จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 306



       บราฮัม-เฮชวาล

       หนึ่งในทายาทโดยตรงของชิโซ-เบริอาเช่  บราฮัมคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูล  แต่แล้ววันหนึ่ง  เขาก็เกิดคำถามขึ้นในใจ

       'เทพยาธานได้สาปเผ่าพันธุ์ของพวกเราด้วย<คำสาปแห่งความเกียจคร้าน>  โดยให้เหตุผลว่า  พวกเรามีพลังอำนาจและความทะเยอทยานมากเกินไป...'  

       'แต่เทพยาธานจะแบบนั้นไปเพื่ออะไร?'

       ความปรารถนาสูงสุดของเทพยาธานคือความพังพินาศ  มันปรารถนาให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เทพธิดารีเบคก้าอวยพรต้องถูกทำลาย  ดังนั้น  การจะทำความปรารถนานี้ให้เป็นจริง  มีแต่ต้องใช้พลังอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด  และเผ่าพันธุ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับกระทำการใหญ่นั้น  คงหนีไม่พ้น...

       แวมไพร์

       แวมไพร์แข็งแกร่งมากพอจะทำให้ความปรารถนาของเทพยาธานเป็นจริงได้  แต่แล้วทำไม  มันถึงต้องผนึกพลังของแวมไพร์ไว้ด้วยคำสาปเกียจคร้านกันนะ?  บราฮัมไม่อาจเข้าใจในข้อนี้ได้เลย
       
       ยิ่งไปกว่านั้น

       'ทำไมบรรดาจอมอสูรถึงไม่ถูกคำสาปเหล่านี้บ้าง?'

       เริ่มมีกลิ่นไม่ดีแล้วสิ… บราฮัมสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากลบางสิ่ง  จึงตัดสินใจค้นคว้าข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆ   และเมื่อผ่านไป 483 ปี  เขาก็ได้ค้นพบความจริงข้อหนึ่ง...  

       การทำลายล้างโลกมนุษย์ของเทพยาธานจะปรากฏขึ้นตามวัฏจักรที่แน่นอน

       'เมื่อความปรารถนาของมนุษย์ที่ชั่วร้ายเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด  โลกมนุษย์จะเกิดความโกลาหลปั่นป่วน'

       ในอีกความหมายหนึ่ง  เมื่อเทพธิดารีเบคก้าไม่อาจควบคุมมนุษย์ได้อีก  ก็จะถึงเวลาที่เทพยาธานสำแดงพลังออกมา

       'เทพยาธานมีหน้าที่ทำลายโลกมนุษย์  ส่วนเทพธิดารีเบคก้าก็มีหน้าที่สร้างโลกมนุษย์ขึ้นมาใหม่'

       ยาธานและรีเบคก้า  แม้จะดูเหมือนต่างกันสุดขั้ว  แต่ในความเป็นจริงแล้ว  การกระทำของพวกเขากลับสอดคล้องกันเป็นอย่างดี

       "หึหึ… พวกเราเป็นได้แค่ของเล่นในมือเทพเท่านั้นสินะ"

       แม้กระทั่งตอนนี้่  สาวกของทั้งฝ่ายยาธานและรีเบคก้าต่างก็ยังเข่นฆ่ากันอย่างเอาเป็นเอาตายไม่หยุดหย่อน  โดยทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ถูกชักนำให้ดำเนินไป  

       ยาธานและรีเบคก้า  ดูเหมือนตัวตนของทั้งสองจะมีไว้สำหรับรักษาสมดุลของโลกมนุษย์

       บราฮัมรู้สึกว่าตนถูกทรยศ… ความจงรักภักดีอันเปี่ยมล้นที่เคยมีให้กับยาธานพลันสลายไปจนหมดสิ้น  และในที่สุดมันก็ได้รับรู้ว่า  เหตุใด  ชิโซ-เบริอาเช่  อดีตหนึ่งในจอมอสูรผู้ยิ่งใหญ่  มารดาของมัน  ต้องถูกขับออกจากขุมนรกมายังโลกมนุษย์
       
       'ท่านแม่เองก็เหมือนกับเราสินะ'

       เบริอาเช่ผู้ฉลาดเฉลียวย่อมรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของยาธาน  เธอตัดสินใจไต่ถามไปว่า  เหตุใดถึงต้องสาปแวมไพร์ด้วยคำสาปเกียจคร้าน  

       และลงเอยด้วย  เบริอาเช่ถูกขับไล่ออกจากขุมนรก

       'แล้วจอมอสูรตนอื่นล่ะ?'

       พวกมันรู้ความจริงแล้ว?  หรือว่าเป็นเพียงหุ่นเชิดผู้ซื่อสัตย์?

       'ไม่ว่าจะอย่างไหน'

       สิ่งเดียวที่บราฮัมต้องการก็คือ

       'ฉันจะต้องเอาชนะคำสาปแห่งความเกียจคร้านให้ได้'

       ชิโซ-เบริอาเช่คืออดีตจอมอสูรแห่งการล่า  แวมไพร์ที่เป็นทายาทโดยตรงทุกคนล้วนสืบทอดเจตจำนงในการล่าติดตัวมาแต่กำเนิด  ในบรรดาพี่น้องทุกคน  บราฮัมปรารถนาที่จะล่าความรู้  แต่ถึงกระนั้น  เนื่องด้วยคำสาปแห่งความเกียจคร้าน  บราฮัมจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตไปกับการนอน  ซึ่งเขาไม่ชอบใจเอาเสียเลย

       'จะต้องมีนัยยะแฝงเอาไว้ในคำสาปขององค์เทพแน่...'

       แวมไพร์ควรถูกสาปเพราะความปรารถนาไม่สิ้นสุด… แต่ความจริงคืออะไรรู้ไหม? 

       'บนโลกนี้ไม่มีเทพตั้งแต่ต้น'

       ยาธาน  หรือตัวตนอันยิ่งใหญ่ที่ทุกคนยกย่องให้เป็นเทพ… ความจริงแล้วไม่ใช่เทพ   ยาธานคือนามธรรมสำหรับการคงอยู่ของโลกใบนี้  ไม่มีเหตุผลใดที่บราฮัมต้องไปรับใช้สิ่งแบบนั้น

       'ยาธาน  ฉันจะเอาชนะคำสาปที่แกบังอาจฝังไว้ในตัวพวกเรา  ฉันจะศรัทธาต่อสัญชาติญานตนเองเท่านั้น!'

       บราฮัมลั่นวาจา  เขาจะต้องรวบรวมความรู้ทั้งหมดบนโลก  และกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้จงได้!  ณ วันนั้น  บราฮัมเริ่มลงมือค้นคว้าเวทย์มนต์ทุกชนิดบนโลก  เวลาผ่านไปหลายร้อยปี  ด้วยการอุทิศทั้งชีวิตให้กับเวทย์มนต์  บราฮัมจึงมีความรู้ความเข้าใจต่อโลกใบนี้อย่างลึกซึ้ง  

       แต่ในระหว่างการค้นหาความรู้  การทดลองคือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้  และหนึ่งในตัวอย่างการทดลองที่บราฮัมใช้ไปมากมายก็คือ...

       คนในตระกูล

       นี่คือจุดเริ่มต้นของสิ่งเลวร้ายทั้งหมด

       ***

       "บราฮัม!  ฉันจะฆ่าแก!"

       แวมไพร์ตนหนึ่งกำลังร่ำไห้พร้อมกับกอดร่างไร้วิญญานของหญิงสาวผู้เป็นที่รัก… มันคือเอลฟิน-สโตน  ทายาทลำดับที่เก้าของชิโซ-เบริอาเช่ 

       "ก--แก… แกกล้าดียังไงมาทำกับเลอาห์แบบนี้!  เลอาห์!!"

       เอลฟิน-สโตนกำลังคลุ้มคลั่งสุดขีด  เนื่องจากคนรักของมันคือหนึ่งในตัวอย่างทดลองของบราฮัม  บราฮัมหันไปถามเอลฟิน-สโตนด้วยน้ำเสียงเย็นชา
       "ท่านพี่… พี่ไม่ได้เข้าใจถึงความอยากรู้อยากเห็นของฉันจนถึงที่สุดเลยสินะ?  พี่ไม่สงสัยบ้างหรือ?  ว่าฉันเกิดความใคร่รู้เพราะเหตุใด?"

       "ฉันไม่เข้าใจ! ใครจะไปเข้าใจนิสัยแปลกประหลาดของแก!  ใครจะไปเข้าใจว่าทำไมถึงต้องใช้คนในตระกูลเป็นเหยื่อทดลอง!!  แกมันเสียสติไปแล้ว!"

       "...มาถึงขั้นนี้แล้ว  พี่ยังพูดแบบนี้อยู่อีกหรือ?"

       บราฮัมมั่นใจมากว่า  ทั้งหมดเป็นเพราะคำสาปแห่งความเกียจคร้านที่แวมไพร์ทุกตนมีติดตัว  แวมไพร์จะไม่ไต่ถามให้มากความ  ทุกสิ่งที่เป็นเหยื่อ  เมื่อมาอยู่ตรงหน้า  แวมไพร์ก็จะกระโจนเข้าไปทันทีโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

       "ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ในตระกูลนี้ต่อไป"

       บราฮัมมั่นใจมาก

       "พี่น้องเอ๋ย… ฟังฉันนะ… พวกแกแย่ยิ่งกว่ามนุษย์เสียอีก  เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่พวกแกดูแคลนนั้นหาได้เกียจคร้านเช่นนี้  พวกแกไม่มีสิทธิมาขัดขวางความก้าวหน้าของฉัน!"

       "เลิกพูดเรื่องปรัชญาไร้สาระได้แล้ว!"

       เอลฟิน-สโตนทำการสร้างเขตแดนโลหิต  พร้อมกับเรียกยารุกต์ออกมาโจมตีใส่บราฮัมด้วยความเกรี้ยวกราด  แต่เอลฟิน-สโตนก็ไม่ใช่คู่มือมาตั้งแต่ต้นแล้ว  บราฮัมเป็นถึงแวมไพร์ดยุค  ส่วนเอลฟิน-สโตนเป็นแค่เอิร์ล  ความต่างชั้นของพลังมีมากเกินไป

       "บัดซบ...!  บัดซบ!!  บราฮัมมมมม!!"

       "น่าขยะแขยง"

       ภาพการกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของเอลฟิน-สโตน  ทั้งน่าขบขันและน่าเศร้าในสายตาบราฮัม  แม้กระทั่งในขณะที่เอลฟิน-สโตนกำลังจะถูกศัตรูฆ่าตาย  คำสาปแห่งความเกียจคร้านก็ยังส่งผลให้มันหลับตาลงไปด้วยความง่วง

       "บราฮัม"

       หญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าบราฮัมที่กำลังแสยะยิ้ม  

       ชิโซ-เบริอาเช่

       "ท่านแม่..."

       บราฮัมพลันสั่นระริก  เบริอาเช่  เธอถูกยาธานสาปคำสาปเกียจคร้านใส่โดยตรง  ทำให้ระยะเวลาในการนอนหลับแต่ละครั้งจะนานหลายร้อยปี  แต่เหตุใดถึงตื่นขึ้นในเวลาเช่นนี้ได้?

       'ท่านแม่ควรจะตื่นในอีก 50 ปีให้หลังไม่ใช่หรือ?'

       บราฮัมเกิดความสับสน  แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แปลกไปจากเบริอาเช่

       'ความเป็นอมตะของท่านเธอไปไหน?'

       เบริอาเช่กำลังจะตาย?  ทำไมกัน?  เธอควรมีชีวิตเป็นนิรันดร์สิ

       'นังเด็กนั่น...!'

       บราฮัมเหลือบไปเห็นเด็กสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังเบริอาเช่  เด็กสาวผมดำที่ดูเหมือนกับเบริอาเช่ทุกประการ

       "นั่นคือ… พี่น้องคนที่สิบของฉัน?"

       บราฮัมพลันใบหน้ากระตุก  พลังเวทย์ที่เด็กคนนั้นปล่อยออกมา  สูงกว่าพลังอำนาจอันล้นพ้นที่เบริอาเช่เคยมีเสียอีก

       เป็นไปได้ยังไงกัน?

       "ท่านแม่!  ท่านให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าตัวท่านได้ยังไง!"

       "...แกฝ่าฝืนข้อห้ามของตระกูล  สมาชิกตระกูลไม่ควรทำร้ายกันเอง… ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม"

       "ท่านแม่!  เรื่องนั้น..."

       บราฮัมพยายามอธิบาย  แต่เมื่อครุ่นคิดอีกครั้ง  เขากลับหยุดพูด  บราฮัมรู้ดีกว่าการใช้คนในตระกูลเป็นเหยื่อทดลองไม่ควรได้รับการอภัย  เบริอาเช่จ้องมองบราฮัมอย่างโกรธแค้น

       "ฉันเคยรักแกมากกว่าใคร"

       "..."

       บราฮัมหลั่งน้ำตาในทันที  เป็นเพราะเบริอาเช่  แม่ของตน  ที่ควรได้มีชีวิตนิรันดร์  กลับเผยรอยเห็นเหี่ยวย่นบนใบหน้าและลำคอ  ทั้งหมดเป็นเพราะนังเด็กคนนั้น!  บราฮัมที่โกรธแค้นพลันจู่โจมเข้าใส่พี่น้องคนล่าสุดโดยไม่ให้ตั้งตัว 

       แต่เขาก็ทำไม่สำเร็จ… เด็กคนนั้นหลบได้…

       แมรี่-โรส

       "จงขอโทษที่ล่วงเกินฉันซะ"       

       "...!"

       พลังของแมรี่-โรสนั้นเบ็ดเสร็จเด็ดขาด  แม้จะเพิ่งเกิดใหม่  แต่ก็เอาชนะบราฮัมที่เก่งกาจที่สุดในตระกูลได้ในพริบตา

       กร็อบ!

       "อ๊ากกก!"

       บราฮัมส่งเสียงร้องเจ็บปวดพร้อมกับกุมข้อมือที่บาดเจ็บ  สีหน้าจงเกลียดจงชังของเบริอาเช่ยังจดจ้องไม่ละสายตา  เธอไม่คิดปราณีบราฮัมแม้แต่น้อย

       "ฉันเคยเตือนทุกคนไปแล้ว  ตระกูลของเราคือตระกูลนักล่า  ดังนั้น  มันจะเกิดเรื่องวุ่นวายตามมาถ้าหากคิดทำร้ายกันเอง!  ในระหว่างที่ฉันหลับอยู่  แกฆ่าคนในตระกูลไปมากมาย  แถมตอนนี้ยังคิดฆ่าพี่น้องต่อหน้าฉันอีกหรือ?  ฉันจะลงโทษแกเพื่อไม่ให้มีใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!"

       "...!"

       สีหน้าของบราฮัมพลันบิดเบี้ยว  เขี้ยวเล็กๆ ของแมรี่-โรสกัดจมต้นคอ  เลือดทั้งหมดในกายถูกดูดออกไป  ถือเป็นความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสเกินกว่าจินตนาการ  

       ณ วันนี้  บราฮัมได้สูญเสียความเป็นอมตะและถูกขับไล่ออกจากตระกูล

       หลังจากนั้นอีกราว 100 ปี

       บราฮัมปกปิดตนเองในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง  เขาทุ่มเทศึกษาเวทย์มนต์ทั้งหมดบนโลก  และสามารถเอาชนะคำสาปแห่งความเกียจคร้านได้สำเร็จ  แต่ชีวิตของเขาก็ไม่ได้เป็นอมตะอีกแล้ว  ในการจะออกล่าความรู้ให้มากกว่านี้  บราฮัมจะต้องกลับไปมีชีวิตนิรันดร์ให้จงได้

       บราฮัมเริ่มศึกษาเวทย์มนต์ที่ทำให้มีชีวิตเป็นนิรันดร์  โดยระหว่างการค้นคว้า  ตัวเขาก็ได้รับสมญานามให้เป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่  ลงเอยด้วย  ในบั้นปลายของชีวิต  บราฮัมก็คิดค้นเวทย์มนต์ที่ทำให้ชีวิตเป็นอมตะไม่สำเร็จ  แต่เขาก็หาได้เศร้าเสียใจหรือสิ้นหวัง  เพราะสิ่งที่เขาค้นพบมา  ก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเวทย์อมตะสักเท่าใด

       เวทย์มนต์คืนชีพ… บราฮัมบรรลุในการศึกษามันอย่างถ่องแท้ 

       ***

       บราฮัมย้อนนึกถึงอดีตอันยาวนานของตน  ในยามนี้  สติกลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง  เขากำลังยืนอยู่ด้านหน้าชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่ากริด

[ ฉันเคยขอร้องให้นายสร้างภาชนะดวงวิญญานให้ใช่ไหม?  หลังจากนั้นฉันก็จะคืนชีพขึ้นใหม่  และในอนาคตก็จะกระทำซ้ำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ   แต่นายบอกว่า  ตอนนี้ยังไม่อาจสร้างภาชนะดวงจิตให้ได้  เป็นเพราะนายไม่สามารถให้เทพยาธานอวยพรพาเฟรเนี่ยมได้สินะ? ]

       "ถูกต้อง  เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้  เพราะฉันกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับวิหารยาธานไปแล้ว"

       บราฮัมขอร้องอ้อนวอดต่อกริด

[ ถ้าเช่นนั้น… ได้โปรด  อนุญาตให้ฉันสิงร่างเนื้อของนายด้วย ]

       "ส--สิงร่าง… อะไรนะ?"

       กริดไม่เชื่อหูตัวเอง… สิงร่างเชียวนะ!  ผีตนหนึ่งกำลังคิดสิงร่าง… นี่มันพลอตเรื่องของหนังผีเกรดต่ำรึไงกัน?  

       "ถ--ถ้าฉันไม่ต้องการล่ะ?"

       กริดหวั่นวิตกกับสิ่งที่เหนือธรรมชาติเสมอ  บราฮัมพยายามโน้มน้าว

[ ไม่ต้องห่วงร่างเนื้อของนาย  สิ่งที่ฉันจะทำ  มีเพียงการบินไปยังวิหารหลักยาธานเพื่อให้พวกมันอวยพร ]

       "ง่ายขนาดนั้นเชียว?"

       กริดถามด้วยสีหน้าเคลือบแคลง  แต่บราฮัมก็ตอบกลับโดยไม่ลังเล

[ ฉันสามารถบดขยี้วิหารยาธานทิ้งได้  ถึงแม้จะใช้ร่างของเด็กห้าขวบก็ตาม ]

       นั่นสินะ  นี่คือความมั่นใจอันเปี่ยมล้นของจอมเวทย์ในตำนานที่สามารถรอดชีวิตมาจากมังกรทราวก้าได็

[ หากนายยอมให้ฉันใช้ร่างเนื้อครึ่งวัน  ฉันจะมอบพาเฟรเนี่ยมทั้งหมดให้  และยังจะสอนเวทย์มนต์ให้อีกหนึ่งชนิด ]

       "ทำไมคนที่ตายไปแล้วอย่างนายถึงต้องการคืนชีพนัก?"

       บราฮัมตอบกลับอย่างซื่อตรงและจริงใจ

[ ฉันต้องการความรู้ทั้งหมดของโลกใบนี้  และจะมีชีวิตนิรันดร์ในที่สุด ]

       ข้อความระบบได้แสดงขึ้นต่อหน้ากริด

[ รายละเอียดภารกิจคลาสที่สอง: <การคืนชีพของจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่> มีการเปลี่ยนแปลง ]
=======
[ การคืนชีพของจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ ]
       จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่  บราฮัม  เขาเป็นคนไม่รู้จักพอ  บราฮัมต้องการครอบครองทุกความรู้ของโลกใบนี้
       นั่นคือสัญชาติที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด  สิ่งนี้ไม่อาจกล่าวโทษบราฮัมได้
_______
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : 
- ยอมให้ดวงวิญญานของบราฮัมสิงร่างเนื้อ
- สร้างภาชนะบรรจุดวงวิญญานขึ้นจากพาเฟรเนี่ยมที่ได้รับการอวยพร
รางวัลสำเร็จภารกิจ :
- เรียนรู้เวทย์มนต์ใหม่หนึ่งชนิด
- ได้รับพาเฟรเนี่ยมทุกชิ้นที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งทวีป
========

       'มีพาเฟรเนี่ยมทั้งหมด 28 ชิ้น'       

       จากจำนวนเหล่านั้น  กริดเพิ่งได้ครอบครองเพียง 11 เท่านั้น

       'เราต้องใช้พาเฟรเนี่ยมอย่างน้อย 18 ชิ้นในการสร้างหอกไลฟาเอลรุ่นสมบูรณ์'

       ถ้าหากได้พาเฟรเนี่ยมทั้งหมดมาครอบครอง  หลังจากสร้างหอกไลฟาเอลแล้ว  กริดจะยังเหลืออีกมากถึงสิบชิ้น  ไม่สิ  เขาไม่จำเป็นต้องยึดติดกับหอกไลฟาเอล  พาเฟรเนี่ยมที่มากถึง 28 ชิ้นสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย  

       และสิ่งที่กริดสนใจยิ่งกว่าพาเฟรเนี่ยมก็คือ… เวทย์มนต์หนึ่งชนิด 

       'เราจะเรียนเวทย์มนต์ได้จริงหรือ?  ช่างตีเหล็กเนี่ยนะ?'

       แม้จะเป็นเพียงเวทย์มนต์ชนิดเดียว  แต่มันคือเวทย์มนต์จากจอมเวทย์ในตำนาน  ระดับความรุนแรงจะต้องเหนือจินตนาการแน่  กริดที่กำลังขนลุกซู่  ได้ยินยอมทำภารกิจโดยไม่คิดลังเล

       "ตกลง!  ฉันจะทำ!"

       ในเวลาเดียวกัน

[ ตัดสินใจได้ฉลาดมาก! ]

       เศษเสี้ยวดวงวิญญานของบราฮัมได้ลอยเข้าไปในตัวกริดทันที

[ บราฮัมพยายามสิงร่างท่าน  ท่านจะยอมรับหรือไม่? ]

       "แน่นอน!"

       ในเวลาเดียวกัน  ร่างของกริดก็อาบไปด้วยเสาสำแสงสีขาว

[ ท่านยินยอมให้ดวงวิญญานของจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่  บราฮัม  เข้าสิงร่าง ]
[ คลาสของท่านถูกเปลี่ยนจาก<ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า>ไปเป็น<จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่> ]
[ นับแต่นี้ไป  ร่างกายของท่านจะขยับตามความนึกคิดของบราฮัม ]

       "ว้าว..."

       สมาชิกทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างอุทานออกมาพร้อมกัน  เป็นเพราะภายในหน้าต่างปาร์ตี้  รายละเอียดของกริดได้เปลี่ยนไปหลังจากยอมรับดวงวิญญานของบราฮัมเข้าไปในร่าง

=======
กริด(จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่)
เลเวล : 545
พลังชีวิต : 858,310
มานา : 13,965,000
=======

       รายละเอียดที่แสดงในปาร์ตี้ไม่ได้ลงลึกไปถึงค่าสถานะเช่น  พลังโจมตี  พลังเวทย์  พลังป้องกัน  ทักษะที่มี  และอื่นๆ   แต่คนที่เหลือก็สามารถเดาค่าสถานะคร่าวๆ ของกริดได้จากพลังชีวิต  เลเวล  และมานา  

       กริดในรูปลักษณ์ใหม่  ผมสีขาว  ตาสีแดง  ได้หันมาพูดกับทุกคนว่า

       "ขอบคุณทุกคนมาก  แต่คณะรวบรวมพาเฟรเนี่ยมคงไม่จำเป็นอีกแล้ว  ดังนั้น  พวกนายรีบกลับไปเรย์ดันก่อน"

       ซ่าาา!

       เมื่อพูดจบ  กริดก็หายไปจากสายตาของทุกคน

Comments

  1. โอ้ก็อดกริด มันยอดมาก จอมเวทย์กริดผู้ยิ่งใหญ่

    ReplyDelete
  2. มานา 13 ล้าน ใช้ทั้งชาติ

    ReplyDelete
    Replies
    1. น่าจะมีเวทใหญ่ที่ต้องใช่มานาเยอะและ

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00