จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 301


       
       บนจอฉายภาพขนาดใหญ่  ร่างของเอลฟิน-สโตนกลายเป็นเพียงหมอกควันสีดำ  ผลการต่อสู้จบลงในแบบที่ไม่มีใครคาดคิด

       ลิมชอลโฮแบมือออกไปทางยุนซังมินและแอชลี่-โทซุนด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ
       
       "ส่งมา"

       คนทั้งสองหยิบแบงค์ 50,000 วอนออกมามอบให้ด้วยสีหน้าเจ็บใจ

       "ฮึก...!  เงินรายวันของฉัน..."
       
       "สัปดาห์นี้ฉันคงต้องงดกินไก่ทอด..."

       ทั้งยุนซังมินและหัวหน้าทีมแอชลี่ย์อยู่ในกลุ่มพนักงานบริษัทที่มีรายได้สูงสุดของเกาหลีใต้  แต่ด้วยความเข้มงวดจากภรรยา  เงินที่ใช้ได้ต่อวันจึงถูกจำกัด  ทำให้การสูญ 50,000 วอนในคราวนี้  ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงในการดำรงชีวิต

       "ฉันไม่น่าพนันเลย… ไม่คิดว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้"       

       ทั้งที่พวกเขามั่นใจมากแท้ๆ   ว่าปาร์ตี้ของกริดไม่มีทางเอาชนะเอลฟิน-สโตนได้แน่  ลิมชอลโฮอมยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า
       "กริดชนะได้เพราะเขาสกัดเขตแดนโลหิตครั้งแรกสำเร็จ  ไม่อย่างนั้น  สมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่เหลือไม่มีทางทนได้นานขนาดนี้แน่"
       
       "เห็นด้วย"
       
       กริดกำลังโตวันโตคืน

       หลังจากเลเวล 300...  หากรวมทักษะผสานไอเท็มที่ต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานถึง 43 วินาทีเข้าไปด้วย  พลังที่แท้จริงของกริดจะเทียบเท่ากับคลาสเกรดเลเจนดารีสายต่อสู้เต็มตัวเลยทีเดียว  
       
       แข็งแกร่งจนอยู่ในระดับที่เหนือความคาดหมายของทุกคน  ลิมชอลโฮไม่ได้ใส่ชื่อกริดเข้าไปอยู่ในกลุ่ม<ห้าบุคคลแห่งปาฏิหาริย์>อย่างไร้เหตุผล
       
       "แต่ว่านะ… ตอนนี้กริดไม่แย่เอาหรือ?  เขาตายขณะอยู่ในสถานะร่างมืดใช่ไหม? "
       
       ลิมชอลโฮหันไปยิ้มให้ยุนซังมิน

       "กริดจะได้สัมผัสกับโลกใบใหม่"

       ประสบการณ์ในซาทิสฟายของกริดยังน้อยนัก  เขาอาศัยอยู่บนโลกมนุษย์  ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ชื่ออีเทอนัลของทวีปตะวันตก… ยังมีประสบการณ์น่าตื่นตาตื่นใจกำลังรอเขาอยู่อีกมากมาย 
       
       "แถมที่นั่นก็ไม่ใช่สถานที่อันตราย  ชาวบ้านส่วนใหญ่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์และเป็นมิตรกับผู้คน"

       ***
       
[ ท่านเสียชีวิต ]
       
       ในอดีต  กริดเคยเสียชีวิตมานับครั้งไม่ถ้วน  สมัยสู้กับสไลมเขียวที่แม้แต่ผู้เล่นเลเวลห้าก็สามารถเอาชนะได้  เขาเสียชีวิตไปมากถึงสี่ครั้ง  ทว่า… ความตายกลายเป็นสิ่งแปลกใหม่ทันทีหลังจากกลายเป็นผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า 

       ครั้งสุดท้ายก็สมัยที่ร่วมสู้กับโดรัน  เขาดิ้นรนต่อสู้อย่างหนักในการดวลกับยูร่า  และลงเอยด้วยความตาย  ถ้าเป็นกริดในอดีตล่ะก็  ป่านนี้คงกำลังสบถหยาบคายที่ต้องสูญค่าประสบการณ์  แต่ยามนี้  เขากลับป็นห่วงความปลอดภัยของพวกพ้องที่เหลือ

       'ทุกคนจะปลอดภัยรึเปล่านะ?'
       
       กริดไม่แน่ใจว่าการล่าเอลฟิน-สโตนลงเอยอย่างไร  ภาพหน้าจอของเขาดำมืดตั้งแต่ร่ายรำสังหารดาบที่ห้าปะทะเข้าร่างเอลฟิน-สโตน

       "หน้าต่างสถานะ"
       
เลเวล 300 (11.05%)
       
       "...เห?"

       กริดอมยิ้มทันทีที่เห็นค่าประสบการณ์  ก่อนหน้าที่จะสู้กับเอลฟิน-สโตน  ค่าประสบการณ์สะสมของเขามี 0%  จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาตายไปก่อนฆ่าบอสได้น่ะหรือ?  เลเวลของกริดจะลดลงเหลือ 299 อีกครั้ง  แต่ครั้งนี้  ดูเหมือนค่าประสบการณ์จะเพิ่มขึ้นเป็น 11% แทน

       หรือในอีกความหมายหนึ่ง

       "ทำสำเร็จสินะ"

       เมื่อเสียชีวิตที่เลเวล 300   ค่าประสบการณ์จะลดลงไปมากถึง 30%  นั่นหมายความว่า  เอลฟิน-สโตนได้มอบค่าประสบการณ์ให้มากถึง 41% เลยทีเดียว  ช่างสมกับเป็นบอสพิเศษในซาทิสฟาย

       'ทุกคนน่าจะปลอดภัย'
       
       ของคุณสวรรค์  ในขณะที่กริดโล่งใจ  เขาพลันนึกถึงพาเฟรเนี่ยม

       'พาเฟรเนี่ยมดรอปมารึเปล่านะ?'

       แต่ช่างเถอะ  ถึงไม่ดรอปก็ไม่เป็นไร  สมาชิกปาร์ตี้ที่เหลือคงช่วยกันพลิกเมืองแวมไพร์เพื่อค้นหาเอง

       "ในระหว่างนั้น  เราก็ต้อง..."

       ความคงทนของอุปกรณ์จะลงลดมหาศาลเมื่อผู้เล่นชีวิต  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง<ความผิดพลาด>  กริดใช้ทักษะผสานไอเท็มซึ่งทำให้มันลดความคงทนลงจากเดิม  ทำให้ในตอนนี้  <ความผิดพลาด>มีค่าความคงทนเหลือเพียงสิบหน่วยเท่านั้น  ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น  มันอาจถูกทำลายไปตลอดกาล

       'เราต้องรีบซ่อมแซม'

       กริดพยายามกวาดสายตาไปรอบๆ เพื่อมองหาโรงตีเหล็กของข่าน  แต่เขากลับต้องประหลาดใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า       

       "...นี่เราอยู่ที่ไหน?"

       จุดเซฟเกิดของกริดถูกตั้งไว้ที่เรย์ดัน  ดังนั้น  ทันทีที่ลืมตาขึ้น  ฉากที่เห็นก็ควรจะคุ้นตา  แต่เหตุใดถึงตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง  ภาพตรงหน้าเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีกระท่อมอยู่ราว 20 หลังเท่านั้น  โดยกริดกำลังยืนอยู่ ณ ใจกลางหมู่บ้าน

       "...?"

       กริดรู้สึกสับสน  เขาจึงรีบเปิดแผนที่ขึ้นมาดู  แต่กลับไม่พบสัญลักษณ์ของตัวละครแสดงบนแผนที่อย่างที่ควรจะเป็น

       "เกิดอะไรขึ้น?"

       กริดพยายามกวาดสายตาไปรอบหมู่บ้าน  เขาก็ไม่พบร้านขายของชำเลยสักแห่งเดียว  มีเพียงกระท่อม 20 หลัง  ต้นมาการง  และลำธารเล็กๆ เท่านั้น

       'ผู้คนไปไหนหมด...'

       กริดเด็ดผลมาการงนี่หวานและเปรี้ยวมากิน  เหตุใดเขาถึงมาเกิดในสถานที่แห่งนี้กันนะ?  บั๊กงั้นหรือ?  ไม่น่าเป็นไปได้  ซาทิสฟายไม่เคยมีบั๊กมาก่อน
       
       "ชิ..."

       สมองของกริดไม่สามารถหาข้อสรุปกับเรื่องที่เกิดขึ้น

       'เราต้องหาทางกลับเรย์ดัน'

       ในการจะทำเช่นนั้นได้  เริ่มแรกต้องรู้เสียก่อนว่าตนกำลังอยู่ที่ไหน  กริดพยายามสอบถามข้อมูลจากสมาชิกกิลด์

       { มีใครรู้รึเปล่าว่าฉันกำลังอยู่ที่ไหน? }

[ ท่านล้มเหลวในการส่งข้อความภายในกิลด์  ขุมนรกคือสถานที่ซึ่งตัดขาดกับโลกมนุษย์อย่างสิ้นเชิง ]

       "...ขุมนรก?"

       ขุมนรกมีท้องฟ้าสดใสและสายลมอบอุ่นเช่นนี้เชียวหรือ?  ไม่ใช่ว่าขุมนรกควรจะมืดมิดและมีแต่ลาวาร้อนรึไง?

       "บ้าจริง!"

       ลงเอยด้วย  ธาตุแท้ของกริดถูกแสดงออกมาอีกครั้ง

       "ที่นี่คือขุมนรกสินะ!  เราตกนรกจนได้!  บัดซบ!!"

       ถ้ารู้แบบนี้  เขาควรจะทำตัวดีๆ… ไม่สิ  ควรใส่ใจกับค่าพลังอสูรมากกว่านี้ 

       'เราฆ่าคนไปเป็นจำนวนมากทั้งในจักรวรรดิ  วาติกัน  และวินสตัน'

       พลังอสูรของกริดมีทั้งหมด 401 แต้ม  เขามั่นใจมากว่า  การที่มาปรากฏตัวในขุมนรกคราวนี้  ทั้งหมดเป็นเพราะมีค่าพลังอสูรมากเกินไป

       "เดี๋ยวนะ… คนพวกนั้น?"

       มีกลุ่มคนเดินมาจากทางเข้าหมู่บ้าน  ทั้งหมดมีรูปลักษณ์แปลกประหลาด  เพศชายบางคนมีเขางอกกลางศีรษะ  ในขณะที่เพศหญิงบางคนมีผิวหนังสีม่วง  บรรยากาศรอบตัวปราศจากกลิ่นอายความดุร้าย  แต่คงเป็นการยากที่จะให้มองว่าเป็นมนุษย์

       'เผ่าอสูร?'

       กริดไม่ต้องการปะทะกับใครทั้งนั้น  ในยามนี้  ความคงทนของไอเท็มมีต่ำเกินไป

       หากเผ่าอสูรเห็นว่ากริดคิดหนีล่ะก็  พวกมันคงไล่ตามมาแน่  แถมด้วยความเร็วของเผ่าอสูร  กริดไม่มีทางหนีพ้นได้เลย

       'ชิ… ต้องสู้จริงหรือ?  ว่าแต่… พวกเผ่าอสูรทำฟาร์มกันด้วยรึไง? '

       เผ่าอสูรเหล่านี้กำลังถืออุปกรณ์ทำฟาร์มในมือ  แถมเสื้อผ้าก็เก่าและสกปรกมาก  ภาพลักษณ์ดูคล้ายกับปิอาโร่ในยามปรกติ  เผ่าอสูรตนหนึ่งเดินมาถามกริดว่า

       "นายเป็นใคร?"

       "นักท่องเที่ยวหรือ...?  ทำไมหมู่บ้านี้ถึงมีนักท่องเที่ยวได้?"       

       "...?"

       เผ่าอสูรไม่ได้แสดงท่าทีเป็นศัตรู  ตรงกันข้าม  พวกเขาทักทายกริดอย่างเป็นมิตรไม่ต่างกับเอ็นพีซีทั่วไป

       'เผ่าอสูรเป็นมิตรกับมนุษย์?'

       เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้มลงไปมองฝ่ามือตนเอง  ในยามนี้มันมีสีขาวซีด  กริดสำรวจร่างกายส่วนอื่นจนทั่ว… ในที่สุดเขาก็เข้าใจ 

       'เรายังอยู่ในสถานะร่างมืดสินะ...'

       ใช่แล้ว  กริดเองก็เป็นครึ่งอสูร  เอ็นพีซีเหล่านี้จึงมองว่าเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน  เผ่าอสูรชราตนหนึ่งได้วางตระกร้าที่เต็มไปด้วยพืชประหลาดลง  หลังจากนั้นก็หันมามองกริดอย่างไม่มีพิษมีภัยและกล่าวว่า

       "นายกำลังตกใจใช่ไหม?  แต่อย่าได้กังวลไป  พวกเราทุกคนแค่ประหลาดใจ  หมู่บ้านนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมานานกว่าร้อยปีแล้ว  เหนื่อยรึเปล่าล่ะ?  ทานอะไรก่อนไหม?  แต่ก็อย่างที่เห็น  หมู่บ้านของพวกเราจนมาก  มีแค่หญ้าอาทูร่าเท่านั้นที่พอจะกินได้"

       "...หญ้า?  พวกนายกินหญ้า?  ไม่ได้กินมนุษย์งั้นหรือ?"

       กริดกระพริบตาถี่ๆ พร้อมกับถามออกไป  เหล่าเผ่าอสูรทำได้เพียงอมยิ้ม

       "สหายหนุ่มของเรามีอารมณ์ขันไม่เลว"

       "พวกเราจะไปกินมนุษย์ได้อย่างไร?"

       "โชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ถูกมนุษย์ล่า"

       "...?"

       มุมมองต่อมนุษย์ของพวกเขาช่างแปลกประหลาด  เผ่าอสูรเหล่านี้ดูจะแตกต่างจากสิ่งที่กริดเคยได้ยินมา

       'อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรม… คนพวกนี้คือเผ่าอสูรสายพันธุ์ที่อ่อนแอสินะ?'

       กริดเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ  แต่ทันใดนั้น  เผ่าอสูรตนหนึ่งที่ชื่อว่าเฮลมิสก็เดินเข้ามาคว้าข้อมือไว้

       'เรื่องที่เป็นมนุษย์ความแตกแล้วหรือ?'

       ในขณะที่กริดกำลังใจเต้นระรัว  เฮลมิสก็หงายมือกริดขึ้นพร้อมกับจ้องมองด้วยความสนอกสนใจ

       "ดูจากหนังด้านบนมือนายแล้ว  เป็นช่างตีเหล็กใช่ไหม?  เจ๋งไปเลย!  ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ายังมีช่างตีเหล็กเผ่าอสูรคนอื่นอยู่อีก"

       'ช่างตีเหล็ก?'

       ชางตีเหล็กเผ่าอสูร?

       'หรือว่า...'
       
       คนที่สร้างยารุกต์ขึ้น… จะเป็นเผ่าอสูร? 

       ทันใดนั้น  หน้าต่างข้อความระบบก็แสดงขึ้น

[ สถานะร่างมืดเหลือเวลาอีกหนึ่งนาที ]

       แม้จะเสียชีวิตลง  แต่สถานะร่างมืดก็ยังไม่หายไป  และปัญหาใหญ่ในตอนนี้ก็คือ  มันก็ไม่ได้คงอยู่ไปตลอดเช่นกัน

       'เดี๋ยวนะ...'

       จะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าหากเขาต้องกลับไปเป็นมนุษย์ต่อหน้าคนเหล่านี้?  เมื่อเห็นว่าเผ่าอสูรตรงหน้าค่อนข้างเป็นมิตร  กริดจึงรีบเอ่ยปากถามขึ้น

       "พวกคุณรู้วิธีเดินทางไปยังโลกมนุษย์รึเปล่า?"

       พวกเขาตอบกลับมาด้วยสีหน้าสิ้นหวัง

       "ไม่รู้หรอก  แม้แต่จอมอสูรยังไม่อาจเดินทางไปโลกมนุษย์ได้อย่างอิสระ  แล้วคนต่ำต้อยแบบเราจะทำได้อย่างไร?"

       "ทำไมนายถึงอยากไปโลกมนุษย์กันล่ะ?  เดี๋ยวก่อนนะ… นั่นไม่แปลกไปหน่อยรึไง?"

       "ทำตัวน่าสงสัย"

       พวกเขาเริ่มตั้งคำถามกับกริด

       'แย่ล่ะสิ...'

       กริดพลันกลืนน้ำลายอึกใหญ่  แต่ทันใดนั้น  โนเอะก็กระโจนออกมาจากกระเป๋าสัตว์เลี้ยง

       "เมี๊ยว!  กลิ่นหอมเหมือนอยู่บ้านเลย!  ฟุดฟิดฟุดฟิด!"

       เจ้าแมวอ้วนที่มีขาสั้นป้อมได้ก้มตัวลงไปดมฟุดฟิด  หางกระดิกซ้ายขวาอย่างดีใจเมื่อสูดกลิ่นของขุมนรกเข้าไป  ดูจากสีหน้าที่แสนมีความสุขนั่นแล้ว  โนเอะคงจะชอบที่นี่มากทีเดียว  เขากำลังเต้นรำด้วยสีหน้ามีความสุขอยู่บนหัวไหล่ของกริด

       'น่ารัก...'

       กริดมองเพลิน  แต่กับคนที่เหลือ  เมื่อได้เห็นโนเอะเต็มสองตา  สีหน้าของเผ่าอสูรเหล่านี้กลับไม่ค่อยสู้ดีนัก  

       "เฮ้ย!  ม--เม็มฟิส!!"

       "สัตว์อสูรอันดับหนึ่ง!"

       บรรดาเผ่าอสูรที่ได้เห็นโนเอะต่างก้มลงกับพื้นและหมอบกราบ  เม็มฟิส  สัตว์อสูรที่แสนฉลาด  ข้ารับของจอมอสูร  สิ่งมีชีวิตชนิดนี้ถูกกราบไหว้บูชาโดยเผ่าอสูรทั่วไป   

       และเมื่อโนเอะหันไปเห็นบรรดาเผ่าอสูรที่กำลังก้มกราบอยู่

       "ฮ่า!  เจ้านายเห็นไหม?  โนเอะยอดเยี่ยมที่สุด!"

       กริดหันไปตำหนิเล็กน้อย

       "แกที่เอาแต่หลบหน้าในตอนที่ฉันสู้กับเอลฟิน-สโตนเนี่ยนะ?"

       "โนเอะขอโทษ..."

       สีหน้าของโนเอะกลายเป็นสำนึกผิด  เมื่อเผ่าอสูรได้ยินเต็มสองหูว่ากริดคือเจ้านายของโนเอะ  

       "จ--เจ้านายของเม็มฟิส!"

       "พวกกระผมไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร  จึงบังอาจล่วงเกินไป!"

       "ได้โปรดลงโทษพวกเราสถานหนักด้วย!"

       ถึงแม้จะเป็นเผ่าอสูร  แต่คนเหล่านี้ก็เป็นมิตรอย่างมาก  แม้กระทั่งชักชวนคนแปลกหน้าให้ทานอาหารด้วยกัน… กริดกำลังจะเอ่ยปากพูดบางสิ่ง  

       ทันใดนั้น 

[ ระยะเวลาของร่างมืดหมดลงแล้ว ]
[ พลังอสูรถูกผนึก  เผ่าพันธุ์ของท่านกลับไปเป็นมนุษย์อีกครั้ง ]
[ มนุษย์ธรรมดาไม่อาจอาศัยอยู่ในขุมนรกได้  ท่านถูกขับไล่ออกจากขุมนรก ]

       "หือ...?"

       สายตาของกริดพลันพร่ามัว  และเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง  เขาก็ปรากฏตัวที่จุดเกิดภายในปราสาทเรย์ดันตามที่ควรจะเป็น

       { กริด!  นายเป็นอะไรรึเปล่า? }

       { ทำไมเมื่อครู่  สถานที่ของนายถึงเขียนไว้ว่า<ไม่ทราบ>? }

       ช่องสนทนากิลด์เกิดความวุ่นวายทันที  โดยเฉพาะจิสึกะและปาร์ตี้คณะรวบรวมพาเฟรเนี่ยม  พวกเขาเป็นห่วงกริดยิ่งกว่าใคร  กริดพลันรู้สึกอบอุ่นหัวใจ

       'ถ้าติดต่อกับโลกภายนอกได้แบบนี้  หมายความว่า  เอลฟิน-สโตนตายไปแล้วสินะ'

       { กริด!  ดูนี่!  ไอเท็มดรอปของเอลฟิน-สโตน! }

       { สุดยอดไปเลย!  ไอเท็มประเภทเติบโตได้! พวกเราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีไอเท็มแบบนี้อยู่ในเกม!  }

       "...!"

       ดวงตาของกริดพลันเบิกโพลง  ไม่ใช่เพราะเขาได้เห็นรายละเอียดของแหวนเอลฟิน-สโตนหรือดาบยารุกต์  แต่เป็นเหตุผลอื่นที่ทำให้กริดตกตะลึง

       "กลับมาแล้วสินะ"

       "...ยูร่า?"

       ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้?  ยูร่ากำลังจ้องมองกริดด้วยแก้มแดงระเรื่อ  เธอเองก็ทำหน้าตาน่ารักแบบนี้เป็นกับเขาด้วยหรือ?

       ยูร่ากำลังยืนอยู่ข้างลอเอลและชาวโอเวอร์เกียร์ที่เหลือทุกคน

       'หนอย… เจ้าพวกนี้  เห็นสาวสวยหน่อยเป็นไม่ได้'

       กริดอมยิ้ม  พลังดึงดูดของสาวงามช่างรุนแรงเสียจริง

Comments

  1. นอนใวได้แระคืนนี้...ขอบคุณครับ

    ReplyDelete
  2. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete
  3. กริดอาจจะกลายเป็นอสูรก็ได้สินะ

    ReplyDelete
  4. ไม่ค่อยอยากอ่านเเล้วอะรู้สืกไม่ตืนเต้นเหมือนเเต่ก่อน

    ReplyDelete
  5. รู้สืกไม่อยากอ่านเเล้วอะ. ตอนเเรกกับตอนนี้มันต่างกันอะ

    ReplyDelete
  6. ก็แค่ตายในร่างมนุษย์ก็กลับได้ละ

    ReplyDelete
  7. I really appreciate your support on this.
    Look forward to hearing from you soon.
    I’m happy to answer your questions, if you have any.


    เล่นบาคาร่า

    เครดิตฟรี

    แจกเครดิตฟรี ฝากถอนง่าย

    คาสิโน

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00