จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 306
บราฮัม-เฮชวาล
หนึ่งในทายาทโดยตรงของชิโซ-เบริอาเช่ บราฮัมคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูล แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็เกิดคำถามขึ้นในใจ
'เทพยาธานได้สาปเผ่าพันธุ์ของพวกเราด้วย<คำสาปแห่งความเกียจคร้าน> โดยให้เหตุผลว่า พวกเรามีพลังอำนาจและความทะเยอทยานมากเกินไป...'
'แต่เทพยาธานจะแบบนั้นไปเพื่ออะไร?'
ความปรารถนาสูงสุดของเทพยาธานคือความพังพินาศ มันปรารถนาให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เทพธิดารีเบคก้าอวยพรต้องถูกทำลาย ดังนั้น การจะทำความปรารถนานี้ให้เป็นจริง มีแต่ต้องใช้พลังอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และเผ่าพันธุ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับกระทำการใหญ่นั้น คงหนีไม่พ้น...
แวมไพร์
แวมไพร์แข็งแกร่งมากพอจะทำให้ความปรารถนาของเทพยาธานเป็นจริงได้ แต่แล้วทำไม มันถึงต้องผนึกพลังของแวมไพร์ไว้ด้วยคำสาปเกียจคร้านกันนะ? บราฮัมไม่อาจเข้าใจในข้อนี้ได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น
'ทำไมบรรดาจอมอสูรถึงไม่ถูกคำสาปเหล่านี้บ้าง?'
เริ่มมีกลิ่นไม่ดีแล้วสิ… บราฮัมสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากลบางสิ่ง จึงตัดสินใจค้นคว้าข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อผ่านไป 483 ปี เขาก็ได้ค้นพบความจริงข้อหนึ่ง...
การทำลายล้างโลกมนุษย์ของเทพยาธานจะปรากฏขึ้นตามวัฏจักรที่แน่นอน
'เมื่อความปรารถนาของมนุษย์ที่ชั่วร้ายเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด โลกมนุษย์จะเกิดความโกลาหลปั่นป่วน'
ในอีกความหมายหนึ่ง เมื่อเทพธิดารีเบคก้าไม่อาจควบคุมมนุษย์ได้อีก ก็จะถึงเวลาที่เทพยาธานสำแดงพลังออกมา
'เทพยาธานมีหน้าที่ทำลายโลกมนุษย์ ส่วนเทพธิดารีเบคก้าก็มีหน้าที่สร้างโลกมนุษย์ขึ้นมาใหม่'
ยาธานและรีเบคก้า แม้จะดูเหมือนต่างกันสุดขั้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว การกระทำของพวกเขากลับสอดคล้องกันเป็นอย่างดี
"หึหึ… พวกเราเป็นได้แค่ของเล่นในมือเทพเท่านั้นสินะ"
แม้กระทั่งตอนนี้่ สาวกของทั้งฝ่ายยาธานและรีเบคก้าต่างก็ยังเข่นฆ่ากันอย่างเอาเป็นเอาตายไม่หยุดหย่อน โดยทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ถูกชักนำให้ดำเนินไป
ยาธานและรีเบคก้า ดูเหมือนตัวตนของทั้งสองจะมีไว้สำหรับรักษาสมดุลของโลกมนุษย์
บราฮัมรู้สึกว่าตนถูกทรยศ… ความจงรักภักดีอันเปี่ยมล้นที่เคยมีให้กับยาธานพลันสลายไปจนหมดสิ้น และในที่สุดมันก็ได้รับรู้ว่า เหตุใด ชิโซ-เบริอาเช่ อดีตหนึ่งในจอมอสูรผู้ยิ่งใหญ่ มารดาของมัน ต้องถูกขับออกจากขุมนรกมายังโลกมนุษย์
'ท่านแม่เองก็เหมือนกับเราสินะ'
เบริอาเช่ผู้ฉลาดเฉลียวย่อมรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของยาธาน เธอตัดสินใจไต่ถามไปว่า เหตุใดถึงต้องสาปแวมไพร์ด้วยคำสาปเกียจคร้าน
และลงเอยด้วย เบริอาเช่ถูกขับไล่ออกจากขุมนรก
'แล้วจอมอสูรตนอื่นล่ะ?'
พวกมันรู้ความจริงแล้ว? หรือว่าเป็นเพียงหุ่นเชิดผู้ซื่อสัตย์?
'ไม่ว่าจะอย่างไหน'
สิ่งเดียวที่บราฮัมต้องการก็คือ
'ฉันจะต้องเอาชนะคำสาปแห่งความเกียจคร้านให้ได้'
ชิโซ-เบริอาเช่คืออดีตจอมอสูรแห่งการล่า แวมไพร์ที่เป็นทายาทโดยตรงทุกคนล้วนสืบทอดเจตจำนงในการล่าติดตัวมาแต่กำเนิด ในบรรดาพี่น้องทุกคน บราฮัมปรารถนาที่จะล่าความรู้ แต่ถึงกระนั้น เนื่องด้วยคำสาปแห่งความเกียจคร้าน บราฮัมจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตไปกับการนอน ซึ่งเขาไม่ชอบใจเอาเสียเลย
'จะต้องมีนัยยะแฝงเอาไว้ในคำสาปขององค์เทพแน่...'
แวมไพร์ควรถูกสาปเพราะความปรารถนาไม่สิ้นสุด… แต่ความจริงคืออะไรรู้ไหม?
'บนโลกนี้ไม่มีเทพตั้งแต่ต้น'
ยาธาน หรือตัวตนอันยิ่งใหญ่ที่ทุกคนยกย่องให้เป็นเทพ… ความจริงแล้วไม่ใช่เทพ ยาธานคือนามธรรมสำหรับการคงอยู่ของโลกใบนี้ ไม่มีเหตุผลใดที่บราฮัมต้องไปรับใช้สิ่งแบบนั้น
'ยาธาน ฉันจะเอาชนะคำสาปที่แกบังอาจฝังไว้ในตัวพวกเรา ฉันจะศรัทธาต่อสัญชาติญานตนเองเท่านั้น!'
บราฮัมลั่นวาจา เขาจะต้องรวบรวมความรู้ทั้งหมดบนโลก และกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้จงได้! ณ วันนั้น บราฮัมเริ่มลงมือค้นคว้าเวทย์มนต์ทุกชนิดบนโลก เวลาผ่านไปหลายร้อยปี ด้วยการอุทิศทั้งชีวิตให้กับเวทย์มนต์ บราฮัมจึงมีความรู้ความเข้าใจต่อโลกใบนี้อย่างลึกซึ้ง
แต่ในระหว่างการค้นหาความรู้ การทดลองคือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และหนึ่งในตัวอย่างการทดลองที่บราฮัมใช้ไปมากมายก็คือ...
คนในตระกูล
นี่คือจุดเริ่มต้นของสิ่งเลวร้ายทั้งหมด
***
"บราฮัม! ฉันจะฆ่าแก!"
แวมไพร์ตนหนึ่งกำลังร่ำไห้พร้อมกับกอดร่างไร้วิญญานของหญิงสาวผู้เป็นที่รัก… มันคือเอลฟิน-สโตน ทายาทลำดับที่เก้าของชิโซ-เบริอาเช่
"ก--แก… แกกล้าดียังไงมาทำกับเลอาห์แบบนี้! เลอาห์!!"
เอลฟิน-สโตนกำลังคลุ้มคลั่งสุดขีด เนื่องจากคนรักของมันคือหนึ่งในตัวอย่างทดลองของบราฮัม บราฮัมหันไปถามเอลฟิน-สโตนด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ท่านพี่… พี่ไม่ได้เข้าใจถึงความอยากรู้อยากเห็นของฉันจนถึงที่สุดเลยสินะ? พี่ไม่สงสัยบ้างหรือ? ว่าฉันเกิดความใคร่รู้เพราะเหตุใด?"
"ฉันไม่เข้าใจ! ใครจะไปเข้าใจนิสัยแปลกประหลาดของแก! ใครจะไปเข้าใจว่าทำไมถึงต้องใช้คนในตระกูลเป็นเหยื่อทดลอง!! แกมันเสียสติไปแล้ว!"
"...มาถึงขั้นนี้แล้ว พี่ยังพูดแบบนี้อยู่อีกหรือ?"
บราฮัมมั่นใจมากว่า ทั้งหมดเป็นเพราะคำสาปแห่งความเกียจคร้านที่แวมไพร์ทุกตนมีติดตัว แวมไพร์จะไม่ไต่ถามให้มากความ ทุกสิ่งที่เป็นเหยื่อ เมื่อมาอยู่ตรงหน้า แวมไพร์ก็จะกระโจนเข้าไปทันทีโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
"ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ในตระกูลนี้ต่อไป"
บราฮัมมั่นใจมาก
"พี่น้องเอ๋ย… ฟังฉันนะ… พวกแกแย่ยิ่งกว่ามนุษย์เสียอีก เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่พวกแกดูแคลนนั้นหาได้เกียจคร้านเช่นนี้ พวกแกไม่มีสิทธิมาขัดขวางความก้าวหน้าของฉัน!"
"เลิกพูดเรื่องปรัชญาไร้สาระได้แล้ว!"
เอลฟิน-สโตนทำการสร้างเขตแดนโลหิต พร้อมกับเรียกยารุกต์ออกมาโจมตีใส่บราฮัมด้วยความเกรี้ยวกราด แต่เอลฟิน-สโตนก็ไม่ใช่คู่มือมาตั้งแต่ต้นแล้ว บราฮัมเป็นถึงแวมไพร์ดยุค ส่วนเอลฟิน-สโตนเป็นแค่เอิร์ล ความต่างชั้นของพลังมีมากเกินไป
"บัดซบ...! บัดซบ!! บราฮัมมมมม!!"
"น่าขยะแขยง"
ภาพการกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของเอลฟิน-สโตน ทั้งน่าขบขันและน่าเศร้าในสายตาบราฮัม แม้กระทั่งในขณะที่เอลฟิน-สโตนกำลังจะถูกศัตรูฆ่าตาย คำสาปแห่งความเกียจคร้านก็ยังส่งผลให้มันหลับตาลงไปด้วยความง่วง
"บราฮัม"
หญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าบราฮัมที่กำลังแสยะยิ้ม
ชิโซ-เบริอาเช่
"ท่านแม่..."
บราฮัมพลันสั่นระริก เบริอาเช่ เธอถูกยาธานสาปคำสาปเกียจคร้านใส่โดยตรง ทำให้ระยะเวลาในการนอนหลับแต่ละครั้งจะนานหลายร้อยปี แต่เหตุใดถึงตื่นขึ้นในเวลาเช่นนี้ได้?
'ท่านแม่ควรจะตื่นในอีก 50 ปีให้หลังไม่ใช่หรือ?'
บราฮัมเกิดความสับสน แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แปลกไปจากเบริอาเช่
'ความเป็นอมตะของท่านเธอไปไหน?'
เบริอาเช่กำลังจะตาย? ทำไมกัน? เธอควรมีชีวิตเป็นนิรันดร์สิ
'นังเด็กนั่น...!'
บราฮัมเหลือบไปเห็นเด็กสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังเบริอาเช่ เด็กสาวผมดำที่ดูเหมือนกับเบริอาเช่ทุกประการ
"นั่นคือ… พี่น้องคนที่สิบของฉัน?"
บราฮัมพลันใบหน้ากระตุก พลังเวทย์ที่เด็กคนนั้นปล่อยออกมา สูงกว่าพลังอำนาจอันล้นพ้นที่เบริอาเช่เคยมีเสียอีก
เป็นไปได้ยังไงกัน?
"ท่านแม่! ท่านให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าตัวท่านได้ยังไง!"
"...แกฝ่าฝืนข้อห้ามของตระกูล สมาชิกตระกูลไม่ควรทำร้ายกันเอง… ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม"
"ท่านแม่! เรื่องนั้น..."
บราฮัมพยายามอธิบาย แต่เมื่อครุ่นคิดอีกครั้ง เขากลับหยุดพูด บราฮัมรู้ดีกว่าการใช้คนในตระกูลเป็นเหยื่อทดลองไม่ควรได้รับการอภัย เบริอาเช่จ้องมองบราฮัมอย่างโกรธแค้น
"ฉันเคยรักแกมากกว่าใคร"
"..."
บราฮัมหลั่งน้ำตาในทันที เป็นเพราะเบริอาเช่ แม่ของตน ที่ควรได้มีชีวิตนิรันดร์ กลับเผยรอยเห็นเหี่ยวย่นบนใบหน้าและลำคอ ทั้งหมดเป็นเพราะนังเด็กคนนั้น! บราฮัมที่โกรธแค้นพลันจู่โจมเข้าใส่พี่น้องคนล่าสุดโดยไม่ให้ตั้งตัว
แต่เขาก็ทำไม่สำเร็จ… เด็กคนนั้นหลบได้…
แมรี่-โรส
"จงขอโทษที่ล่วงเกินฉันซะ"
"...!"
พลังของแมรี่-โรสนั้นเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แม้จะเพิ่งเกิดใหม่ แต่ก็เอาชนะบราฮัมที่เก่งกาจที่สุดในตระกูลได้ในพริบตา
กร็อบ!
"อ๊ากกก!"
บราฮัมส่งเสียงร้องเจ็บปวดพร้อมกับกุมข้อมือที่บาดเจ็บ สีหน้าจงเกลียดจงชังของเบริอาเช่ยังจดจ้องไม่ละสายตา เธอไม่คิดปราณีบราฮัมแม้แต่น้อย
"ฉันเคยเตือนทุกคนไปแล้ว ตระกูลของเราคือตระกูลนักล่า ดังนั้น มันจะเกิดเรื่องวุ่นวายตามมาถ้าหากคิดทำร้ายกันเอง! ในระหว่างที่ฉันหลับอยู่ แกฆ่าคนในตระกูลไปมากมาย แถมตอนนี้ยังคิดฆ่าพี่น้องต่อหน้าฉันอีกหรือ? ฉันจะลงโทษแกเพื่อไม่ให้มีใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!"
"...!"
สีหน้าของบราฮัมพลันบิดเบี้ยว เขี้ยวเล็กๆ ของแมรี่-โรสกัดจมต้นคอ เลือดทั้งหมดในกายถูกดูดออกไป ถือเป็นความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสเกินกว่าจินตนาการ
ณ วันนี้ บราฮัมได้สูญเสียความเป็นอมตะและถูกขับไล่ออกจากตระกูล
หลังจากนั้นอีกราว 100 ปี
บราฮัมปกปิดตนเองในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เขาทุ่มเทศึกษาเวทย์มนต์ทั้งหมดบนโลก และสามารถเอาชนะคำสาปแห่งความเกียจคร้านได้สำเร็จ แต่ชีวิตของเขาก็ไม่ได้เป็นอมตะอีกแล้ว ในการจะออกล่าความรู้ให้มากกว่านี้ บราฮัมจะต้องกลับไปมีชีวิตนิรันดร์ให้จงได้
บราฮัมเริ่มศึกษาเวทย์มนต์ที่ทำให้มีชีวิตเป็นนิรันดร์ โดยระหว่างการค้นคว้า ตัวเขาก็ได้รับสมญานามให้เป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ ลงเอยด้วย ในบั้นปลายของชีวิต บราฮัมก็คิดค้นเวทย์มนต์ที่ทำให้ชีวิตเป็นอมตะไม่สำเร็จ แต่เขาก็หาได้เศร้าเสียใจหรือสิ้นหวัง เพราะสิ่งที่เขาค้นพบมา ก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเวทย์อมตะสักเท่าใด
เวทย์มนต์คืนชีพ… บราฮัมบรรลุในการศึกษามันอย่างถ่องแท้
***
บราฮัมย้อนนึกถึงอดีตอันยาวนานของตน ในยามนี้ สติกลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง เขากำลังยืนอยู่ด้านหน้าชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่ากริด
[ ฉันเคยขอร้องให้นายสร้างภาชนะดวงวิญญานให้ใช่ไหม? หลังจากนั้นฉันก็จะคืนชีพขึ้นใหม่ และในอนาคตก็จะกระทำซ้ำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ แต่นายบอกว่า ตอนนี้ยังไม่อาจสร้างภาชนะดวงจิตให้ได้ เป็นเพราะนายไม่สามารถให้เทพยาธานอวยพรพาเฟรเนี่ยมได้สินะ? ]
"ถูกต้อง เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะฉันกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับวิหารยาธานไปแล้ว"
บราฮัมขอร้องอ้อนวอดต่อกริด
[ ถ้าเช่นนั้น… ได้โปรด อนุญาตให้ฉันสิงร่างเนื้อของนายด้วย ]
"ส--สิงร่าง… อะไรนะ?"
กริดไม่เชื่อหูตัวเอง… สิงร่างเชียวนะ! ผีตนหนึ่งกำลังคิดสิงร่าง… นี่มันพลอตเรื่องของหนังผีเกรดต่ำรึไงกัน?
"ถ--ถ้าฉันไม่ต้องการล่ะ?"
กริดหวั่นวิตกกับสิ่งที่เหนือธรรมชาติเสมอ บราฮัมพยายามโน้มน้าว
[ ไม่ต้องห่วงร่างเนื้อของนาย สิ่งที่ฉันจะทำ มีเพียงการบินไปยังวิหารหลักยาธานเพื่อให้พวกมันอวยพร ]
"ง่ายขนาดนั้นเชียว?"
กริดถามด้วยสีหน้าเคลือบแคลง แต่บราฮัมก็ตอบกลับโดยไม่ลังเล
[ ฉันสามารถบดขยี้วิหารยาธานทิ้งได้ ถึงแม้จะใช้ร่างของเด็กห้าขวบก็ตาม ]
นั่นสินะ นี่คือความมั่นใจอันเปี่ยมล้นของจอมเวทย์ในตำนานที่สามารถรอดชีวิตมาจากมังกรทราวก้าได็
[ หากนายยอมให้ฉันใช้ร่างเนื้อครึ่งวัน ฉันจะมอบพาเฟรเนี่ยมทั้งหมดให้ และยังจะสอนเวทย์มนต์ให้อีกหนึ่งชนิด ]
"ทำไมคนที่ตายไปแล้วอย่างนายถึงต้องการคืนชีพนัก?"
บราฮัมตอบกลับอย่างซื่อตรงและจริงใจ
[ ฉันต้องการความรู้ทั้งหมดของโลกใบนี้ และจะมีชีวิตนิรันดร์ในที่สุด ]
ข้อความระบบได้แสดงขึ้นต่อหน้ากริด
[ รายละเอียดภารกิจคลาสที่สอง: <การคืนชีพของจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่> มีการเปลี่ยนแปลง ]
=======
[ การคืนชีพของจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ ]
จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ บราฮัม เขาเป็นคนไม่รู้จักพอ บราฮัมต้องการครอบครองทุกความรู้ของโลกใบนี้
นั่นคือสัญชาติที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด สิ่งนี้ไม่อาจกล่าวโทษบราฮัมได้
_______
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ :
- ยอมให้ดวงวิญญานของบราฮัมสิงร่างเนื้อ
- สร้างภาชนะบรรจุดวงวิญญานขึ้นจากพาเฟรเนี่ยมที่ได้รับการอวยพร
รางวัลสำเร็จภารกิจ :
- เรียนรู้เวทย์มนต์ใหม่หนึ่งชนิด
- ได้รับพาเฟรเนี่ยมทุกชิ้นที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งทวีป
========
'มีพาเฟรเนี่ยมทั้งหมด 28 ชิ้น'
จากจำนวนเหล่านั้น กริดเพิ่งได้ครอบครองเพียง 11 เท่านั้น
'เราต้องใช้พาเฟรเนี่ยมอย่างน้อย 18 ชิ้นในการสร้างหอกไลฟาเอลรุ่นสมบูรณ์'
ถ้าหากได้พาเฟรเนี่ยมทั้งหมดมาครอบครอง หลังจากสร้างหอกไลฟาเอลแล้ว กริดจะยังเหลืออีกมากถึงสิบชิ้น ไม่สิ เขาไม่จำเป็นต้องยึดติดกับหอกไลฟาเอล พาเฟรเนี่ยมที่มากถึง 28 ชิ้นสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย
และสิ่งที่กริดสนใจยิ่งกว่าพาเฟรเนี่ยมก็คือ… เวทย์มนต์หนึ่งชนิด
'เราจะเรียนเวทย์มนต์ได้จริงหรือ? ช่างตีเหล็กเนี่ยนะ?'
แม้จะเป็นเพียงเวทย์มนต์ชนิดเดียว แต่มันคือเวทย์มนต์จากจอมเวทย์ในตำนาน ระดับความรุนแรงจะต้องเหนือจินตนาการแน่ กริดที่กำลังขนลุกซู่ ได้ยินยอมทำภารกิจโดยไม่คิดลังเล
"ตกลง! ฉันจะทำ!"
ในเวลาเดียวกัน
[ ตัดสินใจได้ฉลาดมาก! ]
เศษเสี้ยวดวงวิญญานของบราฮัมได้ลอยเข้าไปในตัวกริดทันที
[ บราฮัมพยายามสิงร่างท่าน ท่านจะยอมรับหรือไม่? ]
"แน่นอน!"
ในเวลาเดียวกัน ร่างของกริดก็อาบไปด้วยเสาสำแสงสีขาว
[ ท่านยินยอมให้ดวงวิญญานของจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ บราฮัม เข้าสิงร่าง ]
[ คลาสของท่านถูกเปลี่ยนจาก<ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า>ไปเป็น<จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่> ]
[ นับแต่นี้ไป ร่างกายของท่านจะขยับตามความนึกคิดของบราฮัม ]
"ว้าว..."
สมาชิกทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างอุทานออกมาพร้อมกัน เป็นเพราะภายในหน้าต่างปาร์ตี้ รายละเอียดของกริดได้เปลี่ยนไปหลังจากยอมรับดวงวิญญานของบราฮัมเข้าไปในร่าง
=======
กริด(จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่)
เลเวล : 545
พลังชีวิต : 858,310
มานา : 13,965,000
=======
รายละเอียดที่แสดงในปาร์ตี้ไม่ได้ลงลึกไปถึงค่าสถานะเช่น พลังโจมตี พลังเวทย์ พลังป้องกัน ทักษะที่มี และอื่นๆ แต่คนที่เหลือก็สามารถเดาค่าสถานะคร่าวๆ ของกริดได้จากพลังชีวิต เลเวล และมานา
กริดในรูปลักษณ์ใหม่ ผมสีขาว ตาสีแดง ได้หันมาพูดกับทุกคนว่า
"ขอบคุณทุกคนมาก แต่คณะรวบรวมพาเฟรเนี่ยมคงไม่จำเป็นอีกแล้ว ดังนั้น พวกนายรีบกลับไปเรย์ดันก่อน"
ซ่าาา!
เมื่อพูดจบ กริดก็หายไปจากสายตาของทุกคน
โอ้ก็อดกริด มันยอดมาก จอมเวทย์กริดผู้ยิ่งใหญ่
ReplyDeleteมานา 13 ล้าน ใช้ทั้งชาติ
ReplyDeleteน่าจะมีเวทใหญ่ที่ต้องใช่มานาเยอะและ
Delete