จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 302



ปาร์ตี้ของกริดคงต้องพ่ายแพ้ต่อเอลฟิน-สโตน  ถึงแม้จะน่าเสียดาย  แต่สิ่งนี้ก็ช่วยไม่ได้  เอลฟิน-สโตนแข็งแกร่งเกินไป  สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนต่างคิดเช่นนี้  เว้นแต่เพียงยูร่า

เธอเชื่อมั่นว่า  กริดสามารถสร้างผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมายได้  นี่ไม่ใช่ความเชิดชูอย่างลืมหูลืมตาจากเหตุผลส่วนตัว  แต่เป็นเพราะในยามนี้  เธอกลายเป็นนักล่าอสูรแล้ว  และรู้ซึ้งถึงพลังของคลาสเกรดเลเจนดารีได้เป็นอย่างดี

"ได้ต่อสู้กับบอสที่เก่งกาจ… สิ่งนี้ทำให้นายเติบโตขึ้นใช่ไหม?"

ยูร่ามั่นใจอยู่แล้วว่า  กริดสามารถเอาชนะเอลฟิน-สโตนได้  เธออมยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน  ส่วนเขาก็ตอบกลับมาด้วยสีหน้าและท่าทางที่สง่าผ่าเผย

"ใช่… ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมาย"

ภายในใจกริด  กำแพงสูงตระหง่านที่ตัวเขาไม่อาจก้าวข้ามได้  เฮลกาโอ  จอมอสูรที่ถูกอริยะดาบมุลเลอร์ทำลายร่างเนื้อไปแล้ว  แต่เพียงแค่ดวงจิตที่หลงเหลือ  ก็แข็งแกร่งเสียจนกริดไม่อาจเอาชนะได้  ถ้าหากไม่ขุดศีลาอัคคีออกมา

แต่คราวนี้  ทุกสิ่งไม่เหมือนเดิมอีก  กริดมั่นใจว่าตนสูสีกับเฮลกาโอ  ไม่สิ  เขาอาจก้าวข้ามมันได้แล้ว  ประสบการณ์ที่เอลฟิน-สโตนมอบให้ในคราวนี้  นับว่าล้ำค่าจนตีมูลค่าเป็นเงินไม่ได้

'ไม่ช้าก็เร็ว  เราจะกลับไปดวลกับเฮลกาโออีกครั้ง'

ผลลัพธ์จะแตกต่างไปจากเดิม  เขาจะล่าเฮลกาโอโดยไม่ต้องขุดศิลาอัคคี  และข้ามกำแพงในใจนี้ให้จงได้

'เราจะต้องแข็งแกร่งที่สุด'

เขาไม่คิดสละชีวิตพวกพ้องเป็นหนที่สองอีก  การไร้พลัง  สิ่งนี้ทำให้เขาเจ็บปวดหัวใจทุกครั้ง  ความรู้สึกที่แสนอึดอัดและน่ารังเกียจ  กริดไม่ต้องการสัมผัสมันอีกแล้ว  เขาลั่นวาจาด้วยสีหน้ามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว  ชายวัย 28 ปีคนนี้  นับวันยิ่งมีพัฒนาการที่คาดไม่ถึง

เขาจะยิ่งดูเท่ห์กว่านี้เมื่ออายุย่างเข้า 30 รึเปล่านะ?  ยูร่าพลันใจเต้นระรัวเมื่อจินตนการภาพกริดในวัย 30 ปี  

กริดเอ่ยปากถามขึ้น

"แต่ทำไมเลเวลของเธอถึงได้ต่ำนัก?  อันดับห้าของโลกมีเลเวลแค่ 203 งั้นหรือ?  โกงผู้เล่นคนอื่นมารึเปล่าเนี่ย?"

นี่มันอะไรกัน?  ดูเหมือนกริดจะกลับไปเป็นชายหนุ่มที่ชอบพูดจาเรื่อยเปื่อยโดยไม่คิด  แต่ยูร่าก็ชาชินแล้ว  เธอมองว่า  อย่างน้อยก็ยังดีกว่าผู้ชายขี้อวดหรือไม่ก็พวกที่ชอบปลิ้นปล้อน

"ดูคลาสของฉันให้ดีสิ"

"คลาส?  ไม่ใช่จอมเวทย์มืดรึไง?"  กริดย้ายสายตาจากตัวเลขเลเวลไปยังชื่อของคลาส  หลังจากนั้นก็...
"นักล่าอสูร?  หมายความว่าไงกัน?  หือ?  เอ๋?  ล--เลเจนดารี...!"

ในคำแถลงการณ์ของลิมชอลโฮเมื่อครั้งแข่งซาทิสฟายนานาชาติหนแรก  เขาประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่า  ในซาทิฟาย  คลาสเกรดเลเจนดารีของผู้เล่นจะมีเพียงแค่เก้าคลาสเท่านั้น

และสองในเก้าได้อยู่กับกิลโอเวอร์เกียร์เรียบร้อยแล้ว  กริดดีใจเป็นที่สุด

"เธอเจ๋งมาก!"

กริดมีความสุขจนอยากจะเข้าไปโผกอด  แต่เขาก็ต้องหยุดความคิดนั้นไว้  ชายหนุ่มไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นพวกคุกคามทางเพศ

หลังจากนั้น

กริดเดินทางออกจากเรย์ดันพร้อมกับยูร่าและฮิวรอย  พวกเขาจะกลับไปรวมตัวกับปาร์ตี้คณะรวบรวมพาเฟรเนี่ยมอีกครั้ง  เหลือเวลาอีก 84 วันในการค้นหาพาเฟรเนี่ยมที่เหลือทั้งหมด  เมืองแวมไพร์ที่ 13 ซึ่งว่ากันว่ายากที่สุดได้ถูกเคลียร์แล้ว  หนทางข้างหน้าดูสดใสกว่าทุกครั้ง  แถมพลังของปาร์ตี้โดยรวมก็สูงขึ้น  โอกาสรวมรวบพาเฟรเนี่ยมให้สำเร็จนั้นอยู่ไม่เกินเอื้อม

***

ณ เมืองแวมไพร์ที่ 13

หลังจากกริดและเอลฟิน-สโตนตายไป  สมาชิกที่เหลือต่างออกค้นหาพาเฟรเนี่ยมภายในเมือง  เป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้คือการรวมรวบพาเฟรเนี่ยมให้ครบ  แต่มันช่างยากเสียเหลือเกิน  เมืองมีขนาดใหญ่เกินไป  แถมยังมืดสนิท

"คบเพลิงหมดแล้วนะ"

"ถ้ารู้แบบนี้  พกมาเยอะๆ ก็คงดี"

"เซ็ดนอส  นายเป็นถึงจอมเวทย์คลาสสาม  แต่ไม่มีเวทย์มนต์สร้างแสงสว่างบ้างเลยรึไง?"

"ฉันมีแต่เวทย์ลม"

"เฮ่อ… เวทย์พื้นฐานควรเรียนติดตัวไว้บ้างนะ  ไม่ว่าจะธาตุอะไร"

"ฉันจะเดินบนเส้นทางนี้อย่างเคร่งครัดต่อไป  ใครจะรู้?  หากฉันเรียนเวทย์ลมไปเรื่อยๆ   บางทีอาจกลายเป็นคลาสลับเข้าสักวันก็ได้"

"ชิ… ทำไมถึงไม่ขอให้พวกนั้นส่งตัวไมเนอร์มาด้วย?  เรื่องทุกอย่างมันคงจะง่ายขึ้น"

"เลิกบ่นเถอะน่า  รีบค้นหาดีกว่า"

ผ่านไปสี่ชั่วโมงเต็ม  พวกเขาสังหารสัตว์รับใช้ของแวมไพร์ที่ลาดตระเวนจนเกือบหมด  สุดท้ายพบถ้ำลึกลับที่ปากทางถูกกำแพงหินปิดอยู่  ช่างดูลึกลับน่าสงสัยเหลือเกิน

"ที่นี่ไม่ผิดแน่… พวกนายว่าไหม?"

แวนเนอร์นำทางลงไป  และในวินาทีที่ทุกคนก้าวขาเข้าไปในถ้ำ

[ ผู้พิทักษ์วงกตตรวจพบผู้บุกรุกและตื่นจากการหลับไหล ]
[ กับดักทำงาน ]

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ครืนนนนน!

ห่าฝนธนูถูกยิงลงมาจากเพดาน  ส่วนพื้นด้านล่างก็เต็มไปด้วยหนามเหล็กแหลมพุ่งขึ้น  ผนังกำแพงปลดปล่อยเวทย์สายฟ้าทรงพลัง  ในอดีต  กริดเอาชีวิตรอดจากกับดักนี้ไม่สำเร็จและสังเวยด้วยประกันชีวิต  แต่ครั้งนี้  ดูเหมือนมันจะทำอะไรชาวโอเวอร์เกียร์ในปัจจุบันไม่ได้มากนัก

"ไททัน!"

โฮกกกกกก!

แวนเนอร์ทำการเสกภาพมายาของยักษ์ตัวใหญ่  ทักษะนี้จะช่วยเพิ่มพลังป้องกันทางกายภาพของสมาชิกปาร์ตี้ทุกคนพร้อมกับเป็นบาเรียขัดขวางการโจมตีระยะไกล

เคร้งเคร้งเคร้งเคร้ง!

ลูกธนูส่วนใหญ่ถูกบาเรียของไททันสลายไป  ส่วนหนามเหล็กแหลมจากพื้นดิน  ด้วยบัฟจากแวนเนอร์  พลังป้องกันของทุกคนเพิ่มขึ้น  หนามดังกล่าวจึงไม่ทำให้ถึงแก่ความตาย

"ม่านวายุ!"

สายฟ้าถูกเซ็ดนอสทำให้เบาลงไปหลายส่วน  ด้วยเหตุนี้  สมาชิกปาร์ตี้ทุกคนจึงรอดพ้นจากกับดักมาได้ไม่ยากเย็น  สิ่งที่รออยู่ด้านหน้าคือโกเล็มขนาดยักษ์สองตน

"โว้ว… ใหญ่ฉิบ  ใหญ่กว่าศาสตราวุธบรรพกาลที่โจมตีไรน์ฮาร์ทอีกไม่ใช่รึไง?"

"โกเล็มตัวนี้มัน..."

จิสึกะกับแวนเนอร์คุ้นเคยโกเล็มเหล่านี้ดี  ทั้งสองต่างคิดแบบเดียวกัน

"เหมือนกับโกเล็มที่กริดเคยเอาชนะ  เมื่อครั้งที่ได้พาเฟรเนี่ยมชิ้นแรกมาครอบครอง"

"แต่ตัวตรงหน้า...  พวกมันทั้งดูใหญ่และแข็งแกร่งกว่าเดิม"

"นั่ก็หมายความว่า  ภายในนี้มีพาเฟรเนี่ยมอยู่แน่นอน"

"ดีเลย  ค่อยๆ ล้มพวกมันอย่างนุ่มนวลก็แล้วกัน"

ผู้พิทักษ์วงกตสองตน  คราวนี้พวกมันมีเลเวลสูงกว่าตัวที่กริดเคยสู้ถึง 150 ระดับ  แถมยังเก่งกว่าศาสตราวุธบรรพกาลเสียอีก  แต่ชาวโอเวอร์เกียร์เองก็เติบโตขึ้น  พวกมันไม่ใช่ปัญหาอีกแล้ว  เมื่ออยู่ต่อหน้าขุนพลหัวกะทิของโลกที่มีฝีมือการควบคุมเหนือชั้น  โกเล็มที่เชื่องช้าและโจมตีรูปแบบเดิมๆ จึงไม่อาจสำแดงพลังใดได้มากนัก  มันกลายเป็นกระสอบทรายที่มีค่าสถานะสูงเท่านั้น

"พลังป้องกันเอาเรื่องเลยแฮะ"

"ทำให้พวกมันเคลื่อนไหวช้าลง  เล็งไปที่ขา!  ล้มมันก่อน"

"เซ็ดนอส  ค้นหาแกนมานาในตัวพวกมันให้ฉันหน่อย  ฉันสามารถโจมตีจุดตายได้รุนแรงด้วยวิชาชักดาบฉับพลัน..."

ครืนนนน!

20 นาทีหลังจากการต่อสู้อันดุเดือด  แม้ผู้พิทักษ์วงกตจะมีพลังป้องกันและพลังชีวิตที่สูงมาก  แต่ในที่สุดมันก็ล้มลง  สมาชิกปาร์ตี้มีสีหน้าโล่งใจ  ทุกคนต่างตรวจสอบไอเท็มที่ดรอปทันที

กริดจะต้องดีใจแน่… ในขณะที่พวกเขาครุ่นคิด  เสียงของใครบางคนก็ดังก้องในศีรษะ 

[ พวกสุนัขและวัวบังอาจใช้มืออันแปดเปื้อนมาสัมผัสสมบัติของข้าเชียวรึ ]

"สุนัข?"

"วัว?"

"หมายถึงพวกเรางั้นหรือ?"

ผู้เล่นท็อป 20 จากสองพันล้านคนบนโลก… กลับถูกเรียกว่าสุนัขและวัว? 

"แกเป็นใครกันแน่?"

แวนเนอร์ตะโกนขึ้นถาม

[ ฉันคือบราฮัม  จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ ]

บราฮัมกำลังรอคอยสีหน้าที่หวาดกลัวของพวกมนุษย์อันต่ำต้อย  เมื่อได้ยินชื่อของมัน  มีใครบ้างไม่สั่นระริก?  มีใครบ้างไม่ยำเกรง?  แต่สมาชิกโอเวอร์เกียร์กลับทำสิ่งที่ตรงกันข้าม  

"อ้อ… ก็แค่ผีจากอดีต"

"แกเป็นคนติดตั้งกับดักสินะ?  นิสัยของพวกขี้ขลาด"

"ถ้าตายไปแล้วก็ควรหลับให้สบายสิฟะ… มาทำร้ายมนุษย์ทำไมกัน? "

"ส่งพาเฟรเนี่ยมมาได้แล้ว!"

[ พวกแก...! ]

บราฮัมรู้ดีกว่าผู้บุกรุกในคราวนี้คือคนของกริด  ทั้งหมดเป็นเพราะลูกแก้วมูมัดในมือยูเฟอมิน่า  แม้ตอนนี้เธอจะอยู่ที่อาณาจักรไซเร็น  แต่เมื่อครั้งที่เธออยู่เรย์ดัน  บราฮัมก็จับตามองทุกคนจนครบ  และมันก็ไม่ชอบหน้าคนเหล่านี้เอาเสียเลย

[ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ!  พวกแกไม่ได้ต่างอะไรกับผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าคนนั้นเลยสักนิด! ]

กริด… โจรขโมยพาเฟรเนี่ยม  แทนที่จะสร้างภาชนะบรรจุดวงวิญญานให้มัน  แต่เขากลับเลือกขโมยไปจากบราฮัมแทน  แม้กระทั่งตอนนี้  กริดยังส่งลูกน้องให้ออกมาขโมยพาเฟรเนี่ยมที่เหลือ  การกระทำเช่นนี้  บราฮัมไม่อาจยอมรับได้ 

[ ฉันจะแสดงให้พวกแกได้เห็น! ]

กริดคงรู้สึกตัวแน่  ถ้าหากมันสังหารคนเหล่านี้ให้หมด!  บราฮัมนำไพ่ตายที่เตรียมไว้เผื่อเผชิญหน้ากับกริดออกมา

[ มูมัด! ]

ตึง!

โลงศพเก่าแก่โผล่ขึ้นจากพื้นดิน  สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนต่างพากันตกใจ

"แวมไพร์อีกแล้วหรือ?"

"ต้องเป็นจอมเวทย์ระดับไหนกัน  ถึงสามารถอัญเชิญแวมไพร์ได้?"

ทุกคนคิดว่าสิ่งที่อยู่ภายในโลงศพคือแวมไพร์  แต่ความจริงแล้วไม่ใช่

แกร๊ก!

สิ่งที่ออกมาจากโลงศพคือโครงกระดูกต่างหาก

"โครงกระดูก?"

ในซาทิสฟาย  โครงกระดูกส่วนใหญ่จะใช้วิธีอัญเชิญจากชิ้นส่วนกระดูก  ไม่ใช่โลงศพเช่นนี้  เซ็ดนอสคือคนแรกที่หน้าซีดเผือด  เมื่อเห็นว่าในมือของโครงกระดูกดังกล่าวกำลังถือลูกแก้วอยู่

"มูมัด...!  ว่าแล้วทำไมถึงได้คุ้นชื่อนัก… มูมัดคือศิษย์ของบราฮัม!"

"แล้วยังไง?"

"โครงกระดูกนั่น… มันคือลิช!"

"อะไรนะ?"

ตัวตนของลิชนั้นอยู่คนละมิติกับโครงกระดูกทั่วไป  พวกมันคือสิ่งมีชีวิตที่มีพลังเวทย์ไร้ขีดจำกัด  แม้กระทั่งสิบจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งทวีปก็ยังไม่ใช่คู่มือของลิช  ดวงวิญญานของบราฮัมพลันไหววูบวาบทันทีที่มันเห็นสีหน้าอันแสนตกตะลึงของมนุษย์

[ การเรียกร้อง… เป็นสิทธิของผู้แข็งแกร่งเท่านั้น!  พวกแกต้องการพาเฟรเนี่ยมงั้นหรือ?  เด็กน้อยเอ๋ย… แกไม่เข้าใจว่าเลยกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่!  ฉันจะลงโทษพวกแกเอง! ]

ซู่วววววว!

เมื่อโครงกระดูกยืนขึ้น  พลังเวทย์จำนวนมหาศาลระดับเดียวกับเอลฟิน-สโตนก็อัดแน่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

"หนีกันเถอะ  ไว้รอกริดกลับมาก่อน"

"ใช่แล้ว  พวกเราไม่จำเป็นต้องสู้ตอนนี้  ถอยก่อน"

พวกเขาเหน็ดเหนื่อยมาจากการสู้กับเอลฟิน-สโตน  แถมคราวนี้ความเสี่ยงก็มีมาก  การสู้กับลิชอย่างไร้แผน  ไม่ต่างอะไรกับขุดหลุมฝังศพตนเอง  สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทำการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด  ในสถานการณ์ตรงหน้า  การหนีคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว

สวบ สวบ

ทันใดนั้น  เสียงฝีเท้าของใครบางคนก็ดังขึ้นจากปากทางเข้าถ้ำ

'หรือว่า...?'

'กริด!'

กริดมักปรากฏตัวในจังหวะสำคัญเสมอ  ประหนึ่งตัวเอกในภาพยนต์ที่ชอบโผล่ออกมาตอนเข้าด้ายเข้าเข็ม  ผู้คนรอบตัวเขา  มักเกิดความคาดหวังอย่างแปลกประหลาดต่อกริด

"ในที่สุดก็หาพบ… ลิชมูมัด"

"...!"

สมาชิกโอเวอร์ต่างคิดว่าเสียงฝีเท้าเป็นของกริด  แต่ทันทีที่ชายปริศนาพูดขึ้น  ใบหน้าทุกคนพลันบิดเบี้ยว  

ไม่มีใครสักคนเลยที่คาดคิดว่า  เจ้าของฝีเท้าจะเป็น...

"หืม?  ทำไมถึงได้มีแขกไม่ได้รับเชิญเยอะนัก?"

ชายที่ปรากฏตัวต่อหน้าชาวโอเวอร์เกียร์และลิช  เส้นผมสีเขียวอ่อนของมันพลันปลิวไสว  แววตากำลังสำรวจสมาชิกปาร์ตี้ไปทีละคน

"ดูเข้าสิ… เจ้าพวกอ่อนแอที่ไปไหนมาไหนเป็นกลุ่มเสมอ  แม้จะเป็นถึงคลาสระดับสามแล้วก็ตาม… พวกนายออกล่าคนเดียวไม่เป็นรึไง?"

ใครกันที่กล้าพูดจาสามหาวเช่นนี้ต่อหน้าขุนพลหัวกะทิของโลก?  บางที  ในโลกนี้อาจมีแค่คนเดียว  และฉายาของมันก็คือ...

คนเสียสติ...

หมาบ้า...

"แอ็กนัส...!"

Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00