จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 230



       "นายท่าน!  มีกระบองเพชรกระจุกตัวเป็นกลุ่มห่างออกไป 400 เมตรทางด้านหน้า!  น่าจะเป็นกระบองเพชรเหมืองแร่ปลอมตัวมา  ได้โปรดระวังตัวด้วย..."

       "มุ่งหน้าไปทำลายพวกมัน!"

       "นายท่าน!  คางคกสีทองสองตัวกำลังผสมพันธุ์กันในโอเอซิส!  คงเป็นการดีกว่าหากจะเลี่ยงไปทางอื่น..."

       "บอสแม็บสองตัวเกิดพร้อมกับเชียวรึ?  ถูกหวยแล้ว!  ลุย!"

       "นายท่าน!  คางคกทะเลทรายกำลังไล่ตามพวกเรามาจากด้านหลังห่างออกไป 800 เมตร!  พวกเราต้องเร่งฝีเท้าแล้ว  ไม่อย่างนั้นจะถูกไล่ตามทันได้...!"

       "พวกมันมาแก้แค้นให้กับคางคกสีทองงั้นหรือ?  เยี่ยม!  ทุกคนหยุด!  พวกเราจะรอเชือดเหยื่อที่อุตส่าห์วิ่งมาประเคนให้ถึงที่!"

       "นายท่าน… มีรังขนาดเล็กของหนอนยักษ์อยู่ใต้ภูเขา..."

       "ลุยเข้าไปกวาดล้างกันเลย!"
       
       "..."

       จากด้านบนท้องฟ้า  ฮิวรอยสามารถมองเห็นทุกสิ่งได้จากระยะไกล  หากผสานทักษะในการตรวจตาและความเป็นเจ้านายของมังกรเดรกเข้าด้วยกัน  ฮิวรอยจะสามารถทำให้สามาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนไปถึงที่หมายโดยเลี่ยงการปะทะให้น้อยที่สุด

       แต่กริดเป็นใคร?  เขามีความกระสันมากเป็นพิเศษหลังจากที่ไม่ได้ออกล่ามานานแสนนาน  ในเมื่อมอนสเตอร์ดินแดนตะวันตกต้องถูกปราบปรามให้หมดอยู่แล้ว  ทันทีที่ฮิวรอยพบศัตรู  แทนที่จะเลี่ยง  กริดกลับพุ่งเข้าประจัญบาน  ด้วยเหตุนี้  สมาชิกกิลด์โอเวอร์เกียร์จึงเริ่มหมดแรงทีละน้อย

       "แฮ่ก… แฮ่ก!  บ้าจริง  นี่กริดไม่เหนื่อยเลยรึไง? "

       "ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด  ค่าเรี่ยวแรงของกริดมีสูงกว่าที่พวกเราคาดคิดไว้มาก"

       "อึก… ร้อนจริงโว้ย"

       เป็นการยากที่จะเคลื่อนพลข้ามผืนทะเลทรายอย่างราบรื่น  แม้บรรดาผู้เล่นโอเวอร์เกียร์จะเป็นแร้งเกอร์หัวแถวของโลก  แต่พวกเขาก็เป็นเพียงผู้เล่น  การต่อสู้ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าผนวกกับไอความร้อนที่แผดเผา  ค่าเรี่ยวแรงจึงหมดลงอย่างรวดเร็ว  แต่ในทางตรงกันข้าม  กริดยังคงสบายดีอยู่  เขามีค่าเรี่ยวแรงที่สูงกว่าสมาชิกคนอื่นราวสองเท่า  ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะค่าความพากเพียรที่สูง  ซึ่งนั่นเกิดจากการอุสาหะทำงานในโรงตีเหล็กอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

       'ไม่ว่ามอนสเตอร์ดินแดนตะวันตกจะดุร้ายขนาดไหน  แต่บอสแม็ปก็มีขีดจำกัดของมันอยู่สินะ'

       ธรรมชาติของบอสแม็ปจะไม่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับบอสภารกิจหรือบอสดันเจี้ยน  และไอเท็มดรอปก็จัดว่าแย่มาก  กริดกับสมาชิกโอเวอร์เกียร์ได้ล่ากระบองเพชรยักษ์ไปแล้วหนึ่งตัวและคางคกสีทองอีกสองตัว  ทว่า  ไอเท็มที่ดรอปมากลับมีเพียงเกรดอีปิก 2 ชิ้น  และหินเสริมแกร่ง 5 ก้อนเท่านั้น

       ในขณะที่กริดกำลังผิดหวัง

       "แม่น้ำ!"

       "พวกเรามาถึงแล้ว!"

       ปาร์ตี้ทั้งหมดเดินทางมาถึงแม่น้ำเฮอเบ็นด์  พวกเขาออกเดินทางจากเรย์ดันโดยใช้เวลาราว 10 ชั่วโมงในการมาถึงที่นี่  อันที่จริง  ถ้าหากใช้ความสามารถของฮิวรอยเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะให้ได้มากที่สุด  พวกเขาจะมาถึงโดยใช้เวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น  แต่กริดกลับทำให้มันนานขึ้นเป็นสามเท่า

       "กริด  ทุกคนเหนื่อยกันแล้ว  แถมยังดึกมากด้วย  พักผ่อนก่อนดีกว่าไหม?"  ป็อนเสนอแนะ

       กริดตรวจสอบค่าสถานะของสมาชิกในปาร์ตี้

       "เข้าใจแล้ว  ถ้าอย่างนั้นก็  เตรียมตัวตั้งแคมป์"

       เมื่ออยู่นอกเมือง  ค่าเรี่ยงแรงจะพื้นฟูได้ช้าลง  เพียงแค่มื้ออาหารและการพักผ่อนเล็กน้อยนั้นยังไม่เพียงพอ  ขั้นต่ำที่สุดคือการงีบหลับไปสักพัก  สมาชิกโอเวอร์เกียร์ได้รวมตัวกันริมแม่น้ำและหยิบเต็นท์ออกมากาง  ทุกคนพลันประหลาดใจในยามที่เห็นกริดตั้งเต็นท์ของตนเอง  

       เป็นเพราะความเร็วและความคล่องแคล่วที่เขาแสดงออกมานั้น  อยู่ในระดับที่น่าตื่นตะลึง

       "โว้ว… ยอดไปเลย  ฉันไม่เคยเห็นใครกางเต็นท์ได้เร็วเท่ากริดมาก่อน"

       "เขาตั้งเต็นท์ในชีวิตจริงบ่อยสินะ?  ออกไปแคมป์ปิ้งบ่อยๆ งั้นหรือ?"

       'แคมป์ปิ้งบ้าบออะไรกัน...'

       กริดย่อมไม่มีเพื่อนให้ออกแคมป์ปิ้งด้วยกันแน่นอน  เหตุผลที่เขาสามารถกางเต็นท์ด้วยความเร็วที่น่าทึ่งได้  นั่นเป็นเพราะว่า  กริดถูกฝึกเรื่องนี้อย่างหนักระหว่างการเป็นทหารเกณฑ์  แถมเมื่อยิ่งมีค่าความชำนาญกว่า 3,000 แต้มในเกม  ทำให้เขาสามารถตั้งเต็นท์ได้รวดเร็วกว่าผู้เล่นทั่วไปหลายเท่าตัว

       มีประโยชน์อะไรบ้างกับการตั้งเต็นท์ได้ไวกว่าชาวบ้านเขา?  ไม่มีเลย  มันจะเกิดประโยชน์ก็ต่อเมื่อกริดมีเพื่อนในชีวิตจริงและชวนกันออกไปแคมป์ปิ้ง

       "กินอาหารกันเถอะ"

       เมื่อตั้งเต็นท์สำเร็จ  สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนก็มานั่งรวมกันอยู่รอบกองไฟ  อาหารที่เตรียมมากินกันนั้นไม่มีสิ่งใดพิเศษ  มันคือมันฝรั่งสีรุ้ง  อาหารเพียงชนิดเดียวที่เรย์ดันผลิตได้

       "ฉันเริ่มจะเอียนกับมันแล้วสิ"

       "เห็นด้วย"

       มันฝรั่งสีรุ้งนั้นมี 7 รสชาติ  ส่วนที่มีสีแดงจะให้รสเนื้อ  ส่วนสีเหลืองเป็นรสกุ้งทอด  ส่วนสีส้มเป็นกลิ่นแยมส้ม  โดยที่รสทั้งหมดล้วนมีความอร่อยและเข้มข้น  ทว่า  ท้ายที่สุด  มันฝรั่งก็ยังเป็นมันฝรั่งอยู่วันยังค่ำ  ไม่มีทางที่ใครจะทนกินมันได้ทุกมื้อ

       "ถ้ามีพ่อครัวเจ๋งๆ สักคนก็คงดี"

       ในกรณีของพ่อครัวที่มีทักษะทำอาหารระดับสูง  คนเหล่านั้นสามารถปรุงอาหารรสเลิศได้จากหญ้าป่าและมอนสเตอร์  แถมอาหารที่ปรุงขึ้นจะมีผลเสริมพลังให้อีกเล็กน้อย  ทักษะการครัวจึงถือว่ามีประโยชน์ค่อนข้างมากทีเดียว

       'ยูเฟอมิน่าสามารถคัดลอกทักษะทำอาหารได้สินะ...'

       ยูเฟอมิน่าไม่ได้เข้าร่วมการเดินทางในคราวนี้  ณ ปัจจุบัน  เธอกำลังอุทิศตนให้กับการพัฒนาเรย์ดันทั้งในด้านรักความปลอดภัยและเศรษฐกิจภายในเมือง  ยูเฟอมิน่าสามารถคัดลอกทักษะฝึกสัตว์  ตีเหล็ก  แปรธาตุ  ก่อสร้าง  และอื่นๆ อีกมากมาย  ครั้นจะหวังพึ่งให้เธอช่วยทำอาหารอีก  นั่นดูจะเป็นการรบกวนมากเกินไปหน่อย  กริดจึงได้แต่ส่ายหัว

       'พวกเราจะพึ่งแต่ยูเฟอมิน่าไม่ได้'

       ไม่อย่างนั้น  เธออาจคิดหนีออกจากกิลด์  อันที่จริง  มันมีขีดจำกัดอยู่ในการจะพึ่งพาใครสักคน  และในอนาคต  กริดจึงมีแผนจะรับสมัครผู้เล่นที่มีคลาสรองเป็นพ่อครัวเข้ากิลด์
       
       "ตาเริ่มล้าแล้วสิ"

       "พวกเราจะทำยังไงกันดี?"

       เมื่อทุกคนกินเสร็จ  กริดลุกขึ้นยืนพร้อมกับประกาศกร้าว

       "ปล่อยให้หน้าที่เฝ้ายามเป็นของฉัน  ทุกคนไปนอนพักผ่อนกันเถอะ"

       กริดเติบโตจนสามารถเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่นได้แล้ว  ทว่า  สมาชิกโอเวอร์เกียร์กลับปฏิเสธ

       "กริด  นายคือขุมกำลังหลักของพวกเรา  ดังนั้นอย่าทำเกินตัวเด็ดขาด"

       "ไม่ต้องห่วง  ฉันพอไหว  ตัวฉันมีค่าเรี่ยวแรงสูงกว่าใคร"

       "แค่พอไหวมันไม่ได้หรอกนะ!  นายจะต้องสมบูรณ์พร้อมที่สุด  ศัตรูตัวนั้นแข็งแกร่งมาก"

       ลงเอยด้วย  กริดถูกกีดกันออกจากภาระหน้าที่เวรยาม  สมาชิกที่เหลือต่างตกลงหน้าที่กัน  พวกเขาแผนจะพักผ่อนราว 4 ชั่วโมง  ดันนั้น  การเฝ้ายามจะใช้ทั้งหมด 8 คนโดยแบ่งเป็นคนละ 30 นาที

       "8 คนที่มีค่าเรี่ยวแรงมากที่สุดจะต้องเสียสละเวลานอน 30 นาที"

       โดยปรกติแล้ว  ยิ่งผู้เล่นมีค่าเรี่ยวแรงสูงสุดมาก  ความเร็วในการฟื้นฟูก็ยิ่งมากขึ้น  ดังนั้น  หน้าที่เวรยามจึงตกเป็นของตัวแทงค์ไปโดยปริยาย  แวนเนอร์และโทบันได้แต่โอดครวญ

       "ฉันแทงค์จนเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว..."

       "เกิดเป็นแทงค์นี่มันลำบากจริงๆ"

       ถือเป็นการตัดสินใจที่มีเหตุมีผล  จึงช่วยไม่ได้ที่บรรดาตัวแทงค์จะบ่นอุบอิบ  

       แต่ลอเอลได้เสนอแนะทางออกที่แสนชาญฉลาดออกมา

       "ทำไมไม่ให้ปิอาโร่เฝ้ายามล่ะ?"

       ตลอดทางมาที่นี่  ปิอาโร่ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ใดเลยสักครั้งเดียว  เขามีเพียงเดินแล้วก็เดิน  ลอเอลคาดว่า  ปิอาโร่จะต้องมีค่าเรี่ยวแรงเหลืออยู่มากแน่นอน

       'ชาวนาในตำนานน่าจะมีค่าสถานะพื้นฐานที่สูง… การเฝ้ายามตลอด 4 ชั่วโมงไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่กับเขา'

       ปิอาโร่รีบพยักหน้าให้กับคำแนะนำของลอเอล

       "เข้าใจแล้ว  ฉันจะเฝ้ายามให้เอง  ทุกคนนอนพักผ่อนให้เพียงพอเถอะ"

       "โอ้ว!"

       สีหน้าของชาวโอเวอร์เกียร์พลันเปล่งประกาย  แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่า  เหตุใดปิอาโร่ถึงร่วมเดินทางมาด้วย  แต่ยามนี้  หลายคนล้วนดีใจที่มีมีปิอาโร่อยู่  ทว่า  กลับยังมีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วย

       "ที่นี่เป็นเขตอันตราย  พวกเราไม่ควรปล่อยให้หน้าที่เฝ้าระวังเป็นของชาวนา"

       "ถูกต้อง  จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากมอนสเตอร์ที่ซ่อนอยู่ในหมอกยามเช้าทำการจู่โจม?  พวกเราอาจเป็นอันตรายได้นะ"

       'คนพวกนี้… ไม่ได้สำนึกบุญคุญที่นักดาบผู้ยิ่งใหญ่ช่วยเฝ้ายามให้เลยสักนิด...'

       กริดมองว่า  สถานการณ์เช่นนี้น่าสนุกไม่น้อย  พวกเขาจะคิดว่าปิอาโร่เป็นชาวนาไปอีกนานแค่ไหนกันนะ?  กริดอยากจะเห็นวินาทีที่ทุกคนรู้ความจริงเข้า  ชายหนุ่มพลันอมยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดตามน้ำไป

       "พวกนายอย่าได้ดูแคลนฝีมือการเฝ้ายามของปิอาโร่เชียว  เขาเป็นถึงชาวนาในตำนาน  ไม่ใช่ชาวนาดาษดื่นทั่วไป"

       "...?"

       สมาชิกโอเวอร์เกียร์พลันงุนงง

       "ทำไมนายถึงพูดว่า  ชาวนาในตำนานจะเฝ้าระวัยภัยได้เก่งกาจ?"

       "อธิบายให้พวกเราเข้าใจด้วย"

       "..."

       กริดพลันตึงเครียดไปครู่ใหญ่ เขาคาดไม่ถึงว่าสมาชิกกิลด์จะเค้นหาเหตุผล  เป็นไปไม่ได้เลยที่คนสมองทึบอย่างกริดจะหาคำอธิบายมารองรับได้  เพราะเมื่อครู่ได้พูดออกไปเล่นๆ เท่านั้น

       ทว่า  ลอเอลกลับวิเคราะห์ออกมา

       "ชาวนาจะต้องปกป้องฟาร์มของตนจากน้ำแข็ง  สัตว์ป่า  และมอนสเตอร์ดุร้าย  ชาวนาในตำนานย่อมมีทักษะปกป้องฟาร์มในระดับสูง  หมายความว่า  เขาน่าจะมีทักษะตรวจจับมอนสเตอร์และหยั่งรู้ถึงอันตรายได้ดีเป็นพิเศษ  นี่คงเป็นเหตุผลที่กริดบอกให้มั่นใจในตัวชาวนาในตำนาน"

       "ถูกต้อง"

       กริดรีบยันยืนการสันนิษฐานของลอเอล  สมาชิกโอเวอร์เกียร์ส่วนที่ไม่เห็นด้วยจึงเริ่มเข้าใจมากขึ้น

       "นั่นสินะ… ชาวนาก็ต้องมีทักษะแบบนั้นอยู่..."

       "ดีล่ะ  งั้นตกลงตามนี้  ปิอาโร่  ได้โปรดทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดตลอด 4 ชั่วโมงด้วย  ถือซะว่าพวกเราขอร้องก็แล้วกัน"

       สมาชิกโอเวอร์เกียร์พูดฝากฝังพร้อมกับเข้าไปนอนในเต็นท์  ป็อนคือคนสุดท้ายที่ยังไม่เข้าไป  เขาหันไปพูดกับปิอาโร่ว่า

       "ในแม่น้ำเฮอบันด์มีมอนสเตอร์ขนาดใหญ่อาศัยอยู่  มันแข็งแกร่งมาก  ไม่เหมือนกับคางคกสีทองที่พวกเราพบเมื่อตอนกลางวัน  ถ้าหากมันปรากฏตัวล่ะก็  นายต้องรีบแจ้งให้พวกเรารู้ทันที"

       "เข้าใจแล้ว"

       ป็อน  สมาชิกคนสุดท้ายได้เข้าเต็นท์ไปนอน  ปิอาโร่นั่งลงหน้ากองไฟตามลำพังและหวนนึกถึงอดีต

       'ทำเอาคิดถึงสมัยที่เป็นอัศวินเลยแฮะ'

       ช่วงเวลาที่ประจำการอยู่ในกองอัศวินสีชาด  ปิอาโร่ได้ออกเดินทางไปทั่วทั้งทวีปและตั้งแคมป์อยู่บ่อยครั้ง  ถือเป็นเวลาที่น่าจดจำซึ่งเขาได้เคียงบ่าเคียงไหล่กับสหายร่วมรบผู้ซื่อสัตย์

       ทว่า  ทั้งหมดได้ตายไปแล้ว  เป็นเพราะการใส่ร้ายป้ายสีของอัสโมเฟล

       ซู่ววว

       "..."

       ในขณะที่ปิอาโร่กำลังจะเติมฟืนกองไฟ  จู่ๆ สายตาของเขาก็พลันหันควับไปมองที่แม่น้ำ ยามนี้เป็นเวลารุ่งอรุณ  มีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวในหมอกหนาอย่างเงียบงัน  แม้จะเป็นผู้ที่มีฝีมือสูงส่ง  แต่คงเป็นการยากที่จะสัมผัสถึงการมีตัวตนของมันได้  ทว่า  ปิอาโร่เป็นใครกัน?  ไม่มีสิ่งใดสามารถรอดพ้นสายตาของนักดาบอันดับหนึ่งในทวีปไป
       
       "แกคือมอนสเตอร์ประจำแม่น้ำเฮอบันด์สินะ"

       ปิอาโร่ทำการขว้างกิ่งไม้ที่ถืออยู่ในมือลงไปยังแม่น้ำ  หลังจากนั้นเพียงไม่นาน  มีบางสิ่งได้กรีดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงแหลมลึกอย่างเจ็บปวดทรมาน

       ท้ายที่สุด  ผู้ล่าอันดับหนึ่งของแม่น้ำเฮอบันด์ที่มีชีวิตอยู่อย่างยิ่งใหญ่มาตลอดหลายสิบปี  

       ยามนี้ได้ถึงจุดจบเสียแล้ว

        ***

       "เอาล่ะ  เยี่ยมเลย"

       กริดและสมาชิกโอเวอร์เกียร์ได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มนานถึงสี่ชั่วโมงเต็ม  ค่าเรี่ยวแรงของทุกคนฟื้นฟูกลับมาจนเต็มหลอดอีกครั้ง  พวกเขาทานมันฝรั่งสีรุ้งและเริ่มออกเดินทางไปยังเป้าหมาย  

       เพียงไม่นาน  ทุกคนก็เดินทางมาถึงเขตภูเขา  หลังจากที่ต้องผ่านหมู่บ้านและเมืองร้างมากมายระหว่างทาง

       กริดและชาวโอเวอร์เกียร์ไม่ได้ปะทะกับมอนสเตอร์ใดอีก  กริดเกิดความไม่เข้าใจกับภาพของผืนป่าไผ่อันกว้างใหญ่ด้านหน้าซึ่งทอดยาวขึ้นไปบนภูเขา

       "ทำไมป่าแห่งนี้ถึงยังคงสภาพอยู่ได้?  ที่นี่ไม่ได้ถูกหนอนยักษ์เข้าโจมตีรึไง?"

       ลอเอลอธิบาย

       "ร่างโคลนที่อยู่ในป่าแห่งได้ขัดขวางทั้งมอนสเตอร์และมนุษย์ทุกคนที่คิดย่างกรายเข้าไป  ด้วยเหตุนี้  ทั้งป่าไผ่และเหมืองแร่ภายในภูเขาจึงยังปลอดภัยดี"

       "หืมม..."

       ถือเป็นเหตุการณ์ประหลาดที่ไม่ค่อยได้พบเห็นนัก  การที่มอนสเตอร์ตัวหนึ่งทำการปกป้องดินแดนของตนจากมอนสเตอร์อื่นที่มารุกราน  กริดเริ่มสนใจใคร่รู้  เขาย่างกรายเข้าไปในป่าไผ่ทันที

       และทันใดนั้นเอง  

[ ท่านเข้าสู่เขตแดน <ป่าลี้ลับ> ]
[ สตินึกคิดของท่านจะเข้าสู่ภาวะสงบนิ่ง ]
[ ในความเงียบงันไร้ก้นบึ้ง  ท่านจะไม่อาจช่วยเหลือตนเองได้ ]
[ ท่านต่อต้านอาการผิดปรกติ ]

       "อึก...!  ความรู้สึกนี้มัน...  น่าขยะแขยงชะมัด"

       "ฉันชักจะง่วงแล้วสิ"

       นอกจากกริด  สมาชิกโอเวอร์เกียร์ล้วนเข้าสู่ภาวะไร้เรี่ยวแรง  แขนขาพลันอ่อนเปลี้ย  บนใบหน้าปรากฏความเจ็บปวด  

       แต่ในทางกลับกัน  กริดกลับเดินดุ่มเข้าไปด้วยสีหน้าตกตะลึงสุดขีด

       "...แพ็กม่า?"

       ณ ใจกลางป่าไผ่ที่ลำต้นสูงเสียดฟ้า  ชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินอันราบเรียบ  ใบหน้าของเขาเรียวยาวประหนึ่งไข่ไก่  ร่างกายผอมเพรียว  ผิวพรรณขาวนวล  ริมฝีปากสีแดงเด่นชัด  ดวงตาอันเรียวยาวที่ราวกับกำลังยิ้มเยาะ  เป็นรูปลักษณ์ที่ดูงดงามและสะอาดสะอ้านหมดจด  คงเป็นการยากที่จะให้เชื่อลงว่าคนๆ นี้คือผู้ชาย  เขามีลักษณะเหมือนกับแพ็กม่าทุกประการ  กริดยังคงจำได้ไม่ลืม  เพราะชายหนุ่มเคยเห็นภาพสลักที่ดูคล้ายกับชายคนนี้ภายในถ้ำใต้น้ำตกโลรัน

       สวบ...

       แพ็กม่าที่นั่งอยู่บนก้อนหินเป็นเวลานาน  ในที่สุดเขาก็เริ่มขยับตัว  ชุดผ้าไหมที่ราวกับหลุดมาจากยุคสมัยโชซอนได้พริ้วปลิวสไหวตามท่าทาง  

       ดวงตาของแพ็กม่าจ้องมองมาทางกริดด้วยความมุ่งร้ายเป็นที่สุด

Comments

  1. สนุกมากมายครับ

    ReplyDelete
  2. เจอบรรพระบุรุตแล้วววว แต่เป็นร่างโคลนนี้สิแย่ ตำนานกับตำนานเจอกันอะไรจะเกิดขึ้น ขอบคุณฮะ สนุกมาก

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00