จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 222





       หนึ่งเดือนในโลกจริงและสามเดือนในซาทิสฟายผ่านพ้นไป

       ในระหว่างนั้น  พืชผลของเรย์ดันได้เติบโตเป็นที่่น่าพึงพอใจ  ทั้งหมดมาจากการค้นพบแหล่งน้ำของปิอาโร่และอุปกรณ์ทำฟาร์มคุณภาพสูงที่กริดสร้างขึ้น

       ปัญหาด้านการเงินค่อยๆ ลดลง  พวกเขาไม่จำเป็นต้องนำเข้าอาหารราคาสูงอีกแล้ว  แถมบรรดาพืชผักก็เริ่มเจริญเติบโต  เศษฝุ่นละอองสีเหลือในอากาศลดระดับลง  ประชากรมีสัญญาณของสุขภาพที่ดีขึ้น  ภาพเด็กเล็กผอมแห้งและป่วยไข้เริ่มหายไป  ชาวเมืองได้แต่ซาบซึ้งดีใจจนน้ำตาเอ่อล้น

       "ทั้งหมดเป็นเพราะดยุคกริด"

       "ถูกต้อง"

       ผู้คนที่อดอยากมาเป็นสิบปี  ในยามที่พวกเขากำลังจะหมดลมหายใจ  เป็นกริดและสมาชิกโอเวอร์เกียร์ได้ยื่นมือเข้าช่วยราวกับเป็นเทวดาที่ถูกส่งมาโดยเทพธิดารีเบคก้า  ชาวเมืองเรย์ดันให้ความเคารพเชื่อฟังกริดและชาวโอเวอร์เกียร์ซึ่งถือเป็นผู้มีพระคุณของพวกเขา

       ประชากรส่วนใหญ่ได้รับความรู้และถูกฝึกให้ทำงานด้านเกษตรกรรม  ตีเหล็ก  ก่อสร้าง  ทหาร  และอื่นๆ อีกมากมาย  ลงเอยด้วย  พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นประโยชน์ต่อเมืองที่อยู่อาศัย

       เรย์ดันเปี่ยมไปด้วยแรงขับเคลื่อน

       "นายท่านได้ออกไปเดินที่ถนนบ้างไหม?  ชาวเมืองต่างพากันกล่าวสรรเสิญนายท่านอย่างไม่ขาดสาย"

       "งั้นหรือ?  ฉันยุ่งมากจนไม่ได้ออกไปไหนเลย"       

       ในอดีต  ฮิวรอยสาบานว่าจะรับใช้กริดเพียงเพราะกริดคือผู้มีพระคุณ  แต่ตอนนี้  เหตุผลของเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว  ฮิวรอยเคารพกริดจากก้นบึ้งของหัวใจเพราะพัฒนาการในตัวชายหนุ่ม  ด้วยอุปนิสัยใหม่  ฮิวรอยจึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก

       'ฉันภูมิใจในตัวนาย'

       ***

       เมืองร้างที่ใกล้จะล่มสลายเต็มที  บัดนี้ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอย่างมีชีวิตชีวา  ทั้งหมดต้องขอบคุณสามาชิกโอเวอร์เกียร์  ไม่มีมอนสเตอร์บุกโจมตีเรย์ดันอีก  และกองทหารเล็กๆ แต่ทรงพลังได้ถูกฝึกขึ้นโดยจู๊ด

       ข่านทำตัวเป็นพี่เลี้ยงช่างตีเหล็กหน้าใหม่  

       เป็นเพราะบุคคลที่สำคัญที่สุด  แร็บบิท  เรย์ดันภาพรวมจึงสามารถพัฒนาด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง  

       ส่วนยูเฟอมิน่านั้นแสดงออกอย่างโดดเด่น  ทักษะในการคัดลอกของเธอถูกทำมาใช้อย่างกว้างขวางในทุกสาขา  ทั้งทักษะฝึกสัตว์  การตีเหล็ก  และการก่อสร้าง

       อีกด้านหนึ่ง  จิสึกะก็ทำได้ดีไม่แพ้กันในฐานะผู้ปกครองไบรัน  เธอและสมาชิกโอเวอร์เกียร์อีกสองคนทำการฝึกอัศวินขึ้นมาและสั่งให้ออกล่าออร์คน้ำแข็งกับผู้พิทักษ์พงไพร  ด้วยเหตุนี้  ในคลังกิลด์จึงเต็มไปด้วยแร่หายากและเกล็ดซิลฟิดมากมาย  

       อีกไม่นาน  สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนจะต้องมีผ้าคลุมล่องหนไว้ใช้อย่างแน่นอน

       แล้วใครกันที่สามารถรวบรวมอัจริยะเหล่านั้นให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้?  ไม่มีใครอื่นนอกจากกริด  ฮิวรอยชื่นชมในตัวตนอันยิ่งใหญ่ที่กริดเป็นในตอนนี้

       "ยังมีหนทางอีกยาวไกลให้ฉันก้าวเดิน"

       แต่กริดยังไม่พึงพอใจกับสถานการณ์ปัจจุบันมากนัก  เป็นเพราะเรย์ดันยังไม่ใช่เมืองในฝันของเขา

       "พวกเรามีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงแค่โรงตีเหล็ก  ค่ายทหาร  และโรงแปรธาตุเท่านั้น"

       จำนวนประชากรไม่เพิ่มขึ้น  ภาษีก็ขึ้นไม่ได้  ถึงแม้กริดจะสร้างไอเท็มได้ 5 ชิ้นต่อวัน  แต่เขาก็ไม่ได้กำไรเลยสักนิด  ดังนั้น  จึงเลี่ยงไม่ได้ที่มีจะอารมณ์บูดบึ้ง  

       จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากกริดนำไอเท็มทั้ง 450 ชิ้นไปขายแทนที่จะมาแจกฟรีให้เรย์ดัน?

       'เราจะทำเงินได้อย่างน้อย 1.5 พันล้านวอน  ถึงแม้จะต้องจ่ายภาษีและค่าวัสดุไปแล้วก็ตาม...'

       ในบรรดาทั้ง 450 ไอเท็ม  แม้จะไม่มีเกรดเลเจนดารีเลยสักชิ้น  แต่อย่างน้อยก็เป็นเกรดยูนีคถึง 2 ชิ้น  ถึงกระนั้น  แทนที่จะขายได้ในราคาสูง  กริดกลับต้องนำมันมาใช้ในการพัฒนาเรย์ดัน  ลอเอลพยายามปลอบใจกริด

       "อย่าได้จมอยู่กับการขาดทุนเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้  เป็นเพราะไอเท็มที่นายผลิตขึ้น  ประสิทธิภาพการเกษตรของเรย์ดันจึงก้าวกระโดดในพริบตา  และในอนาคต  นายจะได้รับการตอบแทนสิ่งที่ทำในวันนี้อย่างคุ้มค่าแน่"

       "ฉันรู้"

       ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเที่ยง  ด้วยความที่งานยุ่งมาก  กริดจึงต้องกินข้าวที่โรงตีเหล็ก  โดยคอยปรึกษาหารือกับฮิวรอยและลอเอลไปพลาง  ส่วนข่านก็กำลังเคี่ยวเข็ญช่างตีเหล็กมือใหม่อย่างออกรส

       ลอเอลจุ๊ปากเบาๆ

       "ข่านแข็งแรงขึ้นในทุกวัน  ฉันชักจะสงสัยแล้วว่า  บางที  ทรายของเรย์ดันอาจเป็นยาอายุวัฒนะจริงๆ ก็ได้"

       "นั่นเป็นเรื่องของความชื่อส่วนบุคคล  จริงสิ  แล้วยอดขายทรายอายุวัฒนะเป็นยังไงบ้าง?"

       "อ้อ...  รายได้เดือนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1,230 เหรียญทองแล้ว"

       "นั่นยังไม่ถึง 1 ใน 4 ของรายได้แร็บบิทเลยนะ"

       แร็บบิทได้รับเงินเดือน 500 เหรียญทองในฐานะวิสเคาท์  และอีก 5,300 เหรียญทองในฐานะเทศมนตรี  นี่คือเงินเดือน <ขั้นต่ำสุด> ที่แร็บบิทเป็นคนเลือกเอง  ถึงเขาเคยสาบานแล้วว่าจะรักภักดี  แต่แร็บบิทนั้นเป็นพ่อค้า  เขาจะไม่ทำงานให้เด็ดขาดถ้าไม่ได้รับเงิน 5,300 เหรียญทองต่อเดือน  นี่คือฐานเงินเดือนขั้นต่ำสุดของเทศมนตรีเมืองแล้ว  อาจไม่เกินจริงเลยที่จะกล่าวว่า  ถ้าเรย์ดันจะล้มละลายทางการเงิน  นั่นก็เป็นเพราะเงินเดือนที่สูงเกินไปของแร็บบิทนั่นเอง

       "แต่เราก็ไปโทษเขาไม่ได้  คุณค่าของเซอร์แร็บบิทไม่อาจประเมินเป็นเงินทอง"

       "ฉันรู้"

       เป็นเพราะแร็บบิท  เรย์ดันจึงโตวันโตคืนอย่างมหัศจรรย์  การค้าขายภายในมีพัฒนาการสูงจนเมืองอื่นเทียบไม่ติด  ก็แน่ล่ะ  เป็นถึงเอ็นพีซีพิเศษซึ่งมีทักษะบริหารเมืองเกรด S  เขาได้แสดงพรสวรรค์อันน่าทึ่งออกมาให้ทุกคนประจักษ์

       'เลิกกลุ้มใจแล้วมองไปถึงอนาคตซะ'

       หลังจากเรย์ดันพัฒนา  หนอนยักษ์จะถูกกำจัดให้สิ้นซาก  หลังจากนั้น  ดินแดนตะวันตกก็จะพัฒนาจนเหมาะแก่การอยู่อาศัย  กริดจะใช้ดินแดนแห่งนี้เป็นรากฐานสำคัญในการก้าวขึ้นเป็นกษัตริย์  นั่นคือแผนลำดับต่อไป

       'แล้วเราก็จะรวย'

       กริดจะกลายเป็นมหาเศรษฐี  เขาไม่อยากต้องมานั่งเครียดเพราะความยากจนอีกแล้ว

       เคร้ง! เคร้ง!

       กริดกินอาหารที่ปลูกขึ้นเองตลอดสามเดือนที่ผ่านมา  <มันฝรั่งสีรุ้ง>   เขาไม่ได้ออกไปล่ามอนสเตอร์ที่ไหนเลย  ทำให้เลเวลยังคงค้างอยู่ที่ 275  แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล  เพราะทุกครั้งที่กริดสร้างไอเท็มได้เกรดสูงกว่าอีปิก  เขาก็จะได้รับค่าสถานะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

       กริดคือช่างตีเหล็ก  คลาสสายผลิตยอมมีวิธีการเพิ่มค่าสถานะในแบบของคลาสสายผลิต

       ***
        
       เมืองบูตินบาโรนี่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจักรวรรดิซาฮารัน  เรียกได้ว่าค่อนข้างชนบทและห่างไกลความเจริญ  สิ่งโดดเด่นเพียงอย่างเดียวของที่นี่คือวิวทะเลอันงดงาม  

       สถานที่แห่งนี้มีความเงียบสงบอย่างมาก  เพราะไม่มีมอนสเตอร์ปรากฏตัวออกมาแม้แต่นิดเดียว  จึงไม่เป็นที่นิยมของผู้เล่นเท่าใดนัก

       ทว่า  ผู้เล่นคลาสพ่อค้าอันดับ 3 ของโลก  มุโต้  เขาเปิดบริษัทเล็กๆ ขึ้นและมุ่งเน้นการค้าขายกับเมืองบูตินบาโรนี่  ถึงแม้จะไม่มีผู้เล่นอยู่ในเมือง  แต่สถานที่แห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยเอ็นพีซีขุนนางชั้นสูงที่มั่งคั่ง

       "ยาอายุวัฒนะ?"

       มุโต้ที่มักขายสินค้าหรูหราให้กับเศษรฐีและขุนนางที่มาเที่ยวบูตินบาโรนี่  พักหลังมานี้  ยอดขายของเขาค่อยๆ ลดลงอย่างน่าใจหาย  และในที่สุดก็ทราบสาเหตุ  เขาจ้องมองขวดแก้วเล็กๆ ที่มีทรายบรรจุอยู่พร้อมกับขมวดคิ้ว

       "ทรายขวดนี้ถูกขายในราคาสูงเพราะมันมีสรรพคุณช่วยในการทำให้อายุยืนงั้นรึ?  สินค้าหรูหราของเราต้องยอดขายตกเพียงเพราะทรายบ้าๆ ขวดนี้จริงหรือ?"

       มุโต้เคยเห็นไอเท็มมานับไม่ถ้วน  ในฐานะพ่อค้า   ค่าวิสัยทัศน์ของเขาย่อมมีสูง  จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะมองออกว่า  ทรายอายุวัฒนะขวดนี้เป็นเพียงทรายธรรมดาที่หาได้ดาษดื่นทั่วไป
       
       "เป็นไอเดียที่น่าสนใจมาก"

       พ่อค้าปีศาจคนใดกันที่สามารถขายทรายธรรมดาจากเรย์ดันให้มีมูลค่าสูงลิบเช่นนี้ได้?  มุโต้ได้แต่ตกตะลึงเมื่อฟังเรื่องราวจากปากเอ็นพีซีในบูตินบาโรนี่

       "นี่มัน… เป็นไหวพริบของเทพแห่งการค้าขายรึไงกัน?"

       ในเรย์ดัน  จะต้องมีพ่อค้าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ซ่อนตัวอยู่แน่  มุโต้มั่นใจมาก  เขาพลันเป็นกังวลอย่างหนักทันที  เพราตนเองรู้ดีว่า  คงไม่มีทางเอาชนะพ่อค้าที่ยิ่งใหญ่คนนี้ได้แน่

       "เรย์ดันมีทรายอยู่เต็มไปหมดเลยไม่ใช่รึไงนะ?"

       แสยะ

       มุโต้แสยะยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะพาคนในบริษัทของตนเดินทางไปเรย์ดัน  แต่ทันทีที่ก้าวข้ามเขตพรมแดน  ปัญหาก็ถาโถมเข้าใส่อย่างหนักหน่วงทันที

       "น--นี่มันอะไรกัน?"

       คนคุ้มกันของบริษัทมุโต้ล้วนมีเลเวลสูงเกินกว่า 200   ทั้งหมดคือทหารรับจ้างที่มีค่าแรงสูง  พวกเขาทำหน้าที่อย่างยอดเยี่ยมในการปกป้องมุโต้จากมอนสเตอร์และกลุ่มโจรได้เสมอมา  แต่ทันทีที่ย่างกรายเข้าเขตแดนทะเลทรายของเรย์ดัน  ทั้งหนอนยักษ์  คางคกทะเลทราย  และมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งอีกมากมายผุดขึ้นไม่หยุดหย่อน  คนคุ้มกันเริ่มหายไปทีละคนสองคน

       "บ--บ้าน่า...!"

       เหตุใดมอนสเตอร์จึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?  ออร์คแฝดที่มุโต้เคยคิดว่าดุร้ายน่ากลัวที่สุด  แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับมอนสเตอร์ในดินแดนตะวันตก

       "ถ--ถอยเร็ว!"

       คณะบริษัทมุโต้รีบหนีจากมอนสเตอร์อันแสนดุร้าย  แต่แม้จะเป็นช่วงเวลาสับสนวุ่นวาย  มุโต้ก็ไม่ลืมที่จะโกยทรายใส่กระเป๋าติดตัวมาด้วย

       "แฮ่ก  แฮ่ก!  ชิ!  เกือบถูกฆ่าแล้ว"

       มุโต้ยังคงสั่นกลัวไม่หาย  เขารอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิดและเดินทางกลับมาถึงบูตินบาโรนี่  ในการปะทะกับมอนสเตอร์  มุโต้ต้องสูญเสียคนคุ้มกันไปกว่าครึ่ง

       "ต้องขายทรายพวกนี้เพื่อชดเชยความเสียหาย"

       มุโต้เดินไปหาเอ็นพีซีพ่อค้าในบูตินบาโรนี่และนำทรายอายุวัฒนะที่ทำขึ้นเองออกมาเสนอขาย  

       ทว่า  เอ็นพีซีดังกล่าวกับส่ายศีรษะเบาๆ

       "ทรายอายุวัฒนะจะต้องมาจากศูนย์กลางเรย์ดันเท่านั้น  ไม่ใช่ทรายดาษดื่นที่พบได้ทั่วไป  พวกเรายอมรับแค่ทรายอายุวัฒนะที่มาจากลอร์ดแห่งเรย์ดัน  ทรายชนิดอื่นไม่ต่างอะไรกับการต้มตุ๋น  ฉันกับนายคงต้องยุติการค้าขายกันเพียงเท่านี้  ฉันไม่อยากทำธุรกิจกับพวกไม่ซื่อสัตย์อีกต่อไป"

       "..."

       สถานการณ์เลวร้ายสุดขีด  มุโต้เคยคิดว่า  เรื่องราวมันคงไปได้สวย  ทว่า  อีกฝั่งกลับมีกลยุทธทางการค้าที่ละเอียดรอบคอบ  ทุกการกระทำล้วนเหนือล้ำมุโต้อยู่หนึ่งก้าวเสมอ  เขาพลันหงุดหงิดใจทันทีที่ต้องเสียคนคุ้มกันและลูกค้าไปเพียงเพราะทรายบ้าบอเหล่านี้

       ***

       "กระเทียม?"  ชินยองวูได้ล็อกเอาต์ออกจากซาทิสฟายและเดินไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อเตรียมจะกินมื้อเย็น  ทันใดนั้น  เขาก็พบว่าพ่อและแม่กำลังนั่งปอกกระเทียมกันอยู่  ชายหนุ่มจึงเดินลงไปนั่งข้างๆ

       "ให้ผมช่วยนะ"

       พ่อและแม่ของยองวูเปิดร้านขายผัก  ดังนั้น  กระเทียมย่อมถือเป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่มีไว้สำหรับขาย  ในทุกๆ วัน  ทั้งสองจะต้องเสียเวลาอย่างมากในการนั่งปอกกระเทียม  ในอดีต  ยองวูไม่เคยยื่นมือเข้าช่วยพวกเขาเลยสักครั้ง  แต่บัดนี้ไม่ใช่อีกแล้ว  

       เขาเติบโตขึ้น  และมีจิตสำนึกที่ต้องการแบ่งเบาภาระพ่อและแม่  แต่ทั้งสองกลับปฏิเสธอย่างนุ่มนวล

       "ยองวู  ลูกเล่นเกมมาเหนื่อยแล้วไม่ใช่หรือ?  ใช้เวลานี้ไปพักผ่อนเถอะ"

       "ใช่แล้ว  นี่มันงานของพวกเรา  ยองวู  แกควรไปกินข้าวและมุ่งมั่นกับการเล่นเกมต่อไป"

       ในอดีต  ทั้งคู่ได้จงเกลียดจงชังเกมที่พรากลูกชายของตนไป  ทว่ายามนี้  พ่อและแม่กลับมองเกมเป็นสถานที่ทำงานอันแสนสำคัญของยองวู  

       ชายหนุ่มรู้สึกอิ่มเอมใจและนั่งลงด้วยรอยยิ้มอันสดใส

       "ให้ผมช่วยเถอะนะ"

       มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คนไม่มีประสบการณ์จะปอกกระเทียมได้คล่องแคล่ว  ผิวของเปลือกกระเทียมนั้นแข็ง  แต่ก็บางมาก  ต้องใช้เทคนิคไม่น้อยในการลอกเปลือกออก  ยองวูซึ่งขาดความชำนาญในการใช้มืออย่างสิ้นเชิงมาตั้งแต่ยังเด็ก  แม้ในยามที่ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร  เขายังผูกเชือกรองเท้าไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ  ยองวูคนเดิมจะใช้เวลานานแสนนานในการปอกกระเทียมให้ได้สักหัว  เขาจึงไม่ได้ช่วยทำให้ทั้งสองเบาแรงลงเท่าใดนัก

       พ่อแม่ของยองวูรู้เรื่องนี้ดี  แต่พวกเขาก็ไม่คิดห้าม  ในเมื่อลูกชายเป็นคนออกปากว่าต้องการช่วยเหลือ

       หลังจากนั้นไม่นาน

       "ตายแล้ว?  ยองวู  ลูกไปเอาความคล่องแคล่วขนาดนี้มาจากไหน?"

       แม่ของเขากล่าวชมจากใจจริง  ยองวูปอกเปลือกกระเทียมอย่างชำนิชำนาญประหนึ่งผู้เชี่ยวชาญในวงการอาหาร  ความเร็วเทียบได้กับทั้งพ่อและแม่ที่เปิดร้านขายผักมานานนับสิบปี  ทางฝั่งพ่อเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน

       "เกิดอะไรขึ้นกับลูก?"

       ทว่า  ผู้ที่ตกใจมากที่สุดหาใช่ใครอื่น  แต่เป็นตัวของยองวูเอง

       'ไม่น่าเชื่อ  กระเทียมปอกเปลือกได้ง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?'

       เขารู้สึกว่าความชำนาญของมือมากขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างเทียบไม่ติด  เกิดอะไรขึ้นกันนะ?  ยองวูนึกไปพลาง  ปอกกระเทียมไปพลาง  

       หลังจากนั้นก็ได้คำตอบ       

       'ต้องเป็นผลมาจากการกระทำซ้ำๆ แน่!'

       น้ำหนักมือที่ละเอียดละออในการสร้างไอเท็ม  นับตั้งแต่เขากลายเป็นผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า  ยองวูได้สร้างไอเท็มขึ้นนับพันชิ้นแล้ว  ดูเหมือนความชำนาญมือในชีวิตจริงจะเพิ่มขึ้นจากความทรงจำซ้ำๆ ในหัวสมอง

       'เราเคยได้ยินข่าวเรื่องนี้'

       มีคนๆ หนึ่งเคยฝึกวิชาดาบอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่าในซาทิสฟาย  ทำให้เมื่อกลับมาสู่โลกแห่งความจริง  วิชาดาบของเขาก็พัฒนาขึ้นควบคู่กันอย่างน่าเหลือเชื่อ  จริงอยู่ที่สมรรถภาพร่างกายในซาทิสฟายจะสูงกว่าโลกแห่งความจริง  ทำให้เรื่องยากๆ ที่ผู้เล่นทำได้ในซาทิสฟาย  อาจนำมาปฏิบัติตามในโลกจริงไม่ได้  ทว่า  หากเป็นเทคนิคง่ายๆ เช่นนี้ย่อมแตกต่างออกไป
       
       นั่นคือเหตุผลที่ฝีมือการปอกกระเทียมของยองวูพัฒนาขึ้น

       "ฮุฮุฮุ..."

       ยองวูหัวเราะคิกคักอย่างพึงพอใจ  เขาจินตนาการภาพในเวลาที่ตนเองสามารถหาคู่ครองได้ในชีวิตจริง  รับรองได้เลยว่าหญิงสาวผู้นั้นจะต้องได้รับความพึงพอใจบนเตียงในระดับสูงสุดของโลกแน่  

       และนี่คือวินาทีที่เทพแห่งการเล้าโลมในซาทิสฟาย  ได้กลายมาเป็นเทพแห่งการเล้าโลมในชีวิตจริงบ้างแล้ว

Comments

  1. กิลด์ใหญ่เหม็นขี้หน้าแล้ว พ่อค้าเมืองใกล้เคียงก็ยังไม่ชอบใจด้วย อุปสรรคเยอะจริงหนอ

    ReplyDelete
    Replies
    1. นี่แหละคือที่ปูทางสู่ความเป็นใหญ่

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00