จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 305



       'บ้าจริง! เป็นแบบนี้ได้ยังไง!'

       ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าสามารถสวมใส่ไอเท็มได้ทุกชนิดในเกม  นี่คือจุดแข็งสูงสุดของคลาสนี้  และยังเป็นที่มาของพลังทำลายอันรุนแรงที่กริดแสดงให้เห็นนับครั้งไม่ถ้วน  แต่ถึงกระนั้น  เขากลับไม่อาจสวมใส่ยารุกต์ได้  เป็นเพราะยารุกต์ปฏิเสธกริด

       >>  แกเป็นเผ่าอสูรชั้นต่ำรึไงเนี่ย?  พลังอสูรในร่างกายเบาบางมาก  ไม่เหมาะจะเป็นเจ้านายของฉันหรอกนะ!

[ ท่านถูกยารุกต์ปฏิเสธ ]
[ ท่านล้มเหลวในการสวมใส่ยารุกต์ ]

       สำหรับยารุกต์นั้นเป็นกรณีพิเศษ  มันไม่ได้สร้างคำสาปแช่งหลังจากที่สวมใส่ไปแล้วเหมือนกรณีของดาบไอเบลลิน  แต่มันไม่ยอมให้กริดสวมใส่เลยตั้งแต่แรก  ดังนั้น  ความต้านทานอาการผิดปรกติของกริดจึงไม่ช่วยอะไรกับเรื่องนี้

       กริดหงุดหงิดอย่างมาก  เขาไม่เคยคิดมาก่อน  ว่าจะมีไอเท็มใดในเกมที่ไม่อาจสวมใส่ได้

       'เฮ่อ… แย่ฉิบ'

       ไอเท็มประเภทเติบโต  หนทางเดียวที่จะทำให้พวกมันเติบโตได้  คือการใช้งานให้บ่อยครั้งที่สุด   แต่ในเมื่อกริดไม่อาจใช้งานยารุกต์  มันก็ไม่มีวันพัฒนาไปเป็นเกรดเลเจนดารีตามที่เขาต้องการ  สถานการณ์ตรงหน้าเริ่มไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้

       'คงต้องเพิ่มพลังอสูรสินะ?'

       ยารุกต์ปฏิเสธกริดเพราะพลังอสูรของเขาต่ำเกินไป  ถ้าเพิ่มขึ้นมาได้  บางทียารุกต์อาจยอมให้สวมใส่  แต่กริดก็ยังลังเล

       'ยิ่งมีพลังอสูรมาก  เราก็ยิ่งเข้าใกล้ขุมนรกมากขึ้น'

       เมื่อพลังอสูรสูงขึ้น  ย่อมหมายความว่า  เผ่าพันธุ์ของกริดก็จะยิ่งเข้าใกล้ความเป็นอสูรเข้าไปทุกที  และเมื่อกลายเป็นอสูรเต็มตัว  เขาก็จะตกลงสู่ขุมนรก  กริดค่อนข้างมั่นใจในเรื่องนี้  เพราะเขายังจำข้อความเมื่อครั้งที่ตกนรกได้อย่างชัดเจน

[ ระยะเวลาของร่างมืดหมดลง ]
[ พลังอสูรถูกผนึก  เผ่าพันธุ์ของท่านกลับไปเป็นมนุษย์อีกครั้ง ]
[ มนุษย์ธรรมดาไม่อาจอยู่ในขุมนรกได้  ท่านจะถูกขับออกจากขุมนรก ]

       ระบบแจ้งไว้ชัดเจน  ไม่มีทางที่มนุษย์จะดำรงชีวิตในขุมนรกได้  ย่อมหมายความว่า  ถ้าพลังอสูรสูงขึ้นจนตกลงสู่ขุมนรก  ถึงตอนนั้น  เผ่าพันธุ์ของกริดคงกลายเป็นอสูรไปเรียบร้อยแล้ว

       'อสูร...'

       หากกริดต้องกลายเป็นเผ่าพันธุ์ศัตรูของมวลมนุษย์จริง  เขาจะยังเล่นเกมนี้ได้อย่างปรกติอยู่ไหม?  สิ่งนั้นคงทำได้ยาก  การเป็นลอร์ดของเรย์ดันก็คงทำไม่ได้  โอเวอร์เกียร์ก็จะล่มสลาย  และหากแย่ที่สุด  ข่านกับไอรีนอาจต้องจากไปด้วย  ไม่ว่ายังไง  กริดก็ไม่คิดจะเป็นเผ่าอสูรเต็มตัวเด็ดขาด

       'ถ้าอย่างนั้น  มีแต่ต้องใช้ยารุกต์ในร่างมืดเท่านั้นสินะ'

       ถ้ากริดได้ใช้งานมันล่ะก็  ค่าความเข้าใจของไอเท็มจะเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน  และเมื่อความเข้าใจเป็น 100% เต็ม...

       'ถึงตอนนั้น  เราจะใช้ทักษะการดัดแปลงของช่างตีเหล็กในตำนาน'

       กริดจะเปลี่ยนดวงวิญญานของยารุกต์เป็นดวงวิญญานอื่นที่จงรักภักดีต่อตน  และยารุกต์ก็จะซื่อสัตย์ต่อเขาไปตลอดการ  กริดแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมาจนน่าขนลุก

       'ฉันจะเปลี่ยนชื่อของแกเป็นยาคูลท์'

       เครื่องดื่มราคา 200 วอนที่กริดชอบทานตั้งแต่ยังเด็ก  ชื่อยารุกต์นั้นอ่านออกเสียงยากเกินไป  คงเป็นการดีกว่าหากเขาจะเรียกมันตามที่ตัวเองถนัด

       "หึหึหึ...!"

       ดาบอสูรยารุกต์  วิชาดาบของมันสูสีกับพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของจอมอสูร  อีกเพียงไม่นาน  ดาบอสูรผู้สูงส่งตนนี้ก็จะถูกใครบางคนเหยียบย่ำศักดิศรีจนป่นปี้

       ***

       ยูร่าเข้าร่วมปาร์ตี้ตั้งแต่เมืองแวมไพร์ที่ 14 เป็นต้นไป  เลเวลของเธอตอนนี้คือ 203   ก็จริงอยู่ที่ยูร่าอาจเคยเป็นอันดับห้าของโลกมาก่อน  แต่เลเวลในตอนนี้  มันไม่น้อยไปหน่อยงั้นหรือ?  สมาชิกทุกคนต่างคิดว่า  สถานที่แห่งนี้ยังไม่เหมาะสมกับยูร่า  นอกจากจะช่วยแบ่งเบาภาระไม่ได้แล้ว  ธงอาจกลายเป็นภาระเสียเอง

       แต่ความคาดหมายของทุกคนก็ต้องพังทลาย  คลาสเกรดเลเจนดารี  นักล่าอสูร  ดูเหมือนจะเป็นไพ่ตายที่ใช้สังหารเผ่าอสูรทั้งหมดบนโลก  แวมไพร์เองก็ไม่เว้น  ยูร่าสำแดงพลังที่เหนือจินตนาการให้ทุกคนได้เห็น

       ปัง! ปังปังปัง!

       หนึ่งในอาวุธของนักล่าอสูรคือปืนเวทย์มนต์  เป็นอาวุธที่ต้องสร้างจากโรงแปรธาตุเท่านั้น  แถมอาวุธชนิดนี้ยังต้องการฝีมือการควบคุมที่สูงมาก  กระสุนเวทย์มนต์ที่ใช้ยิง  เกิดจากการบีบอัดพลังเวทย์ลงไป  ซึ่งกระบวนการนี้ต้องใช้สมาธิอย่างมาก  ผู้เล่นต้องกะปริมาณพลังเวทย์ให้คงที่  และรีบยิงออกไปอย่างรวดเร็วฉับไว

       การโจมตีแต่ละครั้งต้องย่างเก้าหลายจังหวะ  ไม่มีสิ่งไหนคือเรื่องง่ายสำหรับนักล่าอสูร  ถ้ากริดเกิดต้องใช้ปืนเวทย์มนต์ขึ้นมาล่ะก็  เขาคงล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน  การยิงแต่ละนัดอาจต้องใช้เวลานานถึงสามนาที

       แต่ยูร่านั้นต่างออกไป  ด้วยความที่มีอดีตเป็นสุดยอดจอมเวทย์มืดของโลก  เธอนำมันมาปรับใช้กับปืนเวทย์มนต์ได้อย่างไร้ที่ติ  ผนวกกับพรสวรรค์ที่มี  แม้แต่ผู้เล่นคลาสนักแม่นปืนเวทย์มนต์แท้ๆ ที่เล่นมานานก็ยังต้องชื่นชมในตัวเธอ

       "อ๊ากกก!"

       "กรี๊ดดดด!"

       ปืนพกสีขาวในมือ  ช่างกลมกลืนกับผิวพรรณอันขาวนวล  ทุกครั้งที่เธอยิงกระสุนเวทย์ออกไป  แวมไพร์ระดับต่ำพลันได้รับบาดเจ็บเจียนตาย

       "เกิดอะไรขึ้น...?"

       บรรดาแวมไพร์ต่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น  หญิงสาวผมดำขลับเงางามที่มัดรวบไว้เรียบร้อยตรงหน้า  ด้วยความเลอโฉมของเธอ  แม้แต่แวมไพร์ที่มองมนุษย์เป็นเพียงเหยื่อยังต้องถูกสะกด  หญิงสาวคนนี้แม้ไม่มีพลังเทพ  แต่เหตุใดกลับส่งผลร้ายต่อเผ่าพันธุ์แวมไพร์ได้ถึงเพียงนี้?

       การกลายร่างเป็นควันไม่ได้ผล  แม้จะอยู่ในร่างควัน  แต่หญิงสาวปริศนาคนนี้ก็ยังโจมตีพวกมันได้อยู่       

       "แกเป็นใครกันแน่?"

       แวมไพร์ตนหนึ่งตะโกนขึ้นเมื่อเห็นพวกพ้องถูกสังหารตนแล้วตนเล่า  เผ่าพันธุ์ของมันเป็นถึงนักล่าชั้นสูงของห่วงโซ่อาหารมานาน  แต่ยามนี้กลับกำลังหวาดกลัวต่อมนุษย์...

       แถมยังเป็นหญิงสาวชาวเกาหลีใต้...  ความรักชาติของพีคซอร์ดพลันเอ่อล้นออกมา

       "พวกแกรู้จักยูร่าไหม!!?  วู้ววว!"

       "...เจ้าบ้านั่น  ภาษาอังกฤษคำเดียวที่พูดเป็นคือ <พวกคุณรู้จัก...> ใช่ไหม?"

       "แถมยังใช้ผิดหลักแกรมม่าด้วย"

       สมาชิกปาร์ตี้ต่างพากันส่ายหัวให้กับความสุดโต่งของพีคซอร์ด  ส่วนยูร่ากำลังมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการต่อสู้  นักล่าอสูรจะมีทักษะติดตัวชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า<ชำระล้าง>   ซึ่งผลของการชำระล้างจะถูกอัดแน่นอยู่ในกระสุนที่ยูร่าสร้างขึ้น  และเธอมันจะยิงออกไปด้วยทักษะ<สะกดข่มเผ่าอสูร>

       ปัง!  ปังปัง!

       ข้อได้เปรียบสูงสุดของปืนเวทย์มนต์คือความเร็วในการพุ่งของกระสุน  กระสุนเวทย์พุ่งเร็วจนยากจะตอบโต้ได้ทัน  แตกต่างจากลูกธนูอย่างสิ้นเชิง  

       แต่ปัญหาใหญ่หลวงที่สุด...  ความเร็วในการยิงแต่ละนัดนั้นเชื่องช้ามาก

       ไม่เหมือนกับปืนสมัยใหม่  ปืนเวทย์มนต์นั้นจำเป็นต้องบรรจงอัดพลังเวทย์เข้าไปอย่างใจเย็นเพื่อใช้เป็นกระสุน  ทำให้การยิงแต่ละนัดกระทำได้ล่าช้า  สิ่งนี้คือปัญหาพื้นฐานที่แม้แต่พรสวรรค์ของยูร่าก็ไม่อาจเอาชนะได้

       เปรี้ยง!

       ยูร่ายิงเข้าไปที่ศีรษะของแวมไพร์ตนหนึ่งและทำการอัดพลังเวทย์เข้าไปใหม่

       "ไอ้พวกมนุษย์บัดซบ!"
       
       แวมไพร์ที่เหลือรอดต่างกรูเข้ามาหวังใช้เล็บอันแหลมคมข่วนใส่ยูร่า

       "แย่แล้ว!"

       แวนเนอร์  ตัวแทงค์เพียงหนึ่งเดียวของปาร์ตี้  เขากำลังปกป้องเซ็ดนอสอยู่  ก่อนหน้านี้ไม่นาน  เซ็ดนอสได้ลงเวทย์ใหญ่และดึงดูดความสนใจของแวมไพร์จำนวนมาก  แวนเนอร์ไม่อาจปลีกตัวไปช่วยยูร่าได้เลย  ในขณะที่แวนเนอร์กำลังยืนอึ้ง  มีใครบางคนได้รีบวิ่งหน้าตาตื่นเข้าไปหายูร่า

       "ยูร่า!"
       
       ชายคนดังกล่าวเรียกชื่อของยูร่าด้วยความเป็นห่วง  กริดงั้นหรือ?  ไม่เลย  กริดกำลังมีปัญหาอยู่กับยารุกต์  แถมเขาก็ไม่ได้สนใจยูร่าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว  ผู้ที่วิ่งเข้าไปช่วยยูร่าไว้คือพีคซอร์ด  ยูร่าเป็นถึงอัณมณีล้ำค่าของเกาหลีใต้  พีคซอร์คจะไม่มีวันปล่อยให้เธอได้รับบาดเจ็บเด็ดขาด

       "ฉันมาช่วยแล้ว!  ยูร่า!"

       พีคซอร์ดตะโกนลั่น  แต่อันที่จริง  ยูร่าไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากใคร  เธอเป็นถึงคลาสเกรดเลเจนดารี  แถมยังเป็นคลาสเลเจนดารีที่มุ่งเน้นในการต่อสู้

       ฉัวะ!

       ยูร่าเก็บปืนเวทย์มนต์เข้าไปและชักดาบออกมา  เธอใช้ทักษะ<ดาบเฉิดฉาย>ฟาดฟันเข้าใส่แวมไพร์  ผิวหนังของพวกมันพลันไหม้เกรียมในพริบตา  พีคซอร์ดอดชื่นชมกับฉากการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมตรงหน้าไม่ได้

       "เธอใช้วิชาดาบได้ด้วยหรือ...!"

       ใช่แล้ว… อาวุธหลักของนักล่าอสูรไม่ใช่ปืนเวทย์มนต์  นักล่าอสูรนั้นมีทักษะติดตัวที่ชื่อ<ชำนาญอาวุธทุกชนิด>  ส่งผลให้ยูร่าสามารถใช้อาวุธประเภทใดก็ได้  เพียงแต่ทักษะโจมตีส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่อาวุธประเภทปืนเวทย์มนต์และดาบมือเดียว 

       "พวกแกทำเป็นเก่งได้แค่กับแวมไพร์ชั้นต่ำเท่านั้นแหละน่า!"

       เมื่อแวมไพร์ระดับกลางเห็นแวมไพร์จูเนียร์ถูกยูร่าเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว  พวกมันก็หมายหัวเธอเป็นเหยื่อทันที  สีหน้าของยูร่าเริ่มตื่นตระหนก  แวมไพร์จูเนียร์นั้นมีเลเวลอยู่ในช่วง 200  แต่แวมไพร์ระดับกลางจะมีเลเวลราว 280   ความต่างของเลเวลระหว่างแวมไพร์ระดับกลางกับยูร่ามีมากเกินไป  เธอไม่อาจสร้างความเสียหายให้พวกมันได้มากนัก

       "พวกแกกำลังมองไปทางไหนกัน?"

       ในขณะที่ยูร่าคิดหาทางหลบ  เสียงของจิสึกะก็ดังขึ้น

       "ศัตรูของพวกแกคือฉันต่างหาก!"

       ฉึกฉึกฉึก!
       
       ตู้มตู้มตู้ม!       

       ลูกธนูเกิดการหมุนควงสว่านและเสียบทะลุหัวใจของแวมไพร์ระดับกลาง  จิสึกะใช้คอมโบศรร่ายรำต่อทันที  เกิดเป็นระเบิดรุนแรงขึ้นบนร่างกายพวกมัน
       
       "ไม่ได้คิดจะช่วยเธอหรอกนะ  ฉันแค่ต้องการค่าประสบการณ์เท่านั้น"

       ยูร่าพลันอมยิ้ม

       'มีความสุขจัง'

       ด้วยพรสวรรค์และความงาม  ยูร่าต้องโดดเดี่ยวอยู่เสมอ  หญิงสาวด้วยกันเองบ้างก็ริษยา  บ้างก็ตีสนิทเพื่อหวังยืมเงิน  ยูร่าจึงไม่เคยเปิดใจยอมรับใครมาก่อน  แต่กับสมาชิกโอเวอร์เกียร์นั้นต่างออกไป

       คนเหล่านี้ล้วนมีพรสวรรค์ทัดเทียมเธอ  ไม่มีใครปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นคนพิเศษ  ในที่สุดยูร่าก็เข้าใจ  ว่าการมีความสุขไปพร้อมกับพวกพ้อง  ดีกว่าต้องอยู่คนเดียวเป็นไหนๆ

       'คิดไม่ผิดที่ตัดสินใจเข้าโอเวอร์เกียร์'

       เหตุผลหลักที่ยูร่าเข้าโอเวอร์เกียร์คือกริด  แม้การเก็บเลเวลและไต่อันดับแร้งเกอร์จะเป็นเป้าหมายส่วนหนึ่ง  แต่สาเหตุใหญ่ก็ยังเป็นเพราะกริด  ที่ทำให้เธอตัดสินใจเลือกเข้ากิลด์  กริดแตกต่างจากผู้ชายทุกคนที่เธอเคยพบ  กริดไม่เคยแยแสยูร่า  แถมในบางครั้ง  เขากลับแสดงท่าทีรำคาญเธอให้เห็น...

       ความเย็นชาจากกริด  ยิ่งทำให้ยูร่าสนอกสนใจในตัวกริดมากขึ้น  เธอเป็นพวกมาโซคิสงั้นหรือ?  ไม่ใช่แบบนั้นเลย (มั้ง)  ยูร่าแค่ชื่นชอบผู้ชายที่ไม่ใส่ใจกับความงามของเธอ  ไม่ตามติดเธอจนน่ารำคาญ  แถมยิ่งในงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติครั้งที่หนึ่ง  กริดปรากฏตัวช่วยยูร่าในยามคับขันราวกับอัศวินขี่ม้าขาว  เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ยูร่ามองกริดในอีกมุมหนึ่ง  เขาดูเท่ห์มากในสายตาของเธอ  และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกหลงรักใครสักคน  ยูร่าขอเพียงได้อยู่ใกล้ชิดกับกริดให้มากขึ้น  เท่านั้นก็พอ

       แต่ตอนนี้  เมื่อเวลาผ่านไป  กลายเป็นว่า  เธอชื่นชอบกิลด์โอเวอร์เกียร์จากใจจริง

       "ที่นี่แหละ!"

       เพล้งงง!

       หลังจากตระเวนอยู่ภายในเมืองแวมไพร์ที่สิบราวสองวัน  ทันทีที่กระจกหน้าต่างแตกออก  ผู้ปกครองสูงสุดของดันเจี้ยนก็ปรากฏตัวขึ้น ณ ใจกลางเมือง  เฉกเช่นเมืองที่ 14 15 12 และ 11  บอสเมืองนี้เป็นแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ชั้นบารอน

       "กล้ายุ่มย่ามกับเมืองของฉันคนนี้เชียวรึ!  ยกโทษให้ไม่ได้!"

       ซู่วววว

       เวทย์โลหิตพุ่งกระจายออกทุกทิศทาง  ถือเป็นพลังเวทย์อันทรงพลังที่บอสทั่วไปไม่อาจเทียบติด  แต่นั่นยังห่างชั้นกับเอลฟิน-สโตนอยู่มาก  พวกเขาในที่นี้เคยเผชิญหน้ากับความโหดร้ายของเอลฟิน-สโตนมาหมดแล้ว  ดังนั้น  ของแค่นี้จึงไม่ทำให้รู้สึกสั่นสะท้านแม้แต่น้อย

       "ร่างมืด"

       กริดใช้พลังที่แท้จริงตั้งแต่เริ่ม  ดาบยาวสีแดงผสานกับพลังอสูรสีดำอย่างลงตัว  เขาดูราวกับเป็นยมทูตในสายตาของเหล่าแวมไพร์

       "ท--ทำไมมนุษย์ถึงแข็งแกร่งขนาดนี้...?"

       เพียงไม่นาน  บอสของเมืองแวมไพร์ที่สิบก็กลายเป็นฝุ่นควันสีดำ  แหวนแวมไพร์ดรอปหนึ่งวง  มันถูกจัดสรรไปให้สมาชิกปาร์ตี้ตามปรกติ

       "ดีล่ะ"

       ในที่สุด  ค่าความเข้าใจในยารุกต์ก็เพิ่มขึ้นถึง 20%  แม้จะดูเชื่องช้ามาก  แต่ก็ยังดีกว่าไม่เพิ่มเลย  เป็นอีกครั้งที่กริดลั่นวาจาในใจ  ว่าจะต้องเปลี่ยนชื่อของยารุกต์  ให้กลายเป็นยาคูลท์ให้ได้

       หลังจากค้นหาพาเฟรเนี่ยมอยู่พักหนึ่ง  กริดก็มีโอกาสได้เผชิญหน้ากับดวงวิญญานของบราฮัมอีกครั้ง  โดยล่าสุดที่คนทั้งสองได้พบกัน  คือราวหนึ่งปีกับอีกหกเดือนก่อนในเวลาซาทิสฟาย
       
[ ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า!  ในที่สุดเราก็ได้พบกัน! ]

       'เอ๋?'

       เป็นการพบพานที่ไม่คาดฝัน  ส่วนหนึ่งเพราะดวงวิญญานของบราฮัมไม่ปรากฏขึ้นเลยในเมืองแวมไพร์ที่ 11 ถึง 15   ด้วยความสัตย์จริง  กริดเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าในซาทิสฟายมีจอมเวทย์ที่ชื่อบราฮัมอยู่

       'หมอนั่นจะโกรธเรารึเปล่านะ'

       กริดขโมยพาเฟรเนี่ยมโดยไม่คิดทำภารกิจ  การกระทำเช่นนี้  ไม่ว่าเป็นใครก็ย่อมต้องโกรธ  เขากล่าวทักทายกับบราฮัมด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วน

       "ม--ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"

       แต่สิ่งที่บราฮัมตอบกลับมา… ทำให้กริดพลันต้องประหลาดใจ

[ ได้โปรด… ช่วยฉันด้วย! ]

       นอกจากจะไม่โกรธ  บราฮัมกลับขอร้องด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน  แตกต่างจากบราฮัมที่กริดเคยรู้จัก  ภารกิจประจำคลาสที่ทอดทิ้งไว้นานแสนนาน  ในที่สุดมันก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง

Comments

  1. โอ้ ในที่สุดภาระกิจ ของกริดก็เปลี่ยน รอลุ้นะรุ่งนีิ

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณคนแปลครับ

    ReplyDelete
  3. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete
  4. ได้ไปสุสานดาบแล้วไวกว่าที่คิด จะมีของอะไรของแพ็กม่าหหรืออยู่บ้างไหมนะ หวังว่าจะไม่เจอหมาบ้าอีก

    ReplyDelete
  5. ไอ้เรื่องยาคูลท์นี่นึกว่าพูดเล่น เอ็งเอาจริงหรอกเรอะ

    ReplyDelete
  6. บราฮัมจอมเวทในตำนาน

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00