จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 291
[ แวมไพร์จูเนียร์ถูกสังหาร ]
[ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 4,901,000 หน่วย ]
[ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 4,855,000 หน่วย ]
[ แวมไพร์ระดับกลางถูกสังหาร ]
[ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 6,954,300 หน่วย ]
[ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 6,899,000 หน่วย ]
ค่าประสบการณ์จากแวมไพร์สูงกว่าที่คาดไว้ มันมากกว่ามอนสเตอร์ทะเลทรายราวสามเท่าเลยทีเดียว โดยแม้ส่วนหนึ่งจะถูกสมาชิกโอเวอร์เกียร์หารออกไปเล็กน้อยจากการสร้างความเสียหายแล้วก็ตาม
นั่นเป็นผลมาจากโพชั่นบัฟค่าประสบการณ์
'ค่าชื่อเสียงถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่า!'
ในที่สุดเขาก็ได้เห็นคุณค่าของแต้มชื่อเสียง 25,000 ที่เสียไป แต่กริดก็ไม่คิดจะสุ่มมันอีกแล้วในชีวิตนี้
'พอกันทีกับพริกไทยแดง'
กริดลั่นวาจาในใจ แต่การต่อสู้ตรงหน้ายังไม่เป็นไปตามที่คิดนัก มีแวมไพร์หลายตัวพยายามดื้นรนขัดขืนจนน่ารำคาญ
"กลืนโลหิต!"
"ศรความมืด!"
เหล่าแวมไพร์คาดว่า พวกมันไม่อาจเอาชนะกริดในการสู้ระยะประชิดได้แน่ จึงถอยออกห่างพร้อมกับระดมยิงเวทย์เข้าไปใส่จากระยะไกลแทน ด้วยเหตุนี้ บาดแผลของกริดจึงมีมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะมีสองสุดยอดไอเท็มคอยช่วยเหลือแล้วก็ตาม ชุดเกราะแสงศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถสลายเวทย์มืดได้ในบางครั้ง และหอกไลฟาเอลสีทองคอยช่วยโจมตีแวมไพร์ตัวที่กลายร่างเป็นหมอกควัน
ถ้าหากไม่มีไอเท็มพวกนี้ล่ะก็ กริดคงได้กลายเป็นซากศพที่เย็นชืดไปนานแล้ว แวมไพร์นั้นแข็งแกร่งมาก ความสามารถของแต่ละตัวแตกต่างกันออกไป ทุกตัวล้วนแล้วแต่เก่งกาจกว่าอัศวินทมิฬ โดยเฉพาะแวมไพร์ตัวที่ใช้ทักษะกลืนโลหิต พวกมันคอยฟื้นฟูพลังชีวิตตนเองเรื่อยๆ จนน่ารำคาญ วิธีเดียวที่จะกำราบให้อยู่หมัด คือการซัดให้ตายคาที
"วิชาดาบแพ็กม่า… ร่ายรำ!"
ทักษะผสานอย่าง <ร่ายรำสังหาร> และ <มายาร่ายรำ> เมื่อพวกมันเลเวลอัพ ออปชั่นที่เสริมเข้ามาก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้น ตัวอย่างเช่น มายาร่ายรำจะได้รับคุณสมบัติในการทะลวงผ่านเมื่อกลายเป็นเลเวลสาม แต่ในทางกลับกัน ทักษะพื้นฐานที่มีมาตั้งแต่ต้นอย่าง <สังหาร> <ร่ายรำ> และ <คลื่น> พวกมันจะเพิ่มแค่ความรุนแรงเท่านั้นในตอนที่เลเวลอัพ
ดังนั้น แม้ร่ายรำจะมีเลเวลที่สูงถึงระดับห้า แต่ก็ยังไม่ทรงพลังเท่ากับทักษะผสานเลเวลหนึ่งด้วยซ้ำ ถ้าแวมไพร์มีพลังชีวิตเต็มหลอด ไม่มีทางเลยที่พวกมันจะถูกโค่นด้วยร่ายรำ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ พวกมันกำลังบางเจ็บปางตาย จึงถูกดาบใหญ่ของกริดเฉือนเข้าอย่างโหดเหี้ยมทารุน
ชิ้งงง!
เมื่อแวมไพร์ 50 จาก 200 ตัวตายไป เสาลำแสงสีขาวก็ส่องสว่างรอบตัวกริดในทันที
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น ]
[ ท่านได้รับค่าสถานะสิบแต้ม]
ในตอนที่ย่างกรายเข้ามาในอาคารหลังนี้ เลเวลของกริดก็ใกล้จะอัพเต็มทีแล้ว ตอนนี้กริดมีเลเวล 297 ยังเหลืออีกสามเลเวลกว่าจะไปถึง 300 ตามที่เป้าหมายต้องการ
"จัดสรรแต้มสถานะ"
กริดนำทั้งสิบแต้มไปลงกับค่าความว่องไวเช่นเดิม โดยเขาใช้ค่าสถานะของนักดาบผู้ยิ่งใหญ่อย่างปิอาโร่เป็นต้นแบบ
พละกำลัง 1 : ความว่องไว : ความอดทน 0.7
ปิอาโร่ต้องการจะเป็นอิรยะดาบ ดังนั้นแต้มสถานะของเขาจึงไม่มีทางผิดพลาด กริดมั่นใจมากว่านี่คือสัดส่วนทองคำที่เหมาะสมจะเป็นสุดยอดนักดาบ และเขาก็เดาไม่ผิด ยิ่งควางว่องไวของกริดใกล้เคียงกับค่าพละกำลังมากขึ้น เขาก็ยิ่งสำแดงฝีมือดาบออกมาได้เต็มที่
ฉั่วะ! ฉึก!
"อ๊ากกกก!"
ทั้งความรุนแรงและความเร็วในการโจมตีของกริดเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อน การแทงและฟัน สองสิ่งนี้ได้นำพาให้เหล่าแวมไพร์ไปสู่ความตายอย่างรวดเร็ว
[ ท่านได้รับไอเท็ม <เสื้อเทลโค้ตอย่างดี> ]
[ ท่านได้รับไอเท็ม <แหวนแวมไพร์จูเนียร์> ]
=======
[ เสื้อเทลโค้ตอย่างดี ]
เกรด : อีปิก
ความคงทน : 120/120
พลังป้องกัน : 301
* ความน่าหลงไหล +50
_______
ไอเท็มจำเป็นสำหรับแวมไพร์ที่ต้องการดูดี
เสื้อเทลโค้ตตัวนี้มีความยอดเยี่ยมจนเตะตาของทุกคน ด้วยพลังป้องกันที่สูง มันจึงเหมาะสำหรับใช้ในการป้องกันตัว
_______
เงื่อนไขการสวมใส่ :
- เลเวล 300 หรือสูงกว่า
- เป็นเพศชาย
น้ำหนัก : 120
=======
=======
[ แหวนแวมไพร์จูเนียร์ ]
เกรด : อีปิก
* เมื่อทำการโจมตีธรรมดา ความเสียหายที่สร้างขึ้น 5% จะถูกนำมาฟื้นฟูพลังชีวิตให้กับท่าน
* เอฟเฟคนี้จะแสดงผลในทุก 15 วินาที
_______
แหวนของแวมไพร์ที่มีพลังเวทย์มนต์แฝงอยู่
เป็นแหวนที่แวมไพร์จูเนียร์สวมใส่ คุณสมบัติของมันจึงจัดว่าด้อยกว่าปรกติ แต่นั่นก็มากพอที่จะช่วยยื้อชีวิตให้กับผู้สวมใส่
_______
เงื่อนไขการสวมใส่ : เลเวล 280 หรือสูงกว่า
น้ำหนัก : 1
=======
อัตราดรอปไอเท็มของแวมไพร์มีต่ำมาก กว่าเขาจะได้รับไอเท็มชิ้นแรก ก็หลังจากที่ฆ่าแวมไพร์ไปแล้ว 30 ถึง 40 ตัว ถือว่าดรอปยากจนน่าใจหาย แต่สิ่งที่ดรอปมาก็นับว่ามีมูลค่ามหาศาลเช่นกัน
'เครื่องประดับแวมไพร์!'
เครื่องประดับชิ้นต่างๆ ของแวมไพร์จะช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถยื้อชีวิตได้นานขึ้น นับเป็นกลุ่มเครื่องประดับที่หายากมาก นี่คือครั้งแรกที่กริดได้ครอบครองเครื่องประดับแวมไพร์เป็นของตน
'ไหนลองทดสอบดูหน่อย'
[ ท่านสวมใส่ <แหวนแวมไพร์จูเนียร์> ]
ฉึก! ฉึก!
"อ๊ากกก!"
"นี่ฉัน...! พ่ายแพ้มนุษย์...!"
หลังจากที่แวมไพร์ถูกหอกไลฟาเอลเสียบ กริดก็รีบเหวี่ยง <ความผิดพลาด> และ <ดาบใหญ่เลียนแบบ> ในมือเข้าโจมตีพร้อมกันทันที บาดแผลตามร่างกายของเขาเริ่มฟื้นฟูทีละนิด ผลจากออปชั่นเพิ่มอัตราฟื้นฟูพลังชีวิต 300% ของเกราะแสงศักดิ์สิทธิ์ได้ผสานกับแหวนแวมไพร์ได้อย่างน่ามหัศจรรย์
[ คริติคอล! ]
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 9,300 หน่วย ]
[ เอฟเฟคของ <แหวนแวมไพร์จูเนียร์> แสดงผล ความเสียหายที่สร้างขึ้น 5% จะถูกเปลี่ยนให้เป็นพลังชีวิตของท่าน ]
[ ออปชั่นของ <เกราะแสงศักดิ์สิทธิ์> แสดงผล เพิ่มอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิต 300% ]
[ พลังชีวิตของท่านเพิ่มขึ้น 1,350 หน่วย ]
แม้ว่าจะทำงานทุก 15 วินาที แต่สำหรับกริด เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ในบางครั้ง ทักษะ <โจมตีห้าเท่า> จากถุงมือแสงศักดิ์สิทธิ์ก็แสดงผลออกมาพร้อมกัน ทำให้พลังชีวิตของกริดหลุดพ้นจากสถานการณ์น่าเป็นห่วงมาได้ นับเป็นแหวนที่เหมาะสมกับกริดผู้ซึ่งมีพลังโจมตีสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
"หึหึหึ! วะฮ่าฮ่าฮ่า!"
"อ--อึ๋ย!"
"น--นักล่าแวมไพร์!"
กริดระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสะใจในขณะที่สวมหน้ากากและผ้าปิดตาเพชฆาตอยู่ ฉากอันน่าขนลุกนี้ได้ทำให้เหล่าแวมไพร์ต่างรู้สึกหวาดกลัว สถานการณ์พลิกกลับแล้วแวมไพร์ที่อยู่ชั้นล่างทั้งหมดต้องตกเป็นเหยื่อของกริดในพริบตา พวกมันมอบค่าประสบการณ์และไอเท็มให้เขาอีกมากมาย
กว่าจะรู้ตัว หลอดค่าประสบการณ์ของกริดก็พุ่งทะยานเกิน 20% ไปอย่างรวดเร็วหลังจากเลเวลอัพ แต่กริดก็วางใจไม่ได้ เขายังเป็นกังวลว่าเอลฟิน-สโตนจะปรากฏตัวออกมาลอบโจมตี แถมแวมไพร์ที่อยู่ชั้นบนก็เริ่มตื่นขึ้น แน่นอนว่าพวกมันมีเลเวลที่สูงกว่าแวมไพร์ชั้นล่าง
"หยุดแค่นี้แหละ!"
สมาชิกโอเวอร์เกียร์ยืนอยู่ตรงบันไดเพื่อขวางไม่ให้แวมไพร์ลงบันไดมาได้ แทนที่พวกเขาจะบุกตะลุยเข้าไปฆ่า แต่กลับเลือกใช้โซนป้องกันเพื่อยื้อเวลาให้กริดได้พักหายใจและเติมพลังชีวิต กริดรู้สึกขอบคุณจากใจ เขาสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มอิ่ม
ในขณะเดียวกัน แวนเนอร์ก็กลับเข้าสู่ขุมนรกอีกครั้ง
"อึก! ถึงตาฉันอีกแล้วสินะ!"
ฉึก! ผั่วะ!
แวนเนอร์ได้แต่สาปแช่งผ้าคลุมมาลาคัสอยู่ในใจ ไม่สิ เขากำลังตัดพ้อว่าทำไมตนถึงเลือกเล่นคลาสสายแทงค์ สิ่งนี้ไม่เหมาะกับเขาเลยสักนิด แถมในตอนต้น แวนเนอร์ยังเล่นคลาสผู้พิทักษ์มาผิดทาง อันที่จริง เขาอยากจะลบตัวแล้วเล่นใหม่ให้รู้แล้วรู้รอด ในขณะที่กำลังนึกเสียดายอยู่ในใจ สมาชิกโอเวอร์เกียร์ก็ลดพลังชีวิตของแวมไพร์ไปหลายส่วน
จบด้วยการที่กริดลุกขึ้นมาปิดบัญชีและได้รับค่าประสบการณ์เกือบทั้งหมดไป
คณะล่าพาเฟรเนี่ยมใช้เวลาครึ่งวันในการเคลียร์อาคารหลังแรก ค่าประสบการณ์ของกริดเพิ่มขึ้นกลายมาเป็น 60% แล้ว ถือเป็นความเร็วที่น่าตกตะลึงเมื่อนำไปเทียบกับสมาชิกโอเวอร์เกียร์คนอื่นที่เคยเก็บเลเวลมา สมัยที่ตนมีเลเวล 297 พวกเขาต้องใช้เวลานานถึงสองสัปดาห์เต็มกว่าจะอัพเป็น 298
"เร็วกว่าที่คิดไว้อีกนะ"
"แน่นอนอยู่แล้ว เจ็ดคนในพวกเราเป็นถึงแร้งเกอร์ท็อป 20 แถมยังมีสุดยอดบัฟจากฮิวรอย"
"ถูกต้อง ถ้าหากพวกเราเคลียร์อาคารได้อีกสี่หลัง เลเวลของนายก็คงจะถึง 299 ได้ไม่ยาก"
"แต่ของจริงจะเริ่มขึ้นเมื่อถึงเลเวล 299 จำนวนค่าประสบการณ์ที่ใช้ในการอัพเป็นเลเวล 300 มีสูงกว่าตอนเลเวล 298 ไป 299 ราวสองเท่า"
"หากคำนวนจากการที่พวกเราเคลียร์อาคารหนึ่งหลังได้ภายในครึ่งวัน… นายจะสามารถอัพเลเวลถึง 300 ได้ในห้าวันสินะ?"
"นั่นก็ต่อเมื่อเอลฟิน-สโตนไม่ปรากฏตัวเลย"
"..."
จุดสำคัญก็คือ เอลฟิน-สโตนจะเลือกใช้ทักษะใส่ใคร แวนเนอร์และฮิวรอยมีทักษะอมตะที่สามารถเอาชีวิตรอดได้ก็จริง แต่คนที่เหลือไม่มี
"ถ้าตายไปหนึ่งคน สมดุลของปาร์ตี้เราก็จะเสีย ความเร็วในการล่าแวมไพร์ก็จะลดลงแน่นอน"
"นั่นสินะ… ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับดวง ว่าแต่ หมอนั่นหายไปนานแล้วใช่ไหม?"
ผ่านไปแล้วครึ่งวันหลังจากเอลฟิน-สโตนปรากฏตัว ถือว่าค่อนข้างนานถ้าคำนึกถึงคำพูดที่มันบอกว่าจะกลับมาอีกครั้งในไม่ช้า
"ช่างเถอะ ยิ่งช้าเท่าไรก็ยิ่งดี"
สมาชิกโอเวอร์เกียร์รีบย้ายตัวเองไปยังอาคารถัดไป ภายในอาคารแห่งนี้ แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์สองตนได้ปรากฏตัวขึ้น
[ แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ : โบรัส ]
[ แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ : รูจูล ]
สำหรับมอนสเตอร์ที่มีชื่อเป็นของตัวเอง แน่นอนว่าพวกมันย่อมแข็งแกร่ง แม้แต่อัศวินสีชาดลำดับ 19 อย่างฟูลิโต้ยังเทียบไม่ติด แถมพวกมันสองตนก็ยังมีบริวารอีกมากมายคอยรับใช้ แวนเนอร์กำลังตกอยู่ในวิกฤติสุดขีด ทักษะอมตะที่มีระยะหน่วงนานถูกฝืนใช้ออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ กว่าเขาจะใช้มันได้อีกครั้ง แวนเนอร์ต้องรอนานถึง 48 ชั่วโมงเลยทีเดียว อีกหนึ่งไพ่ตายที่ใช้รับมือกับเอลฟิน-สโตนถูกทิ้งไปแล้ว
กำลังใจของปาร์ตี้ไม่ค่อยดีนัก ฮิวรอยพยายามปลอบใจทุกคน
"ไม่ต้องห่วง คราวหน้าที่เอลฟิน-สโตนปรากฏตัว ฉันจะล่อความสนใจให้เอง"
ในทางปฏิบัติ สิ่งนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลย เอลฟิน-สโตนจะปรากฏตัวและใช้ทักษะทันที ไม่มีทางที่ใครจะมีเวลาพอดึงความสนใจได้ แต่ฮิวรอยก็เชื่อมั่นในทักษะการพูดของตน
"คำพูดเร็วกว่าการกระทำเสมอ ฉันจะดึงความสนใจของมันได้ก่อนที่จะใช้ทักษะออกมา"
"..."
อีกไม่ช้าก็เร็ว เอลฟิน-สโตนจะต้องถูกฮิวรอยด่าพ่อล่อแม่ สมาชิกโอเวอร์เกียร์ในที่นี้รู้จักฮิวรอยเป็นอย่างดี พวกเขาดีใจมากที่ไม่ต้องเป็นศัตรูกับชายคนนี้ เพียงแค่คิดว่าฮิวรอยจะพูดอะไรออกไปบ้าง ทุกคนก็หน้าซีดไปเล็กน้อย
[ แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ โบรัส ถูกสังหาร ]
[ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 44,690,500 หน่วย ]
[ ท่านได้รับไอเท็ม <ทับทิมบริสุทธิ์> ]
[ แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ รูจูล ถูกสังหาร ]
[ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 45,900,000 หน่วย ]
[ ท่านได้รับไอเท็ม <ชิ้นส่วนที่สามของ ???> ]
=======
[ ทับทิมบริสุทธิ์ ]
อัญมณีที่ใช้ในการสร้างเครื่องประดับชั้นสูง
_______
น้ำหนัก : 2
=======
=======
[ ชิ้นส่วนที่สามของ ??? ]
ไอเท็มที่ยังไม่ทราบว่าเป็นชิ้นส่วนของสิ่งใด
ต้องรวบรวมให้ได้อย่างน้อยสามชิ้นเพื่อเบาะแสที่มากขึ้น
_______
น้ำหนัก : 15
=======
ไปแล้วกับอาคารที่สอง กริดได้รับความช่วยเหลือจากผองเพื่อนจนสามารถฆ่าแวมไพร์ 150 ตน และแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์อีกสองตนได้สำเร็จ เลเวลของเขากลายเป็น 298 อย่างรวดเร็ว แต่สีหน้าของกริดก็ไม่ได้ยินดีมากนัก
'แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์มีโอกาสดรอปโอสถ'
การดื่มโอสถจะทำให้แต้มสถานะเพิ่มขึ้นอย่างถาวร แถมบรรดาแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ยังมีโอกาสดรอปเครื่องประดับแวมไพร์ชั้นสูง กริดมั่นใจมากว่า ไอเท็ม <ชิ้นส่วนที่สามของ ???> จะต้องมีมูลค่ามหาศาล แต่เขาก็ยังไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของมันอยู่ดี
มีหน้าต่างข้อความระบบได้แสดงขึ้นต่อหน้ากริด
[ ระยะหน่วงของทักษะจากสมญานาม <ผู้ที่กลายเป็นตำนาน> หมดลงแล้ว ]
ประกันชีวิตของกริดกลับมาอีกครั้ง
'ดีล่ะ เราสามารถสู้ได้อย่างสบายใจมากขึ้น'
กริดต่อสู้ด้วยความรู้สึกเกร็งเล็กน้อยเมื่อไม่มีประกันชีวิต
ในขณะที่เขากำลังใจชื้น....
"ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรือ? ว่าจะกลับมาหาพวกแกอีกครั้ง"
น้ำเสียงอันน่าขนลุกได้ดังก้องในหัวกริดและทุกคน
[ ผู้ปกครองเมืองแวมไพร์ที่ 13 แวมไพร์เอิร์ล เอลฟิน-สโตน ปรากฏตัว ]
[ พลังอันแสนชั่วร้ายได้แพร่กระจายออกมาจนทำให้พลังเวทย์ของท่านปั่นป่วน ทักษะและเวทย์มนต์ทุกชนิดจะไม่สามารถใช้การได้ ]
[ แววตาของแวมไพร์จะสะกดสิ่งมีชีวิตที่มีระดับต่ำกว่า ร่างกายของท่านจะถูกสะกดข่มอย่างรุนแรง ]
"เอลฟิน-สโตน!"
เมื่อมันกลับมาอีกครั้ง ฮิวรอยจึงรีบเปิดปากพูด
"อะ--..."
แต่ดูเหมือนในคราวนี้ การกระทำจะไวกว่าคำพูด ฮิวรอยยังไม่ทันจะพูดออกมาเป็นคำ ร่างของกริดก็ถูกหมอกโลหิตกลืนกินเข้าไปอีกครั้ง เอลฟิน-สโตนเห็นดังนั้นจึงแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น
"แล้วฉันจะกลับมาใหม่อีกครั้งในไม่ช้า... พวกแกจะถูกฆ่าอีกหนึ่งคน… และอีกหนึ่งคน! สิ่งนี้จะเกิดขึ้นซ้ำๆ จนพวกแกตกอยู่ในความหวาดกลัวสุดขีด!"
ซู่ววว!
เอลฟิน-สโตนหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน กริดกำลังยืนสั่นระริกท่ามกลางหมอกโลหิตที่ค่อยๆ จางลง
"บัดซบ!"
ทำไมมันถึงจ้องเล่นงานกริด? ใจหนึ่งก็ยินดี แต่อีกใจหนึงก็หงุดหงิด
ดีแล้วกริด ดีกว่าเพื่อนเราตาย 555
ReplyDeleteสนุกมากครับ ของคุณคนแปลครับ
ReplyDeleteสนุกสนานมากมายครับ
ReplyDeleteเล่นอะไรกัน ทั้งปีก็ไม่ตาย
ReplyDeleteนั่นนะสิ555
Delete