จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 245



       "ออกมาได้!"

       เอิร์ลซีบร้ารีบวิ่งมายังห้องโถงใหญ่พร้อมกับตะโกนขึ้น  นักลอบสังหารจำนวน 9 คนพลันปรากฏ  ซีบร้ามีความเชื่อมั่นในตัวกลุ่มนักลอบสังหารศรทมิฬอย่างมาก  คนพวกนี้รับใช้ตระกูลซีบร้ามาหลายรุ่น  พวกมันคือนักลอบสังหารที่ไม่เคยมีประวัติล้มเหลวมาก่อน

       เอิร์ลซีบร้าออกคำสั่ง

       "มีชายคนหนึ่งเพิ่งจะออกจากที่นี่ไปได้ไม่นาน  ตามไปฆ่ามันซะ!  แล้วนำต่างหูควอท์ซสีดำกลับมาให้ฉัน!"

       "ขอรับ"

       กลุ่มนักลอบสังหารหายตัวอย่างรวดเร็ว  เอิร์ลซีบร้าเพิ่งจะได้เห็นพวกมันเมื่อครู่เต็มสองตา  แต่ยามนี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่  ด้วยทักษะอันยอดเยี่ยมเช่นนี้  เอิร์ลซีบร้าจึงอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย

       'ไม่ว่าเจ้าปีศาจนั่นจะเป็นใครก็ตาม...'

       มีศัตรูใดที่กลุ่มนักลอบสังหารเหล่านี้ลงมือไม่สำเร็จด้วยงั้นหรือ?  เอิร์ลซีบร้าได้แต่จิตนาการถึงความตายอันแน่นอนของกริด  มันรู้สึกพึงพอใจอย่างมากจนถึงกับฮัมเพลงในลำคอเบาๆ

       "เมี๊ยว"

       แมวน้อยตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในห้องโถงใหญ่  แมวตัวนี้มีมีขนสีดำสนิทเงางาม  มีเพียงส่วนปลายขาทั้งสี่และปลายหางเท่านั้นที่เป็นสีขาวหิมะ

       'น--น่ารัก!'

       มันเกิดความคิดเช่นนั้นทันทีที่เห็นแมวปริศนาตรงหน้า  ความน่ารักของแมวตัวนี้  ไม่ว่าใครก็ยากจะอดใจไม่ให้หลงรักได้  ไม่เว้นแม้กระทั่งมนุษย์จิตใจหยาบช้าอย่างมัน  เอิร์ลซีบร้าตกตะลึงไปพักใหญ่  มันต้องการจะครอบครองแมวตัวนี้เป็นสมบัติไปชั่วชีวิต

       แต่ความรู้สึกเช่นนั้นเกิดขึ้นเพียงไม่นาน  ในที่สุดมันก็ได้สติกลับมา

       "ทหารองครักษ์มัวทำอะไรกันอยู่?  ปล่อยให้มีแมวหลุดเข้ามาได้ยังไง?  อยากตายนักรึ?"

       "ข--ขออภัยครับ"

       ทหารองครักษ์ที่ยืนเฝ้ายามรีบรุดมาด้วยหน้าซีดเผือด  พวกมันยืนเวรยามกันอย่างแข็งขันโดยที่ไม่อู้สักวินาทีเดียว  แม้แต่มดสักตัวก็ผ่านเข้ามาไม่ได้  แล้วเหตุไฉนถึงมีแมวหลุดเข้ามา?

       "ยืนบื้ออะไรอยู่?"

       ทหารองครักษ์พยายามจะจับแมวให้ได้  ทว่า  ความเร็วของแมวตัวนี้กลับมีสูงมาก  ขัดกับรูปร่างที่อวบอ้วนอย่างสิ้นเชิง  แมวปริศนากระโดดเริงร่าไปมาทั่วห้องโถงใหญ่ราวกับเป็นบ้านของมัน

       "ด--เดี๋ยว!"

       ทั้งเอิร์ลซีบร้าและทหารพลันดวงตาเบิกโพลง  พวกมันเพิ่งจะเห็นเต็มสองตาว่าแมวตัวนี้มีปีกปีศาจเล็กๆ ที่ด้านหลัง  แถมกลางหน้าผากก็มีเขาเล็กๆ งอกออกมา  

       "ป--ปีศาจ...!"

       เอิร์ลซีบร้ารู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่แมวธรรมดา  มันพยายามแกว่งแขนไปมาเพื่อจะคว้าร่างแมวปริศนาไว้ให้จงได้  แต่ความเร็วกลับมีไม่มากพอที่จะทำเช่นนั้น

       "หง๊าววว!"

       ฉั่วะ!  ฉั่วะฉั่วะฉั่วะ!

       เป็นอุ้งเท้าสั้นๆ ที่ข่วนได้เร็วกว่าสายฟ้าฟาด  เอิร์ลบร้าต้องประสบพบเจอกับความเจ็บปวดแสนสาหัสประหนึ่งใบหน้าของมันกำลังถูกเผาไหม้อย่างรุนแรง

       "อ๊าาาากกกกก!"

       เสียงกรีดร้องอันโหยหวนดังก้องไปทั่ว  ใบหน้าเอิร์ลซีบร้าเปี่ยมไปด้วยบาดแผลจนเสียโฉม  

       "อ--อึ๋ย!"

       บรรดาทหารต่างเสียวสันหลังวาบ  เป็นที่แน่นอนว่า  ความโกรธเกรี้ยวของเอิร์ลซีบร้าคงไม่พ้นมาลงที่พวกตนในภายหลังแน่  เหตุเพราะไม่อาจปกป้องให้มอนสเตอร์ย่างกรายเข้ามาภายในปราสาทได้

       'พวกเราคงถูกทรมานแสนสาหัส...!'
       
       'ท--ทำยังไงกันดี?'

       'ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วย?'

       ทหารทุกคนจ้องมองไปยังหอกในมือและหันไปคุยกัน  หลังจากนั้น  พวกมันทุกคนก็ค่อยๆ เดินดุ่มเข้าไปหาเอิร์ลซีบร้าผู้กำลังเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน  แววตาของทหารทุกคนล้วนเปี่ยมไปด้วยความดุดันน่ากลัว  

       "พ--พวกแกคิดจะทำอะไร...!"

       ตลอดชีวิตของเอิร์ลซีบร้า  มันไม่เคยต้องพบพานความเจ็บปวด  ก็แน่ล่ะ  สายเลือดขุนนางชั้นสูงคอยค้ำกะลาหัวเอาไว้ตลอดเวลา  วันนี้คือบาดแผลใหญ่หลวงที่สุดที่ได้รับนับตั้งแต่มันเกิดมา  

       และบาดแผลส่วนหนึ่งก็กำลังจะมาจากฝีมือของลูกน้องตนเอง

       "แกกล้าคิดทำร้ายเจ้านายงั้นรึ?  ไม่รู้หรือว่านี่คือความผิดร้ายแรง!  พวกแกทุกคนจะต้องถูกตัดแขนตัดขาแล้วฆ่าทิ้ง!"

       เอิร์ลซีบร้าตะโกนลั่น  แต่การคุกคามจากทหารก็ยังไม่หายไป  บรรดาองรักษ์เริ่มยกหอกขึ้นตั้งท่าโจมตี  

       เอิร์ลซีบร้าเห็นท่าไม่ดีจึงต้องการเลี่ยงการปะทะ  มันเปลี่ยนวิธีพูดทันใด

       "ถ้าหากพวกแกยอมวางหอกลงเสียตอนนี้  ฉันจะยอมยกโทษให้และตกรางวัลเป็นพิเศษ!  ได้โปรดใจเย็นก่อน!"

       มันพยายามต่อรอง  แต่ก็ไม่เป็นผล

       "แกคิดว่าพวกเราจะเชื่อคำพูดของแกรึไง?  พวกเรารู้ดีว่าแกมักโกหกกับผู้ที่ถูกทรมานเสมอ!"

       "พวกเราเกลียดแกมาตั้งแต่ต้นแล้ว!  เจ้ามนุษย์ชั่วช้า!  การจัดการแกคือสิ่งที่พวกเราต้องทำ!"

       "หนึ่งในเด็กผู้หญิงที่แกใส่ร้ายและฆ่าทิ้งคือญาติของฉัน!  เธอเพิ่งจะมีอายุแค่ 15 ปีเท่านั้น!  ไอ้เศษเดนมนุษย์!"

       ความโกรธบนใบหน้าทหารพลันเผยออกมาจนหมดสิ้น  หากพวกมันไม่ฆ่าเอิร์ลเสียตอนนี้  ในภายหลังต่อไป  พวกมันก็ต้องถูกลงโทษจนตายอยู่ดี  ทุกคนรู้ว่า  ได้มาถึงในจุดที่มิอาจหวนกลับอีกแล้ว  บรรดาหอกในมือถูกทิ่มแทงใส่ร่างเอิร์ลซีบร้าอย่างอาฆาตแค้น

       ฉึก! ฉึกฉึกฉึก!

       "พ--พวกแก...!  อ๊าากกกก!"

       และนี่คือจุดจบของเศษเดนมนุษย์ที่ชั่วช้าเสียยิ่งกว่าอสูร

       "เมี๊ยว"

       เจ้าแมวอ้วน  ต้นตอของสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด  ยามนี้ได้ค่อยๆ อันตรธานหายไปจากห้องโถงใหญ่

       ***

       "นี่คือสิ่งที่นายหวังไว้งั้นหรือ?"

       ด้านนอกกำแพง  กีกี้รายงานสถานการณ์ในปราสาทด้วยทักษะนัยน์ตาเหยี่ยว

       เวอราดินส่ายศีรษะ

       "เปล่า  ฉันมาที่นี่เพียงเพื่อหวังดรอปกระดูกของเพชฌฆาต"

       ก่อนหน้านี้  เวอราดินไม่เข้าใจเลยว่า  กริด  ดยุคของอาณาจักรอีเทอนัล  จะมีเหตุผลให้ต้องมาพบกับเอิร์ลซีบร้า  แต่มันก็พอจะเดาได้เล็กน้อย  เพชฌฆาตคือมอนสเตอร์ค่าหัวสูงที่แร้งเกอร์หลายคนหมายปอง  บางที  กริดอาจหวังไอเท็มสักชิ้นที่ดรอปในนี้กระมัง?  

       เวอราดินจึงตัดสินไม่รายการเรื่องของกริดกับเอิร์ลซีบร้า  จนลงเอยด้วย  กริดมาล่าเพชฌฆาตตามที่คิดไว้จริงๆ

       เดิมที  มันก็เป็นไปตามแผนที่เวอราดินวางไว้  แต่กลับต้องคิดไม่ถึงว่า  เอิร์ลซีบร้าจะถูกสังหารไปด้วยในภายหลัง  แถมคนที่สังหารยังเป็นทหารของตัวซีบร้าเอง  โดยแม้ต้นเหตุทั้งหมดมาจากแมวสีดำตัวนั้น  ซึ่งคนทั้งโลกรู้ดีกว่านั่นคือแมวของกริด

       "น่าสนใจมาก"

       กริดกำลังทำเพื่อคนของอาณาจักรอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนงั้นหรือ?  รอยยิ้มประหลาดเผยอยู่บนใบหน้าของเวอราดิน

       กีกี้หันไปถาม

       "พวกเราจะทำยังไงกันดี?  หลังจากนี้ต้องวุ่นวายแน่"

       จักรวรรดิจะต้องไม่อยู่เฉยในเรื่องที่ขุนนางชั้นเอิร์ลถูกสังหาร  การสอบสวนเป็นวงกว้างจะเกิดขึ้น  บรรยากาศในเมืองจะคุกรุ่นไปอีกพักใหญ่  และนั่นไม่ใช่ปัญญาเพียงข้อเดียว  บุตรชายของเอิร์ลซีบร้ายังอยู่ในวัยเยาว์  แถมยังเติบโตมาพร้อมกับจิตใจไม่ปรกติของผู้เป็นบิดา  ทำให้อุปนิสัยของเด็กคนนั้นเองก็ไม่ปรกติตามไปด้วย  กลายเป็นคนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย  สั้นๆ ก็คือ  ถูกหลอกใช้งานได้ง่าย  ไม่มีทางที่ขุนนางคนอื่นในดินแดนจะปล่อยให้เด็กคนนี้ปกครองเมืองแน่นอน  การแก่งแย่งชิงดีจะต้องเกิดขึ้นอย่างดุเดือดเข้มข้น

       "เวอราดิน  นายจะทำยังไงต่อไป?  นี่คือโอกาสดีที่จะรายงานเรื่องกริดเพื่อเอาความดีความชอบแล้วมิใช่หรือ?"

       "ยกเลิก"

       "อะไรนะ?"

       กีกี้แทบไม่เชื่อหู  กริดคือศัตรูเชียวนะ  ไม่เพียงแต่จะถล่มกิลด์เสียยับเยิน  แต่ยังมาก่อเรื่องในดินแดนของเอิร์ลซีบร้าซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกิลด์อีกด้วย  

       ถึงกระนั้น  เวอราดินกลับคิดปล่อยกริดไปอีกงั้นหรือ?

       เวอราดินอธิบายต่อไป

       "พวกเราจะจับทหารที่ฆ่าเอิร์ลซีบร้าและได้รับความดีความชอบครั้งใหญ่  หลังจากนั้นก็จะแต่งตั้งให้บุตรชายของเอิร์ลซีบร้าเป็นลอร์ด  พลังอำนาจในมือเราก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น"

       เขาวาดฝันถึงแผนการที่ใหญ่กว่า

       "นี่คือโอกาสก้าวหน้า..."

       เวอราดินเชื่อว่า  การทำงานอย่างหนักในวันนี้จะทำให้ตัวมันสามารถฮุบกลืนดินแดนเอิร์ลซีบร้าไว้เป็นของตนได้

       และหลังจากนั้นก็นำไปจะมอบให้กับอาจารย์ของมัน...  แอ็กนัส

       ***

       ณ สถานที่ห่างออกไปจากปราสาทเอิร์ลซีบร้า

       กริดกำลังรอการกลับมาของโนเอะ

       'อันที่จริง  เราเองก็อยากฆ่ามันกับมือ'

       เอิร์ลซีบร้าคือเศษเดนมนุษย์ที่ไม่สมควรจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือไม่ว่ากรณีใด  ตัวกริดนั้นผ่านการผจญภัยมามากมาย  แต่นี่คือหนแรกที่เขาได้เห็นใครสักคนมีความช่วยร้ายในจิตใจมากขนาดนี้  

       ทว่า  การลงมือด้วยตนเองนั้นมีความเสี่ยงมากเกินไป

       หากภายหลังถูกจักรวรรดิตามล่าตัว  นั่นยิ่งจะทำให้เข้าใกล้อัสโมเฟลได้ยากขึ้นไปอีก  จากเดิมที่ยากมากอยู่แล้ว  และหากตัวตนที่แท้จริงของกริดถูกเปิดเผย  อาณาจักรอีเทอนัลคงพลอยตกที่นั่งลำบากไปด้วย  

       หากกริดรู้มาก่อนว่าเวอราดินเป็นขุนนางของจักรวรรดิ  เขาคงไม่กล้าแตะต้องกิลด์ไวท์วูล์ฟ  แต่กริดไม่ได้ล่วงรู้เรื่องนั้น  เขาจึงไม่มีโอกาสได้รับรู้ถึงน้ำใจที่เวอราดินยอมปล่อยเขาไป

       "กริดเป็นคนดีใช่ไหม?  ก็เลยต้องลงโทษคนชั่ว!"

       แรนดี้เริ่มรู้จักเส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่ว  กริดดีใจมากที่เพื่อนสนิทของตนโตวันโตคืน  เขาค่อยๆ อธิบายสาวน้อยแร้นดี้อย่างอ่อนโยน

       "ฉันไม่ใช่คนดีนักหรอก"

       ถูกต้อง  กริดห่างไกลกับคำว่าคนดีอยู่มาก  เขาจะไม่ทำเพื่อผู้อื่นที่ไม่รู้จัก  นอกเสียจากว่าจะเป็นเพื่อนกัน  แต่กริดก็มีศีลธรรมขั้นต่ำสุดคอยค้ำจุนจิตใจเอาไว้อยู่  ชายหนุ่มไม่มีทางเมินเฉยต่อการกระทำของเอิร์ลซีบร้าได้  

       ถ้าเป็นสมัยก่อนที่ไร้พลัง  เขาคงรีบหนีออกมาโดยคำนึงถึงแต่ความสบายของตนเอง

       'แต่เราไม่ได้อ่อนแออีกแล้ว'

       ถ้าช่วยเหลือผู้อื่นได้แม้สักนิด  เขาก็ยินดีทำ  แต่นั่นต้องตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่ตนเองไม่ได้รับความเดือดร้อน  นี่คือหลักในการใช้ชีวิตของกริด  มันเรียกได้ไม่เต็มปากนักว่าเป็นคุณธรรม  แต่ก็ไม่ได้เมินเฉยต่อสิ่งชั่วร้ายโดยสิ้นเชิง

       "แล้วก็..."

       กริดสัมผัสได้ถึงแขกที่ไม่ได้รับเชิญซึ่งกำลังเข้ามาใกล้จุดที่เขาซ่อนตัว  การรับรู้ตัวตนพวกมันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับกริดที่มีค่าวิสัยทัศน์สูงเกินกว่า 1,400 แต้ม

       "เจ้าพวกนี้  ส่งมาโดยซีบร้าสินะ"

       บรรทัดฐานของนักลอบสังหารในสายตากริดจะมีเฟคเกอร์เป็นตัวเปรียบเทียบเสมอ  และนักลอบสังหารเหล่านี้ก็ห่างไกลกับเฟคเกอร์มาก  ในอีกความหมายหนึ่ง  กริดไม่ได้ให้ความสำคัญกับบรรดานักลอบสังหารทั่วโลกสักเท่าไร  

       นี่ไม่ใช่ความเย่อหยิ่งอย่างไร้เหตุผล

       จุดแข็งของนักลอบสังหารอยู่ที่ความว่องไว  หากแต่กริดผู้ซึ่งมีทั้งค่าวิสัยทัศน์และพลังป้องกันที่สูง  คนเหล่านี้ไม่มีทางทำอันตรายต่อชายหนุ่มได้เลย  นอกเสียจากพวกมันจะอยู่ในระดับเดียวกับเฟคเกอร์

       สวบ...

       พวกมันไม่มีใครรู้ตัวเลยว่าถูกพบเข้าแล้ว  หลังจากค่อยๆ ย่นระยะห่างอย่างใจเย็น  ชายคนหนึ่งได้เสียบมีดเข้าไปที่ลำคอของกริดด้วยความรวดเร็ว  

       และทันใดนั้นเอง

       เคร้ง!

       มีดสีทองปริศนาได้พุ่งมาบล็อคมีดสั้นของนักลอบสังหารเอาไว้

       "แผนลอบสังหารน่ารักดีนะ...  ว่าไหม?"

       "...!"

       แม้สีหน้าจะของเหล่านักลอบสังหารจะยังคงเรียบเฉย  ในภายในใจกลับกำลังลนลานสุดขีด

       'มันล่วงรู้การลอบโจมตีของพวกเราได้ยังไง?  อย่าบอกนะว่า...'

       พวกมันพยายามแทงมีดในมือใส่กริดอีกครั้ง  แต่ทั้งหมดล้วนเปล่าประโยชน์

       ฉึก!

       "อ๊าาาาก!"

       มีดสีทองซึ่งขว้างโดยผู้ที่ไม่ทราบตัวตนได้พุ่งตรงเข้าใส่ต้นขาของนักลอบสังหารคนหนึ่ง  

       หน้าต่างข้อความระบบพลันแสดงขึ้นต่อหน้ากริด

[ คริติคอล! ]
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 1,590 หน่วย ]

       'แม้จะติคคริติคอล  แต่ความเสียหายก็ยังเท่านี้เองหรือ?'

       พาเฟรเนี่ยมคือโลหะอันดับหนึ่งของโลก  หากกริดใช้พาเฟรเนี่ยมเพื่อสร้างอาวุธล่ะก็  พลังโจมตีของมันคงเหนือกว่า <ความผิดพลาด> ขึ้นไปอีก  แต่มีดสีทองที่สร้างขึ้นจากพาเฟรเนี่ยมในตอนนี้ไม่อาจสำแดงพลังได้มากนัก  เพราะพวกมันสร้างขึ้นจากเศษพาเฟรเนี่ยมที่มีอยู่เพียงน้อยนิด  พลังโจมตีจึงมีเพียงเท่านี้

       'เห็นที  ไมเนอร์คงต้องเร่งมือหาวงกตโกเล็มหน่อยแล้ว'

       กริดอยากได้พาเฟรเนี่ยมทั้งหมดมาเป็นของตน  ภาระหน้าที่ของไมเนอร์ยังมีมากมายจริงๆ   ในระหว่างที่เขากำลังครุ่นคิดเรื่องนี้  เหล่านักลอบสังหารเริ่มไม่ลงมือผลีผลามอีกแล้ว

       'หมอนี่มีคนคอยช่วยเหลืออยู่!'

       แม้กริดจะตัวคนเดียวยามที่อยู่ในปราสาท  แต่ตอนนี้กลับมีเด็กสาวอยู่ด้วยอีกคนหนึ่ง  แถมยังมีองครักษ์ปริศนาที่ซ่อนตัวคอยขว้างมีดสีทองเหล่านี้ด้วย  

       ทว่า  พวกมันกลับไม่สามารถสัมผัสตัวตนคนขว้างได้เลย

       กริดอมยิ้มอย่างขบขันก่อนจะชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า

       "ข้างบน"

       "...?"

       ในที่สุด  เหล่านักลอบสังหารก็ตาสว่างเมื่อได้เห็นมีดสีทองโบยบินด้วยเจตจำนงของตนเอง
       
       'ของวิเศษ!'

       พวกมันที่เอาแต่ตกตะลึงได้รีบหันกลับมามองทางกริดอีกครั้ง

       "อั่ก..."

       "อ๊ากกก!"

       นักลอบสังหาร 3 คนถูกเสียบเป็นลูกชิ้นด้วยดาบใหญ่สีน้ำเงิน

       "เป็นไปได้ยังไง?"

       ไม่น่าจะมีเรื่องบ้าบอเช่นนี้เกิดนขึ้นได้...

       "พวกเราคือเหยื่องั้นหรือ?"

       สิ่งเดียวที่กริดในอดีตและกริดปัจจุบันเหมือนกันทุกประการก็คือ...

       สำหรับศัตรู…  ไม่มีคำว่าปราณี

       "อย่าเสียเวลานักเลย  ยอมตายอย่างสบายดีกว่าน่า"

       หน้ากากเหล็กที่บดบังครึ่งหนึ่งของใบหน้า  หากดูเพียงดวงตาก็จะเหมือนกับคนร่ำไห้  แต่หากลองมองดูให้ดี  มันคือหน้ากากที่กำลังแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นสุดขีด  นี่คือประสบการณ์สยดสยองมากที่สุดเท่าที่กองทัพนักลอบสังหารชุดนี้เคยประสบนับตั้งแต่เกิดมา

Comments

  1. แอ็กนัสไหนวะ ลืม

    ReplyDelete
    Replies
    1. แอ๊กนัสห้าวิครับ

      Delete
    2. อ่อขอบคุนครับ 555

      Delete
    3. 5วินั้นฮูเร็นแอ็กนัสอันดับ7คราสอีปิก

      Delete
    4. This comment has been removed by a blog administrator.

      Delete
    5. คิดว่าสปอยแล้วเท่หรอ

      Delete
  2. สนุกมากมายครับ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00