จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 297
"จะเป็นยังไงกันนะ?"
ชายสามคนกำลังนั่งสังสรรค์ภายในห้องนั่งเล่นที่กว้างใหญ่ราวกับสวนหลังบ้าน พวกเขากำลังดื่มด่ำโซจูและตีนไก่ปรุงรสพร้อมกับสวมแว่นสามมิติไว้
ตัวตนที่แท้จริงของทั้งสามคนคือใครกันนะ?
พวกเขาก็คือ... ประธาน ลิมชอลโฮ ผู้อำนวยการ ยุนซังมิน และหัวหน้าทีมที่แปด แอชลี่ย์-โทซุน ทั้งสามคนคือตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของเอส-เอ-กรุ๊ป และเหตุผลที่ต้องมารวมตัวกันภายในแมนชั่นสุดหรูของลิมชอลโฮในคราวนี้ ไม่ใช่เพียงการสังสรรค์ตามประสาคนวัยทำงานแน่นอน
ภายในจอฉายภาพขนาดใหญ่ ปาร์ตี้ของกริดกำลังจะเผชิญหน้ากับเอลฟิน-สโตนในอีกไม่ช้า พวกเขาจะเอาชนะบอสสุดแกร่งตัวนี้ได้ไหมน่ะหรือ? คนทั้งสามอยากชมผลลัพธ์ด้วยตาตนเอง
และแน่นอน ความเห็นย่อมแตกต่างกันไป
"การจะเอาชนะเอลฟิน-สโตนให้ได้ ในทางทฤษฏี จำเป็นต้องมีคลาสฮีลเลอร์ระดับสามอย่างน้อยสามคนในปาร์ตี้"
จุดแข็งที่สุดของเอลฟิน-สโตนคือเขตแดนโลหิต หลักการในเอาชนะ คือต้องรับมือกับเขตแดนโลหิตให้ได้ แต่ระยะเวลาในการร่ายเขตแดนโลหิตมีเพียง 1.8 วินาทีเท่านั้น การสกัดกั้นแทบเป็นไปไม่ได้ คงเป็นการง่ายกว่าหากเตรียมฮีลเลอร์ไว้คอยพยุงปาร์ตี้แทน ดังนั้น ปาร์ตี้ที่มีผู้เล่นเพียงแปดคนและไม่มีฮิลเลอร์เช่นนี้ คงไม่มีทางเลยที่จะเอาชนะเอลฟิน-สโตนได้
บิดาแห่งแวมไพร์ หัวหน้าทีมแอชลี่ย์มั่นใจในเรื่องนี้มาก
"ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฮิวรอยยังอยู่ แต่ด้วยสภาพปาร์ตี้ในตอนนี้ โอกาสเอาชนะเอลฟิน-สโตนของพวกเขาเป็นศูนย์"
การมีอยู่ของฮิวรอยจะทำให้พลังโจมตีของปาร์ตี้เพิ่มขึ้นหลายเท่า แอชลี่ย์คิดว่า กริดตัดสินใจผิดพลาดที่คิดสละคนสำคัญของปาร์ตี้ออกไป แต่ลิมชอลโฮกลับเห็นต่าง เขาคิดว่าการกระทำของกริดนั้นถูกต้องแล้ว ไม่อย่างนั้นทุกคนต้องตายหมดแน่ ถ้าไม่ยอมสละฮิวรอย
"แถมพลังต่อสู้ของผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าก็สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก กริดคือหนึ่งในห้าคนที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ในซาทิสฟาย"
โดยปาร์ตี้ในคราวนี้ กริดเองก็ไม่ใช่คนพิเศษเพียงคนเดียว มีทั้งจิสึกะ พีคซอร์ด ป็อน เรกัส เฟคเกอร์ แวนเนอร์ และเซ็ดนอส ทุกคนไม่ได้มายืนอยู่แถวหน้าเพราะโชคช่วย ฝีมือในการควบคุมและความเข้าใจในคลาสตนเอง ทำให้พวกเขาสามารถดึงพลังทีแท้จริงของคลาสออกมาได้เกินกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น
"พวกเขามีดีพอจะเอาชนะเอลฟิน-สโตนได้นะ... ไม่คิดอย่างนั้นกันหรือ?"
ยุนซังมินกำลังกินตีนไก่พร้อมกับสำรวจข้อมูลอย่างละเอียด
"ฉันเองก็เห็นด้วยกับพวกคุณทั้งคู่ แต่ปาร์ตี้ของกริดในคราวนี้ การเอาชนะเอลฟิน-สโตน ยังถือเป็นเรื่องที่ยากเกินไป ผลของเขตแดนโลหิตนั้นทรงพลังอย่างมาก"
ในอดีต ยุนซังมินเคยเป็นผู้ที่สาปแช่งกริดมากที่สุดคนหนึ่ง การที่คนโง่แบบกริดได้เป็นหนึ่งในเก้าคลาสเลเจนดารีของโลก นับว่าเสียของและเป็นความเสียหายร้ายแรงกับซาทิสฟาย แต่ตอนนี้ เขาเปลี่ยนไปแล้ว ยุนซังมินเฝ้ามองพัฒนาการของกริดมาพักใหญ่ และเขาก็ชื่นชมในตัวกริด แม้แต่ภรรยาของเขาก็ยังไม่รู้ แต่ยุนซังมินเป็นถึงสมาชิกตัวยงของเว็บไซต์แฟนคลับกริด ถึงกระนั้น เขาก็ยังเคลือบแคลงสงสัยว่า ปาร์ตี้ของกริดจะเอาชนะเอลฟิน-สโตนได้จริงหรือ?
ริมฝีปากของลิมชอลโฮที่กำลังบวมเป่งเพราะตีนไก่เผ็ด ยามนี้แสยะยิ้มออกมาเล็กน้อยที่มุมปาก
"ถ้าอย่างนั้น อัตราเดิมพันฝั่งฉันก็ต้องเพิ่มขึ้น"
ใช่แล้ว พวกเขาทั้งสาม กลุ่มผู้นำของสุดยอดองค์ระดับโลก ยามนี้กำลังรวมตัวกันเพื่อพนันผลการล่าบอสของกริด แม้ดูเหมือนพวกเขามีเวลาว่างเหลือเฟือจนมานั่งดูกริดเพื่อความสนุกสนาน แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้นเลย กริดคือตัวตนพิเศษที่อาจเปลี่ยนเรื่องราวบทใหญ่ของซาทิสฟาย การได้เฝ้าติดตามและวิเคราะห์ชายคนนี้ คือโอกาสที่จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด
***
อดีตผู้เล่นอันดับห้าของโลก ยูร่า เธอคือผู้เล่นซาทิสฟายอันดับหนึ่งของฝ่ายหญิง แต่เมื่อราวสี่เดือน จู่ๆ ยูร่าก็หายไปจากทำเนียบแร้งเกอร์อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ข่าวนี้สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก ผู้คนต่างพากันสงสัยและคาดเดาไปต่างๆ นาๆ
ในที่สุด ลอเอลและสมาชิกโอเวอร์เกียร์ก็ได้พบความจริง
"นักล่าอสูร...!"
ยูร่าเข้าร่วมโอเวอร์เกียร์โดยการเชิญชวนจากลอเอล รองหัวหน้ากิลด์ พวกเขาไม่มีใครที่คุ้นเคยหรือรู้จักคลาสของเธอ... เป็นอย่างที่ทุกคนคาดเดา ยูร่ากลายเป็นคลาสลับ แถมยังเป็นคลาสลับเกรดเลเจนดารีอีกด้วย!
ลอเอลและคนที่เหลือพลันขนลุกซู่ คำว่า<นักล่าอสูร>ถูกเขียนไว้ด้วยตัวอักษรสีทอง เฉกเช่น<ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า> แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง จะมีอยู่สิ่งหนึ่งที่แปลกประหลาดมากจนลอเอลไม่อาจเข้าใจได้
'จากที่กริดเล่ามา คลาสเกรดเลเจนดารีจะกลับไปเป็นผู้เล่นเลเวลหนึ่งอีกครั้ง...'
ในทางกลับกัน เลเวลตอนนี้ของยูร่าคือ 203 นั่นหมายความว่า เธอใช้เวลาเพียงสี่เดือนเก็บเลเวลจากหนึ่งถึง 203 ได้ ความเร็วระดับนี้… สูงกว่าผู้เล่นทั่วไปไม่รู้ตั้งกี่เท่า
ไม่สิ… ด้วยสถิติขนาดนี้ มันยังเร็วกว่าแร้งเกอร์อันดับหนึ่งของโลกอย่างครอเกลถึงสามเท่าเลยทีเดียว
'สุดยอด...'
จะดีจะร้าย ยูร่าก็เคยเป็นถึงอันดับห้าของโลกด้วยคลาสที่เก็บเลเวลได้ยากที่สุดอย่างจอมเวทย์มืด แถมยังรักษาบัลลังก์นั้นไว้ได้โดยไม่เคยถูกสั่นคลอน การได้รับคลาสเกรดเลเจนดารีจึงไม่ต่างอะไรกับมีปีกงอกออกมาจากแผ่นหลัง ด้วยพรสวรรค์สวรรค์ที่มี ผสานเข้ากับประสบการณ์ความรู้ที่สั่งสมมาทั้งหมด การเก็บเลเวลด้วยความเร็วเหนือจินตนาการเช่นนี้ย่อมเกินขึ้นได้
ในขณะที่ลอเอลและคนที่เหลือยังไม่หายตกใจ ยูร่าก็กำลังเฝ้ารออยู่ ณ จุดเกิดของปราสาทเรย์ดัน
'พวกเขาบอกว่า ยองวูจะมาเกิดใหม่ที่นี่ในอีกไม่ช้า...'
ยูร่าได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดมาแล้ว กลุ่มผู้เล่นจำนวนแปดคนกำลังเผชิญหน้ากับบอสที่มันไม่ทางล้มได้ และใกล้จะถึงเวลาที่ทุกคนถูกกำจัด
'แต่เราไม่คิดแบบนั้น'
ยูร่าเฝ้ามองกริดมาโดยตลอด ทุกเหตุการณ์ที่กริดเกี่ยวข้อง ทุกพัฒนาการของกริด และด้วยความที่เป็นคลาสเกรดเลเจนดารี...
'ยองวูสามารถทำในสิ่งที่ผู้คนไม่คาดคิดได้เสมอ'
ยูร่ารู้ถึงอดีตของกริดเป็นอย่างดี ด้วยความไร้พรสวรรค์ เขาจึงต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากมากมายนับไม่ถ้วน ตลอดชีวิตที่ผ่านมา 27 ปี ยองวูต้องพบกับความโชคร้ายมานานถึง 26 ปีเต็ม เกิดเป็นบาดแผลทางจิตใจจำนวนมาก ยูร่าไม่อยากให้เขาต้องพบเจอความผิดหวังอีกแล้ว เธออยากให้เขามีความสุข
'ฉันจะแบ่งความโชคดีไปให้ ดังนั้น ได้โปรดกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มอันสดใสด้วยนะ...'
ในยามที่กริดอันตราย ยูร่าก็แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา
***
เอลฟิน-สโตนนอนหลับพักผ่อนไปนานถึง 23 ชั่วโมงเต็ม สภาพร่างกายของมันสมบูรณ์สุดขีด เมื่อวาน มันเพิ่งจะลงทัณฑ์มนุษย์ที่บังอาจล่วงเกินชินโซ-เบริอาเช่ มารดาสุดที่รักของมัน จนได้กลับมานอนอย่างมีความสุข
"วันนี้ สงสัยเราคงต้องลงมือให้รุนแรงขึ้นสักหน่อย"
รอบๆ เมืองแวมไพร์ที่ 13 สัตว์รับใช้นับพันตัวกำลังออกลาดตระเวนเป็นหูเป็นตาให้เอลฟิน-สโตนในยามที่มันตื่น มันรู้ดีว่า ปาร์ตี้ของกริดได้สังหารแวมไพร์ในเมืองไปเป็นจำนวนมาก
"ถ้าหากปล่อยไว้แบบนี้ เมืองของเราคงถูกทำลายแน่"
อันที่จริง เอลฟิน-สโตนไม่ได้สนใจแวมไพร์ชั้นต่ำเลยสักนิด จะสร้างเพิ่มอีกสักเท่าไรก็ยังได้ แต่กับแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์นั้นไม่ใช่ มีเพียงชินโซ-เบริอาเช่และตระกูแวมไพร์ใกล้ชิดเท่านั้น ที่มีพลังอำนาจมากพอจะสร้างแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ พวกมันถือเป็นทรัพยากรล้ำค่าที่ไม่ควรสูญเสีย
'นับแต่นี้ไป เราจะฆ่ามนุษย์สองคนต่อหนึ่งวัน'
มันคิดจะเก็บชายผมดำเอาไว้เป็นรายสุดท้าย แน่ล่ะ อาหารมื้ออร่อยย่อมต้องเก็บไว้กินทีหลัง
'เจ้านั่นขายเพื่อนเพื่อให้มีชีวิตรอดสินะ... ในตอนที่เหยื่อกำลังจะตาย มันจะรู้สึกสิ้นหวังรึเปล่า?'
คงน่าสนุกไม่น้อยที่จะได้เห็นเหล่ามนุษย์หวาดกลัวและสิ้นหวัง เอิร์ลเอลฟิน-สโตนเปลี่ยนชุดเป็นเทลโค้ดสีขาวบริสุทธิ์ มันเดินออกจากที่พักและตรงไปยังจุดที่กลุ่มของกริดกำลังพักอยู่
***
'คราวนี้จะกินใครก่อนดีนะ?'
ท่ามกลามความมืดมิด ดวงตาสีแดงก่ำของเอลฟิน-สโตนกำลังลุกโชนอย่างหิวกระหาย จมูกของมันดมฟุดฟิดเพื่อแยกแยะกลิ่นคาวเลือดจากมนุษย์ ในวันนี้ เป้าหมายของมันคือป็อนและเรกัส
'ต้องรีบจัดการสองคนนี้ก่อน'
อันที่จริง นักลอบสังหารที่ชื่อเฟคเกอร์นั้นสร้างความรำคาญให้กับมันได้มากที่สุด แต่ป็อนกับเรกัสแข็งแกร่งกว่าเฟคเกอร์อยู่เล็กน้อย พลังโจมตีของพวกเขาทั้งรุนแรงและยากจะหลบหลีก จึงต้องรีบจัดการออกไปโดยเร็ว
หากไม่มีสองคนนั้นล่ะก็ การค่อยๆ ล่ามนุษย์อย่างเลือดเย็นก็จะยิ่งสนุกมากขึ้น
'เอาล่ะ...'
ซ่าาาา!
เอลฟิน-สโตนกลายเป็นควันและหลอมรวมกับความมืด มันพุ่งตรงไปยังทิศทางของปาร์ตี้กริดด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเฟคเกอร์เสียอีก
'มอบเลือดมาให้ฉันซะดีๆ!'
มนุษย์คือเผ่าพันธุ์ที่เป็นรอง จึงไม่มีทางรู้ตัวแน่นอนว่ามันได้คลืบคลานมาอยู่เหนือศีรษะของใครบางคนเรียบร้อยแล้ว ช่างเป็นความโง่เขลาที่น่าขบขัน เอิร์ลเอลฟิน-สโตนแสยะยิ้มอย่างดูแคลนพร้อมกับใช้ทักษะ<กลืนโลหิตขั้นสูงสุด>ใส่ป็อน
ซู่วววว!
หมอกโลหิตพุ่งตรงมายังป็อน อีกไม่นาน ป็อนจะต้องตาย และเลือดของเขาก็จะกลายมาเป็นอาหารของเอลฟิน-สโตนอย่างเอร็ดอร่อย สิ่งนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว
ทว่า...
"ออกมาจนได้สินะ"
"อะไรกัน...?"
ดวงตาของเอลฟิน-สโตนพลันเบิกโพลง ชายผมดำที่ชื่อกริดคนนี้ เขากำลังยืนอยู่ด้านหลังป็อนพร้อมกับจดจ้องมาด้วยแววตามุ่งร้าย
'มนุษย์สามารถหยั่งรู้ถึงการมาเยือนของเราได้งั้นหรือ? สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!'
ถึงมันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว กลืนโลหิตขั้นสูงสุดกำลังพุ่งเข้าหาป็อน ความตายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ สิ่งนี้คือความเชื่อมั่นที่ไม่เคยถูกสั่งคลอนของเอลฟิน-สโตน
แต่กริดจะเป็นผู้ที่ทำลายความเชื่อมั่นนั้นเอง เฉกเช่นบอสอื่นที่กริดเคยล่ามาทั้งหมด เอลฟิน-สโตนอดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจออกมา
"วังวน!"
"...!"
ฉากตรงหน้า เอลฟิน-สโตนแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น กลืนโลหิตขั้นสูงสุดที่มันภาคภูมิใจ กลับถูกดูดเข้าไปในวังวนลึกลับพร้อมกับสะท้อนกลับมาหาตนเอง
"เฮ้ย!?"
กลืนโลหิตขั้นสูงสุดคือเวทย์มนต์ที่แสนทรงพลัง หากต้องรับเข้าไปตรงๆ ไม่มีทางที่จะไม่เป็นอะไรแน่ เอลฟิน-สโตนพยายามกลายร่างเป็นควัน แต่กริดก็รู้ทัน เขาสั่งให้หอกไลฟาเอลสีทองโจมตีเข้าในจังหวะเหมาะเจาะจากด้านข้าง
"บ--บ้าน่า...?"
ซู่ววว!
หมอกโลหิตเป็นฝ่ายกลืนกินเอลฟิน-สโตนเสียเอง มันเกิดขึ้นรวดเร็วจนทุกคนต่างตกตะลึง เหล่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่เคยรอคอยอย่างตึงเครียด ยามนี้พวกเขากำลังจ้องมองกริดพุ่งตัวขึ้นไปโจมตีเอลฟิน-สโตนที่เต็มไปด้วยบาดแผล
"แค่ก! แค่ก!"
เอลฟิน-สโตนกระอั่กเลือดคำโตลงบนพื้น ใบหน้าที่งดงามจนสามารถดึงดูดสายตาชายหนุ่มได้นั้น... ยามนี้บิดเบี้ยวสุดขีด
"แกนะแก!"
เอลฟิน-สโตนที่ทั้งโมโหและสับสน มันคืนสติกลับมาอีกครั้ง คราวนี้ ข้อความระบบอย่างที่ควรจะเป็นได้แสดงขึ้นต่อหน้าทุกคน
[ ผู้ปกครองเมืองแวมไพร์ที่ 13 แวมไพร์เอิร์ล เอลฟิน-สโตน ปรากฏตัว ]
[ พลังอันแสนชั่วร้ายได้แพร่กระจายออกมาจนทำให้พลังเวทย์ของท่านปั่นป่วน ทักษะและเวทย์มนต์ทุกชนิดจะไม่สามารถใช้การได้ ]
[ แววตาของแวมไพร์จะสะกดสิ่งมีชีวิตที่มีระดับต่ำกว่า ร่างกายของท่านจะถูกสะกดข่มอย่างรุนแรง ]
ชาวโอเวอร์เกียร์ต่างพากันสิ้นหวังทันที ทักษะหลักสองถึงสามชนิดถูกผนึกไว้ ความเร็วลดลงอย่างน่าใจหาย ทั้งร่างกายและจิตใจหนักอึ้ง มีเพียงกริดเท่านั้นที่ยังสบายดี
[ ท่านต้านทาน ]
สิทธิประโยชน์ของคลาสเลเจนดารีสำแดงผลอีกครั้ง กริดสามารถแสดงฝีมือออกมาได้อย่างเต็มที่
"เขตแดนโลหิ--...!"
เอลฟิน-สโตนใช้พลังอำนาจสะกดข่มมนุษย์และตามต่อด้วยเขตแดนโลหิตทันที สิ่งนี้คือคอมโบที่มันไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับใครมาก่อน แต่ยังไม่ทันที่จะร่ายเสร็จ...
ฉึก!
"...!"
ก่อนที่เขตแดนโลหิตจะกางออกสมบูรณ์ กริดพุ่งตัวด้วยความเร็วสูงสุดประหนึ่งนักลอบสังหารที่ชื่อเฟคเกอร์ ดาบใหญ่สีน้ำเงินเสียบทะลุหัวใจเอลฟิน-สโตนอย่างเลือดเย็น พลังเวทย์ของมันพลันไหลย้อนกลับ
เขตแดนโลหิตไม่ถูกสร้างขึ้น
'ได้ยังไง?'
หมอนี่ไม่ถูกพลังสะกดข่ม? ในขณะที่เอลฟิน-สโตนกำลังสับสนสุดขีด ชายหนุ่มก็จ้องมองมันด้วยสายตาอันแสนเย็นชา
"ส่วนของฉันมีเท่านี้... แต่ส่วนของฮิวรอยคือหลังจากนี้ทั้งหมด!"
ในอดีต กริดไม่รู้จักการควบคุมอารมณ์ตนเอง ด้วยความที่ไม่เคยเข้าสังคม ไม่เคยพบปะผู้คน อุปนิสัยส่วนตัวจึงจัดว่าเลวร้าย บ่อยครั้งที่เกิดการคลุ้มคลั่งเพียงเพราะโมโห ทุกครั้งที่แสดงอารมณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเสียใจหรือความสุข เขาก็จะทำมันออกมาอย่างสุดโต่ง
แต่ยามนี้ กริดเปลี่ยนไป
การต้องยอมสละชีวิตเพื่อนรัก… ทำให้เขาตระหนักได้ว่า ตนยังแข็งแกร่งไม่พอ และจะต้องไต่เต้าไปยืนบนจุดสูงสุดให้จงได้ การทำเช่นนั้นให้สำเร็จ ก้าวแรกเริ่มจากควบคุมอารมณ์ ในยามนี้ แม้กริดจะกำลังโกรธแค้นเอลฟิน-สโตนสุดขีด แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้มันมารบกวนการต่อสู้
ฟุ่บ!
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่่บ!
วิชาดาบแพ็กม่า ร่ายรำ
ดาบใหญ่ถูกกวัดแกว่งไปในอากาศหลายสิบครั้งด้วยท่าทางสงบนิ่งไม่สั่นคลอน
วิถีของดาบมิอาจคาดเดาได้เลย
"อ๊ากกก!"
ณ วันนี้ เอลฟิน-สโตนต้องส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดเป็นหนที่สองในชีวิต
สนุกมากครับ ขอบคุณคนแปลครับ
ReplyDeleteช่วงเวลาแห่งการเอาคืน
ReplyDeleteอ้ากกกก...กำลังมันเลยยย...
ReplyDeleteมันส์หยด
ReplyDeleteครั่งแรกมันไปโดนใครมา ?
ReplyDeleteบราฮัม
DeleteI really appreciate your support on this.
ReplyDeleteLook forward to hearing from you soon.
I’m happy to answer your questions, if you have any.
เล่นบาคาร่า
เล่นบาคาร่า
แจกเครดิตฟรี ฝากถอนง่าย
แจกเครดิตฟรี ฝากถอนง่าย