมชื่อเสียงของคริสได้ตกต่ำลงมากเมื่อพ่ายแพ้ในการดวลกับเรกัส

       แต่คริสและกิลด์ไจแอนท์ก็หาได้ท้อแท้สิ้นหวัง  พวกเขาดิ้นรนฝ่าฟันจนเอาชนะอุปสรรค์มาได้สำเร็จ  กิลด์ไจแอนท์ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยเป็น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวคริสเอง  เขาได้รับคลาสรองที่ทำให้ตนเองทรงพลังขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่า

       แต่ยังติดปัญหาอยู่หนึ่งเรื่องก็คือ  คริสหาอาวุธที่เหมาะสมกับตนเองไม่ได้เลยแม้ว่าจะเฝ้าตลาดซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมงแล้วก็ตาม  ไม่เคยมีอาวุธที่เขาพึงพอใจปรากฏออกมาขาย  คริสเริ่มมีสีหน้าตึงเครียดและตระหนักได้ถึงความสำคัญของไอเท็ม

       ดังนั้น  ทางออกเดียวคือการมาหากริด

       "ช่วยสร้างอาวุธที่ดีที่สุดให้ฉันด้วย"

       นี่คือครั้งแรกที่กริดได้พบคริสตัวเป็นๆ   สำหรับคนทั่วไป  ผู้เล่นอันดับสามของโลกเป็นตัวตนที่ห่างไกลมาก  ถึงในอดีตคริสจะเคยเป็นศัตรูกับกิลด์เซดาก้าห์  แต่สำหรับกริดแล้ว  พวกเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางต่อกันมาก่อน

       ปัญหาเดียวในตอนนี้ก็คือ  แล้วสมาชิกเก่าของเซดาก้าห์จะยอมหรือ?

       "หากฉันจำไม่ผิด  จิสึกะไม่ชอบหน้านายไม่ใช่รึไง?  ทำไมฉันต้องมองข้ามพวกพ้องและสร้างไอเท็มให้นายด้วย?"

       กริดถือไพ่เหนือกว่า  ตัวตนในปัจจุบันของกริดนั้นยิ่งใหญ่กว่าคริสทุกด้าน  แต่อันที่จริง  กริดทำเช่นนี้เพื่อหวังขายไอเท็มในราคาที่สูงขึ้น  และนั่นก็ส่งผลกว่าที่คาดไว้มาก  คริสที่มีสถานะเป็นรองได้ตัดสินใจโค้งขอร้องกริด

       "ฉันจะจ่ายให้นายอย่างงาม  ส่วนเรื่องเซดาก้าห์  อันที่จริงพวกเขาก็ไม่ได้เกลียดชังในตัวฉันอยู่แล้ว"

       "แล้วเกิดความบาดหมายขึ้นได้ยังไง?"

       "มันเป็นการราวีฝ่ายเดียวของพวกฉัน  แค่ทางเซด้าก้าห์ไม่คิดเลี่ยง  เมื่อฉันหาเรื่อง  พวกเขาก็ปะทะกลับมาสุดกำลัง"

       ในสมัยเล่นเกมแอล-ที-เอส  คริสและกิลด์ไจแอนท์ถูกกิลด์เซดาก้าห์บดขยี้เละเทะอยู่เสมอ  ความเจ็บใจในคราวนั้นได้สั่งสมจนลามมาถึงซาทิสฟายด้วย  

       แต่ทางในกลับกัน  กิลด์เซดาก้าห์กลับไม่เคยเหลียวแลกิลด์ไจแอนท์แม้แต่ครั้งเดียว  พวกเขาไม่เคยอยู่ในสายตา  เป็นเพียงความราวีและเจ็บแค้นอยู่ฝ่ายเดียว

       "ฉันขอตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ก่อน  แล้วนายคิดจะจ่ายเท่าไรล่ะ?  ถ้าหากฉันสร้างสุดยอดไอเท็มให้"

       "ฉันจะมอบบางสิ่งที่ล้ำค่ายิ่งกว่าเงินทองให้"

       คริสหยิบขวดยาจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ  ทันทีที่ได้เห็น  ดวงตาของกริดพลันเป็นประกายทันที

       'โอสถ...!'

       โอสถคือโพชั่นที่ดรอปได้ยากมากแม้กริดจะเคลียร์เมืองแวมไพร์มาแล้วห้าแห่งก็ตาม  มันคือสมบัติล้ำค่าที่มีแต่แร้งเกอร์มหาเศรษฐีเท่านั้นที่สามารถเอื้อมถึง  ราคาของมันไม่อาจตีมูลค่าเป็นเงินทองได้

       โอสถสำคัญต่อกริดมาก  หากจะระบุให้ชัดก็คือโอสถความว่องไว  ในการที่กริดจะเข้าใกล้สุดยอดนักดาบ  เขาจำเป็นต้องเร่งเพิ่มค่าความว่องไวให้เท่ากับพละกำลัง  และดูเหมือนโชคจะเข้าข้าง  โอสถที่คริสนำมาคือโอสถความว่องไว

       สมองกริดรีบคิดคำนวนทันที

       'ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องรับข้อเสนอนี้'

       แต่ก็ยังติดปัญหาอยู่ข้อหนึ่ง  คริสอาจเป็นศัตรูกับโอเวอร์เกียร์ในอนาคต  และกริดก็ไม่ต้องการทำให้ศัตรูแข็งแกร่งขึ้นในทุกทาง

       'แต่จะให้เราปฏิเสธข้อเสนอล้ำค่าแบบนี้มันก็… เดี๋ยวก่อนนะ'

       แสยะ...

       กริดแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายพร้อมกับจ้องมองขวดโอสถด้านหน้าอย่างมีเลศนัย

Comments

  1. ทำเป็น พันธมิตร สิ

    ReplyDelete
  2. ไอเทมที่กริดซ้อมได้คนเดียว

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00