จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 299
ในทางทฤษฏี การจะเอาชนะบอสตัวนี้ได้ ก็ต่อเมื่อปาร์ตี้สกัดการร่ายเขตแดนโลหิตสำเร็จเท่านั้น แต่ท้ายที่สุดก็ลงเอยด้วยความล้มเหลว เอลฟิน-สโตนเผยพลังที่แท้จริงออกมาและกางเขตแดนโลหิตในพริบตา โอกาสเอาสำเร็จของพวกเขาลดต่ำลงมาก ถ้าหากเอลฟิน-สโตนไม่ถูกสังหารภายในสามนาที สมาชิกปาร์ตี้ทุกคนยกเว้นกริดจะต้องตาย
'เราต้องแข็งแกร่งกว่านี้'
ไม่เหลือเวลาให้ออมมืออีกแล้ว กริดรีบหยิบเครื่องประดับสองชิ้นออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ
=======
[ แหวนดาร์คบัส ]
เกรด : ยูนีค
ความคงทน : 15/15
_______
แหวนที่สวมใส่โดยข้ารับใช้ลำดับที่เจ็ดของวิหารยาธาน ดาร์คบัส
มานาของผู้สวมใส่จะลดเรื่อยๆ แต่หากลดลงจนเข้าเงื่อนไข ผู้สวมใส่สามารถสลายทักษะใดๆ โดยการใช้แหวนสัมผัสได้
_______
* มานาของผู้สวมใส่จะลดลง 50 หน่วยต่อวินาที
* หากมานาของผู้สวมใส่ลดลงจนถึง 5,000 หน่วยโดยไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด ผู้สวมใส่สามารถใช้<สลายทักษะ>ได้เป็นจำนวนสองครั้ง
* ถ้าหากท่านสูญเสียมานาเกิน 5,000 หน่วยและไม่ยอมใช้<สลายทักษะ>ให้ครบสองครั้งภายในสิบนาที แหวนจะระเบิดออกจนทำให้ผู้สวมใส่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ตัวแหวนจะหายไปเป็นการถาวร
* ภายในสามนาที ถ้าหากมานาของผู้สวมใส่ยังลดไม่ถึง 5,000 หน่วย แหวนจะหายไป
* <สลายทักษะ>จะใช้งานได้สำเร็จก็ต่อเมื่อผู้ใช้นำแหวนไปสัมผัสกับทักษะดังกล่าวโดยตรงเท่านั้น
* <สลายทักษะ>ไม่มีผลกับทักษะที่แสดงผลต่อเนื่อง
_______
เงื่อนไขการสวมใส่ : เลเวล 300 หรือสูงกว่า
น้ำหนัก : 0.1
=======
แหวนสีดำวงเล็ก เงื่อนไขการใช้งานของมันยุ่งยากวุ่นวาย แถมถ้าไม่ทำตามที่กำหนด แหวนก็จะหายไปถาวร กริดที่มีมานาสูงสุดเพียง 4,000 หน่วย หากจะให้เข้าเงื่อนไข เขาจำเป็นต้องซดโพชั่นมานาราคาแพงอย่างเลี่ยงไม่ได้ และต้องหมั่นใช้ทักษะให้ต่อเนื่องอีกด้วย ความวุ่นวายของมันทำให้กริดถึงกับปวดหัว
แต่ว่า...
'ประสิทธิภาพสุดยอดมาก'
กริดเชี่ยวชาญการใช้แหวนวงนี้ในระหว่างที่ซัดคามิยันจนปางตายด้วยหมัดเปล่า ชายหนุ่มสวมแหวนเข้าไปที่นิ้ว หลังจากนั้นก็หยิบต่างหูสีดำอันเล็กออกมา
=======
[ ต่างหูดาร์คบัส ]
เกรด : เลเจนดารี
ความคงทน : 55/55
_______
ต่างหูที่สวมใส่โดยข้ารับใช้ลำดับที่เจ็ดของวิหารยาธาน ดาร์คบัส
เครื่องสังเวยที่ถูกเตรียมไว้ใช้อัญเชิญจอมอสูร มันถูกอัดแน่นไปด้วยเวทย์มืดในปริมาณมหาศาล
ต่างหูอันนี้มีพลังเวทย์มากพอที่จะเข้าควบคุมร่างกายและจิตใจของผู้สวมใส่
_______
* ได้รับทักษะ<ร่างมืด> ระยะหน่วงหลังใช้คือ 12 ชั่วโมง
* ทักษะ<ร่างมืด>จะคงสภาพได้นานที่สุดห้านาที
* ยิ่งใช้<ร่างมืด>บ่อยครั้ง ท่านจะยิ่งห่างไกลจากความเป็นมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ
_______
เงื่อนไขการสวมใส่ :
- เลเวล 300 หรือสูงกว่า
- มีพลังเวทย์มืด
น้ำหนัก : 0.1
=======
เงื่อนไขการใช้งานนั้นง่ายมากหากเทียบกับแหวน แต่ผลกระทบที่ตามมาก็ค่อนข้างจะ...
'ช่างปะไร'
ถ้าตอนนี้ไม่ใช่โอกาสเหมาะ แล้วตอนไหนจะใช่? ไม่มีเหตุให้กริดต้องลังเลอีกแล้ว ชายหนุ่มสวมต่างหูเข้าไปโดยไม่ลังเล หลังจากนั้นก็รีบใช้ทักษะใหม่ที่ได้มาตอนเลเวล 300 ทันที
"ผะ--สาน--ไอ--เท็ม!!"
กริดคาดหวังว่ามันจะเปลี่ยนร่างสุดไฮเทคเหมือนกับในภาพยนต์
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
เขาจินตนาการซาวน์เอฟเฟคของหนังหุนยนต์แปลงร่างสุดเท่ห์ในอดีต ดาบสองเล่มจะต้องเปลี่ยนร่างและผสานกันด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำยุค
แต่ความจริงนั้นโหดร้ายเสมอ...
[ ท่านต้องหยิบค้อนและทั่งตีเหล็กออกมาเสียก่อน ]
ทันทีที่ข้อความระบบแสดงขึ้น ร่างกายของเขาก็ขยับไปเอง ฝ่ามือล้วงเข้าไปหยิบค้อนและทั่งตีเหล็กออกมา หลังจากนั้น...
[ นำไอเท็มสองชิ้นที่จะผสานกันไปวางไว้บนทั่ง ]
"...?"
ถือเป็นการถูกบีบบังคับที่กริดไม่คาดคิดมากก่อน ชายหนุ่มผงะไปเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่อาจเสียเวลาไปมากกว่านี้ กริดรีบทำตามคู่มือทันที <ความผิดพลาด>และ<หอกไลฟาเอล>ถูกหยิบออกมาวางไว้บนทั่งอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเอง
[ เริ่มกระบวนการผสานไอเท็ม ]
เคร้ง! เคร้ง!
เขาเริ่มขยับร่างกายอีกครั้ง ไม่ว่ากริดจะพยายามขัดขืนอย่างไร แต่มันก็ไม่เกิดผล ชายหนุ่มเริ่มทุนค้อนในมือ ผสานไอเท็มคือทักษะที่จะล็อคท่วงท่าการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้ใช้งาน
'เราคงดูงี่เง่าพิลึก'
นั่งยองลงบนพื้นแล้วตีเหล็กระหว่างการต่อสู้เนี่ยนะ? ใครเป็นคนออกแบบทักษะบ้าบอเช่นนี้ขึ้นมา? กริดได้แต่สาปแช่งอยู่ในใจ
"เจ้านี่คงหวาดกลัวจนเสียสติไปแล้วสินะ"
"..."
เอลฟิน-สโตนมองกริดเป็นเพียงคนบ้า ส่วนสมาชิกปาร์ตี้ที่เหลือต่างพากันกระอักกระอ่วนใจ กริดพลันเคอะเขิน เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ยุติธรรมกับตนเสียเลย
หน้าต่างข้อความระบบปรากฏขึ้นอีกครั้ง
[ กำลังคำนวนเวลาที่ใช้ในการผสานไอเท็ม โปรดรอสักรู่ ]
[ ...3 ]
[ ...2 ]
[ ...1 ]
ชิ้งงงง~
[ คำนวนเสร็จสิ้น! ระยะเวลาที่ใช้ในการผสาน<หอกไลฟาเอล>และ<ความผิดพลาด>คือ 43 วินาที ]
[ ท่านจะต้องทุบค้อนตลอด 43 วินาทีโดยไม่หยุดพัก ]
'เชี่ย… บ้าบอสิ้นดี!'
กริดพลันเย็นสันหลังวาบ หากต้องเสียเวลาทุบค้อนนานถึง 43 วินาทีเต็มระหว่างต่อสู้ล่ะก็ ไม่ต่างอะไรกับการเชิญชวนให้ศัตรูมาเขมือบเล่นเลยสักนิด แถมคู่ต่อสู้ในคราวนี้ยังเป็นถึงบอสที่เก่งกาจมาก
'แย่ล่ะสิ'
สมาชิกปาร์ตี้ต่างเคลือบแคลงสงสัยในการกระทำของกริด
{ นายคิดจะทำอะไร? ทำไมจู่ๆ ถึงได้นั่งลงทุบค้อน? กินอะไรผิดสำแดงมารึเปล่า? }
{ กริด ไม่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะสิ้นหวังขนาดไหน แต่นายต้องใจเย็นไว้และตัดสินใจให้รอบคอบนะ }
ทุกคนปฏิบัติกับเขาราวกับเสียสติไปแล้วจริงๆ
{ นี่คือทักษะใหม่ของฉันที่จะขยับร่างกายไปเอง พวกนายต้องถ่วงเวลาให้ฉันอีก 40 วินาที! }
{ … }
ทุกคนต่างพากันขมวดคิ้ว ทักษะบ้าบอแบบไหนกันที่ขยับร่างกายเองนานถึง 40 วินาทีระหว่างต่อสู้? มันฟังดูเป็นไม่ได้เลย แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ กริดไม่มีเหตุให้ต้องโกหกหรือพูดเล่น สมาชิกทุกคนรีบไปรับหน้าเอลฟิน-สโตนแทนกริดทันที
ยามนี้ เอลฟิน-สโตนกำลังจ้องมองกริดไม่กระพริบตา
"มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง..."
ดาบใหญ่สีน้ำเงินและหอกสีทองจะแผ่ออร่าแปลกประหลาดทุกครั้งที่กริดทุบค้อน เอลฟิน-สโตนสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
"ฉันไม่รู้ว่าแกคิดจะทำอะไร แต่ฉันไม่ปล่อยให้แกสำเร็จแน่นอน!"
ซู่วววว!
พลังเวทย์จำนวนมหาศาลก่อตัวรวมกันจากพื้นดินพื้น สิ่งนี้คือ<คลื่นโลหิต> เวทย์มนต์โจมตีอันทรงพลังที่มีเงื่อนไขใช้งานร่วมกับเขตแดนโลหิต
"ปกป้องกริด!"
บนพื้นดินที่แตกร้าวสั่นไหว คลื่นพลังเวทย์รุนแรงได้ซัดถาโถมเข้าใส่กริด เซ็ดนอสคือคนแรกที่สัมผัสได้ เขารีบใช้เวทย์เพื่อสกัดกั้นทันที
"พวกแกคิดว่าจะหยุดฉันคนนี้ได้รึไง?"
เอลฟิน-สโตนกำลังมั่นใจเต็มเปี่ยม ทันทีที่เขตแดนโลหิตถูกกางออก มนุษย์พวกนี้ก็ไม่ใช่คู่มืออีกต่อไป ความมันใจอันล้นเหลือได้แสดงออกมาชัดเจนในเวทย์คลื่นโลหิต
ซู่วววว!
คลื่นสีแดงสดได้ซัดเข้าใส่สมาชิกโอเวอร์เกียร์ แวนเนอร์ใช้<โล่นับพัน>ป้องกันอีกครั้ง ส่วนเซ็ดนอสก็ใช้<ม่านวายุ>สกัดไว้ สองทักษะนี้ขึ้นชื่อในด้านลดทอนความเสียหายเวทย์มนต์ แต่นั่นก็ยังไม่พอที่จะรับมือกับคลื่นโลหิต
เปรี้ยะ! ซ่าาา!
"อ๊ากก!"
"อั่ก! เจ็บชะมัด!"
บาเรียของโล่นับพันได้แตกละเอียด ส่วนม่านวายุก็สลายในพริบตา แวนเนอร์กับเซ็ดนอสบาดเจ็บรุนแรงจนล้มลง คลื่นโลหิตยังคงถาโถมต่อไปแม้จะถูกสกัดไว้แล้วหลายส่วน
โดยมีเป้าหมายอยู่ที่กริด พีคซอร์ดรีบเข้ามาขวางไว้
"ชักดาบ… ทำลายล้าง"
ฉัวะฉัวะ!
เมื่อพีคซอร์ดชักดาบออกจากฝัก เกิดเป็นลำแสงไขว้กันที่ด้านหน้าพุ่งเข้าประทะกับคลื่นโลหิต... พีคซอร์ดทำสำเร็จ! คลื่นโลหิตถูกสลายไปได้ เพราะพลังของมันลดลงไปมากแล้วจากการเสียสละของแวนเนอร์และเซ็ดนอส
"ดีล่ะ! อ--เอ๋?"
เขาปกป้องก็อดกริดได้! ในขณะที่พีคซอร์ดกำลังดีใจ เถาวัลย์โลหิตปริศนาได้แทงเข้าที่ต้นขารุนแรง
"ชิ!"
ความเร็วของพีคซอร์ดลดลงหลายระดับ เอลฟิน-สโตนย่างกรายเข้ามาใกล้ด้วยแววตาเลือดเย็น
"แก...!"
พีคซอร์ดไม่ยอมให้มันผ่านจุดนี้ไปได้เด็ดขาด หลังจากดึงดาบกลับเข้าฝัก เขาก็ยกฝักดาบออกมาพยายามปัดป้อง
[ ท่านได้รับความเสียหาย 9,980 หน่วย ]
"อ๊ากกก!"
ข้อความระบบแสดงขึ้นพร้อมกับความเจ็บปวด แม้จะมองไม่เห็น แต่พีคซอร์ดนั้นถูกยารุกต์ฟันเข้าแล้วแน่นอน
"พวกแกทุกคนต้องคุกเข่าต่อหน้าฉัน"
เมื่อมั่นใจแล้วว่าพีคซอร์ดล้มลง เอลฟิน-สโตนก็ย่างสามขุมเข้าหากริดทีละนิด
[ ขั้นตอนการผสานไอเท็มเหลือเวลาอีก 27 วินาที ]
'เราควรยกเลิกดีไหม?'
ไม่ได้เด็ดขาด ในยามนี้ เขามีแต่ต้องเชื่อใจพวกพ้องเท่านั้น
"ตรงนี้ห้ามผ่าน!"
เพื่อตอบสนองความไว้ใจจากกริด คู่หู่ป็อนเรกัสได้โผล่ออกมาขวางเอลฟิน-สโตนไว้
ฟุ่บ!
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!
หอกและหมัดที่คาดเดาทิศทางไม่ได้ถูกกระหน่ำใส่เอลฟิน-สโตนด้วยความเร็วสูงสุด แต่ยามนี้ปราศจากหอกไลฟาเอลคอยก่อกวน การกลายร่างเป็นควันของเอลฟิน-สโตนจึงกระทำได้ไม่ติดขัด
"พวกแกยังไม่เข้าใจสถานการณ์สินะ?"
ซู่ววว!
ร่างของเอลฟิน-สโตนที่กลายเป็นควันไป ได้กลับมารวมเป็นร่างเนื้ออีกครั้งที่ด้านหลังของป็อนและเรกัส
"แกเป็นผีรึไง!"
ป็อนกับเรกัสรีบหันหลังกลับมาโจมตี แต่ยารุกต์นั้นรวดเร็วกว่า
ฉัวะฉัวะ!
"อ๊ากก!"
"แค่ก...!"
ดาบสีแดงได้ฟันเข้าที่หน้าอกของคนทั้งสองรุนแรง ป็อนและเรกัสพยายามดื่มโพชั่นเพื่อฟื้นฟูพลังชีวิต แต่ประสิทธิภาพของโพชั่นนั้นลดลงเนื่องจากอำนาจของเขตแดนโลหิต การกระทำนี้จึงไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
ฟุ่บ!
ในขณะที่เอลฟิน-สโตนกำลังจะปิดฉากสองคู่หู เฟคเกอร์ได้ลอบเข้ามาด้านหลังและเตรียมโจมตี ก่อนหน้านี้ เฟคเกอร์ลอบโจมตีเอลฟิน-สโตนได้สำเร็จทั้งสองครั้งก็จริง แต่คราวนี้ต่างออกไป เอลฟิน-สโตนในร่างพลังที่แท้จริงได้ทำให้ความเร็วเหนือมนุษย์ของเฟคเกอร์ต้องเป็นหมัน
"พายุโลหิต"
ฟ้าววววว!
เกิดเป็นลมพายุสีแดงอันเกรี้ยวกราดพัดรอบกายเอลฟิน-สโตนจนเฟคเกอร์ไม่อาจโจมตีได้ ร่างของเขาถูกพัดกระเด็นทันที
"แข็งแกร่ง..."
จิสึกะกัดริมฝีปากพร้อมกับยิงสนับสนุน แต่เอลฟิน-สโตนนั้นเก่งกาจเกินไป แม้จะเค้นสมองคิดสักเท่าใด เธอก็ไม่รู้อยู่ดีว่าควรรับมืออย่างไร
"วะฮ่าฮ่าฮ่า!"
เอลฟิน-สโตนกำลังถือครองความได้เปรียบในสนามรบ มันกำลังตื่นเต้นราวกับปลากระดี่ได้น้ำ มนุษย์ที่บังอาจรุกรานเมืองของมันต้องถูกลงโทษ
"เอาล่ะ! เหลือแค่พวกแกสองคนแล้วสินะ!"
มีเพียงกริดและจิสึกะที่ยังพอสู้ไหว จิสึกะยืนปกป้องกริดอยู่ข้างกายไม่ยอมห่าง สายตาของเอลฟิน-สโตนกำลังมองไปยังคนทั้งสองด้วยสีหน้าเย็นชา สมาชิกปาร์ตี้คนอื่นที่อยู่ด้านนอกต่างหมดสภาพไปแล้ว ด้วยเขตแดนโลหิตที่กำลังสูบชีวิตทุกวินาที อีกไม่นานคนเหล่านี้ก็ต้องตาย
"ฉันจะดื่มเลือดของพวกแกทุกคนให้สาแก่ใจ!"
ฟุ่บ!
เอลฟิน-สโตนกระโจนเข้าหากริดและจิสึกะด้วยความตื่นเต้น จิสึกะพยายามใช้<ศรกระจาย>และ<ศรร่ายรำ>เพื่อสกัดให้การเคลื่อนไหวของมันช้าลง แต่การกระทำเหล่านี้ล้วนสูญเปล่า
ฉัวะ!
ฉูดดด!
โลหิตสาดกระเซ็นจากหัวไหล่จิสึกะ เธอทรุดลงกับพื้นในพริบตา เอลฟิน-สโตนย่างสามขุมผ่านไปหากริดด้วยท่าทีไม่เร่งร้อน
"ยารุกต์!"
กรี๊~~!!
ยารุกต์ตอบสนองเสียงเรียกของเอลฟิน-สโตน ปลายดาบที่แผ่อำนาจการทะลุทะลวงแปลกประหลาดได้เล็งตรงมายังลำคอของกริด ภาพตรงหน้า ดูราวมันกับเป็นดาบที่สามารถแทงผ่านได้ทุกสิ่งบนโลก
"แกจบแค่นี้แหละ!!"
เคร้ง! เคร้ง!
กริดยังคงทุบค้อนไม่หยุดมือ ปลายคมดาบของยารุกต์กำลังจะสัมผัสกับผิวหนังต้นคอในอีกอึดใจ สมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างพากันหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง
'จบแล้วสินะ'
พวกเขาไม่รู้ว่าทักษะใหม่ของกริดคืออะไร แต่ถ้าต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานขนาดนี้ล่ะก็ ต่อให้รุนแรงแค่ไหนก็ไร้ค่า มันจบแล้ว ชาวโอเวอร์เกียร์ต่างแสดงสีหน้าเศร้าหมอง ในทางกลับกัน เอลฟิน-สโตนกำลังแสยะยิ้มราวกับเป็นผู้ชนะ
[ การผสานไอเท็มเสร็จสิ้น! ]
ข้อความระบบที่รอคอยมานานแสนนาน ในที่สุดมันก็แสดงขึ้น กริดจึงแสยะยิ้มออกมาบ้าง
"ร่างมืด"
ซู่ววว!
พลังความมืดระเบิดออกจากร่างกริด
'นี่มัน...!'
เอลฟิน-สโตนพลันเผยสีหน้าประหลาดใจสุดขีด
เปรี้ยงงง!
ดาบใหญ่สีทอง-น้ำเงินฟาดฟันปะทะกับยารุกต์สีแดงสดจนผืนแผ่นดินสนั่นหวั่นไหว ตามมาด้วยหยดเลือดที่สาดกระเซ็นจากร่างของเอลฟิน-สโตน
คัางทุกทีใครค้างเหมือนกัน
ReplyDeleteบ้างงงง
คเางด้วยคน
ReplyDeleteค้าง
ReplyDeleteสนุกสนานมากมายครับ
ReplyDeleteเปรี้ยงง!! รอตอนต่อไป...
ReplyDeleteจะได้นอนไม่นิตัดจบแบบคาใจไห้ต้องอ่านต่อ
ReplyDelete