จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 292



[ ท่านถูกโจมตีอย่างรุนแรง! ]

[ ท่านได้รับความเสียหาย 68,300 หน่วย ]

[ ผู้ที่เป็นตำนานจะไม่ตายได้โดยง่าย  ท่านจะอยู่ในสถานะอมตะเป็นเวลาห้าวินาที ]

       ด้วยระบบการตื่นของค่าสถานะที่ช่วงเลเวล 200 ถึง 299   ค่าพละกำลังหนึ่งแต้มจะช่วยเพิ่มพลังชีวิตห้าหน่วย  และค่าความอดทนหนึ่งแต้มจะเพิ่มพลังชีวิต 20 หน่วย  กริดยังมีโบนัสพลังชีวิตจากไอเท็มอีกมากมาย  เช่นเซ็ตแสงศักดิ์สิทธิ์ 6,000 หน่วย  สมญานานามผู้ที่สัมผัสกับขุมนรกอีก 3,000 หน่วย  โดยรวมแล้ว  กริดจึงมีพลังชีวิตที่สูงเกินกว่า 55,000 หน่วย

       เขามีพลังชีวิตมากกว่าแวนเนอร์ที่เป็นแท้งถึง 6,000 หน่วย  ในบรรดาผู้เล่นกว่าสองพันล้านคน  บางทีกริดอาจเป็นผู้เล่นที่มีพลังชีวิตสูงที่สุดในโลกแล้วก็ได้

       แต่ถึงกระนั้น  การโจมตีจากเอลฟิน-สโตนก็ทำให้กริดเสียชีวิตได้ในพริบตา  แม้ว่าชุดเกราะแสงศักดิ์สิทธิ์จะช่วยป้องกันเวทย์ 50% แล้วก็ตาม  ทักษะของเอลฟิน-สโตนจึงนับว่าทรงพลังอย่างแท้จริง

       "บัดซบ!  เจ้าบ้านั่น!"

       กริดสูญเสียประกันชีวิตในทันทีที่ระยะหน่วงมาถึง  จึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะหงุดหงิดยิ่งกว่าใคร  กริดทั้งดึงผมและกระทืบเท้าอย่างเจ็บใจ  แต่ในทางกลับกัน  สมาชิกโอเวอร์เกียร์คนอื่นต่างกำลังแสดงสีหน้ายินดีสุดขีด  เพราะพวกเขาพอจะเดาบางสิ่งได้บ้างแล้ว

       "เอลฟิน-สโตนจะปรากฏตัวทุก 24 ชั่วโมง"

       "เอลฟิน-สโตนจะโจมตีเป้าหมายที่มีแต้มสถานะสูงสุด"

       "เอลฟิน-สโตนมีความทระนงตัวสูง  มันมั่นใจมากกว่ากริดไม่รอดแน่"

       ในอีกความหมายหนึ่ง

       "มันจะออกมาโจมตีกริดเรื่อยๆ"

       "นั่นวิเศษไปเลย  ถ้ามันไม่เปลี่ยนเป้าหมาย  พวกเราทุกคนก็จะรอดไปจนกว่ากริดเลวลอัพถึง 300"

       "และหลังจากนั้นก็จะเป็นเวลาตอบโต้กลับไป"

       "..."

       ข้อได้เปรียบใหญ่ของเกมออนไลน์แนวเสมือนจริงก็คือ  สัมผัสทั้งห้าจะถูกส่งต่อไปยังร่างกายผู้เล่นด้วย  แต่สิ่งนี้ถือเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับการต่อสู้  ผู้เล่นจะรู้สึกเจ็บจริงเมื่อถูกโจมตี  ไม่ใช่แค่จินตนาการ

       การได้รับบาดเจ็บจำนวนมากในการโจมตีเดียว  ไม่ต่างอะไรกับการถูกต่อยอย่างแรงในชีวิตจริง  กริดจะต้องได้รับความรู้สึกนี้ทุก 24 ชั่วโมงตลอดห้าวันที่เหลืองั้นหรือ?

       กริดรู้สึกปวดใจ  แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าชื่นมื่นของพวกพ้อง  เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลลัพธ์มันออกมาดีที่สุดแล้ว  กริดพยายามข่มความรู้สึก  เขาหันไปพูดกับทุกคน

       "รีบไปยังอาคารต่อไปกันเถอะ"

       กริดหมายมั่นจะรีบเลเวล 300 โดยไว  เขาจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวบ่อยครั้งนัก  ชายหนุ่มเดินนำหน้าทุกคนไปยังอาคารที่สาม  พวกเขาเคลียร์อาคารมาแล้วสองหลัง  ดังนั้นทั้งความเร็วและความเข้าขากันจึงมีมากขึ้น  เหล่าแวมไพร์ก็ตายไวขึ้นเช่นกัน

       ค่าประสบการณ์ของกริดไหลเป็นสายน้ำ

       ***

       "วันนี้ก็หลับลงเสียที"

       เอลฟิน-สโตนจะกลับไปโจมตีพวกมนุษย์ที่บังอาจบุกรุกเมืองของมันอีกครั้งหลังจากนอนหลับพักผ่อน  เมื่อกลับมาถึงที่พัก  เอลฟิน-สโตนก็รีบเปลี่ยนชุดนอนและเปิดฝาโลงศพสีขาวออก  มันเอนตัวลงนอนอย่างมีความสุขเมื่อจินตนาการภาพของเหล่ามนุษย์กำลังสั่นระริกอย่างหวาดกลัว

       'หึหึหึ  พวกมันคงอยากตายดีกว่าอยู่อย่างทรมาน  แต่ขอโทษด้วย  ฉันไม่มีความคิดจะฆ่าพวกแกทั้งหมดพร้อมกัน… พวกแกจะต้อง… ค่อยๆ ตายไปอย่างเจ็บปวดทีละคน...'

       แวมไพร์คือสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง  แต่ต้องแลกมากับการมี <คำสาปแห่งความเกียจคร้าน> ติดตัว  แวมไพร์ทั่วไปจะมีเวลานอนเฉลี่ย 20 ชั่วโมงต่อวัน  และหากยิ่งเป็นแวมไพร์ที่แข็งแกร่ง  ระยะเวลาในการนอนก็จะมากขึ้น  เอลฟิน-สโตนเป็นแวมไพร์ชั้นเอิร์ล  มันต้องการเวลานอนอย่างน้อย 23 ชั่วโมงต่อวัน  โดยที่สามารถหลับติดต่อกันหนึ่งปีเต็มได้สบาย

       "ฮ้าวว"

       ในที่สุดมันก็หลับไป

       ***

       หัวหน้าทีมพัฒนาที่แปดของซาทิสฟาย  แอชลี่ย์-โทซุน  เขาคือหนึ่งใน 33 นักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมสร้างซาทิสฟายพร้อมกับลิมชอลโฮ  แอชลี่ย์มีฉายาภายในองค์กรณ์ว่า <บิดาแห่งแวมไพร์>   แน่นอนว่า  เขาคือผู้ที่ออกแบบและสร้างแวมไพร์ทั้งหมดในซาทิสฟาย

       รวมถึงเอลฟิน-สโตนด้วย  ถ้าหากมีกลุ่มของศัตรูเข้ามารุกรานเมืองที่มันปกครอง  เอลฟิน-สโตนจะออกไปฆ่า <สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุด> ในทุกๆ 24 ชั่วโมงเป็นเวลาเจ็ดวัน  หลังจากสูญเสียศัตรูที่แข็งแกร่งไปแล้วถึงเจ็ดคน  กองกำลังของศัตรูก็จะอ่อนแอลงและมีสภาพจิตใจย่ำแย่  ถึงตอนนั้นคือเวลาออกล่าที่แท้จริง

       แต่ว่า...

       "บ้าบอสิ้นดี..."

       เมืองแวมไพร์ที่ 13 คือเมืองที่มีระดับความยากสูงสุดจากทั้ง 15 เมือง  แอชลี่ย์ที่จับตาดูปาร์ตี้ของกริดมาสักพัก  เขามั่นใจมากว่าผู้เล่นกลุ่มนี้จะต้องพบกับความล้มเหลว  แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น

       ประกันชีวิตอมตะของกริดสามารถหักล้างกับความสามารถของเอลฟิน-สโตนได้พอดิบพอดี  แถมเอลฟิน-สโตนก็ไม่อาจรับรู้ได้ว่าปาร์ตี้ศัตรูแข็งแกร่งหรืออ่อนแอลงในแต่ละครั้ง  เนื่องจากมันปรากฏตัวเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น

       "นี่มันช่าง..."

       ปัญหาก็คือ  ทั้งพลังโจมตี  พลังป้องกัน  และพลังเวทย์ของกริดนั้นสูงที่สุดในบรรดาสมาชิกทุกคน  เดิมทีแล้ว  ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าไม่ควรจะแข็งแกร่งในระดับนี้ได้

       ทันทีที่ไอเท็มเกรดเลเจนดารีห้าชิ้นถูกสร้างขึ้น  แต้มสถานะที่ได้จากการผลิตไอเท็มก็จะลดลง  จนทำให้ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าไม่พัฒนาด้านการต่อสู้และกลับไปเป็นคลาสสายผลิตเต็มตัว  แต่กริดนั้นโชคร้ายเกินไป  แม้แต่มอร์เฟียสก็ไม่อาจคาดคะเนในเรื่องนี้ได้  จึงลงเอยด้วย  กริดได้รับแต้มสถานะมหาศาลก่อนที่จะสร้างไอเท็มเกรดเลเจนดารีได้ครบห้าชิ้น

       สิ่งนี้ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน  เมื่อกริดที่มีแต้มสถานะสูงสิบเริ่มออกล่าบอสใหญ่  เลเวลของเขาจึงก้าวกระโดดมาทัดเทียมกับแร้งเกอร์ได้ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน  แม้ตอนแรกจะเริ่มต้นอย่างทุลักทุเล  แต่ผลลัพธ์ในตอนนี้  ดูเหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างกริดมากกว่าใครทั้งหมด

       "หรือว่า… เขาจะรวบรวมพาเฟรเนี่ยมได้ครบทุกชิ้น?"

       หัวหน้าทีมแอชลี่ย์เริ่มให้ความสนใจในตัวกริด  ถือเป็นคนที่สามแล้วต่อจากลิมชอลโฮและยุนซังมิน  แฟนตัวยงของกริดได้เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ภายในเอส-เอ-กรุ๊ป

       ***

       "เยี่ยม!"

       ปาร์ตี้ของกริดเคลียร์อาคารที่สามได้สำเร็จ  ไอเท็มดรอปคราวนี้นับว่าไม่เลว  แม้จะไม่มีโอสถหรือหนังสือเวทย์มนต์ดรอป  แต่แหวนแวมไพร์จูเนียร์ก็ดรอปมาอีกครั้ง  น่าเสียดายที่เป็นแค่แวมไพร์จูเนียร์  แต่อย่างน้อยก็ดีกว่ากลับออกไปมือเปล่า

       หลังจากปรึกษากันไม่นาน  สมาชิกทุกคนก็ยินดีจะมอบแหวนวงนี้ให้เป็นของพีคซอร์ด  ในฐานะนักดาบ  พีคซอร์ดมีพลังการโจมตีสูงที่สุดในปาร์ตี้  เขาจึงใช้ประสิทธิภาพของแหวนได้อย่างคุ้มค้า

       "คนอย่างเรามีโอกาสได้ครอบครองเครื่องประดับแวมไพร์อันโด่งดัง..."

       พีคซอร์ดคือคนที่หลงไหลในการเก็บเลเวลอย่างมาก  ถือเป็นสิ่งดีที่เขาได้เข้าร่วมโอเวอร์เกียร์  หลังจากนี้ไป  การเก็บเลเวลของพีคซอร์ดจะรวดเร็วขึ้นราวกับติดปีก  เพราะเขาไม่ต้องพึ่งพาโพชั่นมากเท่าเมื่อก่อนแล้ว

       ดาบเร้นลับ  คลาสสายนักดาบที่มีจุดอ่อนอย่างใหญ่หลวงอยู่หนึ่งสิ่ง  ทุกทักษะโจมตีจะต้องใช้ออกมาจาก <โหมดเก็บดาบในฝัก>   ทำให้เขาไม่อาจโจมตีได้รัวและถี่เหมือนกับนักดาบสายอื่น  แต่ในทางกลับกัน  พลังทำลายและความรวดเร็วของคมดาบที่พุ่งเข้าหาเป้าหมายล้วนอยู่ในระดับท็อปของเกม

       เมื่อใดที่คมดาบสีเงินในฝักถูกเผยออก  เป้าหมายจะเกิดบาดแผลอย่างรุนแรงภายในเสี้ยววินาที  และเหล่าแวมไพร์ก็ไม่มีข้อยกเว้น

       "อ๊ากกก!"

       "อ--ไอ้หมอนี่...!"

       อาคารหลังที่สี่มีโครงสร้างคล้ายกับมหาวิหาร  โลงศพถูกวางเรียงรายกับอยู่เต็มโถงทางเดินยาวราวกับเป็นห้องประชุมของแวมไพร์       

       พุ่บ!

       พีคซอร์ดกระโดดข้ามม้านั่งและชักดาบออกมาจากฝัก

       ฉัวะ!

       เกิดแสงสว่างวาบขึ้นพร้อมกับเลือดที่ไหลรินออกมาจากบาดแผลของแวมไพร์  คงเป็นการยากที่ใครสักคนจะหลบการโจมตีที่รวดเร็วจนมองไม่เห็นนี้ได้

       ปึก! ปึก!

       พีคซอร์ดไม่ยอมถูกสวนกลับ  เขาใช้ฝักดาบคอยปัดป้องการโจมตีจากแวมไพร์ประหนึ่งโล่  พลังชีวิตของพีคซอร์ดสามารถรักษาระดับเท่าเดิมไว้ได้ตลอดเป็นเพราะแหวนที่สวมอยู่  เมื่อระยะหน่วงทักษะมาถึง  พีคซอร์ดจึงชักดาบออกมาอีกครั้ง

       ด้วยความโดดเด่นของพีคซอร์ด  อาคารหลังที่สี่จึงเคลียร์เสร็จได้ไวกว่าทั้งสามหลังที่ผ่านมา  กริดมีเลเวล 299 แล้วในตอนนี้  บรรดาสมาชิกปาร์ตี้ต่างคาดการณ์กันว่า  เมื่อเคลียร์อาคารต่อไปสำเร็จ  กริดก็จะได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นอีกราว 20%

       'ดีล่ะ  ใกล้แล้ว'

       ถ้ากริดกลายเป็นเลเวล 300 และได้รับสิทธิประโยชน์ของการตื่นค่าสถานะ  เขามั่นใจมากว่าจะเอาชนะเอลฟิน-สโตนได้  ในขณะที่กริดกำลังคิดในใจ  ข้อความระบบอันคุ้นเคยก็แสดงขึ้น

[ ระยะหน่วงของทักษะจากสมญานาม <ผู้ที่กลายเป็นตำนาน> หมดลงแล้ว ] 

       เดิมที  สิ่งนี้เคยเป็นข่าวดีมากสำหรับกริด  แต่ในตอนนี้...       

       "บ้าจริง"

       กริดเตรียมตัวอ้าแขนรับความเจ็บปวดอีกครั้ง  เป็นเวลาเดียวกับที่ชายผมบลอนด์ได้ปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะของเขา  มันคือเอลฟิน-สโตน

       "ฉันเคยบอกไปแล้วนี่?  ว่าฉันจะกลับมาทำให้พวกแกหวาดกลัวอีกครั้ง"

       ซ่าาา!

       หมอกโลหิตเริ่มกัดกินกริดอีกครั้ง  เมื่อเอลฟิน-สโตนมั่นใจแล้วว่ากริดไม่รอดแน่  มันจึงตะโกนขึ้น

       "แล้วฉันจะกลับมาใหม่อีกครั้งในไม่ช้า…  พวกแกต้องถูกฆ่าอีกหนึ่งคน…  และอีกหนึ่งคน!  สิ่งนี้จะเกิดขึ้นซ้ำๆ จนพวกแกตกอยู่ในความหวาดกลัวสุดขีด… หืม?"

       เอลฟิน-สโตนที่กำลังสะใจได้กวาดสายตามองไปรอบๆ  

       จำนวนของมนุษย์เหล่านี้มัน...

       'เท่ากับเมื่อวานเลยรึเปล่านะ?'

       เมื่อวานมีเก้าคน  เมื่อฆ่าไปหนึ่ง  ก็ควรต้องเหลือแค่แปดไม่ใช่หรือ?  และหากลองคิดดูให้ดี  ดูเหมือนวันแรกก็จะมีเก้าคนเช่นกัน...

       'เราคงคิดมากไปเอง'

       เอลฟิน-สโตนแสยะยิ้ม  จะมีมนุษย์หน้าไหนรอดชีวิตไปจากสุดยอดเวทย์มนต์อย่าง <กลืนโลหิตขั้นสูงสุด> ได้กัน?  มนุษย์กลุ่มนี้จะต้องมี 11 คนแน่นอน  เอลฟิน-สโตนเชื่อมั่นในฝีมือของตนมากกว่าความทรงจำ

       "เอาล่ะ  ไว้พบกันใหม่ในไม่ช้า"

       "..."

       กริดอยากจะแก้ไขคำพูดให้มันเล็กน้อย… หนึ่งวันต่างหาก  ไม่ใช่ในไม่ช้า  สมาชิกปาร์ตี้ทุกคนต่างมั่นใจทันทีว่าเอลฟิน-สโตนเป็นพวกสมองทึบ  แต่อันที่จริง  เอลฟิน-สโตนมีสติปัญญาที่ค่อนข้างสูงพอตัว  ทว่าด้วยการที่ต้องหลับนานถึง 23 ชั่วโมง  ในไม่ช้าของมันก็คือทันทีที่มันลืมตาตื่นขึ้น

       และอีกเหตุผลหนึ่ง  มันไม่ได้ใส่ใจจำนวนของสมาชิกปาร์ตี้กริดนัก  เพราะเอลฟิน-สโตนไม่เคยให้ความสนใจกับเหยื่อ  ทำไมต้องสนใจกลุ่มมนุษย์ที่กำลังจะตายด้วย?  

       มีกี่คนก็ไม่เห็นจะสำคัญตรงไหน...

       "เจ้าบ้านั่น..."

       กริดสถบเมื่อกลุ่มหมอกโลหิตหายไป  ไอเท็มที่สวมอยู่เกิดการเสียหายจนถึงเวลาซ่อมแซม  

       เคร้ง! เคร้ง!

       ช่างตีเหล็กในตำนานได้ควักค้อนออกมาและซ่อมแซมเกราะของตน  สมาชิกที่เหลือต่างแสดงความอิจฉากับภาพที่เห็นทันที

       หากเป็นผู้เล่นอื่น  ในยามที่ไอเท็มเกิดการชำรุดเสียหาย  พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพา <เซ็ตเครื่องมือซ่อมแซม> ที่มีราคาสูงลิบ  แต่กับกริดแล้วไม่ใช่  เขาสามารถซ่อมแซมได้ไอเท็มอย่างอิสระ  ขอแค่มีค้อนอยู่กับตัวเท่านั้น  แถมยังได้อัพเลเวลของทักษะไปในเวลาเดียวกัน

       กริดลั่นวาในใจ

       'เอลฟิน-สโตน...!  ฉันจะให้แกชดใช้กับความเจ็บปวดและอับอายที่ผ่านมาทั้งหมด!'

       ***

[ ระยะเวลาของโพชั่นบัฟค่าประสบการณ์หมดลงแล้ว ]

       "เฮ่อ… แย่จริง"

       มันแสดงขึ้นในตอนที่เพิ่งจะเคลียร์อาคารหลังที่เจ็ดเสร็จ  ยังไม่ทันทีค่าประสบการณ์ของกริดยังจะถึง 50%   เขาก็ต้องได้รับข่าวร้ายเสียก่อน

       'ดูเหมือนคงต้องเคลียร์อีกราวสามอาคารถึงจะเลเวลอัพ'

       ตั้งแต่เลเวล 299 ขึ้นไป  ดูเหมือนค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้จะเพิ่มมากขึ้นราวสี่เท่า  กริดต้องรีบออกล่าแวมไพร์อย่างไม่หยุดพัก  ในขณะที่กริดกำลังบ่นอย่างหัวเสีย  เอลฟิน-สโตนก็ปรากฏตัวอีกครั้ง  แต่คราวนี้ต่างออกไปเล็กน้อย  มันเอาแต่จ้องมองกริดโดยที่ไม่ยอมโจมตีเข้ามา

       'ได้ยังไงกัน?'

       เอลฟิน-สโตนเอ่ยปากถามกริดที่มีสีหน้าตึงเครียด

       "ทำไมแกถึงยังมีชีวิตอยู่?"

       "...!"

       ราวกับเป็นฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ  สมาชิกปาร์ตี้ทุกคนพลันตกตะลึงกับท่าทีที่ไม่คาดคิดจากเอลฟิน-สโตน  หรือว่ามันจะเปลี่ยนรู้แบบการโจมตีแล้ว?  คิดจะฆ่าทุกคนงั้นหรือ?  ในอีกความหมายถึง  นี่คือสถานการณ์เลวร้ายสุดขีด

       'เรายังไม่ทันจะอัพเลเวลถึง 300 เลย...'

       โชคไม่ดีนัก  แต่คงไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว

       'ต้องสู้เท่านั้น'

       ในขณะที่กริดกำลังจะเรียกโนเอะและแรนดี้       

       "พ่อแม่ของแกคงกำลังเสียใจแน่นอนที่ให้กำเนิดคนอย่างแกออกมา!"

       "อ--อะไรนะ...?"

       ฮิวรอยเปิดโหมดปากเสียเต็มกำลัง  เอลฟิน-สโตนถึงกับผงะไปพักใหญ่  ใบหน้าอันหล่อเหลาของมันเริ่มบิดเบี้ยว

Comments

  1. นั่นไงล่ะ ลีลานัก ตายแน่ๆ

    ReplyDelete
  2. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete
  3. วาจาเจ้าช่างร้ายนัก....ไปดีนะหนูฮิวรอยยยย

    ReplyDelete
  4. วาจาเจ้าช่างร้ายนัก....ไปดีนะหนูฮิวรอยยยย

    ReplyDelete
  5. ฮิวรอย ก็มีประกันชีวิต ใช่ป่ะนะ?

    ReplyDelete
  6. ผมว่าคลาสของกริดแม่งเทพสุดละต่อให้ไม่สามารถเอาค่าสถานะจากการตีเหล็กได้กริดก็ยังมีวิชาดาบของแพ็กม่าในการอับเวลอยู่ดี ข้อเสียคลาสของกริดคือไม่สามารถใช้วิชาดาบได้ทันทีต้องรำดาบแต่สามารถกลบได้ด้วยไอเท็มท่กริดสร้าง

    ReplyDelete
    Replies
    1. มันก็ไม่เชิง..ตอนที่แล้วยังมีคำอธิบายอยู่เลยว่า "สุดท้ายแล้วก็จะกลับเป็นช่าง" มันเพราะว่าคนที่ได้คลาสนี้คือกริด ทุกอย่างเลยเมพขิงขิง!

      Delete
  7. ฮิวรอยนายหล่อมาก

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00