จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 297



       "จะเป็นยังไงกันนะ?"

       ชายสามคนกำลังนั่งสังสรรค์ภายในห้องนั่งเล่นที่กว้างใหญ่ราวกับสวนหลังบ้าน  พวกเขากำลังดื่มด่ำโซจูและตีนไก่ปรุงรสพร้อมกับสวมแว่นสามมิติไว้  

       ตัวตนที่แท้จริงของทั้งสามคนคือใครกันนะ?

       พวกเขาก็คือ... ประธาน  ลิมชอลโฮ  ผู้อำนวยการ  ยุนซังมิน  และหัวหน้าทีมที่แปด  แอชลี่ย์-โทซุน  ทั้งสามคนคือตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของเอส-เอ-กรุ๊ป  และเหตุผลที่ต้องมารวมตัวกันภายในแมนชั่นสุดหรูของลิมชอลโฮในคราวนี้  ไม่ใช่เพียงการสังสรรค์ตามประสาคนวัยทำงานแน่นอน

       ภายในจอฉายภาพขนาดใหญ่  ปาร์ตี้ของกริดกำลังจะเผชิญหน้ากับเอลฟิน-สโตนในอีกไม่ช้า  พวกเขาจะเอาชนะบอสสุดแกร่งตัวนี้ได้ไหมน่ะหรือ?  คนทั้งสามอยากชมผลลัพธ์ด้วยตาตนเอง  

       และแน่นอน  ความเห็นย่อมแตกต่างกันไป

       "การจะเอาชนะเอลฟิน-สโตนให้ได้  ในทางทฤษฏี  จำเป็นต้องมีคลาสฮีลเลอร์ระดับสามอย่างน้อยสามคนในปาร์ตี้"

       จุดแข็งที่สุดของเอลฟิน-สโตนคือเขตแดนโลหิต  หลักการในเอาชนะ  คือต้องรับมือกับเขตแดนโลหิตให้ได้  แต่ระยะเวลาในการร่ายเขตแดนโลหิตมีเพียง 1.8 วินาทีเท่านั้น  การสกัดกั้นแทบเป็นไปไม่ได้  คงเป็นการง่ายกว่าหากเตรียมฮีลเลอร์ไว้คอยพยุงปาร์ตี้แทน  ดังนั้น  ปาร์ตี้ที่มีผู้เล่นเพียงแปดคนและไม่มีฮิลเลอร์เช่นนี้  คงไม่มีทางเลยที่จะเอาชนะเอลฟิน-สโตนได้

       บิดาแห่งแวมไพร์  หัวหน้าทีมแอชลี่ย์มั่นใจในเรื่องนี้มาก

       "ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฮิวรอยยังอยู่  แต่ด้วยสภาพปาร์ตี้ในตอนนี้  โอกาสเอาชนะเอลฟิน-สโตนของพวกเขาเป็นศูนย์"

       การมีอยู่ของฮิวรอยจะทำให้พลังโจมตีของปาร์ตี้เพิ่มขึ้นหลายเท่า  แอชลี่ย์คิดว่า  กริดตัดสินใจผิดพลาดที่คิดสละคนสำคัญของปาร์ตี้ออกไป  แต่ลิมชอลโฮกลับเห็นต่าง  เขาคิดว่าการกระทำของกริดนั้นถูกต้องแล้ว  ไม่อย่างนั้นทุกคนต้องตายหมดแน่  ถ้าไม่ยอมสละฮิวรอย

       "แถมพลังต่อสู้ของผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าก็สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก  กริดคือหนึ่งในห้าคนที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ในซาทิสฟาย"

       โดยปาร์ตี้ในคราวนี้  กริดเองก็ไม่ใช่คนพิเศษเพียงคนเดียว  มีทั้งจิสึกะ  พีคซอร์ด  ป็อน  เรกัส  เฟคเกอร์  แวนเนอร์  และเซ็ดนอส  ทุกคนไม่ได้มายืนอยู่แถวหน้าเพราะโชคช่วย  ฝีมือในการควบคุมและความเข้าใจในคลาสตนเอง  ทำให้พวกเขาสามารถดึงพลังทีแท้จริงของคลาสออกมาได้เกินกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น

       "พวกเขามีดีพอจะเอาชนะเอลฟิน-สโตนได้นะ...  ไม่คิดอย่างนั้นกันหรือ?"

       ยุนซังมินกำลังกินตีนไก่พร้อมกับสำรวจข้อมูลอย่างละเอียด

       "ฉันเองก็เห็นด้วยกับพวกคุณทั้งคู่  แต่ปาร์ตี้ของกริดในคราวนี้  การเอาชนะเอลฟิน-สโตน  ยังถือเป็นเรื่องที่ยากเกินไป  ผลของเขตแดนโลหิตนั้นทรงพลังอย่างมาก"

       ในอดีต  ยุนซังมินเคยเป็นผู้ที่สาปแช่งกริดมากที่สุดคนหนึ่ง  การที่คนโง่แบบกริดได้เป็นหนึ่งในเก้าคลาสเลเจนดารีของโลก  นับว่าเสียของและเป็นความเสียหายร้ายแรงกับซาทิสฟาย  แต่ตอนนี้  เขาเปลี่ยนไปแล้ว  ยุนซังมินเฝ้ามองพัฒนาการของกริดมาพักใหญ่  และเขาก็ชื่นชมในตัวกริด  แม้แต่ภรรยาของเขาก็ยังไม่รู้  แต่ยุนซังมินเป็นถึงสมาชิกตัวยงของเว็บไซต์แฟนคลับกริด  ถึงกระนั้น  เขาก็ยังเคลือบแคลงสงสัยว่า  ปาร์ตี้ของกริดจะเอาชนะเอลฟิน-สโตนได้จริงหรือ? 

       ริมฝีปากของลิมชอลโฮที่กำลังบวมเป่งเพราะตีนไก่เผ็ด  ยามนี้แสยะยิ้มออกมาเล็กน้อยที่มุมปาก

       "ถ้าอย่างนั้น  อัตราเดิมพันฝั่งฉันก็ต้องเพิ่มขึ้น"

       ใช่แล้ว  พวกเขาทั้งสาม  กลุ่มผู้นำของสุดยอดองค์ระดับโลก  ยามนี้กำลังรวมตัวกันเพื่อพนันผลการล่าบอสของกริด  แม้ดูเหมือนพวกเขามีเวลาว่างเหลือเฟือจนมานั่งดูกริดเพื่อความสนุกสนาน  แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้นเลย  กริดคือตัวตนพิเศษที่อาจเปลี่ยนเรื่องราวบทใหญ่ของซาทิสฟาย  การได้เฝ้าติดตามและวิเคราะห์ชายคนนี้  คือโอกาสที่จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด

       ***

       อดีตผู้เล่นอันดับห้าของโลก  ยูร่า  เธอคือผู้เล่นซาทิสฟายอันดับหนึ่งของฝ่ายหญิง  แต่เมื่อราวสี่เดือน  จู่ๆ ยูร่าก็หายไปจากทำเนียบแร้งเกอร์อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  ข่าวนี้สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก  ผู้คนต่างพากันสงสัยและคาดเดาไปต่างๆ นาๆ

       ในที่สุด  ลอเอลและสมาชิกโอเวอร์เกียร์ก็ได้พบความจริง

       "นักล่าอสูร...!"

       ยูร่าเข้าร่วมโอเวอร์เกียร์โดยการเชิญชวนจากลอเอล  รองหัวหน้ากิลด์  พวกเขาไม่มีใครที่คุ้นเคยหรือรู้จักคลาสของเธอ...  เป็นอย่างที่ทุกคนคาดเดา  ยูร่ากลายเป็นคลาสลับ  แถมยังเป็นคลาสลับเกรดเลเจนดารีอีกด้วย!

       ลอเอลและคนที่เหลือพลันขนลุกซู่  คำว่า<นักล่าอสูร>ถูกเขียนไว้ด้วยตัวอักษรสีทอง  เฉกเช่น<ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า>  แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง  จะมีอยู่สิ่งหนึ่งที่แปลกประหลาดมากจนลอเอลไม่อาจเข้าใจได้

       'จากที่กริดเล่ามา  คลาสเกรดเลเจนดารีจะกลับไปเป็นผู้เล่นเลเวลหนึ่งอีกครั้ง...'

       ในทางกลับกัน  เลเวลตอนนี้ของยูร่าคือ 203   นั่นหมายความว่า  เธอใช้เวลาเพียงสี่เดือนเก็บเลเวลจากหนึ่งถึง 203 ได้  ความเร็วระดับนี้… สูงกว่าผู้เล่นทั่วไปไม่รู้ตั้งกี่เท่า  

       ไม่สิ… ด้วยสถิติขนาดนี้  มันยังเร็วกว่าแร้งเกอร์อันดับหนึ่งของโลกอย่างครอเกลถึงสามเท่าเลยทีเดียว 

       'สุดยอด...'

       จะดีจะร้าย  ยูร่าก็เคยเป็นถึงอันดับห้าของโลกด้วยคลาสที่เก็บเลเวลได้ยากที่สุดอย่างจอมเวทย์มืด  แถมยังรักษาบัลลังก์นั้นไว้ได้โดยไม่เคยถูกสั่นคลอน  การได้รับคลาสเกรดเลเจนดารีจึงไม่ต่างอะไรกับมีปีกงอกออกมาจากแผ่นหลัง  ด้วยพรสวรรค์สวรรค์ที่มี  ผสานเข้ากับประสบการณ์ความรู้ที่สั่งสมมาทั้งหมด  การเก็บเลเวลด้วยความเร็วเหนือจินตนาการเช่นนี้ย่อมเกินขึ้นได้

       ในขณะที่ลอเอลและคนที่เหลือยังไม่หายตกใจ  ยูร่าก็กำลังเฝ้ารออยู่ ณ จุดเกิดของปราสาทเรย์ดัน  

       'พวกเขาบอกว่า  ยองวูจะมาเกิดใหม่ที่นี่ในอีกไม่ช้า...'

       ยูร่าได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดมาแล้ว  กลุ่มผู้เล่นจำนวนแปดคนกำลังเผชิญหน้ากับบอสที่มันไม่ทางล้มได้  และใกล้จะถึงเวลาที่ทุกคนถูกกำจัด

       'แต่เราไม่คิดแบบนั้น'

       ยูร่าเฝ้ามองกริดมาโดยตลอด  ทุกเหตุการณ์ที่กริดเกี่ยวข้อง  ทุกพัฒนาการของกริด  และด้วยความที่เป็นคลาสเกรดเลเจนดารี...

       'ยองวูสามารถทำในสิ่งที่ผู้คนไม่คาดคิดได้เสมอ'

       ยูร่ารู้ถึงอดีตของกริดเป็นอย่างดี  ด้วยความไร้พรสวรรค์  เขาจึงต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากมากมายนับไม่ถ้วน  ตลอดชีวิตที่ผ่านมา 27 ปี  ยองวูต้องพบกับความโชคร้ายมานานถึง 26 ปีเต็ม  เกิดเป็นบาดแผลทางจิตใจจำนวนมาก  ยูร่าไม่อยากให้เขาต้องพบเจอความผิดหวังอีกแล้ว  เธออยากให้เขามีความสุข

       'ฉันจะแบ่งความโชคดีไปให้  ดังนั้น  ได้โปรดกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มอันสดใสด้วยนะ...'

       ในยามที่กริดอันตราย  ยูร่าก็แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา

       ***

       เอลฟิน-สโตนนอนหลับพักผ่อนไปนานถึง 23 ชั่วโมงเต็ม  สภาพร่างกายของมันสมบูรณ์สุดขีด  เมื่อวาน  มันเพิ่งจะลงทัณฑ์มนุษย์ที่บังอาจล่วงเกินชินโซ-เบริอาเช่  มารดาสุดที่รักของมัน  จนได้กลับมานอนอย่างมีความสุข

       "วันนี้  สงสัยเราคงต้องลงมือให้รุนแรงขึ้นสักหน่อย"

       รอบๆ เมืองแวมไพร์ที่ 13  สัตว์รับใช้นับพันตัวกำลังออกลาดตระเวนเป็นหูเป็นตาให้เอลฟิน-สโตนในยามที่มันตื่น  มันรู้ดีว่า  ปาร์ตี้ของกริดได้สังหารแวมไพร์ในเมืองไปเป็นจำนวนมาก

       "ถ้าหากปล่อยไว้แบบนี้  เมืองของเราคงถูกทำลายแน่"

       อันที่จริง  เอลฟิน-สโตนไม่ได้สนใจแวมไพร์ชั้นต่ำเลยสักนิด  จะสร้างเพิ่มอีกสักเท่าไรก็ยังได้  แต่กับแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์นั้นไม่ใช่  มีเพียงชินโซ-เบริอาเช่และตระกูแวมไพร์ใกล้ชิดเท่านั้น  ที่มีพลังอำนาจมากพอจะสร้างแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์  พวกมันถือเป็นทรัพยากรล้ำค่าที่ไม่ควรสูญเสีย

       'นับแต่นี้ไป  เราจะฆ่ามนุษย์สองคนต่อหนึ่งวัน'

       มันคิดจะเก็บชายผมดำเอาไว้เป็นรายสุดท้าย  แน่ล่ะ  อาหารมื้ออร่อยย่อมต้องเก็บไว้กินทีหลัง

       'เจ้านั่นขายเพื่อนเพื่อให้มีชีวิตรอดสินะ... ในตอนที่เหยื่อกำลังจะตาย  มันจะรู้สึกสิ้นหวังรึเปล่า?'

       คงน่าสนุกไม่น้อยที่จะได้เห็นเหล่ามนุษย์หวาดกลัวและสิ้นหวัง  เอิร์ลเอลฟิน-สโตนเปลี่ยนชุดเป็นเทลโค้ดสีขาวบริสุทธิ์  มันเดินออกจากที่พักและตรงไปยังจุดที่กลุ่มของกริดกำลังพักอยู่

       ***

       'คราวนี้จะกินใครก่อนดีนะ?'

       ท่ามกลามความมืดมิด  ดวงตาสีแดงก่ำของเอลฟิน-สโตนกำลังลุกโชนอย่างหิวกระหาย  จมูกของมันดมฟุดฟิดเพื่อแยกแยะกลิ่นคาวเลือดจากมนุษย์  ในวันนี้  เป้าหมายของมันคือป็อนและเรกัส

       'ต้องรีบจัดการสองคนนี้ก่อน'

       อันที่จริง  นักลอบสังหารที่ชื่อเฟคเกอร์นั้นสร้างความรำคาญให้กับมันได้มากที่สุด  แต่ป็อนกับเรกัสแข็งแกร่งกว่าเฟคเกอร์อยู่เล็กน้อย  พลังโจมตีของพวกเขาทั้งรุนแรงและยากจะหลบหลีก  จึงต้องรีบจัดการออกไปโดยเร็ว

       หากไม่มีสองคนนั้นล่ะก็  การค่อยๆ ล่ามนุษย์อย่างเลือดเย็นก็จะยิ่งสนุกมากขึ้น

       'เอาล่ะ...'

       ซ่าาาา!

       เอลฟิน-สโตนกลายเป็นควันและหลอมรวมกับความมืด  มันพุ่งตรงไปยังทิศทางของปาร์ตี้กริดด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเฟคเกอร์เสียอีก

       'มอบเลือดมาให้ฉันซะดีๆ!'

       มนุษย์คือเผ่าพันธุ์ที่เป็นรอง  จึงไม่มีทางรู้ตัวแน่นอนว่ามันได้คลืบคลานมาอยู่เหนือศีรษะของใครบางคนเรียบร้อยแล้ว  ช่างเป็นความโง่เขลาที่น่าขบขัน  เอิร์ลเอลฟิน-สโตนแสยะยิ้มอย่างดูแคลนพร้อมกับใช้ทักษะ<กลืนโลหิตขั้นสูงสุด>ใส่ป็อน

       ซู่วววว!

       หมอกโลหิตพุ่งตรงมายังป็อน  อีกไม่นาน  ป็อนจะต้องตาย  และเลือดของเขาก็จะกลายมาเป็นอาหารของเอลฟิน-สโตนอย่างเอร็ดอร่อย  สิ่งนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว

       ทว่า...

       "ออกมาจนได้สินะ"

       "อะไรกัน...?"

       ดวงตาของเอลฟิน-สโตนพลันเบิกโพลง  ชายผมดำที่ชื่อกริดคนนี้  เขากำลังยืนอยู่ด้านหลังป็อนพร้อมกับจดจ้องมาด้วยแววตามุ่งร้าย

       'มนุษย์สามารถหยั่งรู้ถึงการมาเยือนของเราได้งั้นหรือ?  สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!'

       ถึงมันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว  กลืนโลหิตขั้นสูงสุดกำลังพุ่งเข้าหาป็อน  ความตายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้  สิ่งนี้คือความเชื่อมั่นที่ไม่เคยถูกสั่งคลอนของเอลฟิน-สโตน  

       แต่กริดจะเป็นผู้ที่ทำลายความเชื่อมั่นนั้นเอง  เฉกเช่นบอสอื่นที่กริดเคยล่ามาทั้งหมด  เอลฟิน-สโตนอดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจออกมา

       "วังวน!"

       "...!"

       ฉากตรงหน้า  เอลฟิน-สโตนแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น  กลืนโลหิตขั้นสูงสุดที่มันภาคภูมิใจ  กลับถูกดูดเข้าไปในวังวนลึกลับพร้อมกับสะท้อนกลับมาหาตนเอง

       "เฮ้ย!?"

       กลืนโลหิตขั้นสูงสุดคือเวทย์มนต์ที่แสนทรงพลัง  หากต้องรับเข้าไปตรงๆ   ไม่มีทางที่จะไม่เป็นอะไรแน่  เอลฟิน-สโตนพยายามกลายร่างเป็นควัน  แต่กริดก็รู้ทัน  เขาสั่งให้หอกไลฟาเอลสีทองโจมตีเข้าในจังหวะเหมาะเจาะจากด้านข้าง

       "บ--บ้าน่า...?"

       ซู่ววว!

       หมอกโลหิตเป็นฝ่ายกลืนกินเอลฟิน-สโตนเสียเอง  มันเกิดขึ้นรวดเร็วจนทุกคนต่างตกตะลึง  เหล่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่เคยรอคอยอย่างตึงเครียด  ยามนี้พวกเขากำลังจ้องมองกริดพุ่งตัวขึ้นไปโจมตีเอลฟิน-สโตนที่เต็มไปด้วยบาดแผล

       "แค่ก! แค่ก!"

       เอลฟิน-สโตนกระอั่กเลือดคำโตลงบนพื้น  ใบหน้าที่งดงามจนสามารถดึงดูดสายตาชายหนุ่มได้นั้น...  ยามนี้บิดเบี้ยวสุดขีด

       "แกนะแก!"

       เอลฟิน-สโตนที่ทั้งโมโหและสับสน  มันคืนสติกลับมาอีกครั้ง  คราวนี้  ข้อความระบบอย่างที่ควรจะเป็นได้แสดงขึ้นต่อหน้าทุกคน

[ ผู้ปกครองเมืองแวมไพร์ที่ 13  แวมไพร์เอิร์ล  เอลฟิน-สโตน  ปรากฏตัว ]

[ พลังอันแสนชั่วร้ายได้แพร่กระจายออกมาจนทำให้พลังเวทย์ของท่านปั่นป่วน  ทักษะและเวทย์มนต์ทุกชนิดจะไม่สามารถใช้การได้ ]

[ แววตาของแวมไพร์จะสะกดสิ่งมีชีวิตที่มีระดับต่ำกว่า  ร่างกายของท่านจะถูกสะกดข่มอย่างรุนแรง ]

       ชาวโอเวอร์เกียร์ต่างพากันสิ้นหวังทันที  ทักษะหลักสองถึงสามชนิดถูกผนึกไว้  ความเร็วลดลงอย่างน่าใจหาย  ทั้งร่างกายและจิตใจหนักอึ้ง  มีเพียงกริดเท่านั้นที่ยังสบายดี

[ ท่านต้านทาน ]

       สิทธิประโยชน์ของคลาสเลเจนดารีสำแดงผลอีกครั้ง  กริดสามารถแสดงฝีมือออกมาได้อย่างเต็มที่

       "เขตแดนโลหิ--...!"

       เอลฟิน-สโตนใช้พลังอำนาจสะกดข่มมนุษย์และตามต่อด้วยเขตแดนโลหิตทันที  สิ่งนี้คือคอมโบที่มันไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับใครมาก่อน  แต่ยังไม่ทันที่จะร่ายเสร็จ...

       ฉึก!

       "...!"

       ก่อนที่เขตแดนโลหิตจะกางออกสมบูรณ์  กริดพุ่งตัวด้วยความเร็วสูงสุดประหนึ่งนักลอบสังหารที่ชื่อเฟคเกอร์  ดาบใหญ่สีน้ำเงินเสียบทะลุหัวใจเอลฟิน-สโตนอย่างเลือดเย็น  พลังเวทย์ของมันพลันไหลย้อนกลับ  

       เขตแดนโลหิตไม่ถูกสร้างขึ้น

       'ได้ยังไง?'

       หมอนี่ไม่ถูกพลังสะกดข่ม?  ในขณะที่เอลฟิน-สโตนกำลังสับสนสุดขีด  ชายหนุ่มก็จ้องมองมันด้วยสายตาอันแสนเย็นชา

       "ส่วนของฉันมีเท่านี้...  แต่ส่วนของฮิวรอยคือหลังจากนี้ทั้งหมด!"

       ในอดีต  กริดไม่รู้จักการควบคุมอารมณ์ตนเอง  ด้วยความที่ไม่เคยเข้าสังคม  ไม่เคยพบปะผู้คน  อุปนิสัยส่วนตัวจึงจัดว่าเลวร้าย  บ่อยครั้งที่เกิดการคลุ้มคลั่งเพียงเพราะโมโห  ทุกครั้งที่แสดงอารมณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเสียใจหรือความสุข  เขาก็จะทำมันออกมาอย่างสุดโต่ง

       แต่ยามนี้  กริดเปลี่ยนไป

       การต้องยอมสละชีวิตเพื่อนรัก… ทำให้เขาตระหนักได้ว่า  ตนยังแข็งแกร่งไม่พอ  และจะต้องไต่เต้าไปยืนบนจุดสูงสุดให้จงได้  การทำเช่นนั้นให้สำเร็จ  ก้าวแรกเริ่มจากควบคุมอารมณ์  ในยามนี้  แม้กริดจะกำลังโกรธแค้นเอลฟิน-สโตนสุดขีด  แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้มันมารบกวนการต่อสู้ 

       ฟุ่บ!

       ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่่บ!

       วิชาดาบแพ็กม่า  ร่ายรำ

       ดาบใหญ่ถูกกวัดแกว่งไปในอากาศหลายสิบครั้งด้วยท่าทางสงบนิ่งไม่สั่นคลอน 
       วิถีของดาบมิอาจคาดเดาได้เลย


       "อ๊ากกก!"

       ณ วันนี้  เอลฟิน-สโตนต้องส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดเป็นหนที่สองในชีวิต

Comments

  1. สนุกมากครับ ขอบคุณคนแปลครับ

    ReplyDelete
  2. ช่วงเวลาแห่งการเอาคืน

    ReplyDelete
  3. อ้ากกกก...กำลังมันเลยยย...

    ReplyDelete
  4. ครั่งแรกมันไปโดนใครมา ?

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00