จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 307



       ณ ผืนน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาล  บนผิวน้ำที่ส่องประกายระยิบยับสุดลูกหูลูกตา  ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น

       กริด  ในขณะที่ดวงวิญญานของบราฮัมสิ่งร่างและมาพาที่นี่  เขาก็เปิดหน้าต่างสถานะตัวละครเพื่อตรวจสอบ

=======
ชื่อ : บราฮัม-เฮชวาล (กริด)
คลาส : จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่
_______
สมญานาม :        เจ้าของความรู้อันยิ่งใหญ่
* สิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาสูงสุดของโลกมนุษย์  การที่ยังไม่ได้ครอบครองความรู้ทั้งหมด  ทำให้เขากระหายความรู้ยิ่งกว่าผู้ใด  การถวิลหานั้นรุนแรงนัก  บางครั้งอาจกลายเป็นพิษร้าย
* ค่าสติปัญญาเพิ่มขึ้น 35%
* มีโอกาสเล็กน้อยที่จะเสียสติ
_______
สมญานาม : ผู้กลายเป็นตำนาน
* อาการผิดปรกติไม่มีผลต่อท่าน
* ท่านจะไม่ตายทันทีเมื่อพลังชีวิตหมดลง
* เป็นที่รู้จักได้ง่ายขึ้น
_______
สมญานาม : ???
* ???
_______
เลเวล : 545
พลังชีวิต : 858,310/858,310 (เขียนไม่ผิด)
มานา : 13,964,000/13,965,000 (เขียนไม่ผิด)
พละกำลัง : 258
ความอดทน : 3,400
ความว่องไว : 1,009
สติปัญญา : 15,880
_______
* ในร่างเนื้อของมนุษย์  พลังที่แท้จริงของบราฮัม-เฮชวาลไม่อาจถูกสำแดงออกมาได้  ค่าสถานะส่วนใหญ่จึงถูกผนึกไว้
=======

       ทุกหนึ่งเลเวลจะได้ค่าสถานะ 10 แต้ม  ดังนั้น  บราฮัมที่มีเลเวล 545 ควรจะมีสถานะไม่เกิน 6,000 แต้ม  แต่กลับกลายเป็นว่า  เขามีแต้มสถานะรวมสูงกว่า 20,000 ไปอีก  ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดสามัญสำนึกอย่างมาก  ถึงจะมีวิธีการได้แต้มสถานจากทางอื่นก็เถอะ  แต่นี่มันไม่มากไปหน่อยหรือ?
     
       ค่าสถานะรวมของกริดอยู่ที่ราว 14,000 แต้ม  แต่นั่นเป็นเพราะเขามีค่าสถานะอื่นๆ ที่ไม่สำคัญอยู่หลายชนิด  หากนับเฉพาะค่าสถานะในการต่อสู้  กริดจะมีเพียง 6,000 แต้มเท่านั้น  ซึ่งถึงว่ามหาศาลแล้วสำหรับผู้เล่นคนหนึ่ง  แต่ตัวเลขเท่านี้กลับกลายเป็นเพียงมดปลวกหากนำไปเทียบกับบราฮัม
     
       'แถมยังระบุไว้ว่า  ค่าสถานะส่วนใหญ่ของบราฮัมถูกผนึกไว้  หมอนี่มีพลังที่แท้จริงอยู่ในระดับไหนกัน?'     

       และหากดูจากพลังชีวิตกับมานา  ค่าพละกำลังและความอดทนควรต้องสูงกว่านี้ราวสิบเท่า

       'ยิ่งไปกว่านั้น...'

       <ในร่างเนื้อของมนุษย์  พลังที่แท้จริงของบราฮัม-เฮชวาลไม่อาจถูกสำแดงออกมาได้>
     
       ประโยคนี้สะกิดใจกริดมาก     

       "นายไม่ใช่มนุษย์งั้นหรือ?"

[ รูปลักษณ์ของฉันเหมือนกับมนุษย์ทุกประการ  และยังมีชีวิตที่จำกัดเหมือนกัน ]

       '...ก็แปลว่าเป็นมนุษย์ไม่ใช่รึไง?'

       มนุษย์ก็คือมนุษย์สิ  ถ้านายเป็นมนุษย์  ก็ควรตอบกลับมาง่ายๆ ก็พอแล้ว  จะอธิบายให้ยุ่งยากทำไมกันนะ?

       "แล้วที่นี่คือที่ไหน?"

       มันเป็นการยากที่จะแบ่งแยกทะเลหรือท้องฟ้า  กริดไม่รู้ว่าฝ่าเท้าของตนสัมผัสอยู่กับผิวทะเลหรือผิวท้องฟ้าอยู่  ไม่รู้ว่ากำลังกลับหัวอยู่รึไม่  บราฮัมเย้ยหยันกริดที่ถูกธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ทำให้ตื่นตาตื่นใจ

[ เป็นถึงตำนาน  แต่กลับตื่นตระหนกในเรื่องเช่นนี้หรือ? ]

       "เมื่ออยู่ต่อหน้าธรรมชาติ  มนุษย์ย่อมกลายเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ อยู่แล้ว"

[ ตำนานคือผู้ที่ก้าวข้าม  นายไม่ควรนำตนเองไปเปรียบกับคนธรรมดา  นั่นไม่ต่างอะไรกับการสร้างกำแพงขีดจำกัดไว้รอบตัว ]

       'นั่นสินะ'

       เดิมที  กริดเคยนึกสงสัยบราฮัม  ในบันทึกประวัติศาสตร์  แพ็กม่าเสียชีวิตลงเมื่อ 100 ปีก่อน  แต่ในทางกลับกัน  บราฮัมกลับเล่าว่า  แพ็กม่าตายไปทั้งแต่ 300 ปีก่อนแล้ว  ทำให้กริดคิดว่าบราฮัมนั้นปลิ้นปล้อน  แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะถูกสิงร่างหรืออย่างไร  คำพูดของบราฮัมในตอนนี้  กริดกลับรู้สึกว่าเชื่อใจได้  ความเคลือบแคลงสงสัยที่เคยมีค่อยๆ จางหาย
     
[ นายควรระแวดระวังเฉพาะบุคคลที่อาจเป็นภัยเท่านั้น  ส่วนผู้อื่น  ตำนานสามารถดูแคลนคนเหล่านั้นได้ตามใจชอบ  นี่คือทัศนคติของผู้เป็นตำนาน ]

       "แล้วนายหวาดกลัวต่อคำขู่ของผู้อื่นรึเปล่า?"

       กริดถามออกไป  ร่างเนื้อของกริดพลันแสยะยิ้ม  เป็นรอยยิ้มจากบราฮัม

[ ฉันก้าวข้ามความหวาดกลัวไปแล้ว ]

       "...เข้าใจล่ะ"

       ราวหนึ่งปีกับหกเดือนก่อน  บราฮัมก็มีท่าทีหยิ่งทระนงเช่นนี้  แม้ว่าร่างเนื้อจะตายไปแล้วก็ตาม  ในตอนที่มีชีวิตอยู่  หมอนี่จะมีนิสัยยังไงกันนะ?

       "ช่างเถอะ  แล้วที่นี่คือที่ไหน?"

       กริดถามคำถามเดิมซ้ำ

[ ทะเลแดง ]

       ทะเลแดง  ทะเลที่กว้างใหญ่ที่สุดซึ่งขวางกั้นทวีปตะวันตกและตะวันออกไว้  ตลอดหนึ่งพันปีที่ผ่านมา  ทั้งสองทวีปได้ลงทุนไปมากมายเพื่อพยายามข้ามทะเลผืนนี้  แต่ทั้งคู่ต่างก็ล้มเหลว

       มีเพียงผู้คนหยิบมือเดียวที่ข้ามทะเลสำเร็จ  แต่ระหว่างทาง  มีผู้คนนับหมื่นนับแสนที่ต้องสังเวยชีวิตไป  ทำให้น้ำทะเลกลายเป็นสีแดง

[ ที่นี่คือจุดศูนย์กลางของโลกมนุษย์  เป็นแหล่งพลังของมานาไม่สิ้นสุด  และใต้ทะเลลึกยังมีสิ่งมีชีวิตดุร้ายอาศัยอยู่ ]

       "ไม่ต้องเล่านอกเรื่องก็ได้มั้ง"

[ เข้าใจล่ะ  เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน  ฉันมาที่นี่เพื่อนำบางสิ่งกลับไป ]

       ซู่ววววว!

       หลังจากที่บราฮัมกล่าวอย่างมีเลศนัย  คลื่นขนาดใหญ่ก็เกิดขึ้นบนผิวน้ำ

       ครืนนนน!

       เกิดเป็นคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ในพริบตา  บนท้องฟ้า  พายุสายฟ้าเริ่มก่อตัว  สิ่งเหล่านี้ทำให้กริดพลันเย็นสันหลังวาบ

       "ทำไมจู่ๆ ก็… เฮ้ย?"

       กริดที่่บ่นอุบอิบเมื่อครู่  ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจ  ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ผิดแผกบนผืนน้ำและท้องฟ้า  ทั้งหมดเกิดจากบราฮัม 

       ข้อความระบบที่แสดงขึ้นตรงหน้าเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี
     
[ บราฮัมใช้ทักษะ<ดูดกลืนพลังเวทย์> ]
[ ไม่มีเป้าหมาย ]
[ เป้าหมายคือทุกสิ่ง ]
[ ทำการขโมยพลังเวทย์จากบรรยากาศ ]
[ ทำการขโมยพลังเวทย์จากผืนทะเล ]
[ ทำการขโมยพลังเวทย์จากดวงอาทิตย์ ]

[ พลังเวทย์ของท่านเพิ่มขึ้นเป็นการชั่วคราว ]
[ พลังเวทย์ของท่านเพิ่มขึ้นเป็นการชั่วคราว ]
[ พลังเวทย์ของท่านเพิ่มขึ้นเป็นการชั่วคราว ]
[ พลังเวทย์ของท่าน... ]
...
...

       'บ้าไปแล้ว!'

       ดูดกลืนพลังเวทย์  มันคือเวทย์มนต์ที่สามารถขโมยพลังเวทย์มาจากศัตรูได้ระยะเวลาหนึ่ง  ไม่ว่าเป้าหมายจะเป็นมอนสเตอร์  ผู้เล่น  หรือเอ็นพีซี  สิ่งนี้คือเวทย์มนต์พื้นฐานที่จอมเวทย์ทุกคนพึงมี  แต่สิทธิภาพของมันก็ไม่สูงมากนัก

       แต่การดูดกลืนพลังเวทย์ของบราฮัมนั้นอยู่คนละมิติ  หมอนี่ทำการขโมยพลังมาจากธรรมชาติอันยิ่งใหญ่  ความทรงพลังของเวทย์บราฮัมหลังจากนี้  กริดไม่อยากจินตนาการออกมา

[ แค่นี้คงพอแล้ว ]

       บราฮัมหยุดใช้ดูดกลืนเวทย์มนต์หลังจากระดับพลังเวทย์เป็นที่น่าพึงพอใจ  ถัดมาคือการใช้เวทย์เคลื่อนย้ายมิติ  ร่างของกริดหายไปอีกครั้งพร้อมกับแสงสว่าง

       ***

       วิหารหลักของยาธานมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่อยู่ตลอด  พวกมันมีศัตรูมาก  จึงต้องเก็บสถานที่ตั้งวิหารหลักไว้เป็นความลับ  ดังนั้น  นับตั้งแต่ซาทิสฟายเปิดตัว  ยังไม่มีผู้เล่นคนใดเลยที่ล่วงรู้ถึงที่ตั้งของวิหารหลัก  แม้กระทั่งจอมเวทย์มืดที่สังกัดฝ่ายเดียวกันก็ตาม

       แต่ในวันนี้

       "ในที่สุดฉันก็หาพบ"

       คลาสนักสำรวจอันดับหนึ่งของโลก  สกังก์  ปาร์ตี้ของเขาประสบความสำเร็จในการค้นหาวิหารหลักยาธาน  นับเป็นความสำเร็จที่ต้องถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์

       "มันทั้งดูเล็กและไม่น่าประทับใจเท่าใดนัก  ฉันคิดว่ามันจะเป็นสถานที่ที่สวยงามเหมือนกับวาติกันเสียอีก"

       "วาติกันมีขนาดใหญ่เกินจำเป็น"

       หุบเขาเลขแปด  หน้าผาสูงชันเรียงตัวกันเป็นแนวกำแพงรูปร่างเลขแปด  มีวิหารแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนชายขอบหุบเขา  หามองเผินๆ จะเหมือนกับวิหารเก่าแก่ตามชนบท  แต่เสาสามต้นที่ประตูทางเข้านั้นเหมือนกับที่เขียนอธิบายไว้ในหนังสือทุกประการ

       "รีบติดต่อกิลด์ใหญ่และโบสถ์ต่างๆ  ใครให้มากที่สุดก็ขายคนนั้น"

       วิหารยาธานกระทำสิ่งชั่วช้ามากมาย  มีผู้เล่นจำนวนไม่น้อยที่ได้รับภารกิจให้ทำลายวิหารหลักยาธาน  ดังนั้น  การขายข้อมูลนี้จะทำให้ปาร์ตี้ของสกังก์รวยล้นฟ้า
     
       "เฮ่าเสนอราคา 1.5 ล้านเหรียญทอง"

       "เฮ่อะ… ไอ้สุนัข"

       "กิลด์ไจแอนท์เสนอ 1.8 ล้านเหรียญทอง"

       "ยังน้อยไป"

       "กิลด์ไวโอเล็ตเสนอ 2.35 เหรียญทอง"

       "ไวโอเล็ต?  หืม?  ใช่พาลาดินอันดับหนึ่งของโบสถโดมิเนี่ยนรึเปล่า?"

       ดาเมี่ยนแห่งโบสถ์รีเบคก้า  โทบันแห่งโบสถ์ยูดาห์  และไวโอเล็ตแห่งโบสถ์โดมิเนี่ยน  สามคนนี้ถูกเรียกขานว่าเป็นสามพาลาดินใหญ่  ในบรรดาสามคน  ไวโอเล็ตมีอันดับแร้งเกอร์ต่ำที่สุด  แต่ว่ากันว่า  พลังต่อสู้ของไวโอเล็ตเหนือกว่าอีกสองคน  ก็แน่ล่ะ  พาลาดินของโบสถ์โดมิเนี่ยนย่อมเน้นหนักไปในการต่อสู้กว่าโบสถ์อื่นอยู่แล้ว

       "2.35 ล้านเหรียญทองงั้นหรือ… ยังน้อยกว่าที่คิดไว้นิดหน่อย"

       สกังก์แสดงสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย  เพื่อนของมันจึงพยายามโน้มน้าว

       "นับตั้งแต่สงครามใหญ่ระหว่างฝ่ายพันธมิตรกับวิหารยาธานเริ่มขึ้น  เวลาก็ล่วงเลยมาหนึ่งปีกับอีกแปดเดือนแล้ว  ถึงกระนั้นก็เถอะ  จำนวนคนที่สนใจในการล่าวิหารยาธานไม่น้อยเกินไปหน่อยหรือ?"

       "โบสถ์โดมิเนี่ยนคือศาสนาที่กระหายสงครามเป็นทุนเดิม"

       "ฉันว่าไม่มีใครให้มากกว่าไวโอเล็ตแล้ว  พวกเราควรรีบขายให้เธอ"

       สกังก์พยักหน้า

       "หืม… เอางั้นก็ได้  แต่ฉันมีเงื่อนไข"

       "เงื่อนไขอะไร?"

       "ไวโอเล็ตต้องมาพร้อมกับนักข่าวอีกอย่างน้อย 15 ประเทศ"

       ปาร์ตี้ของพวกมันค้นพบวิหารหลักยาธานเชียวนะ!  สกังก์ต้องการจะเพิ่มมูลค่าของตนเองโดยการให้คนทั่วโลกได้รับรู้ข่าวนี้  สมาชิกปาร์ตี้ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย

       หลังจากนั้นสามวัน  ปาร์ตี้ของสกังก์และไวโอเล็ตก็มาพบกันในจุดนัดพบ  ผู้สื่อข่าวจากหลายสิบประเทศรีบถ่ายทอดสดทันที

       "ประชาสัมพันธ์ได้ไม่เลว"

       ในขณะที่ไวโอเล็ตกำลังยื่นเงินมัดจำมาให้ด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย  สกังก์ก็ยักไหล่เล็กน้อย

       "เธออยากให้นักข่าวเหล่านี้  เข้าไปทำข่าวกิลด์ของเธอในวินาทีที่บดขยี้วิหารยาธานหลักไหม?  พาพวกเขาไปด้วยสิ  จะได้ช่วยกันถ่ายภาพจากหลายๆ มุม"

       "กิลด์ของพวกเรามีช่องถ่ายทอดสดผ่านอินเทอเน็ตเป็นของตัวเอง  ดังนั้น  การนำไปสิทธิถ่ายทอดไปขายให้สถานีอื่นย่อมไม่ใช่เรื่องฉลาดนัก"

       "อ้อ… งั้นเองหรือ?  น่าเสียดายที่พวกนักข่าวของกลับบ้านมือเปล่า"

       ไวโอเล็ตจ่ายเงินค่าตอนแทนให้กับบรรดานักข่าว  เธอขอร้องให้พวกเขากลับไป  หลังจากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปยังวิหารหลักยาธานตามเส้นทางที่สกังก์ระบุ

       "ตามเธอไป"

       บรรดานักข่าวไม่มีทางพลาดสกู๊ปใหญ่คราวนี้  ไม่มีใครทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับไวโอเล็ต  พวกมันแอบตามเธอไปลับๆ   วันถัดมา  ในที่สุดไวโอเล็ตก็เดินมาถึงวิหารหลักยาธานที่ซ่อนอยู่ในหุบเขาเลขแปด

       "ที่นี่สินะ..."

       เอื๊อก...!

       ในขณะที่ยืนอยู่หน้าทางเข้า  ปาร์ตี้ของไวโอเล็ตไม่อาจข่มความตึงเครียดไว้ได้  ทัลลอส  ข้ารับใช้ลำดับที่หนึ่งของวิหารยาธาน  ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ภายในวิหารหลักตลอดเวลา  พวกเธอจะเอาชนะมันได้จริงหรือ?

       พรรคพวกของไวโอเล็ตมีทั้งหมด 90 คน  ทุกคนกำลังพร้อมรบสุดขีด  แต่ข้อมูลของทัลลอสนั้นมีน้อยมาก  พวกเขารู้เพียงแค่  ทัลลอสคือจอมเวทย์มืดอันดับหนึ่งของซาทิสฟาย

       ไวโอเล็ตพูดปลุกใจทุกคนที่กำลังเสียขวัญ

       "กลุ่มของพวกเรามีความสมดุลในอาชีพสูงมาก  แถมยังมีถึงสี่คนที่เป็นผู้เล่นคลาสระดับสาม  ด้วยพลังที่มี  พวกเราเอาชนะข้ารับใช้ลำดับที่หนึ่งได้แน่  หลังจากนั้นก็จะบดขยี้วิหารหลักยาธานให้ราบเป็นหน้ากลอง"

       มีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ไวโอเล็ตมั่นใจ

[ สังหารข้ารับใช้ยาธานลำดับที่หนึ่ง (SS+) ]

       วันที่เธอรับภารกิจนี้  คือหนึ่งปีกับอีกแปดเดือนก่อน  ตอนนั้นไวโอเล็ตยังเป็นคลาสระดับหนึ่งที่เลเวลไม่ถึง 200 เลยด้วยซ้ำ  แต่คราวนี้  เธอคือคลาสระดับสาม

       ภารกิจที่มอบให้คลาสระดับหนึ่ง  คลาสระดับสามอย่างเธอจะทำไม่สำเร็จเชียวหรือ?  ทัลลอสคงอ่อนแอกว่าที่ทุกคนคิด  ไวโอเล็ตนำกองทัพเคลื่อนพลด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม  บรรดานักข่าวต่างก็แอบตามมาอย่างเงียบงัน

       หลังจากนั้นเพียงไม่นาน  กลุ่มของไวโอเล็ตก็ถูกบดขยี้เละเทะ

       "เจ้าพวกสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่น่าสงสารเอ๋ย..."

       ข้ารับใช้ลำดับที่หนึ่ง  ทัลลอส  พลังของมันเหนือกว่าทุกข่าวลือ  ในฐานะจอมเวทย์มืดระดับสี่  ลำพังตัวมันสามารถกำราบปาร์ตี้ของไวโอเล็ตได้ในพริบตา  แถมยังมีบริวารเป็นจอมเวทย์มืดลำดับสามอีกมากมาย

       สีหน้าของไวโอเล็ตพลันบิดเบี้ยวเมื่อถูกเวทย์มืดสาปเข้า

       "บ้าไปแล้ว...!"

       เธอกำลังจะล้มเหลวในภารกิจที่ดองไว้หนึ่งปีกับแปดเดือน… ไวโอเล็ตคิดว่า  โลกช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย  ท้องไส้พลันปั่นป่วนเมื่อคิดถึงเงิน 2.35 ล้านเหรียญทองที่เสียให้สกังก์  ยังรวมไปถึงเงินเตรียมการในศึกนี้อีกราว 300,000 เหรียญทอง  ไวโอเล็ตอยากจะไปตัดหัวของนายพลกองทัพพันธมิตร  ที่บังอาจมอบภารกิจยากขนาดนี้ให้เธอในตอนที่มีเลเวลยังไม่ถึง 200

       ในทางกลับกัน  บรรดานักข่าวด้านหลังก็สนใจแต่การจับภาพ  พวกมันลืมเรื่องที่ต้องซ่อนตัวไปจนหมดสิ้น  ไวโอเล็ตจะเห็นก็ช่างปะไรแล้วตอนนี้

       'ยอดมาก!'

       'ข่าวใหญ่!'

       ตัวตนข้ารับใช้ลำดับที่หนึ่งของวิหารยาธานนั้นเป็นปริศนาอยู่ในเงามืดมาโดยตลอด  ทัลลอส  ตัวจริงของมันแข็งแกร่งกว่าที่ทุกคนคาดคิด  ผู้ชมจะต้องให้ความสนใจอย่างมากแน่  เมื่อกองทัพที่นำโดยสุดยอดพาลาดินและคลาสระดับสามอีกสี่คน  กำลังถูกบดขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี  นักข่าวเหล่านี้อาจได้รับรางวัลผู้สื่อข่าวดีเด่นก็เป็นได้

       ในขณะที่กลุ่มของไวโอเล็ตกำลังสิ้นหวังสุดขีด

       "ศรเวทย์"

       มันคือชื่อของเวทย์มนต์พื้นฐานที่จอมเวทย์เลเวล 10 สามารถเรียนได้  แต่เวทย์มนต์ที่แสนอ่อนแอเช่นนี้  มันกลับทะลวงผ่านทุกสิ่งและปะทะเข้ากับหน้าอกของทัลลอสด้วยความรุนแรง

       "อ๊ากกกกก!"

       "หือ?"

       "เห๋?"

       เกิดอะไรขึ้นกับทัลลอส?  หมอนี่ไม่แม้แต่กระพริบตาในยามที่้เผชิญหน้าผู้เล่นคลาสระดับสาม  แต่คราวนี้  เหตุใดถึงกรีดร้องเจ็บปวดเจียนตาย?  ทุกสายตาพลันจับจ้องไปยังต้นทางของผู้ที่ร่ายศรเวทย์ปริศนาทันที

       "ตัวปลอมสินะ… บอกมาซะดีๆ ว่าดวงวิญญานของอาโมแร็คซ่อนอยู่ที่ไหน?"

       ชายผมขาวพูดกับทัลลอสด้วยน้ำเสียงดูแคลนเป็นที่สุด  เมื่อทุกคนเห็นว่าชายคนนั้นคือใคร  สีหน้าอันแสนตกตะลึงก็ถูกเผยออกมาพร้อมเพรียงกัน

Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00