จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 307
ณ ผืนน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาล บนผิวน้ำที่ส่องประกายระยิบยับสุดลูกหูลูกตา ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น
กริด ในขณะที่ดวงวิญญานของบราฮัมสิ่งร่างและมาพาที่นี่ เขาก็เปิดหน้าต่างสถานะตัวละครเพื่อตรวจสอบ
=======
ชื่อ : บราฮัม-เฮชวาล (กริด)
คลาส : จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่
_______
สมญานาม : เจ้าของความรู้อันยิ่งใหญ่
* สิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาสูงสุดของโลกมนุษย์ การที่ยังไม่ได้ครอบครองความรู้ทั้งหมด ทำให้เขากระหายความรู้ยิ่งกว่าผู้ใด การถวิลหานั้นรุนแรงนัก บางครั้งอาจกลายเป็นพิษร้าย
* ค่าสติปัญญาเพิ่มขึ้น 35%
* มีโอกาสเล็กน้อยที่จะเสียสติ
_______
สมญานาม : ผู้กลายเป็นตำนาน
* อาการผิดปรกติไม่มีผลต่อท่าน
* ท่านจะไม่ตายทันทีเมื่อพลังชีวิตหมดลง
* เป็นที่รู้จักได้ง่ายขึ้น
_______
สมญานาม : ???
* ???
_______
เลเวล : 545
พลังชีวิต : 858,310/858,310 (เขียนไม่ผิด)
มานา : 13,964,000/13,965,000 (เขียนไม่ผิด)
พละกำลัง : 258
ความอดทน : 3,400
ความว่องไว : 1,009
สติปัญญา : 15,880
_______
* ในร่างเนื้อของมนุษย์ พลังที่แท้จริงของบราฮัม-เฮชวาลไม่อาจถูกสำแดงออกมาได้ ค่าสถานะส่วนใหญ่จึงถูกผนึกไว้
=======
ทุกหนึ่งเลเวลจะได้ค่าสถานะ 10 แต้ม ดังนั้น บราฮัมที่มีเลเวล 545 ควรจะมีสถานะไม่เกิน 6,000 แต้ม แต่กลับกลายเป็นว่า เขามีแต้มสถานะรวมสูงกว่า 20,000 ไปอีก ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดสามัญสำนึกอย่างมาก ถึงจะมีวิธีการได้แต้มสถานจากทางอื่นก็เถอะ แต่นี่มันไม่มากไปหน่อยหรือ?
ค่าสถานะรวมของกริดอยู่ที่ราว 14,000 แต้ม แต่นั่นเป็นเพราะเขามีค่าสถานะอื่นๆ ที่ไม่สำคัญอยู่หลายชนิด หากนับเฉพาะค่าสถานะในการต่อสู้ กริดจะมีเพียง 6,000 แต้มเท่านั้น ซึ่งถึงว่ามหาศาลแล้วสำหรับผู้เล่นคนหนึ่ง แต่ตัวเลขเท่านี้กลับกลายเป็นเพียงมดปลวกหากนำไปเทียบกับบราฮัม
'แถมยังระบุไว้ว่า ค่าสถานะส่วนใหญ่ของบราฮัมถูกผนึกไว้ หมอนี่มีพลังที่แท้จริงอยู่ในระดับไหนกัน?'
และหากดูจากพลังชีวิตกับมานา ค่าพละกำลังและความอดทนควรต้องสูงกว่านี้ราวสิบเท่า
'ยิ่งไปกว่านั้น...'
<ในร่างเนื้อของมนุษย์ พลังที่แท้จริงของบราฮัม-เฮชวาลไม่อาจถูกสำแดงออกมาได้>
ประโยคนี้สะกิดใจกริดมาก
"นายไม่ใช่มนุษย์งั้นหรือ?"
[ รูปลักษณ์ของฉันเหมือนกับมนุษย์ทุกประการ และยังมีชีวิตที่จำกัดเหมือนกัน ]
'...ก็แปลว่าเป็นมนุษย์ไม่ใช่รึไง?'
มนุษย์ก็คือมนุษย์สิ ถ้านายเป็นมนุษย์ ก็ควรตอบกลับมาง่ายๆ ก็พอแล้ว จะอธิบายให้ยุ่งยากทำไมกันนะ?
"แล้วที่นี่คือที่ไหน?"
มันเป็นการยากที่จะแบ่งแยกทะเลหรือท้องฟ้า กริดไม่รู้ว่าฝ่าเท้าของตนสัมผัสอยู่กับผิวทะเลหรือผิวท้องฟ้าอยู่ ไม่รู้ว่ากำลังกลับหัวอยู่รึไม่ บราฮัมเย้ยหยันกริดที่ถูกธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ทำให้ตื่นตาตื่นใจ
[ เป็นถึงตำนาน แต่กลับตื่นตระหนกในเรื่องเช่นนี้หรือ? ]
"เมื่ออยู่ต่อหน้าธรรมชาติ มนุษย์ย่อมกลายเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ อยู่แล้ว"
[ ตำนานคือผู้ที่ก้าวข้าม นายไม่ควรนำตนเองไปเปรียบกับคนธรรมดา นั่นไม่ต่างอะไรกับการสร้างกำแพงขีดจำกัดไว้รอบตัว ]
'นั่นสินะ'
เดิมที กริดเคยนึกสงสัยบราฮัม ในบันทึกประวัติศาสตร์ แพ็กม่าเสียชีวิตลงเมื่อ 100 ปีก่อน แต่ในทางกลับกัน บราฮัมกลับเล่าว่า แพ็กม่าตายไปทั้งแต่ 300 ปีก่อนแล้ว ทำให้กริดคิดว่าบราฮัมนั้นปลิ้นปล้อน แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะถูกสิงร่างหรืออย่างไร คำพูดของบราฮัมในตอนนี้ กริดกลับรู้สึกว่าเชื่อใจได้ ความเคลือบแคลงสงสัยที่เคยมีค่อยๆ จางหาย
[ นายควรระแวดระวังเฉพาะบุคคลที่อาจเป็นภัยเท่านั้น ส่วนผู้อื่น ตำนานสามารถดูแคลนคนเหล่านั้นได้ตามใจชอบ นี่คือทัศนคติของผู้เป็นตำนาน ]
"แล้วนายหวาดกลัวต่อคำขู่ของผู้อื่นรึเปล่า?"
กริดถามออกไป ร่างเนื้อของกริดพลันแสยะยิ้ม เป็นรอยยิ้มจากบราฮัม
[ ฉันก้าวข้ามความหวาดกลัวไปแล้ว ]
"...เข้าใจล่ะ"
ราวหนึ่งปีกับหกเดือนก่อน บราฮัมก็มีท่าทีหยิ่งทระนงเช่นนี้ แม้ว่าร่างเนื้อจะตายไปแล้วก็ตาม ในตอนที่มีชีวิตอยู่ หมอนี่จะมีนิสัยยังไงกันนะ?
"ช่างเถอะ แล้วที่นี่คือที่ไหน?"
กริดถามคำถามเดิมซ้ำ
[ ทะเลแดง ]
ทะเลแดง ทะเลที่กว้างใหญ่ที่สุดซึ่งขวางกั้นทวีปตะวันตกและตะวันออกไว้ ตลอดหนึ่งพันปีที่ผ่านมา ทั้งสองทวีปได้ลงทุนไปมากมายเพื่อพยายามข้ามทะเลผืนนี้ แต่ทั้งคู่ต่างก็ล้มเหลว
มีเพียงผู้คนหยิบมือเดียวที่ข้ามทะเลสำเร็จ แต่ระหว่างทาง มีผู้คนนับหมื่นนับแสนที่ต้องสังเวยชีวิตไป ทำให้น้ำทะเลกลายเป็นสีแดง
[ ที่นี่คือจุดศูนย์กลางของโลกมนุษย์ เป็นแหล่งพลังของมานาไม่สิ้นสุด และใต้ทะเลลึกยังมีสิ่งมีชีวิตดุร้ายอาศัยอยู่ ]
"ไม่ต้องเล่านอกเรื่องก็ได้มั้ง"
[ เข้าใจล่ะ เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน ฉันมาที่นี่เพื่อนำบางสิ่งกลับไป ]
ซู่ววววว!
หลังจากที่บราฮัมกล่าวอย่างมีเลศนัย คลื่นขนาดใหญ่ก็เกิดขึ้นบนผิวน้ำ
ครืนนนน!
เกิดเป็นคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ในพริบตา บนท้องฟ้า พายุสายฟ้าเริ่มก่อตัว สิ่งเหล่านี้ทำให้กริดพลันเย็นสันหลังวาบ
"ทำไมจู่ๆ ก็… เฮ้ย?"
กริดที่่บ่นอุบอิบเมื่อครู่ ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจ ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ผิดแผกบนผืนน้ำและท้องฟ้า ทั้งหมดเกิดจากบราฮัม
ข้อความระบบที่แสดงขึ้นตรงหน้าเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี
[ บราฮัมใช้ทักษะ<ดูดกลืนพลังเวทย์> ]
[ ไม่มีเป้าหมาย ]
[ เป้าหมายคือทุกสิ่ง ]
[ ทำการขโมยพลังเวทย์จากบรรยากาศ ]
[ ทำการขโมยพลังเวทย์จากผืนทะเล ]
[ ทำการขโมยพลังเวทย์จากดวงอาทิตย์ ]
[ พลังเวทย์ของท่านเพิ่มขึ้นเป็นการชั่วคราว ]
[ พลังเวทย์ของท่านเพิ่มขึ้นเป็นการชั่วคราว ]
[ พลังเวทย์ของท่านเพิ่มขึ้นเป็นการชั่วคราว ]
[ พลังเวทย์ของท่าน... ]
...
...
'บ้าไปแล้ว!'
ดูดกลืนพลังเวทย์ มันคือเวทย์มนต์ที่สามารถขโมยพลังเวทย์มาจากศัตรูได้ระยะเวลาหนึ่ง ไม่ว่าเป้าหมายจะเป็นมอนสเตอร์ ผู้เล่น หรือเอ็นพีซี สิ่งนี้คือเวทย์มนต์พื้นฐานที่จอมเวทย์ทุกคนพึงมี แต่สิทธิภาพของมันก็ไม่สูงมากนัก
แต่การดูดกลืนพลังเวทย์ของบราฮัมนั้นอยู่คนละมิติ หมอนี่ทำการขโมยพลังมาจากธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ความทรงพลังของเวทย์บราฮัมหลังจากนี้ กริดไม่อยากจินตนาการออกมา
[ แค่นี้คงพอแล้ว ]
บราฮัมหยุดใช้ดูดกลืนเวทย์มนต์หลังจากระดับพลังเวทย์เป็นที่น่าพึงพอใจ ถัดมาคือการใช้เวทย์เคลื่อนย้ายมิติ ร่างของกริดหายไปอีกครั้งพร้อมกับแสงสว่าง
***
วิหารหลักของยาธานมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่อยู่ตลอด พวกมันมีศัตรูมาก จึงต้องเก็บสถานที่ตั้งวิหารหลักไว้เป็นความลับ ดังนั้น นับตั้งแต่ซาทิสฟายเปิดตัว ยังไม่มีผู้เล่นคนใดเลยที่ล่วงรู้ถึงที่ตั้งของวิหารหลัก แม้กระทั่งจอมเวทย์มืดที่สังกัดฝ่ายเดียวกันก็ตาม
แต่ในวันนี้
"ในที่สุดฉันก็หาพบ"
คลาสนักสำรวจอันดับหนึ่งของโลก สกังก์ ปาร์ตี้ของเขาประสบความสำเร็จในการค้นหาวิหารหลักยาธาน นับเป็นความสำเร็จที่ต้องถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์
"มันทั้งดูเล็กและไม่น่าประทับใจเท่าใดนัก ฉันคิดว่ามันจะเป็นสถานที่ที่สวยงามเหมือนกับวาติกันเสียอีก"
"วาติกันมีขนาดใหญ่เกินจำเป็น"
หุบเขาเลขแปด หน้าผาสูงชันเรียงตัวกันเป็นแนวกำแพงรูปร่างเลขแปด มีวิหารแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนชายขอบหุบเขา หามองเผินๆ จะเหมือนกับวิหารเก่าแก่ตามชนบท แต่เสาสามต้นที่ประตูทางเข้านั้นเหมือนกับที่เขียนอธิบายไว้ในหนังสือทุกประการ
"รีบติดต่อกิลด์ใหญ่และโบสถ์ต่างๆ ใครให้มากที่สุดก็ขายคนนั้น"
วิหารยาธานกระทำสิ่งชั่วช้ามากมาย มีผู้เล่นจำนวนไม่น้อยที่ได้รับภารกิจให้ทำลายวิหารหลักยาธาน ดังนั้น การขายข้อมูลนี้จะทำให้ปาร์ตี้ของสกังก์รวยล้นฟ้า
"เฮ่าเสนอราคา 1.5 ล้านเหรียญทอง"
"เฮ่อะ… ไอ้สุนัข"
"กิลด์ไจแอนท์เสนอ 1.8 ล้านเหรียญทอง"
"ยังน้อยไป"
"กิลด์ไวโอเล็ตเสนอ 2.35 เหรียญทอง"
"ไวโอเล็ต? หืม? ใช่พาลาดินอันดับหนึ่งของโบสถโดมิเนี่ยนรึเปล่า?"
ดาเมี่ยนแห่งโบสถ์รีเบคก้า โทบันแห่งโบสถ์ยูดาห์ และไวโอเล็ตแห่งโบสถ์โดมิเนี่ยน สามคนนี้ถูกเรียกขานว่าเป็นสามพาลาดินใหญ่ ในบรรดาสามคน ไวโอเล็ตมีอันดับแร้งเกอร์ต่ำที่สุด แต่ว่ากันว่า พลังต่อสู้ของไวโอเล็ตเหนือกว่าอีกสองคน ก็แน่ล่ะ พาลาดินของโบสถ์โดมิเนี่ยนย่อมเน้นหนักไปในการต่อสู้กว่าโบสถ์อื่นอยู่แล้ว
"2.35 ล้านเหรียญทองงั้นหรือ… ยังน้อยกว่าที่คิดไว้นิดหน่อย"
สกังก์แสดงสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย เพื่อนของมันจึงพยายามโน้มน้าว
"นับตั้งแต่สงครามใหญ่ระหว่างฝ่ายพันธมิตรกับวิหารยาธานเริ่มขึ้น เวลาก็ล่วงเลยมาหนึ่งปีกับอีกแปดเดือนแล้ว ถึงกระนั้นก็เถอะ จำนวนคนที่สนใจในการล่าวิหารยาธานไม่น้อยเกินไปหน่อยหรือ?"
"โบสถ์โดมิเนี่ยนคือศาสนาที่กระหายสงครามเป็นทุนเดิม"
"ฉันว่าไม่มีใครให้มากกว่าไวโอเล็ตแล้ว พวกเราควรรีบขายให้เธอ"
สกังก์พยักหน้า
"หืม… เอางั้นก็ได้ แต่ฉันมีเงื่อนไข"
"เงื่อนไขอะไร?"
"ไวโอเล็ตต้องมาพร้อมกับนักข่าวอีกอย่างน้อย 15 ประเทศ"
ปาร์ตี้ของพวกมันค้นพบวิหารหลักยาธานเชียวนะ! สกังก์ต้องการจะเพิ่มมูลค่าของตนเองโดยการให้คนทั่วโลกได้รับรู้ข่าวนี้ สมาชิกปาร์ตี้ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากนั้นสามวัน ปาร์ตี้ของสกังก์และไวโอเล็ตก็มาพบกันในจุดนัดพบ ผู้สื่อข่าวจากหลายสิบประเทศรีบถ่ายทอดสดทันที
"ประชาสัมพันธ์ได้ไม่เลว"
ในขณะที่ไวโอเล็ตกำลังยื่นเงินมัดจำมาให้ด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย สกังก์ก็ยักไหล่เล็กน้อย
"เธออยากให้นักข่าวเหล่านี้ เข้าไปทำข่าวกิลด์ของเธอในวินาทีที่บดขยี้วิหารยาธานหลักไหม? พาพวกเขาไปด้วยสิ จะได้ช่วยกันถ่ายภาพจากหลายๆ มุม"
"กิลด์ของพวกเรามีช่องถ่ายทอดสดผ่านอินเทอเน็ตเป็นของตัวเอง ดังนั้น การนำไปสิทธิถ่ายทอดไปขายให้สถานีอื่นย่อมไม่ใช่เรื่องฉลาดนัก"
"อ้อ… งั้นเองหรือ? น่าเสียดายที่พวกนักข่าวของกลับบ้านมือเปล่า"
ไวโอเล็ตจ่ายเงินค่าตอนแทนให้กับบรรดานักข่าว เธอขอร้องให้พวกเขากลับไป หลังจากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปยังวิหารหลักยาธานตามเส้นทางที่สกังก์ระบุ
"ตามเธอไป"
บรรดานักข่าวไม่มีทางพลาดสกู๊ปใหญ่คราวนี้ ไม่มีใครทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับไวโอเล็ต พวกมันแอบตามเธอไปลับๆ วันถัดมา ในที่สุดไวโอเล็ตก็เดินมาถึงวิหารหลักยาธานที่ซ่อนอยู่ในหุบเขาเลขแปด
"ที่นี่สินะ..."
เอื๊อก...!
ในขณะที่ยืนอยู่หน้าทางเข้า ปาร์ตี้ของไวโอเล็ตไม่อาจข่มความตึงเครียดไว้ได้ ทัลลอส ข้ารับใช้ลำดับที่หนึ่งของวิหารยาธาน ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ภายในวิหารหลักตลอดเวลา พวกเธอจะเอาชนะมันได้จริงหรือ?
พรรคพวกของไวโอเล็ตมีทั้งหมด 90 คน ทุกคนกำลังพร้อมรบสุดขีด แต่ข้อมูลของทัลลอสนั้นมีน้อยมาก พวกเขารู้เพียงแค่ ทัลลอสคือจอมเวทย์มืดอันดับหนึ่งของซาทิสฟาย
ไวโอเล็ตพูดปลุกใจทุกคนที่กำลังเสียขวัญ
"กลุ่มของพวกเรามีความสมดุลในอาชีพสูงมาก แถมยังมีถึงสี่คนที่เป็นผู้เล่นคลาสระดับสาม ด้วยพลังที่มี พวกเราเอาชนะข้ารับใช้ลำดับที่หนึ่งได้แน่ หลังจากนั้นก็จะบดขยี้วิหารหลักยาธานให้ราบเป็นหน้ากลอง"
มีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ไวโอเล็ตมั่นใจ
[ สังหารข้ารับใช้ยาธานลำดับที่หนึ่ง (SS+) ]
วันที่เธอรับภารกิจนี้ คือหนึ่งปีกับอีกแปดเดือนก่อน ตอนนั้นไวโอเล็ตยังเป็นคลาสระดับหนึ่งที่เลเวลไม่ถึง 200 เลยด้วยซ้ำ แต่คราวนี้ เธอคือคลาสระดับสาม
ภารกิจที่มอบให้คลาสระดับหนึ่ง คลาสระดับสามอย่างเธอจะทำไม่สำเร็จเชียวหรือ? ทัลลอสคงอ่อนแอกว่าที่ทุกคนคิด ไวโอเล็ตนำกองทัพเคลื่อนพลด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม บรรดานักข่าวต่างก็แอบตามมาอย่างเงียบงัน
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน กลุ่มของไวโอเล็ตก็ถูกบดขยี้เละเทะ
"เจ้าพวกสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่น่าสงสารเอ๋ย..."
ข้ารับใช้ลำดับที่หนึ่ง ทัลลอส พลังของมันเหนือกว่าทุกข่าวลือ ในฐานะจอมเวทย์มืดระดับสี่ ลำพังตัวมันสามารถกำราบปาร์ตี้ของไวโอเล็ตได้ในพริบตา แถมยังมีบริวารเป็นจอมเวทย์มืดลำดับสามอีกมากมาย
สีหน้าของไวโอเล็ตพลันบิดเบี้ยวเมื่อถูกเวทย์มืดสาปเข้า
"บ้าไปแล้ว...!"
เธอกำลังจะล้มเหลวในภารกิจที่ดองไว้หนึ่งปีกับแปดเดือน… ไวโอเล็ตคิดว่า โลกช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ท้องไส้พลันปั่นป่วนเมื่อคิดถึงเงิน 2.35 ล้านเหรียญทองที่เสียให้สกังก์ ยังรวมไปถึงเงินเตรียมการในศึกนี้อีกราว 300,000 เหรียญทอง ไวโอเล็ตอยากจะไปตัดหัวของนายพลกองทัพพันธมิตร ที่บังอาจมอบภารกิจยากขนาดนี้ให้เธอในตอนที่มีเลเวลยังไม่ถึง 200
ในทางกลับกัน บรรดานักข่าวด้านหลังก็สนใจแต่การจับภาพ พวกมันลืมเรื่องที่ต้องซ่อนตัวไปจนหมดสิ้น ไวโอเล็ตจะเห็นก็ช่างปะไรแล้วตอนนี้
'ยอดมาก!'
'ข่าวใหญ่!'
ตัวตนข้ารับใช้ลำดับที่หนึ่งของวิหารยาธานนั้นเป็นปริศนาอยู่ในเงามืดมาโดยตลอด ทัลลอส ตัวจริงของมันแข็งแกร่งกว่าที่ทุกคนคาดคิด ผู้ชมจะต้องให้ความสนใจอย่างมากแน่ เมื่อกองทัพที่นำโดยสุดยอดพาลาดินและคลาสระดับสามอีกสี่คน กำลังถูกบดขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี นักข่าวเหล่านี้อาจได้รับรางวัลผู้สื่อข่าวดีเด่นก็เป็นได้
ในขณะที่กลุ่มของไวโอเล็ตกำลังสิ้นหวังสุดขีด
"ศรเวทย์"
มันคือชื่อของเวทย์มนต์พื้นฐานที่จอมเวทย์เลเวล 10 สามารถเรียนได้ แต่เวทย์มนต์ที่แสนอ่อนแอเช่นนี้ มันกลับทะลวงผ่านทุกสิ่งและปะทะเข้ากับหน้าอกของทัลลอสด้วยความรุนแรง
"อ๊ากกกกก!"
"หือ?"
"เห๋?"
เกิดอะไรขึ้นกับทัลลอส? หมอนี่ไม่แม้แต่กระพริบตาในยามที่้เผชิญหน้าผู้เล่นคลาสระดับสาม แต่คราวนี้ เหตุใดถึงกรีดร้องเจ็บปวดเจียนตาย? ทุกสายตาพลันจับจ้องไปยังต้นทางของผู้ที่ร่ายศรเวทย์ปริศนาทันที
"ตัวปลอมสินะ… บอกมาซะดีๆ ว่าดวงวิญญานของอาโมแร็คซ่อนอยู่ที่ไหน?"
ชายผมขาวพูดกับทัลลอสด้วยน้ำเสียงดูแคลนเป็นที่สุด เมื่อทุกคนเห็นว่าชายคนนั้นคือใคร สีหน้าอันแสนตกตะลึงก็ถูกเผยออกมาพร้อมเพรียงกัน
ค้าง
ReplyDeleteอีกแล้ว!!!!!
ReplyDeleteสนุกสนานมากมายครับ
ReplyDelete