จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 222
หนึ่งเดือนในโลกจริงและสามเดือนในซาทิสฟายผ่านพ้นไป
ในระหว่างนั้น พืชผลของเรย์ดันได้เติบโตเป็นที่่น่าพึงพอใจ ทั้งหมดมาจากการค้นพบแหล่งน้ำของปิอาโร่และอุปกรณ์ทำฟาร์มคุณภาพสูงที่กริดสร้างขึ้น
ปัญหาด้านการเงินค่อยๆ ลดลง พวกเขาไม่จำเป็นต้องนำเข้าอาหารราคาสูงอีกแล้ว แถมบรรดาพืชผักก็เริ่มเจริญเติบโต เศษฝุ่นละอองสีเหลือในอากาศลดระดับลง ประชากรมีสัญญาณของสุขภาพที่ดีขึ้น ภาพเด็กเล็กผอมแห้งและป่วยไข้เริ่มหายไป ชาวเมืองได้แต่ซาบซึ้งดีใจจนน้ำตาเอ่อล้น
"ทั้งหมดเป็นเพราะดยุคกริด"
"ถูกต้อง"
ผู้คนที่อดอยากมาเป็นสิบปี ในยามที่พวกเขากำลังจะหมดลมหายใจ เป็นกริดและสมาชิกโอเวอร์เกียร์ได้ยื่นมือเข้าช่วยราวกับเป็นเทวดาที่ถูกส่งมาโดยเทพธิดารีเบคก้า ชาวเมืองเรย์ดันให้ความเคารพเชื่อฟังกริดและชาวโอเวอร์เกียร์ซึ่งถือเป็นผู้มีพระคุณของพวกเขา
ประชากรส่วนใหญ่ได้รับความรู้และถูกฝึกให้ทำงานด้านเกษตรกรรม ตีเหล็ก ก่อสร้าง ทหาร และอื่นๆ อีกมากมาย ลงเอยด้วย พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นประโยชน์ต่อเมืองที่อยู่อาศัย
เรย์ดันเปี่ยมไปด้วยแรงขับเคลื่อน
"นายท่านได้ออกไปเดินที่ถนนบ้างไหม? ชาวเมืองต่างพากันกล่าวสรรเสิญนายท่านอย่างไม่ขาดสาย"
"งั้นหรือ? ฉันยุ่งมากจนไม่ได้ออกไปไหนเลย"
ในอดีต ฮิวรอยสาบานว่าจะรับใช้กริดเพียงเพราะกริดคือผู้มีพระคุณ แต่ตอนนี้ เหตุผลของเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว ฮิวรอยเคารพกริดจากก้นบึ้งของหัวใจเพราะพัฒนาการในตัวชายหนุ่ม ด้วยอุปนิสัยใหม่ ฮิวรอยจึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก
'ฉันภูมิใจในตัวนาย'
***
เมืองร้างที่ใกล้จะล่มสลายเต็มที บัดนี้ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอย่างมีชีวิตชีวา ทั้งหมดต้องขอบคุณสามาชิกโอเวอร์เกียร์ ไม่มีมอนสเตอร์บุกโจมตีเรย์ดันอีก และกองทหารเล็กๆ แต่ทรงพลังได้ถูกฝึกขึ้นโดยจู๊ด
ข่านทำตัวเป็นพี่เลี้ยงช่างตีเหล็กหน้าใหม่
เป็นเพราะบุคคลที่สำคัญที่สุด แร็บบิท เรย์ดันภาพรวมจึงสามารถพัฒนาด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง
ส่วนยูเฟอมิน่านั้นแสดงออกอย่างโดดเด่น ทักษะในการคัดลอกของเธอถูกทำมาใช้อย่างกว้างขวางในทุกสาขา ทั้งทักษะฝึกสัตว์ การตีเหล็ก และการก่อสร้าง
อีกด้านหนึ่ง จิสึกะก็ทำได้ดีไม่แพ้กันในฐานะผู้ปกครองไบรัน เธอและสมาชิกโอเวอร์เกียร์อีกสองคนทำการฝึกอัศวินขึ้นมาและสั่งให้ออกล่าออร์คน้ำแข็งกับผู้พิทักษ์พงไพร ด้วยเหตุนี้ ในคลังกิลด์จึงเต็มไปด้วยแร่หายากและเกล็ดซิลฟิดมากมาย
อีกไม่นาน สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนจะต้องมีผ้าคลุมล่องหนไว้ใช้อย่างแน่นอน
แล้วใครกันที่สามารถรวบรวมอัจริยะเหล่านั้นให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้? ไม่มีใครอื่นนอกจากกริด ฮิวรอยชื่นชมในตัวตนอันยิ่งใหญ่ที่กริดเป็นในตอนนี้
"ยังมีหนทางอีกยาวไกลให้ฉันก้าวเดิน"
แต่กริดยังไม่พึงพอใจกับสถานการณ์ปัจจุบันมากนัก เป็นเพราะเรย์ดันยังไม่ใช่เมืองในฝันของเขา
"พวกเรามีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงแค่โรงตีเหล็ก ค่ายทหาร และโรงแปรธาตุเท่านั้น"
จำนวนประชากรไม่เพิ่มขึ้น ภาษีก็ขึ้นไม่ได้ ถึงแม้กริดจะสร้างไอเท็มได้ 5 ชิ้นต่อวัน แต่เขาก็ไม่ได้กำไรเลยสักนิด ดังนั้น จึงเลี่ยงไม่ได้ที่มีจะอารมณ์บูดบึ้ง
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากกริดนำไอเท็มทั้ง 450 ชิ้นไปขายแทนที่จะมาแจกฟรีให้เรย์ดัน?
'เราจะทำเงินได้อย่างน้อย 1.5 พันล้านวอน ถึงแม้จะต้องจ่ายภาษีและค่าวัสดุไปแล้วก็ตาม...'
ในบรรดาทั้ง 450 ไอเท็ม แม้จะไม่มีเกรดเลเจนดารีเลยสักชิ้น แต่อย่างน้อยก็เป็นเกรดยูนีคถึง 2 ชิ้น ถึงกระนั้น แทนที่จะขายได้ในราคาสูง กริดกลับต้องนำมันมาใช้ในการพัฒนาเรย์ดัน ลอเอลพยายามปลอบใจกริด
"อย่าได้จมอยู่กับการขาดทุนเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ เป็นเพราะไอเท็มที่นายผลิตขึ้น ประสิทธิภาพการเกษตรของเรย์ดันจึงก้าวกระโดดในพริบตา และในอนาคต นายจะได้รับการตอบแทนสิ่งที่ทำในวันนี้อย่างคุ้มค่าแน่"
"ฉันรู้"
ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเที่ยง ด้วยความที่งานยุ่งมาก กริดจึงต้องกินข้าวที่โรงตีเหล็ก โดยคอยปรึกษาหารือกับฮิวรอยและลอเอลไปพลาง ส่วนข่านก็กำลังเคี่ยวเข็ญช่างตีเหล็กมือใหม่อย่างออกรส
ลอเอลจุ๊ปากเบาๆ
"ข่านแข็งแรงขึ้นในทุกวัน ฉันชักจะสงสัยแล้วว่า บางที ทรายของเรย์ดันอาจเป็นยาอายุวัฒนะจริงๆ ก็ได้"
"นั่นเป็นเรื่องของความชื่อส่วนบุคคล จริงสิ แล้วยอดขายทรายอายุวัฒนะเป็นยังไงบ้าง?"
"อ้อ... รายได้เดือนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1,230 เหรียญทองแล้ว"
"นั่นยังไม่ถึง 1 ใน 4 ของรายได้แร็บบิทเลยนะ"
แร็บบิทได้รับเงินเดือน 500 เหรียญทองในฐานะวิสเคาท์ และอีก 5,300 เหรียญทองในฐานะเทศมนตรี นี่คือเงินเดือน <ขั้นต่ำสุด> ที่แร็บบิทเป็นคนเลือกเอง ถึงเขาเคยสาบานแล้วว่าจะรักภักดี แต่แร็บบิทนั้นเป็นพ่อค้า เขาจะไม่ทำงานให้เด็ดขาดถ้าไม่ได้รับเงิน 5,300 เหรียญทองต่อเดือน นี่คือฐานเงินเดือนขั้นต่ำสุดของเทศมนตรีเมืองแล้ว อาจไม่เกินจริงเลยที่จะกล่าวว่า ถ้าเรย์ดันจะล้มละลายทางการเงิน นั่นก็เป็นเพราะเงินเดือนที่สูงเกินไปของแร็บบิทนั่นเอง
"แต่เราก็ไปโทษเขาไม่ได้ คุณค่าของเซอร์แร็บบิทไม่อาจประเมินเป็นเงินทอง"
"ฉันรู้"
เป็นเพราะแร็บบิท เรย์ดันจึงโตวันโตคืนอย่างมหัศจรรย์ การค้าขายภายในมีพัฒนาการสูงจนเมืองอื่นเทียบไม่ติด ก็แน่ล่ะ เป็นถึงเอ็นพีซีพิเศษซึ่งมีทักษะบริหารเมืองเกรด S เขาได้แสดงพรสวรรค์อันน่าทึ่งออกมาให้ทุกคนประจักษ์
'เลิกกลุ้มใจแล้วมองไปถึงอนาคตซะ'
หลังจากเรย์ดันพัฒนา หนอนยักษ์จะถูกกำจัดให้สิ้นซาก หลังจากนั้น ดินแดนตะวันตกก็จะพัฒนาจนเหมาะแก่การอยู่อาศัย กริดจะใช้ดินแดนแห่งนี้เป็นรากฐานสำคัญในการก้าวขึ้นเป็นกษัตริย์ นั่นคือแผนลำดับต่อไป
'แล้วเราก็จะรวย'
กริดจะกลายเป็นมหาเศรษฐี เขาไม่อยากต้องมานั่งเครียดเพราะความยากจนอีกแล้ว
เคร้ง! เคร้ง!
กริดกินอาหารที่ปลูกขึ้นเองตลอดสามเดือนที่ผ่านมา <มันฝรั่งสีรุ้ง> เขาไม่ได้ออกไปล่ามอนสเตอร์ที่ไหนเลย ทำให้เลเวลยังคงค้างอยู่ที่ 275 แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล เพราะทุกครั้งที่กริดสร้างไอเท็มได้เกรดสูงกว่าอีปิก เขาก็จะได้รับค่าสถานะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
กริดคือช่างตีเหล็ก คลาสสายผลิตยอมมีวิธีการเพิ่มค่าสถานะในแบบของคลาสสายผลิต
***
เมืองบูตินบาโรนี่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจักรวรรดิซาฮารัน เรียกได้ว่าค่อนข้างชนบทและห่างไกลความเจริญ สิ่งโดดเด่นเพียงอย่างเดียวของที่นี่คือวิวทะเลอันงดงาม
สถานที่แห่งนี้มีความเงียบสงบอย่างมาก เพราะไม่มีมอนสเตอร์ปรากฏตัวออกมาแม้แต่นิดเดียว จึงไม่เป็นที่นิยมของผู้เล่นเท่าใดนัก
ทว่า ผู้เล่นคลาสพ่อค้าอันดับ 3 ของโลก มุโต้ เขาเปิดบริษัทเล็กๆ ขึ้นและมุ่งเน้นการค้าขายกับเมืองบูตินบาโรนี่ ถึงแม้จะไม่มีผู้เล่นอยู่ในเมือง แต่สถานที่แห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยเอ็นพีซีขุนนางชั้นสูงที่มั่งคั่ง
"ยาอายุวัฒนะ?"
มุโต้ที่มักขายสินค้าหรูหราให้กับเศษรฐีและขุนนางที่มาเที่ยวบูตินบาโรนี่ พักหลังมานี้ ยอดขายของเขาค่อยๆ ลดลงอย่างน่าใจหาย และในที่สุดก็ทราบสาเหตุ เขาจ้องมองขวดแก้วเล็กๆ ที่มีทรายบรรจุอยู่พร้อมกับขมวดคิ้ว
"ทรายขวดนี้ถูกขายในราคาสูงเพราะมันมีสรรพคุณช่วยในการทำให้อายุยืนงั้นรึ? สินค้าหรูหราของเราต้องยอดขายตกเพียงเพราะทรายบ้าๆ ขวดนี้จริงหรือ?"
มุโต้เคยเห็นไอเท็มมานับไม่ถ้วน ในฐานะพ่อค้า ค่าวิสัยทัศน์ของเขาย่อมมีสูง จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะมองออกว่า ทรายอายุวัฒนะขวดนี้เป็นเพียงทรายธรรมดาที่หาได้ดาษดื่นทั่วไป
"เป็นไอเดียที่น่าสนใจมาก"
พ่อค้าปีศาจคนใดกันที่สามารถขายทรายธรรมดาจากเรย์ดันให้มีมูลค่าสูงลิบเช่นนี้ได้? มุโต้ได้แต่ตกตะลึงเมื่อฟังเรื่องราวจากปากเอ็นพีซีในบูตินบาโรนี่
"นี่มัน… เป็นไหวพริบของเทพแห่งการค้าขายรึไงกัน?"
ในเรย์ดัน จะต้องมีพ่อค้าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ซ่อนตัวอยู่แน่ มุโต้มั่นใจมาก เขาพลันเป็นกังวลอย่างหนักทันที เพราตนเองรู้ดีว่า คงไม่มีทางเอาชนะพ่อค้าที่ยิ่งใหญ่คนนี้ได้แน่
"เรย์ดันมีทรายอยู่เต็มไปหมดเลยไม่ใช่รึไงนะ?"
แสยะ
มุโต้แสยะยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะพาคนในบริษัทของตนเดินทางไปเรย์ดัน แต่ทันทีที่ก้าวข้ามเขตพรมแดน ปัญหาก็ถาโถมเข้าใส่อย่างหนักหน่วงทันที
"น--นี่มันอะไรกัน?"
คนคุ้มกันของบริษัทมุโต้ล้วนมีเลเวลสูงเกินกว่า 200 ทั้งหมดคือทหารรับจ้างที่มีค่าแรงสูง พวกเขาทำหน้าที่อย่างยอดเยี่ยมในการปกป้องมุโต้จากมอนสเตอร์และกลุ่มโจรได้เสมอมา แต่ทันทีที่ย่างกรายเข้าเขตแดนทะเลทรายของเรย์ดัน ทั้งหนอนยักษ์ คางคกทะเลทราย และมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งอีกมากมายผุดขึ้นไม่หยุดหย่อน คนคุ้มกันเริ่มหายไปทีละคนสองคน
"บ--บ้าน่า...!"
เหตุใดมอนสเตอร์จึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้? ออร์คแฝดที่มุโต้เคยคิดว่าดุร้ายน่ากลัวที่สุด แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับมอนสเตอร์ในดินแดนตะวันตก
"ถ--ถอยเร็ว!"
คณะบริษัทมุโต้รีบหนีจากมอนสเตอร์อันแสนดุร้าย แต่แม้จะเป็นช่วงเวลาสับสนวุ่นวาย มุโต้ก็ไม่ลืมที่จะโกยทรายใส่กระเป๋าติดตัวมาด้วย
"แฮ่ก แฮ่ก! ชิ! เกือบถูกฆ่าแล้ว"
มุโต้ยังคงสั่นกลัวไม่หาย เขารอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิดและเดินทางกลับมาถึงบูตินบาโรนี่ ในการปะทะกับมอนสเตอร์ มุโต้ต้องสูญเสียคนคุ้มกันไปกว่าครึ่ง
"ต้องขายทรายพวกนี้เพื่อชดเชยความเสียหาย"
มุโต้เดินไปหาเอ็นพีซีพ่อค้าในบูตินบาโรนี่และนำทรายอายุวัฒนะที่ทำขึ้นเองออกมาเสนอขาย
ทว่า เอ็นพีซีดังกล่าวกับส่ายศีรษะเบาๆ
"ทรายอายุวัฒนะจะต้องมาจากศูนย์กลางเรย์ดันเท่านั้น ไม่ใช่ทรายดาษดื่นที่พบได้ทั่วไป พวกเรายอมรับแค่ทรายอายุวัฒนะที่มาจากลอร์ดแห่งเรย์ดัน ทรายชนิดอื่นไม่ต่างอะไรกับการต้มตุ๋น ฉันกับนายคงต้องยุติการค้าขายกันเพียงเท่านี้ ฉันไม่อยากทำธุรกิจกับพวกไม่ซื่อสัตย์อีกต่อไป"
"..."
สถานการณ์เลวร้ายสุดขีด มุโต้เคยคิดว่า เรื่องราวมันคงไปได้สวย ทว่า อีกฝั่งกลับมีกลยุทธทางการค้าที่ละเอียดรอบคอบ ทุกการกระทำล้วนเหนือล้ำมุโต้อยู่หนึ่งก้าวเสมอ เขาพลันหงุดหงิดใจทันทีที่ต้องเสียคนคุ้มกันและลูกค้าไปเพียงเพราะทรายบ้าบอเหล่านี้
***
"กระเทียม?" ชินยองวูได้ล็อกเอาต์ออกจากซาทิสฟายและเดินไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อเตรียมจะกินมื้อเย็น ทันใดนั้น เขาก็พบว่าพ่อและแม่กำลังนั่งปอกกระเทียมกันอยู่ ชายหนุ่มจึงเดินลงไปนั่งข้างๆ
"ให้ผมช่วยนะ"
พ่อและแม่ของยองวูเปิดร้านขายผัก ดังนั้น กระเทียมย่อมถือเป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่มีไว้สำหรับขาย ในทุกๆ วัน ทั้งสองจะต้องเสียเวลาอย่างมากในการนั่งปอกกระเทียม ในอดีต ยองวูไม่เคยยื่นมือเข้าช่วยพวกเขาเลยสักครั้ง แต่บัดนี้ไม่ใช่อีกแล้ว
เขาเติบโตขึ้น และมีจิตสำนึกที่ต้องการแบ่งเบาภาระพ่อและแม่ แต่ทั้งสองกลับปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
"ยองวู ลูกเล่นเกมมาเหนื่อยแล้วไม่ใช่หรือ? ใช้เวลานี้ไปพักผ่อนเถอะ"
"ใช่แล้ว นี่มันงานของพวกเรา ยองวู แกควรไปกินข้าวและมุ่งมั่นกับการเล่นเกมต่อไป"
ในอดีต ทั้งคู่ได้จงเกลียดจงชังเกมที่พรากลูกชายของตนไป ทว่ายามนี้ พ่อและแม่กลับมองเกมเป็นสถานที่ทำงานอันแสนสำคัญของยองวู
ชายหนุ่มรู้สึกอิ่มเอมใจและนั่งลงด้วยรอยยิ้มอันสดใส
"ให้ผมช่วยเถอะนะ"
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คนไม่มีประสบการณ์จะปอกกระเทียมได้คล่องแคล่ว ผิวของเปลือกกระเทียมนั้นแข็ง แต่ก็บางมาก ต้องใช้เทคนิคไม่น้อยในการลอกเปลือกออก ยองวูซึ่งขาดความชำนาญในการใช้มืออย่างสิ้นเชิงมาตั้งแต่ยังเด็ก แม้ในยามที่ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร เขายังผูกเชือกรองเท้าไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ ยองวูคนเดิมจะใช้เวลานานแสนนานในการปอกกระเทียมให้ได้สักหัว เขาจึงไม่ได้ช่วยทำให้ทั้งสองเบาแรงลงเท่าใดนัก
พ่อแม่ของยองวูรู้เรื่องนี้ดี แต่พวกเขาก็ไม่คิดห้าม ในเมื่อลูกชายเป็นคนออกปากว่าต้องการช่วยเหลือ
หลังจากนั้นไม่นาน
"ตายแล้ว? ยองวู ลูกไปเอาความคล่องแคล่วขนาดนี้มาจากไหน?"
แม่ของเขากล่าวชมจากใจจริง ยองวูปอกเปลือกกระเทียมอย่างชำนิชำนาญประหนึ่งผู้เชี่ยวชาญในวงการอาหาร ความเร็วเทียบได้กับทั้งพ่อและแม่ที่เปิดร้านขายผักมานานนับสิบปี ทางฝั่งพ่อเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน
"เกิดอะไรขึ้นกับลูก?"
ทว่า ผู้ที่ตกใจมากที่สุดหาใช่ใครอื่น แต่เป็นตัวของยองวูเอง
'ไม่น่าเชื่อ กระเทียมปอกเปลือกได้ง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?'
เขารู้สึกว่าความชำนาญของมือมากขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างเทียบไม่ติด เกิดอะไรขึ้นกันนะ? ยองวูนึกไปพลาง ปอกกระเทียมไปพลาง
หลังจากนั้นก็ได้คำตอบ
'ต้องเป็นผลมาจากการกระทำซ้ำๆ แน่!'
น้ำหนักมือที่ละเอียดละออในการสร้างไอเท็ม นับตั้งแต่เขากลายเป็นผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า ยองวูได้สร้างไอเท็มขึ้นนับพันชิ้นแล้ว ดูเหมือนความชำนาญมือในชีวิตจริงจะเพิ่มขึ้นจากความทรงจำซ้ำๆ ในหัวสมอง
'เราเคยได้ยินข่าวเรื่องนี้'
มีคนๆ หนึ่งเคยฝึกวิชาดาบอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่าในซาทิสฟาย ทำให้เมื่อกลับมาสู่โลกแห่งความจริง วิชาดาบของเขาก็พัฒนาขึ้นควบคู่กันอย่างน่าเหลือเชื่อ จริงอยู่ที่สมรรถภาพร่างกายในซาทิสฟายจะสูงกว่าโลกแห่งความจริง ทำให้เรื่องยากๆ ที่ผู้เล่นทำได้ในซาทิสฟาย อาจนำมาปฏิบัติตามในโลกจริงไม่ได้ ทว่า หากเป็นเทคนิคง่ายๆ เช่นนี้ย่อมแตกต่างออกไป
นั่นคือเหตุผลที่ฝีมือการปอกกระเทียมของยองวูพัฒนาขึ้น
"ฮุฮุฮุ..."
ยองวูหัวเราะคิกคักอย่างพึงพอใจ เขาจินตนาการภาพในเวลาที่ตนเองสามารถหาคู่ครองได้ในชีวิตจริง รับรองได้เลยว่าหญิงสาวผู้นั้นจะต้องได้รับความพึงพอใจบนเตียงในระดับสูงสุดของโลกแน่
และนี่คือวินาทีที่เทพแห่งการเล้าโลมในซาทิสฟาย ได้กลายมาเป็นเทพแห่งการเล้าโลมในชีวิตจริงบ้างแล้ว
กิลด์ใหญ่เหม็นขี้หน้าแล้ว พ่อค้าเมืองใกล้เคียงก็ยังไม่ชอบใจด้วย อุปสรรคเยอะจริงหนอ
ReplyDeleteนี่แหละคือที่ปูทางสู่ความเป็นใหญ่
Delete