จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 304
[ ท่านรวมรวม ??? ครบสามชิ้นส่วน ]
[ ข้อมูลของไอเท็ม <ชิ้นส่วน ???> มีการเปลี่ยนแปลง ]
ชิ้งงงง~
=======
[ ชิ้นส่วนกระจกสีชาด ]
ส่วนส่วนกระจกที่สร้างขึ้นจากศิลาโลหิต
ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงประโยชน์ของมัน
องค์ชายลำดับที่สามของจักรวรรดิซาฮารันกำลังตามหากระจกชิ้นนี้ ขอแนะนำให้ท่านรวบรวมชิ้นส่วนให้ครบ และนำมันไปมอบให้เขา
_______
น้ำหนัก : 3
=======
'นี่มัน...!'
เมื่อข้อมูลชิ้นส่วนปริศนาเผยออกมา สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นในหัวกริด...
'โล่อะมิทิสต์!'
=======
[ โล่อะมิทิสต์ ]
เกรด : อีปิก
ความคงทน : 200
พลังป้องกัน : 200
พลังป้องกันเวทย์ : 200
_______
โล่อันงดงามที่จะส่องประกายออกมาเป็นแสงสีม่วง แดง หรือดำขึ้นอยู่กับมุมมอง ถือเป็นสัญลักษณ์ที่จะมอบให้กัปตันของกองอัศวินสีชาดเท่านั้น
มันคือไอเท็มที่สูญหายไปเมื่อสามปีก่อน ในขณะที่ปิอาโร่ ผู้ที่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ ได้หลบหนีเข้ามาอยู่ภายในอาณาจักรอีเทอนัล
องค์ชายลำดับที่สามของจักรวรรดิซาฮารันกำลังตามหามันอยู่ ขอแนะนำให้ท่านนำมันไปมอบให้เขา
_______
น้ำหนัก : 350
=======
มันคือไอเท็มที่เขาได้มันมานานแล้ว ราวหนึ่งปีก่อนในเวลาซาทิสฟาย ผู้พิทักษ์พงไพรร่างจริงคือบอสที่ดรอปโล่อันนี้มาให้ ณ ตอนนั้น กริดไม่เห็นโอกาสที่จะได้พบกับองค์ชายลำดับที่สามของจักรวรรดิแม้แต่นิดเดียว เขาจึงเก็บใส่กระเป๋าสัมภาระและลืมมันไปเรียบร้อยแล้ว
'แม้ประสิทธิภาพจะไม่ค่อยดีนัก แต่เราก็เก็บไว้เพราะมันคือไอเท็มภารกิจ'
เขาลืมได้ยังไงกันนะ...?
'เอาน่า… คนที่มีเรื่องต้องทำเยอะแบบเรา จะลืมเรื่องเล็กน้อยบ้างก็ไม่แปลกอะไร'
ความจำของกริดไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาเผชิญหน้ากับหลายเหตุการณ์ติดต่อกันจนลืมไป
'ดูเหมือนว่า ทางจักรวรรดิกำลังจะมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นสินะ เพราะองค์ชายลำดับสามถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งมาก'
เอาไปถามอดีตกัปตันกองอัศวินสีชาดอย่างปิอาโร่ดีไหมนะ?
'ไว้จบการเดินทางคราวนี้ค่อยถามรายละเอียดดีกว่า'
กริดทำการตรวจสอบไอเท็มที่เหลือต่อไป
"การตรวจสอบของช่างตีเหล็กในตำนาน"
[ ช่างตีเหล็กในตำนานมีสายตาแหลมคมดุจดั่งพญาเหยี่ยว หากไอเท็มมีคุณสมบัติลับซ่อนอยู่ มันจะไม่อาจรอดพ้นสายตาของเขาไปได้ ]
=======
[ ยารุกต์ ]
เกรด : ยูนีค(เติบโต)
ความคงทน : 351/351
พลังโจมตี : 793
_______
* ทักษะความชำนาญดาบของท่านจะเพิ่มขึ้นห้าเลเวล
* ได้รับทักษะ <โลหิตกรีดร้อง>
* เมื่อโจมตีโดนเป้าหมาย เป้าหมายจะได้รับผลการรักษะลดลง 50%
* การโจมตีคริติคอลจะทำให้เป้าหมายตกอยู่ในอาการ<เลือดไหล>เป็นเวลาสามวินาที ความเสียหายจากอาการเลือดไหลจะรุนแรงตามอัตราส่วนพลังโจมตีของท่าน
* หากท่านทำสามคอมโบสำเร็จ เป้าหมายจะติดอาการ<เลือดไหล>ด้วยความรุนแรงสูงสุด และเป้าหมายจะถูกโจมตีแรงขึ้น 200% เป็นเวลาหนึ่งวินาที
* หากท่านทำห้าคอมโบสำเร็จ เป้าหมายจะสูญเสียความสามารถในการตัดสินใจเป็นเวลา 0.3 วินาที ณ ตอนนั้น ท่านสามารถใช้ทักษะ <ดาบขุมนรก> ได้
_______
ยารุกต์คือดาบที่สร้างขึ้นจากช่างตีเหล็กเพียงคนเดียวของขุมนรก ส่วนประกอบที่ใช้คือดวงวิญญานยารุกต์และศิลาโลหิต พลังโจมตีของมันมีสูงมากแม้จะเป็นเพียงดาบมือเดียว
ดวงวิญญานของยารุกต์ที่ฝังอยู่ จะช่วยให้ผู้สวมใส่ได้รับสุดยอดวิชาดาบติดตัว แต่คงเป็นการยากที่จะให้ยารุกต์ยอมรับใครสักคนเป็นเจ้านายของมัน
_______
เงื่อนไขการสวมใส่ : ผู้ที่ถูกยารุกต์เลือกให้เป็นนาย
น้ำหนัก : 290
=======
[ ไม่พบคุณสมบัติลับไอเท็ม ]
'ส--สุดยอด...!'
ดาบใหญ่เกรดเลเจนดารีมีพลังโจมตี 1,040~2,166 หน่วย แต่ยารุกต์ที่เป็นดาบมือเดียวกลับมีพลังโจมตีเกือบ 800 ถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก เพราะโดยทั่วไป ดาบใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่พลังโจมตี ส่วนดาบมืดเดียวจะมุ่งเน้นไปที่ความเร็ว
'แถมยังเพิ่มทักษะความชำนาญการใช้ดาบถึงห้าระดับ ความเสียหายโดยรวมตอนนี้คงใกล้เคียงกับ<ความผิดพลาด>แล้ว แถมในอนาคต เมื่อมันพัฒนากลายเป็นเกรดเลเจนดารี ถึงตอนนั้นคงสุดยอดเกินกว่า<ความผิดพลาด>หลายเท่า'
มันคือสุดยอดอาวุธประเภทดาบ ไม่เพียงแต่วัสดุที่ทำขึ้นจะมีระดับสูงกว่าโอริชาลคั่มสีน้ำเงิน แต่ดูเหมือนช่างตีเหล็กที่สร้างมันขึ้นมาก็จะยอดเยี่ยมกว่ากริดด้วย
'ช่างตีเหล็กคนเดียวของขุมนรก...'
กริดพลันนึกถึง เฮลมิส หนึ่งในเผ่าอสูรที่เขาพบเมื่อตอนไปเกิดในขุมนรกด้วยสถานะร่างมืด
'เป็นผลงานของหมอนั่นงั้นหรือ?' แต่มันค่อนข้างจะแปลกสักหน่อย
'ถ้ามีโอกาสได้พวกันอีก จะขอให้เขาสอนดีไหมนะ? ดูเหมือนเขาจะชื่นชอบช่างตีเหล็กด้วยกัน'
กริดเริ่มคาดหวัง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ต้องการลงนรกอยู่ดี แน่ล่ะ ถึงขุมนรกจะไม่เหมือนกับที่จินตนาการไว้ก็เถอะ โลกที่สงบสุข ท้องฟ้าสีครามและผืนหญ้าเขียวขจี ดูเหมือนเผ่าอสูรก็จะเป็นมิตรมากกว่าที่คิดไว้
แต่การตัดสินใจเพียงผิวเผินอาจก่อให้เกิดผลร้าย เขาจะถูกรูปลักษณ์ภายนอกหลอกตาไม่ได้เด็ดขาด
'ขุมนรกคือดินแดนของสิ่งชั่วร้าย'
กริดต้องเลี่ยงสถานที่แห่งนั้นให้มากที่สุด เขาไม่รู้ว่ามีอัตรายมากมายแค่ไหนรออยู่ กริดล้มเลิกความตั้งใจที่จะกลับไปพบเฮลมิส หลังจากนั้นก็หันไปตรวจสอบแหวนของเอลฟิน-สโตน
[ ช่างตีเหล็กในตำนานมีสายตาแหลมคมดุจดั่งพญาเหยี่ยว หากไอเท็มมีคุณสมบัติลับซ่อนอยู่ มันจะไม่อาจรอดพ้นสายตาของเขาไปได้ ]
=======
[ แหวนเอลฟิน-สโตน ]
เกรด : อีปิก (เติบโต)
_______
* เมื่อทำการโจมตีธรรมดา ความเสียหายที่ท่านสร้างขึ้น 12% จะแปรเปลี่ยนเป็นพลังชีวิต
* เมื่อทำการโจมตีด้วยทักษะ ความเสียหายที่ท่านสร้างขึ้น 5% จะแปรเปลี่ยนเป็นพลังชีวิต
* เอฟเฟคนี้จะแสดงผลทุกๆ 21 วินาที
* พละกำลัง ความอดทน และพลังชีวิต +20
_______
แหวนที่อัดแน่นไปด้วยพลังเวทย์ของเอิร์ลเอลฟิน-สโตน
มันจะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับผู้สวมใส่
_______
น้ำหนัก : 1
=======
'นี่ก็เจ๋งไม่แพ้กัน...!'
ในซาทิสฟาย โพชั่นฟื้นพลังจะมีระยะหน่วงหลังใช้นาน แถมคลาสจำพวกฮีลเลอร์ก็มีจำนวนน้อยมาก ดังนั้น มูลค่าของแหวนแวมไพร์จึงไม่อาจตีเป็นเงินได้ โดนเฉพาะแหวนเอลฟิน-สโตนวงนี้ การโจมตีด้วยทักษะจะให้ผลดูดเลือด 5% งั้นหรือ? สิ่งนี้ไม่เคยมีปรากฏในซาทิสฟายมาก่อน ทักษะโจมตีเกรดเลเจนดารีของกริดได้รับประโยชน์ไปเต็มเม็ดเต็มหน่วย จุดเสียเพียงอย่างเดียวคือการที่ระยะหน่วงนานถึง 21 วินาที แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
'ยังมีค่าสถานะแถมมาอีก 60 แต้ม...'
เทียบเท่ากับเลเวลอัพหกครั้งเลยใช่ไหม? หัวใจของกริดเต้นสูบฉีด เขารู้สึกดีใจที่มีสุดยอดเครื่องประดับมาเสริมต่อจากแหวนโดรันและแหวนดาร์คบัส นับว่าคุ้มค่าแล้วกับการยอมสละชีวิตเพื่อฆ่าเอลฟิน-สโตน
ยังมีข้อความระบบแสดงขึ้น
[ ท่านตรวจพบคุณสมบัติลับของไอเท็ม ]
[ ข้อมูลของ <แหวนเอลฟิน-สโตน> มีการเปลี่ยนแปลง ]
"...!"
เมื่อได้เห็นคุณสมบัติของแหวนเอลฟิน-สโตน กริดพลันตาลุกวาว
[ * หากแหวนวงนี้พัฒนาไปเป็นเกรดเลเจนดารีเมื่อใด ผู้สวมใส่จะสามารถอัญเชิญแวมไพร์เอิรล์ เอลฟิน-สโตนออกมาได้ ]
"...หือ?"
เขาสามารถอัญเชิญบอสซึ่งแข็งแกร่งและโหดร้ายที่สุดที่เคยสู้ด้วยออกมาได้งั้นหรือ? คำอธิบายไม่ได้เขียนไว้ว่า ผู้ถูกอัญเชิญจะกลายเป็นลูกน้องคนสวมแหวนรึไม่ หรือว่าจะเป็นศัตรูกันนะ? แต่ในทางสามัญสำนึก มันควรจะถูกอัญเชินออกมาในฐานะลูกน้อง
กริดกำหมัดแน่นอย่างสะใจ เขาขนลุกซู่เมื่อจินตนาการภาพของเอลฟิน-สโตนถูกอัญเชิญออกมาเป็นทาส แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่คอยกวนใจอยู่ กริดหันไปมองสมาชิกปาร์ตี้ทุกคน
"พวกนายก็รู้ถึงมูลค่าของไอเท็มเหล่านี้ดีใช่ไหม? การที่ฉันจะยึดเป็นของตัวเองคนเดียวมันออกจะ..."
ทุกคนอมยิ้มให้กริด
"สิ่งที่นายเคยมอบให้พวกเราก็ประเมิณค่าเป็นเงินทองไม่ได้เช่นกัน"
"อย่าลืมสิ… พวกเรามีช่างตีเหล็กในตำนานคอยสร้างสุดยอดไอเท็มให้โดยไม่คิดเงินสักเหรียญเดียว แม้จะต้องหาวัสดุมาให้ก็เถอะ"
"อีกอย่าง นายคือคนสำคัญในการล้มเอลฟิน-สโตน"
"ถ้าไม่เพราะนาย พวกเราคงไม่ใครคิดล่าเอลฟิน-สโตนแน่นอน"
"ทุกคน..."
กริดรู้สึกซาบซึ้งใจกับเพื่อนทุกคนที่ช่วยเหลือในภารกิจคราวนี้ ยิ่งพวกเขาทำดี กริดก็ยิ่งมีคำถามในใจ มีเพื่อนที่ประเสริฐเช่นนี้อยู่บนโลกด้วยงั้นหรือ? ชายหนุ่มลั่นวาจาอีกครั้ง เขาจะต้องตอบแทนความจริงใจของทุกคนกลับไปเป็นสองเท่าให้ได้ แต่ก่อนอื่น มีบางสิ่งที่ต้องรีบทำ
"จิสึกะ ยิงศรฟินิกซ์มาที่ตรงนี้หน่อยสิ"
"หือ? ทำไมกัน?"
ศรฟินิกซ์เป็นทั้งเครื่องสำแดงพลังอำนาจและไพ่ตายในเวลาเดียวกัน มันคือทักษะการโจมตีอันทรงพลัง ที่จะเรียกวิหคไฟออกมาสร้างทะเลเพลิงอันร้อนแรง เหตุใดกริดถึงต้องการศรฟินิกซ์ในเวลาเช่นนี้? กริดชี้นิ้วไปยังมาพาเฟรเนี่ยมที่จิสึกะมอบให้
"ฉันจะถลุงมัน"
"..."
นั่นสินะ ในอดีต กริดเคยทำเช่นนี้มาแล้วครึ่งหนึ่ง ถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าพิศมัยเลยสักนิดเดียว ชายหนุ่มต้องการสุดยอดทักษะอันทรงพลังมาแทนที่เปลวเพลิงสำหรับการหลอมโลหะ ศักดิ์ศรีของจิสึกะถูกย่ำยี แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องของหัวหน้ากิลด์เพียงเพราะศักดิ์ศรีส่วนตัวได้เช่นกัน แถมตอนนี้ยูร่ากำลังยืนมองอยู่ จิสึกะจะต้องแสดงให้เห็นว่าเธอมีประโยชน์กับกริดมากกว่า
"...เข้าใจแล้ว"
จิสึกะเริ่มใช้ศรฟินิกซ์ ถือเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากหากเทียบกับความหยิ่งทระนงที่มี สมาชิกที่เหลือต่างยืนมองด้วยสีหน้าสงสาร
'กริดไม่เข้าใจหัวอกของหญิงสาวเลย...'
'หมอนี่ไม่ละเอียดอ่อนเลยสักนิด...'
'จิสึกะที่น่าสงสารของพวกเรา ดันไปตกหลุมรักผู้ชายที่ไม่เคยหันมาเหลียวแล...'
เคร้ง! เคร้ง!
กริดกลายเป็นตัวร้ายที่สนใจเรื่องตีเหล็กในทันที เขาใช้ไฟดังกล่าวเมื่อถลุงพาเฟรเนี่ยมและนำมันไปติดกับส่วนด้านจับเล็กๆ ของหอกไลฟาเอล ทำให้ในตอนนี้ เขาสามารถหยิบหอกไลฟาเอลออกมาใช้โจมตีได้แล้ว
แต่นี่ก็ยังไม่สมบูรณ์ ในการจะสร้างหอกไลฟาเอลที่แท้จริง เขาจำเป็นต้องรวบรวมพาเฟรเนี่ยมอีก 14 ชิ้นที่เหลือให้ได้
'ถ้าเราทำสำเร็จล่ะก็...'
ด้ามหอกจะยาวขึ้น และสามารถสำแดงประสิทธิภาพที่แท้จริงของหอกออกมาได้ เมื่อถึงตอนนั้น มันอาจมีพลังสูสีหรือสูงเกิรกว่ายารุกต์เกรดเลเจนดารีเสียอีก
"ส่งไอเท็มที่พวกนายต้องซ่อมมาให้ฉัน"
กริดแบมือออกไป พวกเขาส่งไอเท็มที่เสียหายหนักมาให้กริดซ่อมทีละคน
เคร้ง! เคร้ง!
สมกับเป็นช่างตีเหล็กในตำนาน กริดมีคิวซ่อมมากมายนับสิบชิ้น แต่ด้วยความเร็วที่สูงกว่าช่างซ่อมทั่วไปหลายเท่า งานของเขาก็เสร็จในเวลาไม่นาน ดูเหมือนพลังที่แท้จริงของกริดจะปรากฏก็ต่อเมื่อเขาจับค้อน
หลังจากนั้น
"รีบไปกันเถอะ"
หลังจากเสร็จเรื่องจุกจิก ปาร์ตี้ของกริดก็เดินทางออกจากเมืองแวมไพร์ที่ 13 ไปยังเมืองแวมไพร์ที่ 14 พวกเขามีแผนจะเคลียร์เมืองที่ 14 และ 15 ก่อน ค่อยกลับไปไล่ลงจาก 12 ถึงหนึ่งทีหลัง ทุกคนไม่ประมาท พวกเขาประเมินไว้ว่า ผู้ปกครองของทุกเมืองแวมไพร์ที่เหลือน่าจะแข็งแกร่งกว่าหรือไม่ก็เทียบเท่าเอลฟิน-สโตนได้เลย แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครหวาดกลัวหรือกังวล
นั่นเป็นเพราะมีกริดอยู่ด้วย แถมการมาเสริมของยูร่า สองสิ่งนี้ทำให้ทุกคนวางใจไปหลายส่วน โดยเมืองที่ 14 และ 15 จบลงอย่างผิดคาด การเคลียร์ไม่ยากอย่างที่คิด เป็นเพราะผู้ปกครองของทั้งสองเมืองเป็นเพียงแวมไพร์ชั้นบารอน ไม่ใช่เอิร์ล พวกมันอ่อนแอกว่าเอลฟิน-สโตนหลายเท่า
"ก็แน่ล่ะ ถ้าแวมไพร์ที่ทรงพลังเฉกเช่นเอลฟิน-สโตนมีจำนวนมากล่ะก็ ป่านนี้ทวีปของมนุษย์คงถูกแวมไพร์ยึดครองไปนานแล้ว"
ทุกคนได้รู้แล้วว่า เมืองแวมไพร์ที่ 13 นั้นเป็นข้อยกเว้นกรณีพิเศษ อันที่จริง เมืองแวมไพร์แห่งอื่นสามารถถูกเคลียร์ได้ง่ายกว่าที่พวกเขาคิดไว้ ในขณะที่ทุกคนกำลังยิ้มอย่างสบายใจ...
สีหน้าของกริดกลับกำลังบูดบึ้งสุดขีด
สนุกสนานมากมายครับ
ReplyDeleteThis comment has been removed by the author.
ReplyDelete