จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 290
"ผ--ผ้าคลุมมาลาคัส"
มันออกจะโหดร้ายไปสักหน่อย… ไม่ใช่ว่าแวมไพร์มีสัมผัสที่ไวต่อกลิ่นคาวเลือดรึไง? ทันทีที่แวนเนอร์สวมเข้า เขาจะต้องตกเป็นเป้าหมายของฝูงแวมไพร์ขนาดมหึมาจากทั่วทั้งเมือง การสวมมันเข้าไปไม่ต่างอะไรกับขุดหลุมฝังศพให้ตัวเอง
'ต้องสวมจริงหรือ?'
แวนเนอร์ลังเล แต่ในทางกลับกัน กริดและสมาชิกที่เหลือต่างมองมาทางแวนเนอร์ด้วยสีหน้ามุ่งมั่นจริงจัง
"แวนเนอร์ พวกเราไม่มีเวลาแล้วนะ"
"ความเร็วคือสิ่งสำคัญ ต้องรีบล่อพวกมันให้ได้มากที่สุด"
"พวกเราจะช่วยนายเอง ไม่ต้องห่วง รีบสวมผ้าคลุมอย่างสบายใจเถอะ"
"...ตกลง เข้าใจแล้ว"
สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนล้วนเตรียมใจที่จะตายไว้แล้ว แวนเนอร์เองก็ไม่ต่างกัน เมื่อทำใจได้ เขาก็สวมผ้าคลุมมาลาคัสและเดินนำทางทุกคนไป
"ไปกันเถอะ"
กริดไม่รีรอ เขาตัดสินใจสั่งให้ทุกคนเข้าไปในอาคารขนาดใหญ่ตรงหน้า
***
"กว้างมากเลยแฮะ กว้างกว่าที่เห็นภายนอกเยอะเลยนะ"
"ท่าไม่ดีแล้วสิ การรับมือกับศัตรูจำนวนมาก ควรกระทำในที่แคบมากกว่า"
"ใช่ แถมไม่มีที่กำบังด้วย"
เสียงบ่นของสมาชิกปาร์ตี้ดังก้องไปทั่วอาคาร ชั้นล่างของอาคารนี้เป็นโถงใหญ่กว้างขวาง เพดานสูงโปร่งขึ้นไปถึงชั้นเจ็ด สองข้างทางมีบันไดวนขึ้นไปยังชั้นบน
"พวกเราควรตั้งขบวนสู้ตรงบันได อย่างน้อย การถูกล้อมที่ชั้นบนก็ยังดีกว่าการถูกล้อมทุกทิศทางที่ชั้นล่างแบบนี้"
นี่คือคำแนะนำของจิสึกะ สมาชิกทุกคนรีบทำตามโดยไม่คัดค้าน
"น่าขนลุกชะมัด"
"หยั่งกับเป็นสุสานเลยนะ"
ณ ใจกลางของห้องโถงขนาดใหญ่ชั้นล่าง มีโลงศพนับร้อยกำลังวางเรียงรายอย่างไม่เป็นระเบียบ ช่างเป็นภาพที่ชวนให้เสียวสันหลังเหลือเกิน
กึกกึก! กึกกึก!
ในขณะที่ปาร์ตี้ของกริดเดินมาถึงบันได อาคารที่เคยเงียบเชียบกลับเริ่มส่งเสียงดัง โลงศพนับร้อยเกิดการสั่นสะเทือนจากภายในอย่างรุนแรงพร้อมกัน เป็นเพราะฝูงแวมไพร์มหาศาลได้ลืมตาตื่นขึ้นจากกลิ่นคาวเลือดของผ้าคลุมมาลาคัส
"พวกมันกำลังจะมา!"
"เตรียมตัว"
ทุกคนในปาร์ตี้รีบตั้งโซนป้องกันพร้อมกับหยิบอาวุธออกมาถือในมือ
มีทั้งคันธนูสีแดงเข้มที่ดูราวกับเป็นภาพของมังกรแดงคำราม หอกสีฟ้าอันงดงาม สนับมือโลหะที่สามารถบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางหน้า มีดสั้นที่ส่องประกายสีเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย
ศาสตราวุธทั้งหมดที่ว่ามาล้วนมีอักษร G สลักอยู่ ตัวตนของกริดคือสิ่งที่ชาวโอเวอร์เกียร์ขาดไม่ได้ไปแล้ว
ตึง! ตึง!
โครม!
ฝูงแวมไพร์ต่างเปิดฝาโลงศพออกมาพร้อมกัน พวกมันมีผิวหนังขาวซีด เขี้ยวยาว ดวงตาแดงก่ำ ทุกตนล้วนจดจ้องมายังกลุ่มของกริดไม่ละลายตา หากจะระบุให้แน่ชัด พวกมันกำลังจ้องมาที่แวนเนอร์
"เป็นกลิ่นคาวเลือดที่ยอดมาก"
"ทันทีที่ลืมตาขึ้น ฉันก็จะได้ลิ้มรสเลือดมนุษย์อันหอมหวานเลยหรือ"
แวมไพร์คือสิ่งมีชีวิตนักล่าชั้นสูง พวกมันไม่รู้สึกแตกตื่นเลยสักนิดที่มีมนุษย์อยู่ภายในดินแดน ตรงกันข้าม กลับรู้สึกยินดีเสียมากกว่า
'ร--เร็ว!'
แวมไพร์ที่อาศัยอยู่ในเมืองใต้ดินจะแตกต่างจากแวมไพร์ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทวีป เลเวลเฉลี่ยพวกมันจะอยู่ที่ราว 280 ถึง 350
"ส่งเลืออดมา! ฉันจะลิ้มรสมัน!"
"หึหึหึ ฉันขอลิ้มคอต้นคอของเจ้านั่นก็แล้วกัน"
แวมไพร์สองร้อยกว่าตนได้กรูเข้ามาหาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ พวกมันทุกตนล้วนกำลังมีเป้าหมายเดียวกัน
แวนเนอร์
"ฉันรับมือไม่ได้นานนักหรอกนะ! กายาเหล็ก! ปัญญาของผู้พิทักษ์! ยักษาอวยพร!"
[ พลังป้องกันของท่านเพิ่มขึ้น 30% ท่านจะได้รับความเสียหายจากการโจมตีประเภทแทงและฟันลดลง 50% เป็นระยะเวลาสามนาที ]
[ พลังต้านทานเวทย์มนต์ของท่านเพิ่มขึ้น 30% ค่าต้านทานทุกธาตุเพิ่มขึ้น 50% เป็นระยะเวลาสามนาที ]
[ ท่านสร้างบาเรียที่สามารถดูดซับความเสียหายได้ 20,000 หน่วย ]
แวนเนอร์ผู้หลงผิดได้นำแต้มสถานะทั้งหมดไปใช้อัพค่าพละกำลังมาตลอดจนกระทั่งเลเวล 200 แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังสามารถเป็นตัวแทงค์หลักของปาร์ตี้ได้ด้วยความสุดยอดของทักษะอัศวินผู้พิทักษ์
"โล่สุริยัน!"
ชิ้งงง!
เกิดเป็นลำแสงสว่างวาบกระทบกับศีรษะที่ไร้เส้นผมของแวนเนอร์ เพราะโล่ในมือของเขากำลังส่องสว่างราวกับดวงอาทิตย์
"อึก!"
จู่ๆ พลันเกิดแสงสว่างขึ้น แวมไพร์ที่ไม่ทันระวังต่างลืมตาไม่ขึ้นไปพักใหญ่ แม้ส่วนมากจะได้รับผลกระทบนี้ แต่ก็ยังมีอีกราว 50 ตนที่อยู่ด้านหลังซึ่งไม่เป็นอะไรเลย พวกมันพุ่งตรงเข้ามาโจมตีแวนเนอร์โดยไม่รีรอ
เคร้ง! เคร้ง!
[ ท่านได้รับความเสียหาย 5,600 หน่วย ]
[ ท่านได้รับความเสียหาย 5,980 หน่วย ]
[ ท่านได้รับความเสียหาย 7,110 หน่วย ]
"อั่ก! มันเจ็บนะเฟ้ย! โอ้ย!"
แวมไพร์นั้นมีพลังโจมตีที่สูงทั้งทางกายภาพและเวทย์มนต์ แถมยังฉลาดมาก พวกมันใช้เวทย์มนต์เพื่อลดค่าต้านทานเวทย์ของแวนเนอร์และโจมตีซ้ำเข้าไป ในบางครั้งก็ตรงกันข้าม แวนเนอร์ที่ไม่อาจป้องกันตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ เขาจึงได้รับบาดเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ
ทางด้านสมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่เหลือก็ไม่ได้นิ่งเฉย เซ็ดนอสเริ่มลงมือเป็นคนแรก เมื่อมีแวนเนอร์ช่วยดึงความสนใจอยู่ด้านล่างสุดของบันได เซ็นนอสจึงใช้เวทย์ใหญ่ที่มีระยะเวลาร่ายนานอย่าง <พายุนิรันดร์>
ฟ้าวววว!
เกิดพายุหมุนวนอย่างเกรี้ยวกราดรอบจุดที่เซ็ดนอสเล็งไว้ แวมไพร์ทั้ง 50 ตนที่โจมตีเข้ามาต่างถูกขังอยู่ภายในพายุจนทำอะไรไม่ได้ สิ่งนี้คือสุดยอดทักษะของจอมเวทย์วายุ เป้าหมายจะถูกกักขังอยู่ภายในพายุตั้งแต่ 30 วินาทีถึงห้านาทีแล้วแต่ระดับศัตรู ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือการที่ไม่อาจโจมตีเข้าไปจากด้านนอกได้ อันที่จริง หากเวทย์ชนิดนี้ถูกใช้อย่างเหมาะสม มันจะเกิดประโยชน์ต่อพวกเดียวกันอย่างมหาศาล เฉกเช่นในเวลาแบบนี้เป็นต้น
"เยี่ยม!"
เพราะได้เซ็ดนอสช่วยไว้ แวนเนอร์จึงมีโอกาสได้พักหายใจหายคอ เขาซดโพชั่นพร้อมกับกวาดสายตามองไปโดยรอบ แต่คราวนี้ แวมไพร์ที่เคยตาพร่าทั้ง 150 ตนในตอนแรกได้เริ่มกลับเข้ามาโจมตีแวนเนอร์ใหม่อีกครั้ง
"ช--ช่วยฉันด้วยยย~~! อ๊ากกก!"
ฟุ่บฟุ่บ! ซู่วว!
แวมไพร์เองก็มีทักษะต่อสู้ประชิดตัว รวมไปถึงวิชาดาบ ขึ้นอยู่กับพละกำลังและความว่องไวของแต่ละตน ในยามที่แวมไพร์แถวหน้าโจมตีระยะประชิด แวมไพร์แถวหลังก็กระหน่ำโจมตีเวทย์เข้าใส่แวนเนอร์อย่างไม่หยุดพัก
"สาปอัมพาต!"
"พันธนาการความมืด!"
"อุ้งมือแห่งเนเดอร์!"
เวทย์มนต์ชนิดสาปแช่งจำนวนมากได้ลดพลังป้องกันเวทย์ของแวนเนอร์ แถมร่างของเขาเองก็ถูกตรึงจนไม่อาจขยับไปไหนได้
"แย่แล้ว!"
แขนขาของแวนเนอร์ถูกฝ่ามือสีดำจากความมืดจับไว้ ดาบในมือแวมไพร์จำนวนมากได้เล็งตรงมายังจุดอ่อน แวมไพร์หิวกระหายบางส่วนได้แยกเขี้ยวออกมาหวังจะกัดคอแวนเนอร์เพื่อดูดเลือด
ฉึก!ฉึก!
"อ๊ากกกก!"
แวนเนอร์กรีดร้องอย่างเจ็บปวดหลังจากที่ถูกกัดและแทง เขากำลังรู้สึกสิ้นหวังสุดขีด พลังชีวิตเหลือเพียงก้นหลอด แถมในปาร์ตี้ก็ยังไม่มีฮีลเลอร์ ดูเหมือนไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว คงต้องใช้ทักษะอมตะที่มีระยะหน่วงนานแสนนานออกมา แต่แวนเนอร์อยากเก็บมันไว้ในยามที่เอลฟิน-สโตนปรากฏตัวมากกว่า
"ชิ! ทำอะไรสักอย่างสิฟะ!"
แวนเนอร์โพล่งขึ้นอย่างหงุดหงิด เมื่อแวมไพร์จำนวนมากยังคงตามราวีตนไม่เลิก
"นายทำได้ดีมาก!"
"ใกล้จะเสร็จแล้ว!"
ป็อน เรกัส เฟคเกอร์ และพีคซอร์ด เมื่อแวนไพร์ทุกตนพุ่งเป้าไปที่แวนเนอร์ จอมทำลายทั้งสี่คนก็เริ่มใช้ทักษะใหญ่เข้าไป ในขณะที่พวกมันไม่ทันระวังตัว ทักษะโจมตีอันทรงพลังก็ปะทะกับร่างอย่างจังจนได้รับบาดเจ็บรุนแรง
"อ๊ากกก!"
"เจ้าพวกมนุษย์! กล้าดียังไง!"
แวมไพร์ที่ได้รับบาดเจ็บต่างหันมาจ้องคนทั้งสี่ แต่ทันใดนั้น มีใครบางคนได้พูดขึ้น
"ตัวเอกอยู่ทางนี้! ไม่สิ ต้องเรียกว่านางเอกสินะ?"
แตกต่างจากบันไดชั้นล่างที่แสนวุ่นวาย ที่ชั้นบนนั้นทั้งเงียบสงัดและไร้คนรบกวน จิสึกะสามารถมีสมาธิกับการยิงได้อย่างเต็มที่ ร่างกายอันเย้ายวนได้โก่งคันธนูไปด้านหลังอย่างองอาจ
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!
ลูกศรนับสิบดอกถูกยิงขึ้นด้านบนราวกับจรวด เพียงไม่นานก็พุ่งตกลงมาอีกครั้งประหนึ่งห่าฝนธนู มันถือเป็นการลอบโจมตีอันสมบูรณ์แบบ เพราะแวมไพร์ส่วนใหญ่กำลังตั้งรับการโจมตีจากคนทั้งสี่อยู่
"อ๊ากก!"
พื้นอาคารเจิ่งนองไปด้วยเลือด บรรยากาศภายในที่เคยเงียบสงัดพลันร้อนรุ่มขึ้นมาทันที เหล่าแวมไพร์ที่ถูกทะเลเพลิงย่างสดได้มีพลังชีวิตลดลงต่ำกว่า 60% ไปแล้ว
ในที่สุดก็ถึงเวลาของพระเอกตัวจริง
"นายท่าน! ตอนนี้แหละ!"
[ พลังใจของท่านเพิ่มขึ้น ]
[ พลังโจมตีและพลังโจมตีเวทย์มนต์ของท่านจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในการโจมตีถัดไป ]
[ การโจมตีถัดไปของท่านจะติดคริติคอล 100% ]
ฮิวรอยได้ใช้สุดยอดบัฟของตนกับกริด เป็นเวลาเดียวกันกับที่กริดออกจากปาร์ตี้เพื่อไม่ให้ค่าประสบการณ์หารกับคนอื่น ชายหนุ่มซดโพชั่นบัฟค่าประสบการณ์พร้อมกับสวมผ้าปิดตาเพชรฆาต หลังจากนั้นก็เป็นการใช้โทสะช่างตีเหล็กและเริ่มรำดาบ
"วิชาดาบแพ็กม่า..."
ใครกันที่บอกว่าความมืดจะลดทอนฝีมือการต่อสู้? ไม่เลย นั่นมันตรงกันข้าม
ซู่วววว!
ภายในความมืดมิด คุณค่าที่แท้จริงของ <ความผิดพลาด> จะถูกสำแดงออกมาในระดับสูงสุด ออร่าอันทรงพลังได้เอ่อล้นไปทั่วบรรยากาศ ทักษะหมู่ที่มีความรุนแรงสูงสุดในซาทิสฟายขณะนี้พลันถูกใช้ออกไป
"มายาร่ายรำ!"
ระดับของมันเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวลหลังจากการต่อสู้กับปาสคาล ความรุนแรงของมายาร่ายรำจึงเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ไม่เพียงจำนวนครั้งและความเสียหายในแต่ละรัศมีดาบจะเพิ่มขึ้น แต่มันยังเพิ่มประสิทธิภาพในการทะลุทลวงเข้าไปอีก
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!
รัศมีดาบสีน้ำเงิน-ดำได้ฉีกกระชากร่างของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในเส้นทางที่มันพุ่งผ่าน แถมแวมไพร์ที่ถูกเซ็ดนอสขังไว้เมื่อครู่ เมื่อหลุดจากพันธนาการ พวกมันก็โดนรัศมีคมดาบเฉือนร่างเข้าไปเต็มๆ
[ คริติคอล! ]
[ เอฟเฟคของ <ถุงมือแสงศักดิ์สิทธิ์> แสดงผล ทักษะ <โจมตีห้าเท่า> ทำงาน ]
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 5,490,500 หน่วย ]
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 5,670,000 หน่วย ]
[ ท่านสร้างความเสียหาย... ]
...
...
[ นี่คือสถิติใหม่ที่ถือเป็นประวัติการณ์! ]
[ ท่านได้สร้างความเสียหายต่อศัตรูเกินกว่า 100 ล้านหน่วยภายในระยะเวลาเพียงห้าวินาที! ]
[ ค่าชื่อเสียงระดับทวีปเพิ่มขึ้น 5,000 แต้ม ]
กริดจะต้องสร้างไอเท็มเกรดเลเจนดารีมากถึง 10 ชิ้นเพื่อให้ได้ค่าชื่อเสียงมากขนาดนี้!
'อย่างน้อยก็มีโอกาสสุ่มเพิ่มอีกห้าครั้งสินะ...'
นับเป็นสิ่งที่กริดไม่คาดคิดว่าจะได้รับ
"อ๊ากกก!"
"แค่ก...!"
ภายในอาคารดังก้องไปด้วยเสียงร้องอันเจ็บปวดของเหล่าแวมไพร์ พวกมันทั้ง 200 ตนล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัสและใกล้ตายเต็มที สิ่งสำคัญของกริดในเวลานี้คือค่าประสบการณ์ เขารีบกระโจนลงไปกลางวงพร้อมกับใช้วิชาดาบ <คลื่น>
ซ่าาา!
ปราณดาบได้กระจายออกไปทุกทิศทางและสร้างความเสียหายกับฝูงแวมไพร์ แถมยังส่งผลให้พวกมันเคลื่อนไหวช้าลงด้วย
"แกนะแก!"
"ฉันจะดื่มเลือดของแก!"
แวมไพร์ทุกตนได้เพ่งความสนใจมาที่กริดแต่เพียงผู้เดียว กริดกำลังตกอยู่ในอัตราย แต่ดูเหมือนสมาชิกโอเวอร์เกียร์จะไม่มีใครคิดยื่นมือเข้าไปช่วย พวกเขากำลังชั่งใจว่า การโจมตีของตนอาจไปแย่งค่าประสบการณ์อันแสนสำคัญจากกริดเอาได้
[ ท่านโจมตีพลาดเป้า ]
"อะไรกัน?"
สีหน้าของกริดพลันมึนงง ฝูงแวมไพร์ได้เปลี่ยนร่างกายให้เป็นกลุ่มหมอกสีดำ จนการโจมตีจากกริดพลาดเป้าทั้งหมด พวกมันต่างได้ใจในทันที
"วะฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดที่จะถูกมนุษย์ชั้นต่ำฆ่าได้หรอกนะ!"
"แกเสร็จพวกเราแล้ว!"
ซ่าาา!
กลุ่มหมอกสีดำได้หมุนวนเป็นพายุไปรอบตัวกริด ในขณะที่กริดกำลังครุ่นคิด พวกมันก็เตรียมจะใช้เวทย์มน์ <กลืนโลหิต> แบบเดียวกับเอลฟิน-สโตน แต่มีระดับต่ำกว่า
ทว่า… แผนของพวกมันก็ต้องพังไม่เป็นท่า
"จัดการกับพวกมันรอบๆซะ!"
กริดตะโกนสั่งใครบางคน
โนเอะ? แรนดี้? ไม่เลย กริดไม่คิดจะแบ่งค่าประสบการณ์กับสัตว์เลี้ยง เขากำลังออกคำสั่งกับหอกไลฟาเอลสีทองต่างหาก
"เฮ้ย?"
แบบจำลองศาสตราวุธเทพของโบสถ์รีเบคก้า อาวุธชนิดนี้ถือเป็นของแสลงกับผู้ใช้เวทย์มืดทั้งมวล แม้ความรุนแรงในการสะกดข่มจะเทียบกับศาสตราวุธเทพของจริงไม่ได้ แต่เนื่องด้วยมันถูกสร้างขึ้นโดยแก่นแท้แห่งเทพธิดา พลังเทพที่แฝงอยู่ภายในจึงเป็นของจริง หอกไลฟาเอลสีแดงได้ทำให้เหล่าแวมไพร์ทั้งฝูงต้องกลับสู่ร่างเนื้ออีกครั้ง
"ป--เป็นไปม่ได้!"
พวกมันไม่อาจขยับตัวได้ดั่งใจนึก ก่อนหน้านี้ก็บาดเจ็บเจียนตายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ยังถูกข่มด้วยพลังเทพเข้าไปอีก กริดแสยะยิ้มให้กับภาพของแวมไพร์ที่น่าสมเพชซึ่งกำลังหมอบคลานอยู่บนพื้นอย่างไร้ศักดิ์ศรี
"วะฮ่าฮ่าฮ่า! ดูๆ ไปพวกแกก็น่ารักเหมือนกันนะ"
บอสที่แข็งแกร่งที่สุด เอลฟิน-สโตน กองค่าประสบการณ์จากแวมไพร์ตรงหน้าได้ทำให้กริดลืมความน่ากลัวของเอลฟิน-สโตนไปเสียสนิท
ฉึก! ฉึก!
ฉั่วะ!
ดาบใหญ่สีน้ำเงินไล่ละเลงเลือดแวมไพร์ตัวแล้วตัวเล่าเป็นผักปลา มีบางส่วนที่คิดโจมตีกลับ แต่จิสึกะและเซ็ดนอสก็ไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นได้ ทั้งสองคนโจมตีเข้าไปเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของพวกมัน ส่วนป็อน เรกัส เฟคเกอร์ และพีคซอร์ด สี่คนนี้ได้ปิดกันทางหนีทั้งหมดของฝูงแวมไพร์ไว้
ค่าประสบการณ์ของกริดในปัจจุบันกำลังพุ่งกระฉูดอย่างติดปีกราวกับมีอภิมหาเศษรฐีคอยเกื้อหนุน ไม่สิ ยิ่งกว่าติดปีก เป็นเครื่องบิน เที่ยวบินที่จะพาเขาไปสู่เลเวล 300
สนุกสนานมากมายครับ
ReplyDeleteจะมาลงดันแวมไพร ทำไมไม่ตีอาวุธธาตุแสงเยอะๆ
ReplyDeleteโล่เทวะ ไปไหน?
Deleteแล้วทำมัยไม่ยืมหอกไรฟาเอลมาด้วย
Deleteคำตอบคือไม่มีเวลา ภารกิจ จำกัด90วัน เดินทางถึงดันแต่ละแห่งก็เกือบ10วัน มันถึงตั้งเป้าแค่9แห่ง ใน15แห่งไง เรื่องโล่ มันใช้คู่กับดาบใหญ่ยากเพราะอัตราโจมตี และพลังโจมตีหายไปครึ่งนึง
Delete