จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 248
หากจะให้สมาชิกทุกคนของโอเวอร์เลือกขึ้นมา 1 ชื่อ ว่าเพื่อนคนใดที่พวกเขาไว้ใจมากที่สุด คำตอบคงเป็นหนึ่งเดียวกันโดยไม่ต้องปรึกษาหรือลังเล
เฟคเกอร์
ชายคนนี้จะคอยระแวดระวังศัตรูในความมืดที่พวกพ้องมองไม่เห็น ด้วยปลายอาวุธอันแหลมคม ใครก็ตามที่กล้าปองร้ายเพื่อนของเฟคเกอร์ มันจะต้องถูกบดขยี้ การที่เขาเงียบขรึมอยู่เสมอก็เพื่อคอยใช้หูฟังเสียงแปลกปลอม
ชื่อเสียงของเฟคเกอร์ไม่เคยเกินความจริง… มันน้อยเกินไปด้วยซ้ำ
ผู้เล่นนักลอบสังหารอันดับหนึ่งของโลกประกาศกร้าว
"พวกแกต้องตายที่นี่... และเดี๋ยวนี้"
หลังจากศพแรกผ่านไปได้ 5 นาที ในที่สุดเฟคเกอร์ก็ปรากฏตัว สีหน้าของบองเดรกำลังโมโหอย่างสุดขีด
"เฟคเกอร์! แกมัน...!"
ผ่านไปเพียง 5 นาทีเท่านั้น เป็นเวลาพอๆ กับที่มันใช้เพื่อเข้าห้องน้ำ และเป็นระยะเวลาที่สมาชิกกิลด์ไอซ์ฟลาเวอร์ 11 คนจบชีวิตลง มีดสั้นในมือเฟคเกอร์มีคุณสมบัติสลายเวทย์มนต์ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา บาเรียเวทย์ทั้งหลายก็ไร้ผล
"แกมาทำอะไรที่นี่? หรือรู้อยู่แล้วว่าพวกเราจะลอบผ่านเส้นทางนี้? ไม่สิ แกรู้ได้ยังไงว่าพวกเรากำลังจะบุกเรย์ดัน? มีสายสืบงั้นหรือ?"
สายสืบ? จำนวนคนของเรย์ดันไม่ว่างพอจะทำเรื่องแบบนั้นแน่ เหตุการณ์ครั้งนี้คือความบังเอิญอย่างแท้จริง เฟคเกอร์จำเป็นต้องเลือกเส้นทางที่ลับตามากที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาของจักรวรรดิ เขาจึงเลือกให้ผู้อพยพเดินทางข้ามผ่านป่าเถาวัลย์หนามแห่งนี้
จนกระทั่งมาพับกับพวกบองเดรเข้า
ทั้งหมดเป็นเรื่องของโชคชะตา แต่เขาจำเป็นต้องเล่าความจริงให้บองเดรฟังไหมน่ะหรือ? ไม่เลยสักนิด
ยิ่งเฟคเกอร์นิ่งเงียบ บองเดรก็ยิ่งโกรธจัด
"ไอ้เวรเอ้ย! คิดจะเมินกันรึไง?"
ครืนนนน!
เสาน้ำแข็ง 6 ต้นปรากฏขึ้นจากพื้นดิน ก่อนหน้านี้ มันได้ใช้เวทย์เกรด S ไปแล้วชนิดหนึ่งเพื่อทำลายผืนป่าจนราบคาบ และบีบให้เฟคเกอร์ต้องเผยตัว
มาถึงตอนนี้ เวทย์ใหม่ที่กำลังจะใช้ออกมาก็มีเกรดเดียวกัน… เวทย์มนต์เกรด S ที่สอง บองเดรยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นยะเยือกพร้อมกับแสยะยิ้ม
"นี่คือหนึ่งในเวทย์ที่ฉันเตรียมไว้ฆ่ากริด แกจะรับมือกับมันได้รึเปล่านะ?"
มังกรน้ำแข็งพิโรธ : เวทย์มนต์เกรด S
เสาน้ำแข็งขนาดใหญ่ 6 ต้นกำลังหมุนวนอยู่กลางอากาศราวกับมังกรโบยบิน
"ฉันจะฆ่าแก แล้วหลังจากนี้ก็จะไปบดขยี้เรย์ดัน!"
ครืนนนน!
เสาน้ำแข็ง 6 ต้นพุ่งโจมตีใส่เฟคเกอร์อย่างพร้อมเพรียงจากทุกทิศทาง ทั้งความเร็ว ความรุนแรง และความกว้าง ไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง ข้อเสียเดียวของเวทย์ชนิดนี้คือการสิ้นเปลืองมานา แต่ด้วยความเป็นจอมเวทย์ระดับท็อปของซาทิสฟาย มานาจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับบองเดร
'ตราบใดที่มันไม่มีกำบังให้หลบซ่อน เฟคเกอร์จะต้องตายแน่นอน! หึหึ! แกผิดเองที่แย่งอันดับ 11 ของโลกไปจากฉัน!'
บองเดรมั่นใจมากว่าจะได้รับชัยชนะ มันรู้ดีว่า นักลอบสังหารผู้ว่องไวนั้นจะแพ้ทางเวทย์มนต์ที่โจมตีเป็นวงกว้าง และด้วยความที่นักลอบสังหารเป็นคลาสพลังชีวิตต่ำเฉกเช่นจอมเวทย์ หากโดนเวทย์เข้าไปสักชนิดล่ะก็…
"หือ?"
บองเดรผู้มั่นใจเริ่มออกอาการสั่นคลอน นัยน์ตาไหววูวาบ ไม่มีใครอยากจะเชื่อในฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้า
ซ้าย
ซู่วว!
ขวา
ซู่วว!
ขวา
ซู่วว!
ซ้ายอีกครั้ง
ซู่วว!
ในขณะที่เสาน้ำแข็งทั้งหกกำลังหมุนรอบตัวเองอย่างบ้าคลั่งประหนึ่งใบมีดของเครื่องปั่น การเคลื่อนไหวจากเฟคเกอร์ก็รวดเร็วจนทำให้เกิดภาพติดตาขึ้น
บรรยากาศอันเย็นยะเยือกไม่ได้ทำให้ความเร็วของเขาลดเลยงั้นหรือ?
'เฟคเกอร์มีค่าว่องไวมากแค่ไหนกัน?'
อันที่จริง ของแบบนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความว่องไวเท่านั้น ความเร็วที่ไร้ฝีมือการควบคุมก็เปรียบดั่งคนหัวล้านได้หวี...
ไร้ประโยชน์หากไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
ฝีมือการควบคุมตัวละครของเฟคเกอร์นั้นอยู่เหนือคำบรรยาย นี่ไม่ใช่ระดับที่มนุษย์จะไปถึงได้
'กระควบคุมระดับพระเจ้--!'
การควบคุมระดับพระเจ้า นี่คือคำนำหน้าชื่อที่มีไว้มอบให้กับครอเกลเพียงผู้เดียวเท่านั้น! ในขณะที่บองเดรกำลังตื่นตระหนก เฟคเกอร์ก็กล่าวชื่นชมกริดอยู่ในใจ
'ไอเท็มทุกชิ้นที่นายสร้าง… มักทำให้ฉันอุ่นใจได้เสมอ'
เกราะหนังเทพวายุ มันคือชุดที่กริดสร้างให้ตามสูตรการผลิตที่เฟคเกอร์หามา เดิมที ออปชั่นของชุดเกราะจะอยู่ที่ เพิ่มค่าความว่องไว 6% และความเร็วทุกชนิด 12% แต่เมื่อถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือของกริด ออปชั่นจึงเพิ่มเป็น ความว่องไว 8% และความเร็วทุกชนิด 15%
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ
ภาพติดตาจำนวนมากถูกสร้างขึ้น
1 ใน 3 คลาสนักลอบสังหารระดับ 3 ที่เฟคเกอร์เลือกเล่น <ราชันย์พริ้วไหว> ถือเป็นคลาสที่ต้องใช้ฝีมือควบคุมตัวละครสูงที่สุดในซาทิสฟาย เมื่อสองสิ่งที่สุดยอดผนึกกำลังกัน หนึ่งคือไอเท็มจากกริด ส่วนอีกหนึ่งคือฝีมือควบคุมของเฟคเกอร์
นักลอบสังหารอันดับ 1 ของโลกสามารถระเบิดพลังได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
"ม--ไม่น่าเชื่อ!"
เสาน้ำแข็งทั้งหกต้นเริ่มเสื่อมพลัง ตรงกันข้าม ความเร็วของเฟคเกอร์มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกชั่วขณะ ใครก็ตามที่ได้เห็นคงพากันเวียนหัว สมาชิกกิลด์ที่เหลือต่างพยายามตรึงการเคลื่อนที่ของเฟคเกอร์ด้วยเวทย์มนต์
"ชิ!"
และทุกครั้งที่พวกมันร่ายเวทย์ จะมีมีดสั้นถูกขว้างตรงมาอย่างแม่นยำเพื่อขัดจังหวะ แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นเสมอไป แต่เมื่อมีเวทย์ใดที่หลุดรอดไปได้ เฟคเกอร์ก็สามารถหลบพ้นอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยนัก ส่วนเวลาที่เหลือก็ใช้ในการขัดขวางการร่ายเวทย์ของคนอื่น
'ก--เกินไปแล้ว!'
น่าแปลกมาก เหตุไฉนเฟคเกอร์ถึงแข็งแกร่งกว่าที่ผู้คนร่ำลือกัน? ข่าวลือจะต้องเกินความจริงไปมากเสมอ แล้วทำไมคราวนี้ถึงได้ตรงกันข้าม?
ในที่สุด ระยะเวลาของมังกรน้ำแข็งพิโรธก็หมดลง บองเดรรีบตะโกนสั่ง
"ใช้เวทย์ในลูกแก้วออกมาซะ!"
อันที่จริง พวกมันสามารถใช้เวทย์ใหญ่ในลูกแก้วได้ทันทีโดยไม่ต้องร่าย แต่คงไม่มีจอมเวทย์คนใดที่ผลีผลามใช้ออกมาโดยไม่ยั้งคิดแน่ เวทย์ใหญ่ที่กักเก็บในลูกแก้วจะใช้ได้เพียงครั้งเดียวแล้วหายไป มันคือไม้ตายสุดท้ายที่ใช้ในยามคับขันเท่านั้น
ก็นี่ไง… ยามคับขัน
เวทย์มนต์ทุกชนิดถูกกระหน่ำยิ่งใส่เฟคเกอร์อย่างมืดฟ้ามัวดิน ในขณะที่เขากำลังโลดแล่นไปมาระหว่างเสาน้ำแข็งที่กำลังสลายไป ในที่สุด เวทย์ชนิดหนึ่งได้กระแทกร่างเฟคเกอร์เข้าอย่างจัง
"นั่นแหละ! พวกเราทำได้!"
เปล่าเลย นั่นคือการคิดไปเอง เวทย์ของพวกมันสัมผัสได้เพียงภาพติดตาเท่านั้น ไม่ใช่ร่างจริง
เฟคเกอร์กำลังสบายดียิ่งกว่าใคร
"ไอ้บัดซบ!"
เมื่อเห็นเฟคเกอร์ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย บองเดรก็ร่ายเวทย์ไปพลาง สาปแช่งไปพลาง ตัวมันที่เปิดใช้งานทักษะ <ร่ายเวทย์สองชนิด> ทำให้สามารถใช้เวทย์มนต์ได้ 2 ชนิดในเวลาเดียวกัน
ซู่ววว!
มันพยายามตรึงการเคลื่อนไหวของเฟคเกอร์ด้วยบาเรียน้ำแข็ง
แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก!
หลังจากนั้นก็สร้างใยแมงมุมน้ำแข็งขึ้นมากลางอากาศเพื่อบีบพื้นที่ให้แคบลง สมาชิกกิลด์คนอื่นรีบร่ายเวทย์ออกมาสนับสนุน
'เฟคเกอร์จะใช้ลูกไม้ใดหนีรอดไปได้อีก?'
คลาสราชันย์พริ้วไหวย่อมมีจุดอ่อน เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวระหว่างเงาได้เหมือนคลาสราชันย์แห่งเงา แถมยังไร้ทักษะป้องกันตัว ข้อดีข้อเดียวคือความเร็วมหาศาล แต่มันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้ความเร็วหลบหนีออกจากกรงที่ถูกตรึงล้อมไว้
พรึบ!
เฟคเกอร์ใช้ระเบิดควัน
ด้วยกลุ่มควันหนาที่คละคลุ้ง ทั้งบองเดรและคนที่เหลือต่างไม่มีใครมองเห็นร่างเฟคเกอร์
บองเดรพลันหัวเราะ
"วะฮ่าฮ่าฮ่า! ไอ้หมอนี่! แกไม่มีทางหลบหนี้จากใยแมงมุมน้ำแข็งได้อยู่แล้ว! พวกมันจะค่อยๆ บีบรัดเข้าไปเรื่อยๆ!"
จอมเวทย์คนหนึ่งได้ร่ายเวทย์ลมเพื่อเป่าควันให้สลายไป
แต่เฟคเกอร์ซึ่งควรจะอยู่ ณ ใจกลางของใยแมงมุมน้ำแข็งกลับ...
"...หมอนั่นหายไปไหน?"
บองเดรและจอมเวทย์ที่เหลือต่างงุนงง เฟคเกอร์หลบซ่อนตนเองในพื้นที่โล่งไร้กำบังได้อย่างไร?
'ต้องมุดดินแน่!' เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ เฟคเกอร์ต้องกำลังซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน
'วิธีการน่าสมเพช!'
บองเดรรีบใช้เวทย์ตรวจจับ
"...เอ๋?"
เหงื่อเม็ดเป้งพลันผุดขึ้นที่สองข้างแก้ม เวทย์ตรวจจับกำลังบอกอย่างชัดเจนว่า...
เฟคเกอร์อยู่ที่ด้านหลังมันในตอนนี้
ฉึก...
มีดสั้นอันคมกริดเฉือนเข้าลำคอบองเดรอย่างโหดเหี้ยม ในเวลาเดียวกัน เฟคเกอร์ก็รูดซิปของเสื้อคลุมหัวลง
"ผ้าคลุมล่องหน...!"
และวินาทีนี้นี่เอง ราวกับทุกคนเพิ่งจะนึกได้ว่าเฟคเกอร์เป็นหนึ่งในสมาชิกของกิลด์โอเวอร์เกียร์
ในอีกความหมายหนึ่ง ไอเท็มที่เขาสวมย่อมไม่ใช่ไอเท็มธรรมดาทั่วไป
"แม่งเอ้ย!"
บองเดรสบถออกมาเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อมีดสั้นอันเย็นยะเยือบสัมผัสกับผิวหนังลำคอ
ท่ามกลางดวงอาทิตย์อันเจิดจ้า ดอกไม้โลหิตสีแดงฉานได้สาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนใยแมงมุมน้ำแข็งระยิบระยับ
***
บันนี่บันนี่
ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นนักจัดรายการเกมอันดับหนึ่งของโลก ผู้ชมถ่ายทอดสดเคยมีตัวเลขเข้าใกล้หลัก 150,000 คนในเกือบทุกครั้ง แต่ทั้งหมดนั่นคืออดีต ปัจจุบัน บันนี่บันนี่มียอดผู้ชมเพียง 30,000 คนเท่านั้น
ในการจะกู้สถานการณ์กลับคืนมา ประการแรกต้องทำให้ผู้ชมเก่ากลับมาดูเสียก่อน เขาจำเป็นต้องถ่ายภาพเหตุการณ์ที่ดึงดูดใจคนดูมากที่สุด ยิ่งตื่นเต้นเร้าอารมณ์ได้มากเท่าไรก็ยิ่งดี
บันนี่บันนี่ใช้เส้นสายทุกทางเพื่อค้นหาแหล่งวัตถุดิบชั้นเลิศ จนกระทั่งไปสืบทราบมาว่า เจ็ดกิลด์ใหญ่กำลังรวมตัวกันบุกโจมตีเรย์ดัน
"ดีมาก เยี่ยมยอด วิดีโอคมชัด มุมถ่ายสวย"
ณ เมืองป้อมปราการแพเทรี่ยน ประตูทางออกซึ่งติดกับดินแดนตะวันตก
บันนี่บันนี่ทำการกดปุ่มเริ่มบันทึกวิดีโอถ่ายภาพสมาชิกกิลด์ยัคและกิลด์เซราฟ สองกิลด์นี้รวมกันจะมีสมาชิกประมาณ 200 คน เมื่อบันนี่บันนี่มั่นใจแล้วไม่มีใครรู้ถึงตัวตนเขา นักจัดการรายผู้นี้ก็หันไปกระซิบกระซาบกับกล้องถ่ายภาพด้วยเสียงที่เบาที่สุด
"เห็นกันไหมครับ? แม้ว่าชื่อตัวละครของทุกคนจะไม่ปรากฏเพราะกำลังสวมหน้ากาก แต่ดู้จากลักษณะภายนอก คนเหล่านี้จะต้องเป็นมาจากกิลด์ยัคและเซราฟแน่นอน ข้อมูลที่ผมได้มานั้นถูกต้องทีเดียว"
บันนี่บันนี่เริ่มเร้าอารมณ์เหตุการณ์
"โอ้! พวกเราเริ่มขยับตัวแล้ว เดี๋ยวผมจะตามถ่ายไปเรื่อยๆ จากระยะไกลนะครับ จะได้ไม่ถูกจับได้"
หากถูกพบเข้าคงไม่ดีแน่ ทั้ง 7 กิลด์ใหญ่ต่างไม่ต้องการให้คนนอกรับรู้ว่าพวกมันแอบร่วมมือกันรุกรานเรย์ดัน ทำไมน่ะหรือ? ก็สิ่งนี้น่าอับอายเกินไป... เป็นถึง 7 กิลด์ที่ยิ่งใหญ่ของซาทิสฟายแท้ๆ แต่กลับต้องร่วมมือกันเพื่อถล่มเมืองๆ เดียว
"นั่นคือหัวหน้ากิลด์ยัคนะครับ บูบัต แม้ว่าเขาจะปกปิดใบหน้า แต่ตัวตนก็ถูกมองออกได้ง่ายมาก เป็นเพราะขนาดของร่างกายอันใหญ่โตเหมือนกับวัวกระทิงนั่นเอง... หือ? ข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น?"
บันนี่บันนี่ได้ตามหลังกิลด์ทั้งสองไปในระยะที่ปลอดภัย แต่จู่ๆ พวกมันก็หยุดการเคลื่อนพล
อัศวินหลายสิบคนกำลังขวางทางสมาชิกกิลด์ทั้งสองไว้
"ว้าว… เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ? เหตุใดอัศวินถึงมาหยุดกิลด์ยัคและเซราฟไว้? มันน่าแปลกมากทีเดียว จะดีไหมถ้าผมเข้าไปถ่ายใกล้ๆ กว่านี้อีกสักหน่อย? ดีล่ะ ตกลง ผมจะยอมเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อคลายข้อสงสัยให้พวกคุณทุกคน"
บันนี่บันนี่คือนักลอบสังหารเลเวล 209 เขาใช้ทักษะพรางตัวและยังหลบซ่อนอยู่หลังที่กำบังอีกชั้นหนึ่ง ทั้งสองกิลด์จึงยังไม่มีใครสัมผัสตัวตนได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสนใจถูกดึงไปอยู่กับอัศวินตรงหน้าจนหมด
"พวกนายเป็นใครกัน? ทำไมถึงมาขวางทางเราไว้?"
"นี่มันเรื่องอะไร? หือ?"
สมาชิกกิลด์ยิงคำถามใส่กลุ่มอัศวิน แต่อัศวินทุกคนกลับนิ่งเงียบและยืนขวางทางดุจดั่งกำแพงเหล็กโดยไม่ยอมให้ใครผ่านไปได้ ลงเอยด้วย บูบัตอดรนทนไม่ไหว มันจำเป็นต้องเดินไปด้านหน้าด้วยตนเอง
"ทำไมพวกนายถึงไม่ยอมให้เราใช้ทางออกประตูนี้? ถ้าหากไม่มีเหตุผลที่น่าฟังรองรับ พวกฉันคงต้องใช้กำลังผ่าออกไป"
ทันใดนั้น
"พวกแกไม่มีสิทธิตั้งคำถามใดๆ ทั้งสิ้น!"
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีขาวได้ปรากฏตัวขึ้น ชื่อเหนือศีรษะเขียนไว้ว่า... อัชเชอร์
ผู้ปกครองสูงสุดแห่งป้อมปราการแพเทรี่ยน
'เอิร์ลอัชเชอร์...!'
เอิร์ลอัชเชอร์คือ 1 ใน 10 จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ของทวีป เหตุใดชายคนนั้นถึงกำลังขวางทางพวกเขาไว้?
เอิร์ลอัชเชอร์เป็นฝ่ายเริ่มไต่สวนสมาชิกกิลด์ทั้งสองซึ่งกำลังสับสน
"พวกแกคิดจะไปทำสิ่งใดที่ดินแดนตะวันตก?"
"มีเหตุผลอะไรที่เราต้องตอบแกด้วย?"
"เหตุผล?" อัชเชอร์พ่นลมหายใจเบาๆ
หลังจากนั้นเขาก็รวบรวมเวทย์มนต์ปริมาณมหาศาลไว้ในมือทั้งสองข้าง
"อ--อึ๋ย...!"
สีหน้าทั้งสองกิลด์พลันขาวซีด พลังกดดันที่แผ่ออกมาจากเวทย์มนต์เป็นราวกับเหล็กกล้าที่สามารถป่นกระดูกให้แหลกละเอียดได้ง่ายดาย
ดวงตาสีทองของอัชเชอร์หรี่ลงเล็กน้อย
"พวกแกต้องตอบคำถามของฉัน ส่วนเหตุผล ของแบบนั้นไม่จำเป็น เข้าใจรึเปล่า?"
"อึก...! เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น? เป็นแบบนี้ได้ยังไง?"
เหตุการณ์ไม่เป็นไปดั่งที่คิด บูบัตยังคงสับสนในสิ่งที่เกิดขึ้น ทันใดนั้น เอิร์ลอัชเชอร์ได้เพิ่มระดับโทนเสียงพร้อมกับเอ่ยปากถามอีกครั้ง
ไม่สิ เรียกว่าออกคำสั่งคงจะเหมาะกว่า
"จงบอกมา… ว่าพวกแกคิดจะไปทำสิ่งใดที่ดินแดนตะวันตก"
เอิร์ลอัชเชอร์มีลูกบอลเวทย์ติดตั้งเอาไว้อยู่ทั่วเมืองแพเทรี่ยนเพื่อเป็นหูเป็นตา ด้วยสิ่งนั้น เขาจึงได้ยินบทสนทนาของพวกมันจนหมดสิ้น อัชเชอร์รู้ดีกว่าคนพวกนี้กำลังจะไปรุกรานเรย์ดัน แต่ถึงกระนั้น เขาก็อยากลองใจด้วยการถามซึ่งหน้า
บูบัตโกหกออกไป
"พวกเราแค่จะไปล่ามอนสเตอร์..."
"ล่ามอนสเตอร์? หึหึหึ พวกแกกำลังโกหกสินะ ทำเอานึกถึงไอ้คนสับปรับในสมัยอดีตเข้าจนได้"
บุตรชายคนสำคัญของเอิร์ลอัชเชอร์กำลังเป็นตัวประกันอยู่ในเรย์ดัน เขาไม่มีทางปล่อยให้คนเหล่านี้รุกรานเรย์ดันได้แน่ เพราะนั่นอาจหมายถึงอันตรายของบลันด์ด้วย
"ฉันมีทางเลือกให้พวกแก 2 ทาง หนึ่งคือ มาทางไหนกลับไปทางนั้น ส่วนทางเลือกที่สอง กลายเป็นกระดูกถูกฝังอยู่ใต้เมืองของฉัน!"
ชิ้งงงง!
อัศวินนับสิบชักดาบออกมาถือเตรียมในท่าต่อสู้ พลธนูบนกำแพงเมืองดึงสายง้างไปด้านหลัง เอิร์ลอันเชอร์กำลังยืนอยู่ท่ามกลางทหารเหล่านี้ด้วยท่าทางองอาจ
บันนี่บันนี่พลันขนลุกซู่ในขณะที่กำลังถ่ายทอดไปพลาง ซ่อนตัวไปพลาง
'หรือว่า... เอิร์ลอัชเชอร์จะเป็นพันธมิตรกับดยุคกริด?'
หนึ่งในสิบจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ให้การช่วยเหลือผู้เล่น! นี่คือสกู๊ปข่าวที่เด็ดยิ่งกว่าเด็ด! เขามั่นใจมากว่า ถ้าหากเผยแพร่ฉากเด็ดนี้ออกไปเมื่อใด ผู้ชมจำนวนมหาศาลจะหลั่งไหลเข้ามาดูช่องของเขาแน่นอน
ตั้งใจไปยำเขา 7 กิลด์ แต่ผ่านมา 2 ตอน น่าจะไปไม่ถึงเกือบครึ่งละ
ReplyDeleteถ้ามีโอกาสได้ถ่ายชาวนารุมอัดกิลด์ใหญ่คงเป็นข่าวดังกว่านี้
ReplyDeleteใช่ๆ คนรอบตัักริดมีแต่ตำนาน และคนเก่งๆ
Deleteสนุกสนานมากมายครับ
ReplyDeleteถ้าไปเจอกับสองชาวนาในตำนานไม่เป็นข่าวระดับโลกเลยรึ555
ReplyDeleteตอนหน้าเปิดตัวชาวนาคนที่3มั่งนิ
ReplyDeleteเปิดตัวชาวนาคนที่3
ReplyDelete3ใน7กิลโดนเก็บตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นเมืองเลย
ReplyDelete