จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 246



       'พวกเราต้องตายเช่นนี้จริงหรือ?'

       นักลอบสังหารถูกฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้เยือกเย็นได้ในทุกสถานการณ์  ภารกิจเฝ้าระวัง  จู่โจม  ลอบสังหาร  และอื่นๆ   หน้าที่ของพวกมันคือกระทำการอย่างเร้นลับและอดทน  การควบคุมอารมณ์จึงเป็นพื้นฐานที่ถูกฝึกอันดับแรก

       แต่ในตอนนี้  กลุ่มนักลอบสังหารศรทมิฬไม่หลงเหลือความเยือกเย็นอีกแล้ว  พวกมันกำลังหวาดกลัวสุดขีด  นี่คือสิ่งที่บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า  ทั้งหมดคือนักลอบสังหารเกรดต่ำ  หากเป็นนักลอบสังหารมือฉกาจ  ไม่ว่าจะอยู่ในเหตุการณ์ใดก็ต้องไม่เปลี่ยนสีหน้า

       "เจ้านายของพวกแกเป็นเพียงเศษเดนมนุษย์  ส่วนพวกแกมันก็แค่นักเลงข้างถนน"

       ตึก  ตึก

       เป้าหมายกำลังย่างกรายเข้ามาใกล้  นักลอบสังหารอย่างพวกมันควรดีใจที่ได้สู้ในระยะประชิดที่ตนเองถนัด  แต่ครั้งนี้ถือเป็นข้อยกเว้น

       'เอาชนะในการสู้ซึ่งหน้าไม่ได้แน่'

       เพื่อนของพวกมันถูกฆ่าในพริบตา  นักลอบสังหารหกคนที่เหลือกระจายตัวออกไปและขว้างมีดสั้นเข้าใส่

       ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!

       มีดสั้นจำนวนมากพุ่งโจมตีเข้าใส่กริดอย่างพร้อมเพรียง  ดูเหมือนจะไม่มีช่องว่างให้หลบหนีแม้แต่น้อย  ในความคิดของพวกมัน  อย่างน้อยกริดก็ควรจะได้รับบาดเจ็บบ้าง

       ช่างเป็นจินตนาการที่ตื้นเขินซะจริง

       สวบ

       ดาบใหญ่สีเขียวหยกถูกชักออกมาอย่างใจเย็นแต่รวดเร็ว  มีดสั้นมหาศาลถูกดูดเข้าไปในวังวนลึกลับ  เท่านั้นยังไม่พอ  เพียงพริบตาเดียว  อาวุธทั้งหมดที่พวกมันได้ขว้างออกไปก็ย้อนกลับหาตนเองอย่างรวดเร็ว

       นั่นคือวิชาดาบแพ็กม่า...  วังวน

       ฉึก!  ฉั่วะ!

       "อ๊าากก!"

       "แค่ก!"

       ออปชั่นจากดาบใหญ่เลียนแบบ  <เพิ่มความรุนแรงของทักษะทั้งหมด 20%> ช่วยส่งผลให้มีดสั้นที่ย้อนกลับไปมีความรุนแรงกว่าเมื่อครั้งที่พวกมันปาเข้ามา  ร่างกายเหล่านักลอบสังหารต่างถูกเสียบด้วยมีดจนพรุนราวกับเม่น

       'พวกเราโดนการโจมตีของตนเองเล่นงาน?'

       งานเข้าแล้วสิ… ดวงตาพวกมันทุกคนพลันสั่นไหววูบวาบประหนึ่งตะเกียงต้องลม   กริดเปิดใช้งานโทสะช่างตีเหล็กพร้อมกับกวัดแกว่งดาบใหญ่สีน้ำเงินอย่างรวดเร็วดุจดั่งสายฟ้าฟาด

       ฉั่วะฉั่วะ!

       สหายสองคนหมดลมหายใจในพริบตา  หัวกับร่างถูกแยกออกจากกัน  

       'จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว...!'

       พวกมันรู้ดีกว่าเพชฌฆาตนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน  แต่มันก็มั่นใจ  ว่าถ้าหากทั้ง 9 คนลงมือพร้อมกัน  เพชฌฆาตก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน  ทว่า  จำนวนของคนที่ลงไปยังห้องใต้ได้ถูกจำกัดไว้แค่ 3 เท่านั้น

       แม้ว่าอีกฝ่ายจะล้มเพชฌฆาตได้ด้วยตัวคนเดียว  แต่หากมันทั้ง 9 ผนึกกำลังกัน  พวกมันก็ยังมีความมั่นใจหลายส่วนว่าจะเอาชนะได้  

       ทว่า  ความจริงช่างห่างไกลเสียเหลือเกิน  เป้าหมายเก่งกาจเหนือจินตนาการ  ชายคนนี้อาจอยู่ในระดับเดียวกับอัศวินสีชาดผู้โด่งดังก็เป็นได้

       และในวันนี้  กลุ่มนักลอบสังหารศรทมิฬที่ก่อเรื่องชั่วช้ามากมายตามคำสั่งของเอิร์ลซีบร้า  

       ถึงเวลาที่พวกมันถูกเก็บกวาดเสียที

       ***

       'หืม… ถ้าเราเล็งไปยังจุดอ่อน  โอกาสที่ทักษะ <ผ่าสองซีก> จะทำงานก็มีสูงขึ้นงั้นสินะ...?  ยังไม่แน่ใจ  เราคงต้องทดลองให้มากกว่านี้'

       กริดเอาชนะเพชฌฆาตและได้รับค่าประสบการณ์ล้นหลาม  เท่านั้นยังไม่พอ  นักลอบสังหารทั้ง 9 คนยังมาเสริฟค่าประสบการณ์ให้ถึงที่  เลเวลของกริดพุ่งขึ้นเป็น 288 ภายในเวลาไม่กี่วัน  ด้วยเลเวลระดับนี้  เขาจะถูกจัดให้อยู่ในอันดับท็อป 500 ของโลกเลยทีเดียว

       แต่หากถามถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริง… อันดับพวกนี้เป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น 

       'ค่าความว่องไวเรายังมีไม่พอ'

       พักหลังมานี้  กริดลงทุนทั้งหมด 10 แต้มไปกับการอัพค่าความว่องไวในทุกเลเวล  แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ  อัตราส่วนระหว่างค่าพละกำลังและความว่องไวของปิอาโร่อยู่ที่ 1:1   กริดใช้ค่าสถานะของปิอาโร่เป็นแบบให้ตนเองมาตลอดในช่วงหลายเดือนหลัง  แต่ก็ยังห่างไกลกับสิ่งที่ต้องการอยู่อีกมาก  เป็นผลมาจาก  ก่อนหน้าที่จะได้พบกับปิอาโร่  กริดทุ่มแต้มสถานะลงไปกับพละกำลังจนเกือบหมด

       กริดมีพละกำลังอยู่ที่ 2,810 แต้ม  และความว่องไวอยู่ที่ 1,606 แต้ม   กริดจำเป็นต้องทำให้ค่าพละกำลังกับความว่องไวกลายเป็น 1:1 ให้ได้เพื่อเข้าถึงวิชาดาบขั้นสูง  เพื่อการนั้น  เขาจำเป็นต้องอัพเลเวลอีกกว่า 120 ระดับเลยทีเดียว

       'ตัวเราในสมัยก่อนช่างโง่เขลา...'

       แต่กริดสิ้นหวังไหมน่ะหรือ?  เปล่าเลย

       'เราต้องตั้งใจเก็บเลเวลให้มากกว่านี้  ทุกครั้งที่ว่างได้ยิ่งดี'

       ในปัจจุบัน  กริดไม่กังวลว่าตนเองจะทำงานหนักเกินกว่าสิ่งที่ได้รับ  เขารู้ดีว่า  ความพยายามของคนเราจะถูกตอบแทนมาให้ในภายหลัง  ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

       ชายหนุ่มตระหนักถึงสิ่งนี้ได้ดีกว่าใคร

       ทันใดนั้น  โนเอะก็กลับมาถึง

       "สัตว์อสูรอันดับหนึ่งแห่งขุมนรกเก่งกาจที่สุด!  เมี๊ยว!"

       ดูจากความอารมณ์ดีระดับนี้  โนเอะคงทำงานได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง  การปกครองอันชั่วร้ายของเอิร์ลซีบร้าคงจบลงแล้ว

       "รีบไปไททันกันเถอะ"

       หลังจากนี้  กริดไม่มีความจำเป็นต้องสวมหมวกปีกกว้างอีก  หน้ากากและผ้าคาดตามีผลในการปกปิดใบหน้า  ดังนั้นชื่อตัวละครจะไม่ปรากฏให้ผู้ใดเห็น

       กริดรีบมุ่งหน้าต่อไปโดยไม่ลังเล  ระหว่างทางก็สังหารมอนสเตอร์พร้อมกับทำความเคยชินกับทักษะตรวจจับจุดอ่อนไปพลาง  หลังจากเสร็จสิ้นการต่อสู้ทุกครั้ง  กริดจะจำลองภาพเหตุการณ์ทั้งหมดและแก้ไขข้อบกพร่องของตน

       การเดินทางไปยังไททันกินเวลานานกว่า 2 สัปดาห์  กริดตั้งเป้าไว้ว่า  ก่อนไปถึง  เขาจะต้องมีเลเวล 291 ให้ได้

       แรนดี้และโนเอะเริ่มสนิทกันอย่างรวดเร็ว

       "โนเอะ!  น่ารัก!"

       "เมี๊ยววว!  จงลูบหัวสัตว์อสูรอันดับหนึ่งแห่งขุมนรกอย่างโนเอะ!  ลูบคางด้วย!  เมี๊ยว!"

       ***

       อัศวินลำดับ 31  ไอดัน  มันคืออัศวินหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดของกองอัศวินสีชาด  เริ่มเข้ารับตำแหน่งอัศวินเมื่ออายุ 14  จนมาถึงตอนนี้ก็อายุ 23 แล้ว  แต่มันไม่ได้เติบโตมาจากตระกูลขุนนางใหญ่เหมือนกับคนอื่น

       ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าดูแคลนไอดัน

       ใครจะกล้า?  ในเมื่อมันเป็นถึงหนึ่งในกองอัศวินสีชาดอันยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิ

       "หืมม~"

       ฉากเอิร์ลซีบร้าถูกสังหารโหด  ในยามนี้มีทั้งขุนนางและอัศวินรายล้อมมากมาย  พวกมันทั้งหมดกำลังยืนแข็งทื่อเป็นหินพร้อมกับจ้องมองมายังไอดัน  แต่ไอดันก็หาได้สนใจ  มันเพียงไต่สวนทหารองครักษ์ทั้ง 7 คนที่สังหารเอิร์ลซีบร้าและสืบสวนสภาพแวดล้อมอีกเล็กน้อย

       "หืม~ เป็นแบบนี้เองสินะ"

       หลังจากผ่านไปพักใหญ่

       ไอดันแสดงสีหน้าราวกับเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด  หลังจากนั้นมันก็ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ของห้องโถงใหญ่ที่เอิร์ลซีบร้าถูกสังหาร  แต่การกระทำอันเย่อหยิ่งเช่นนี้  กลับไม่มีใครคนใดเลยที่คิดคัดค้านว่าไม่เหมาะสม

       ไอดันออกคำสั่ง

       "สังหารพวกมันและครอบครัวให้สิ้นซาก..."

       "ซ--เซอร์ไอดัน!"

       ทหารทั้งเจ็ดคนที่สังหารเอิร์ลซีบร้าพลันตะโกนลั่น  

       ไหนบอกว่าจะไว้ชีวิตครอบครัวพวกมัน  ถ้าหากยอมให้ความร่วมมือในการสืบสวนแต่โดยดี?  คำตัดสินโหดร้ายแบบนี้  เป็นใครก็ยากจะยอมรับได้  ไอดันแสยะยิ้มให้กับกลุ่มทหารที่เปี่ยมไปด้วยสีหน้าอันเจ็บแค้น

       "ฉันก็พอเข้าใจอยู่  ว่าทำไมพวกแกถึงอยากฆ่าเอิร์ลซีบร้า  อันที่จริง  ในความคิดของฉัน  เอิร์ลซีบร้านั้นสมควรตายแล้ว  แต่อาชญากรรมคงเปลี่ยนให้เป็นอื่นไม่ได้  ฉันจำเป็นต้องบังคับใช้กฏหมาย"

       "ทำไมถึงทำแบบนี้?  ท่านสัญญาว่าจะไว้ชีวิตครอบครัวของพวกเรา!"

       "นั่นก็ต่อเมื่อพวกแกให้ความร่วมมือ"

       "พวกเราได้ให้ความร่วมมืออย่างสุดความสามารถแล้ว!"

       "งั้นหรือ~?  ตอนไหนกันล่ะ?"

       "...!"

       ในที่สุด  พวกมันก็ตาสว่าง  ไอดันนั้นชั่วช้าไม่แพ้เอิร์ลซีบร้า  ช่างเป็นภาพที่น่าขนหัวลุก  เมื่อเห็นใครสักคนตัดสินโทษตายให้ผู้อื่นไปพร้อมกับรอยยิ้มได้  

       ไอดันมองตามทหารทั้งเจ็ดคนที่ถูกลากไปลานประหาร  หลังจากนั้นก็หันกลับมามองเข้าไปในกลุ่มขุนนางที่ยืนอยู่

       "นายบอกว่า  นายชื่อบารอนเวอราดินใช่ไหม?"

       "ครับ"

       เวอราดินที่ถูกเรียกชื่อได้ก้าวเท้าออกมา  ไอดันเพ่งพิจารณาอย่างละเอียดก่อนจะแสยะยิ้ม

       "นายบังเอิญได้เห็นพอดีว่า  กลุ่มทหารทั้ง 7 คนได้รุมสังหารเอิร์ลซีบร้า  จึงทำการเข้าจับกุมสินะ…?  ฟังดูสุดยอดไปเลยนี่?"

       มันคือคำถามที่เปี่ยมไปด้วยการเหน็บแนมอย่างชัดเจน  สถานการณ์เช่นนี้  ไม่ว่าดูยังไง  เวอราดินก็จะได้รับความดีความชอบอย่างใหญ่หลวง  ไอดันสัมผัสได้ถึงกลิ่นไม่ชอบมาพากล  

       แต่เวอราดินยังคงสงบนิ่งดุจหินผา  มันโค้งคำนับเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปอย่างไม่สั่นไหว

       "กระผมคงช่วยชีวิตเอิร์ลซีบร้าได้ทัน  ถ้าหากมาถึงเร็วกว่านี้อีกสักนิด  กระผมเสียใจเป็นอย่างยิ่ง"

       ดวงตาของไอดันพลันหรี่ลง  ชายคนนี้  เวอราดิน  เล่นด้วยยากว่าที่คิดไว้

       "แล้วนายรู้อะไรเกี่ยวกับผู้ที่สังหารเพชฌฆาตบ้าง?"

       ก่อนที่เอิร์ลซีบร้าจะถูกฆาตกรรม  มีใครบางคนได้สังหารเพชฌฆาตไปเรียบร้อยแล้ว  ไอดันสงสัยว่า  สองสิ่งนี้อาจเกี่ยวข้องกัน  แต่ยังติดปัญหาอยู่เรื่องหนึ่ง  เวอราดินที่เป็นผู้มาถึงคนแรกและพยานปากสำคัญ  มันไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาเลยจนถึงที่สุด

       "ทหารเล่าว่า  ชายคนนั้นเดินทางมาตามลำพัง  เขามีผมสีดำ  เปี่ยมไปด้วยความสง่าผ่าเผย  กระผมไม่ได้พบเห็นเขาด้วยตาตนเอง"

       "นั่นสินะ  เข้าใจแล้ว"

       ทุกอย่างจบลง  ไอดันเดินออกจากปราสาทโดยไม่ชำเลืองมองศพเอิร์ลซีบร้าแม้แต่น้อย  หลังจากนั้นก็หันไปมองยังทิศทางที่ผู้สังหารเพชฌฆาตเดินจากไป

       "ใครกันนะ?"

       หน่วยงานพิพากษาของจักวรรดิได้ระบุให้เพชฌฆาตคือมอนสเตอร์เกรด A+   อัศวินทมิฬ 3 คนไม่เพียงพอที่จะเอาชนะมันได้  หน่วยใหญ่จึงจำเป็นต้องส่งหนึ่งในอัศวินสีชาดมารับมือด้วยตนเอง  และนั่นคือหน้าที่ซึ่งไอดันได้รับมอบหมาย  ตัวมันไม่ชอบเลยที่จะต้องมาทำอะไรน่าเบื่อแบบนี้  แถมสถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปอีก  เมื่อทุกสิ่งเริ่มซับซ้อนและไม่เป็นไปดั่งใจ

       'คนที่สามารถปราบมอนสเตอร์เกรด A+ ได้ตามลำพังย่อมไม่ธรรมดาแน่… ผู้อาวุโสคงไม่ชอบใจถ้าหากเราไม่มีข้อมูลของชายคนนั้นกลับไป'

       "เฮ่อ..."

       มันทำได้เพียงถอนหายใจ

       ***

       "ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันรึเปล่า?"

       "ครับ"

       "ดี…! โอกาสช่างประจวบเหมาะ"

       ซีบาล  ผู้เล่นอันดับสองของโลก  กิลด์เสน็กที่มันเป็นผู้ปกครองอยู่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว  แต่ภายในใจของมันกลับกำลังร้อนรนอย่างสุดขีด

       สมาชิกของกิลด์มีทั้งหมด 275 คน  โดยที่เลเวลเฉลี่ยคือ 230   

       มีสมาชิกอย่างน้อย 100 คนติดอันดับท็อป 1,000 ของโลก  เมื่อไม่นานมานี้  มันเพิ่งจะได้เลื่อนขั้นเป็นเอิร์ลแห่งอาณาจักรฮาเค่น  ความใฝ่ฝันตลอดมาคือการได้เป็นผู้เล่นที่ครองบัลลังก์กษัตริย์คนแรกของโลก

       แต่มีสิ่งหนึ่งที่กำลังกวนใจอย่างรุนแรง

       ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากกริด  กริดกลายเป็นดยุคในพริบตาจากความดีความชอบในสงครามไรน์ฮาร์ท  มีโอกาสสูงมากที่กริดจะได้เป็นกษัตริย์คนแรกและรับสมญานามที่ซีบาลต้องการไป  มันไม่อาจนั่งติดเก้าอี้

       ลงเอยด้วย  ซีบาลคิดแผนชั่วขึ้น       

       7 กิลด์ใหญ่ได้ร่วมมือกันเพื่อจับตามองกริดและเรย์ดัน  หัวหน้าทั้ง 7 กิลด์สาบานว่าจะเป็นมิตรต่อกัน  

       ไม่ว่ายังไง  พวกมันก็ต้องไม่ให้กริดเติบโตไปกว่านี้  

       แต่ยังมีปัญหาอยู่หนึ่งเรื่อง

       พลังอำนาจของกริดและกิลด์โอเวอร์เกียร์ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น  คงไม่ง่ายนักที่จะรุกรานเรย์ดันซึ่งมีปีศาจที่ยึดครองอันดับ 10 ถึง 40 ของโลกปกป้องอยู่  ก็จริงอยู่ที่ว่า  ถ้าหากทั้ง 7 กิลด์ร่วมมือกัน  มันก็คงเป็นไปได้ที่จะสังหารสมาชิกโอเวอร์เกียร์ได้ทุกคน  แต่ทางฝั่งของพวกมันก็อาจสูญเสียมากมายจนฟื้นฟูกลับมาไม่ไหว  

       และนั่น  ฝ่ายที่เสียเปรียบจะไม่ใช่ใครอื่น

       ซีบาลและหัวหน้ากิลด์ทั้ง 7 ไม่อาจบุ่มบ่ามได้  พวกมันตกอยู่ในสภาวะวิตกกังวลเช่นนี้มาหลายเดือนแล้ว  

       แต่นอกจากรอคอยโอกาส  ก็ไม่มีสิ่งใดที่ทำได้อีก

       ในที่สุด  โอกาสนั้นก็มาถึง  ทีมสำรวจที่ส่งไปยังดินแดนตะวันตกของอาณาจักรอีเทอนัลได้รายงานว่า  กริดหายตัวไปอย่างลึกลับหลายวันแล้ว  ส่วนสมาชิกโอเวอร์เกียร์เกือบทั้งหมดก็ออกจากเรย์ดันไปพัฒนาเหมืองแร่

       ทำให้ในปัจจุบัน  เรย์ดันไร้การปกป้องอย่างสิ้นเชิง  จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากพวกมันรุกรานและทำลายสิ่งอำนวยความสะดวกภายในเมืองทิ้ง?  นั่นจะต้องเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงจนกริดไม่สามารถฟื้นฟูกลับได้

       "รีบเดินทางไปเรย์ดันเดี๋ยวนี้  สวมหมวกและหน้ากากเพื่อปิดบังตัวตน  ทำให้เป็นความลับและรวดเร็วที่สุด"

       ***

       ในเวลาเดียวกัน  ณ เรย์ดัน

       "นี่คือเมืองของกริดสินะ...!"

       ฟาร์มอันกว้างใหญ่มากมายสุดลูกหูลูกตา  ทำให้ดาเมี่ยนอดกล่าวชมไม่ได้  ตลอดชีวิตการผจญภัย  เขาเคยท่องเที่ยวมาหลายเมืองแล้ว  แต่ในด้านขนาดความกว้างใหญ่  เรย์ดันคือที่สุด

       "ได้เป็นดยุคนี่จริงน้า~!  ได้ปกครองเมืองใหญ่!  ยอดมาก!  ชาวเมืองจะต้องมีหลักแสนแน่นอน!"

       ดาเมี่ยนมองไปรอบๆ พร้อมกับชื่นชม

       ทว่า… เมืองนี้ไม่ต้อนรับคนแปลกหน้างั้นหรือ?

       ชาวนาสองคนได้เดินมาขวางทางไว้และพูดพร้อมกันว่า 

       "นายเป็นใคร?"
       
       "...!"

Comments

  1. เจอกับสองซุปเปอร์ชาวนาหน่อย

    ReplyDelete
  2. ขบวนการชาวนาเทพเจ้า

    ReplyDelete
  3. ชาวนาเดอะซีรีย์

    ReplyDelete
  4. ชาวนาในมหากาพย์

    ReplyDelete
  5. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete
  6. 7 กิลล์ปะทะ 2 ชาวนา อาเมนฯ

    ReplyDelete
  7. ชาวนาในตำนาน 5555

    ReplyDelete
  8. ชาวนาคนแรก นักดาบอันดับ1 คนที่สอง แรงเกอร์อันดับ1 wtf

    ReplyDelete
  9. ชาวนาทั้งสาม
    นับดาเมี่ยน

    ReplyDelete
  10. = = บุกได้ถูกเวลาจริงๆ ชาวนาในตานาน 2คนที่เป็นNPC คนแรกนักดาบอันดับ1ไม่ต้องสงสัย และลูกชาย1ใน10จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ และ ผู้เล่นอันดับ1ของโลก และ ผู้เล่นคลาสยูนิคคนแรกของโลกแถมสายแทงค์

    ReplyDelete
  11. 2ชาวนาน่ากลัวกว่ากริด+ทั้งกิลอีก 5555555

    ReplyDelete
  12. ช่างเป็นไทมมิ่งที่โคตรซวย

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00