จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 229
ทั้งงานแข่งนานาชาติและสงครามไรน์ฮาร์ท กริดได้พิสูจน์แล้วว่า เขาคือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดบนเวทีระดับโลก ทว่า นับตั้งแต่เสร็จสิ้นสงครามไรน์ฮาร์ท เวลาผ่านไปแล้วกว่าสองเดือนในชีวิตจริง
กริดยังคงเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่รึไม่?
『ผมไม่คิดแบบนั้น』
『มีเหตุผลใดมารองรับครับ?』
『ศักยภาพของคลาสระดับ 3 แตกต่างจากคลาสระดับ 2 เป็นเท่าตัว ราวกับอยู่กันคนละมิติเลยทีเดียว บรรดาแร้งเกอร์ท็อป 50 ของโลกเกือบทุกคนเลื่อนเป็นคลาสระดับ 3 กันหมดแล้ว ดังนั้น ดยุคกริดที่มีจุดด้อยในด้านฝีมือควบคุม เขาจึงไม่ใช่คนพิเศษอีกต่อไป』
『เห็นด้วยครับ ดยุคกริดเอาชนะผู้เล่นคนอื่นในงานแข่งนานาชาติได้เพราะพลังของคลาสและไอเท็ม แต่ปัจจุบัน เขาสูญเสียความได้เปรียบของคลาสไปแล้ว』
『ถ้าเกิดกริดสามารถกลบจุดด้อยในด้านฝีมือการควบคุมไปได้ล่ะครับ?』
『ฮ่าฮ่า! เรื่องนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน หากมองในมุมของมืออาชีพ ดยุคกริดไม่ใช่ผู้เล่นที่มีพรสวรรค์ในฝีมือควบคุม จุดแข็งเดียวที่มีในตอนนี้คือไอเท็ม』
『และนั่นจะถูกกลบโดยฝีมือการควบคุมอันเหนือชั้นจากผู้เล่นแถวหน้าของโลก』
เมื่อข้อมูลของคลาสระดับ 3 ถูกทยอยเผยออกมาเรื่อยๆ บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างก็เริ่มวิจารณ์ถึงกริด แรกเริ่มเดิมที ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าก็ไม่ใช่คลาสสายต่อสู้แต่อย่างใด บรรดานักวิเคราะห์จึงคาดกันว่า แร้งเกอร์คลาสระดับ 3 ชั้นแนวหน้าจึงน่าจะมีฝีมือการต่อสู้ก้าวข้ามกริดไปแล้ว
และในงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติที่จะมีขึ้นในอีก 9 เดือนข้างหน้า กริดคงไม่มีทางคว้าชัยนะได้อีกแม้แต่รายการเดียว
『อ๊า... แฟนของดยุคกริดอย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะครับ ผมไม่ได้พูดถึงกริดในแง่ร้าย เขาคือผู้นำที่ยอดเยี่ยมซึ่งสามารถฮุบรวบกิลด์เซดาก้าไว้ได้ แถมยังมีผู้เล่นพรสวรรค์สูงที่น่าจับตามองอย่างฮิวรอย ลอเอล ยูเฟอมิน่า และรูบี้』
『เป็นที่รู้กันว่า ความสามารถในการตีเหล็กของดยุคกริดน้ันยากจะหาใครทัดเทียม แต่พวกเรากำลังพูดถึงฝีมือในการต่อสู้ ผมจึงจำเป็นต้องวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมา』
อันที่จริง บรรดาผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์นั้นไม่ค่อยจะชอบขี้หน้ากริดสักเท่าใด เป็นเพราะกริด พวกมันจึงเสียหน้าอย่างหนักในงานแข่งนานาชาติ จนต้องอับอายไปหลายวัน
'หากยุคสมัยของกริดจบลงโดยเร็วก็คงจะดี'
'ไม่อยากพูดอะไรเกี่ยวกับกริดอีกแล้ว เราอับอายทุกครั้งที่ผลมันออกมาตรงกันข้าม'
สิ่งที่พวกเขาต้องการจะมีวันเกิดขึ้นไหมนะ?
***
"ชูร่าชาร์จ!"
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!
หลังจากเปลี่ยนคลาสเป็นอาชูร่า พลังต่อสู้ของเรกัสเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณจากสมัยนักสู้ ศัตรูจะถูกบดขยี้ด้วยกำปั้นและลูกเตะที่คาดเดาทิศทางไม่ได้ เขาสามารถยึดครองสนามรบด้วยคอมโบทักษะธาตุสายฟ้าและธาตุมืด ภาพของการล้มหนอนยักษ์ 4 ตัวพร้อมกันช่างน่าตื่นตะลึงสำหรับผู้พบเห็น
'เขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อครั้งที่ดวลกับเราเสียอีก เรกัสปรับตัวเข้ากับคลาสใหม่ได้แล้วงั้นหรือ?'
"ไม่มีใครเรียกเรกัสว่าเทควอนมาสเตอร์อีกแล้ว อีกไม่ช้าก็เร็ว ทุกคนจะต้องเรียกเขาว่าเทพสงคราม"
"ถูกต้อง"
ในขณะที่กริดและลอเอลกำลังชื่นชม อัศวินหอกผู้หนึ่งซึ่งมีสัตว์ขี่เป็นอูฐได้เริ่มเคลื่อนไหวบ้าง
ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก!
บึ้มมม!
กี๊~!
อัศวินหอกจะมีพลังโจมตีเพิ่มขึ้นเมื่ออยู่บน <สัตว์ขี่> ไม่ว่าจะเป็นม้าหรือมอนสเตอร์ชนิดใดก็ตาม ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าช่างน่าดูชม แม้กระทั่งหนอนยักษ์อันดุร้ายของดินแดนตะวันตกก็ยังไม่อาจต้านทานต่อคมหอกที่หนักหน่วงได้ แต่ถึงกระนั้น สมาชิกโอเวอร์เกียร์ก็ยังไม่เก่งกาจพอจะล้มมอนสเตอร์ทะเลทรายได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว นอกเสียจาก พวกเขาจะมีชื่อว่ากริด
ป็อนกำลังรับมืออยู่กับหนอนยักษ์ 5 ตัวพร้อมกัน เขากำลังเดือดร้อนไหมน่ะหรือ? ไม่เลย
"หอกแก็ตลิ่ง!"
ฉึก! ฉึกฉึกฉึก!!
หอกความเร็วเสียงได้พุ่งแทงไปด้านหน้าเป็นวงกว้าง ขอบเขตการโจมตีมีรูปทรงเป็นสามเหลี่ยมคล้ายกับใบพัดที่คลี่ออก หลังจากนั้นไม่นาน หนอนยักษ์ทั้งห้าตัวก็สิ้นสภาพและกลายเป็นแสงสีเทา
'เยี่ยมมาก'
หอกแก็ตลิ่งมีความรุนแรงในระดับเดียวกับวิชาดาบแพ็กม่า <สังหาร> แต่จะต่างกันตรงที่ หอกแก็ตลิ่งนั้นสามารถโจมตีโดนเป้าหมายได้หลายตัว แต่สังหารนั้นใช้ได้กับเป้าหมายเดียว กริดพลันเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมทันที
'ตัวเรานั้นมีแต้มสถานะสูงกว่าป็อน แถม <ความผิดพลาด> ของเราก็ยังมีคุณภาพดีกว่าอาวุธของป็อนมาก...'
ความแตกต่างในทักษะติดตัวนั้นเห็นผลอย่างชัดเจน คลาสสายต่อสู้โดยตรงย่อมมีทักษะความชำนาญอาวุธ ที่จะยิ่งเพิ่มอานุภาพทำลายล้างเมื่อสวมใส่อาวุธถูกชนิด ในขณะที่กริดมีข้อจำกัด เขาพึ่งพาได้เพียงทักษะติดตัวจากวิชาดาบแพ็กม่าเท่านั้น
[ วิชาดาบแพ็กม่าโหมดปรกติ เลเวล 2 (89.9%)]
ท่านสามารถเป็นหนึ่งเดียวกับดาบได้ทุกเมื่อ
_______
* พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 30%
* อัตราคริติคอลเพิ่มขึ้น 20%
* ความรุนแรงคริติคอลเพิ่มขึ้น 10%
* มีผลเฉพาะตอนที่สวมใส่อาวุธประเภทดาบ
* ทักษะนี้ไม่ใช้มานา
[ วิชาดาบแพ็กม่าโหมดกระบวนดาบ เลเวล 2 (89.9%)]
ท่านจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับดาบ
ทักษะที่เปิดใช้งาน :
- คลื่น
- หน่วง
- ร่ายรำ
- สังหาร
- มายา
_______
* ผลของวิชาดาบแพ็กม่าในโหมดปรกติจะหายไป
* ใช้มานา 20 หน่วยในการเปิดใช้โหมดกระบวนดาบ
* หลังจากปิดใช้งาน จะมีระยะหน่วง 10 วินาทีก่อนจะเปิดใช้งานได้อีกครั้ง
* การปิดใช้งานไม่เสียมานา
วิชาดาบแพ็กม่ามีจุดบอดใหญ่หลวงอยู่ ผลของทักษะติดตัวจะหายไปเมื่อทำการใช้โหมดกระบวนดาบ เอฟเฟคที่จะเพิ่มพลังโจมตี 30% อัตราคริติคอล 20% และความรุนแรงคริติคอลอีก 10% จะไม่ส่งผลกับทักษะสำคัญอย่าง สังหาร และ ร่ายรำ
'ทักษะติดตัวของเราจะมีผลกับการโจมตีธรรมดาเท่านั้น… นี่คือขีดจำกัดของผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าสินะ'
แต่กริดก็ไม่ได้เก็บมาคิดเป็นกังวลมากนัก ตรงกันข้าม เขากลับเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
'ณ ตอนนี้ ทั้งเรกัสและป็อนดูเหมือนจะเข้าใกล้เรามากแล้วก็จริง ทว่า นั่นจะเป็นเพียงระยะเวลาครู่เดียวเท่านั้น ความต่างชั้นจะเผยออกมาอีกครั้งเมื่อเลเวลของเราไปถึงระดับ 300'
มีใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่า <เลเวลคือทุกสิ่ง> คำพูดนั้นยังคงใช้ได้ดีในซาทิสฟาย
แต้มสถานะจำนวน 10 แต้มจะได้รับเมื่ออัพเลเวล1ครั้ง ยิ่งค่าสถานะมากขึ้น ตัวละครของผู้เล่นก็ยิ่งเก่งตามไปด้วย
ไม่ใช่แค่เรื่องไอเท็มสวมใส่และทักษะที่มีระดับมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงระบบลับของเกม
ตัวอย่างเช่น ค่าพละกำลัง ผู้เล่นเลเวล 200 จะเพิ่มพลังโจมตี 0.3 หน่วย พลังชีวิต 7 หน่วย และการแบกน้ำหนัก 40 หน่วยต่อ 1 ค่าพละกำลังที่มี แต่ผู้เล่นเลเวล 300 นั้นต่างออกไป พวกเขาจะได้พลังโจมตี 0.4 หน่วย พลังชีวิต 9 หน่วย และการแบกน้ำหนัก 50 หน่วยต่อ 1 ค่าพละกำลังที่มี
ดังนั้น เอฟเฟคลับของแต้มสถานะจะส่งผลในทุกๆ 100 เลเวล นี่คือระบบลับที่เรียกว่า <การตื่นของค่าสถานะ> กริดผู้ซึ่งมีเลเวล 275 นั้นมีค่าสถานะโดยรวมที่สูงกว่าผู้เล่นเลเวล 300 ทุกคนในกิลด์โอเวอร์เกียร์ หากดูจากค่าสถานะเพียงอย่างเดียว กริดจะดูเหมือนกับผู้เล่นที่มีเลเวลสูงถึง 380
กริดผ่านเรื่องราวมาจากมาย ทั้งเลเวลติดลบ ได้รับสมญานามพิเศษ และการสร้างไอเท็มขึ้นอีกนับไม่ถ้วน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากกริดเลเวลอัพถึง 300 และค่าสถานะตื่นขึ้นอีกครั้ง?
'ความแตกต่างของทักษะติดตัวจะสร้างข้อแตกต่างได้แค่ช่วงนี้เท่านั้น'
ขุมพลังของกริดมาจากค่าสถานะที่ผิดมนุษย์ กริดตระหนักถึงสิ่งนี้ได้ดีกว่าใคร เขาจึงไม่จำเป็นต้องระแวงการเติบโตของผู้เล่นคนอื่น
'หากเราสร้างเซ็ตกริดได้ครบทุกชิ้นเมื่อใด...'
เขาจะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
"ฮุฮุฮุ..."
'เกิดอะไรขึ้น?'
เสียงหัวเราะอันชวนขนหัวลุกของกริดทำให้ลอเอลสั่นกลัว เป็นความรู้สึกราวกับได้เผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ครึ่งอสูรอันโหดเหี้ยม
ในเวลาเดียวกัน ฮิวรอยพลันตะโกนขึ้น
"นายท่าน! พบบาซิลิสก์ทั้งหมด 7 ตัว! ระยะทาง 800 เมตรทางทิศใต้!"
สมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างพากันเผยสีหน้าตึงเครียด
"บาซิลิสก์เจ็ดตัวเชียวรึ?"
"พวกเราคงต้องเลี่ยงมัน"
มอนสเตอร์ในดินแดนตะวันตกนั้นเกิดใหม่ในอัตราที่รวดเร็วผิดปรกติ หากต้องพัวพันกับการต่อสู้ในจุดใดจุดหนึ่งเป็นเวลานาน พวกเขาคงถูกมอนสเตอร์ตัวอื่นล้อมกรอบเอาแน่นอน บาซิลิสก์คือหนึ่งในมอนสเตอร์ที่ดุร้ายที่สุดของดินแดนตะวันตกแล้ว หากต้องรับมือ 7 ตัวพร้อมกัน นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่
"มีภูเขาลูกเล็กๆ อยู่ทางทิศตะวันตก แม้จะต้องเสียเวลาเพิ่มขึ้นไปบ้าง แต่พวกเราก็ต้องเลี่ยงการปะทะ"
"ฉันไม่เห็นด้วย" กริดปัดตกข้อเสนอของลอเอลและกำความผิดพลาดในมือแน่น
"ฉันไม่ได้ออกล่ามา 131 วันแล้ว จะขอใช้โอกาสนี้เพิ่มค่าประสบการณ์บ้างก็แล้วกัน"
ทะเลทรายจัดเป็นพื้นผิวที่ไม่พึงประสงค์ของทุกคน ทุกครั้งที่ทำการเคลื่อนไหว เท้าของพวกเขาจะจมลงไปในทราย ทำให้เกิดข้อจำกัดขึ้นมากมายในการใช้ทักษะแต่ละคน บรรดาสมาชิกโอเวอร์เกียร์นั้นช่ำชองในการต่อสู้เป็นอย่างดี พวกเขาจึงสามารถปรับตัวกับทะเลทรายได้รวดเร็ว
ทว่า แล้วกริดล่ะ?
พวกเขาล้วนเป็นกังวล ฝีมือในการควบคุมของกริดค่อนข้างเป็นปัญหา บางที กริดอาจแสดงพลังได้ไม่เต็มที่บนฝืนทราย สมาชิกโอเวอร์เกียร์จึงมีความคิดที่ว่า ทุกคนจะช่วยเคลียทางให้กริดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงที่หมาย
แต่ความจริงคืออะไรรู้ไหม?
ซวบ… ซวบ...
กริดที่กำลังสวมรองเท้าหนักได้เดินบนผืนทรายราวกับมันเป็นพื้นเรียบ แม้กระทั่งการเร่งความเร็วเพื่อวิ่งก็ยังทำได้อย่างไร้ที่ติ ทั้งหมดเป็นผลพวงมาจากคำชี้แนะของปิอาโร่
"หือ...?"
"เกิดอะไรขึ้นกับกริด...?"
สมาชิกโอเวอร์เกียร์ล้วนไม่เชื่อสายตา
กี๊~~!
บาซิลิสก์ตัวหนึ่งสัมผัสได้ว่ามีมนุษย์ย่างกรายเข้ามาใกล้ มันอ้าปากกว้างพร้อมกับปล่อยลำแสงคำสาปหินอันทรงพลังออกมา นี่คือทักษะที่ยากจะรับมือ เป็นเพราะขอบเขตของมันมีขนาดกว้างใหญ่เกินไป และความเร็วของแสงไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะตอบโต้ทัน
พวกเขาคาดว่า กริดน่าจะได้รับความเสียหายไปไม่น้อย กริดยังขาดฝีมือการควบคุมที่ดีและมักเป็นกระสอบทรายของศัตรูอยู่เสมอ และครั้งนี้ก็คงจะหมือนกับทุกที
ทว่า
"คิดว่าฉันเคยสู้กับพวกแกมาแค่ตัวสองตัวรึไง?"
ระยะทางระหว่างแพเที่ยนมายังเรย์ดัน กริดถูกชี้แนะโดยปิอาโร่และจัดการกับบาซิลิสก์มานับไม่ถ้วน เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น กริดกะเวลาเพื่อที่จะใช้วิชาดาบแพ็กม่า คลื่น ออกไปในจังหวะสมบูรณ์แบบเพื่อสลายลำแสงคำสาปหินนั้น
ถัดมาเป็นการพุ่งเข้าใส่บาซิลิสก์ที่เชื่องช้า ชายหนุ่มใช้โทสะช่างตีเหล็กและเสียบดาบเข้าไปยังจุดอ่อนของมันคือดวงตา
กี๊~~~~!!
บาซิลิสก์ร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด ทันใดนั้น อีกหกตัวที่เหลือซึ่งล้อมกริดไว้ได้สะบัดหางพร้อมกัน
"นายท่าน!"
"กริด!"
พวกเขาล้วนหน้าซีดเผือด หากถูกบาซิลิสก์ทั้งหกตัวโจมตีเข้าพร้อมกันเช่นนี้ กริดก็กริดเถอะ เขาคงไม่มีทางรอดแน่ ทว่า เรื่องนั้นยังห่างไกลความจริง ชายหนุ่มโยกตัวหลบหางทั้งสี่ที่ฟาดมาจากด้านหน้า และทำการปัดป้องหางทั้งสองที่เหลือด้วยพาเฟรเนี่ยม
เคร้งง!
กี๊?
บรรดาบาซิลิสก์ต่างงงงวยกับวัตถุสีทองที่มาบล็อคการโจมตีของพวกมันไว้ มอนสเตอร์ทะเลทรายเหล่านี้รับรู้ได้ถึงอันตราย เป็นเพราะมีดวงตาสีดำอำมหิตคู่หนึ่งกำลังฉายแสงเจิดจ้าระหว่างช่องว่างของมีดสีทอง นี่คือดวงตาที่กำลังจดจ้องราวพวกมัน บาซิลิสก์ เป็นเหยื่ออันโอชะของชายผู้นี้
หนึ่งในจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารของทะเลทรายกำลังเป็นเหยื่อของใครสักคนงั้นหรือ? มนุษย์คนนี้อันตรายเกินไป บรรดาบาซิลิสก์พลันหวาดกลัวจากก้นบึ้ง
"ตัวแรก..."
กริดย่างสามขุมเข้าไปหาบาซิลิสก์ตัวแรกที่เขาได้ทำการโจมตีไปแล้ว
ซวบ!
รองเท้ากริดอันหนักหน่วงส่งผลให้การวิ่งบนทรายเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากนั้น ดาบใหญ่ในมือของชายหนุ่มที่มีพลังทำลายมากขึ้นกว่าแต่ก่อน บัดนี้ได้เสียบเข้าไปในบาดแผลบนดวงตาซึ่งถูกโจมตีไปก่อนหน้าแล้วหนึ่งหน ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เขายังโยกตัวหลบจากโจมตีสวนกลับ และทำการใช้วิชาดาบแพ็กม่าต่อเนื่องทันที
กริดใช้แรงหมุนของการบิดตัวเป็นเครื่องส่งให้ปลายดาบใหญ่พุ่งแทงเข้าไปอย่างหนักหน่วง
"สังหาร!"
เปรี้ยงงง!
ดาบใหญ่สีน้ำเงินที่ดูคล้ายกับผู้ล่าแห่งท้องทะเลได้เสียบทะลุกะโหลกของบาซิลิสก์ตัวแรกไป
ฟู่ววว!
หนึ่งในเจ็ดบาซิลิสก์กลายเป็นแสงสีเทา บรรดาสมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่ยืนมองต่างทำได้เพียงอ้าปากค้างไม่ยอมหุบ
"นั่นใช่กริดจริงหรือ?"
ทักษะที่กริดแสดงออกมาเมื่อครู่นั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าโดดเด่นจนถึงกับต้องสรรเสริญ แร้งเกอร์แถวหน้าล้วนทำแบบนี้ได้ทุกคน ทว่า ต้องอย่าลืมว่ากริดเป็นใครกัน? เขาถูกผู้คนทั้งโลกเย้ยหยันว่าไร้ซึ่งฝีมือในการควบคุม ชายผู้ที่ถูกตราหน้าว่าไร้พรสวรรค์การต่อสู้มาโดยตลอด
เขาสามารถก้าวข้ามจุดอ่อนได้ด้วยตนเอง
'กริดฝึกฝนอย่างหนักอยู่เสมอในยามที่พวกเราไม่ได้จับตามอง'
'เขาต้องทุ่มเทขนาดไหนกันนะ?'
'สมกับเป็นนายท่าน! เราภาคภูมิใจในตัวเขามาก!'
"เดี๋ยวก่อน... นี่พวกนายคิดจะยืนดูเฉยๆ รึไง? อ๊าากกกก!"
"..."
ในขณะที่ทุกคนกำลังขนลุกซู่ ร่างของกริดก็ชุ่มไปด้วยเลือดจากฝีมือของบาซิลิสก์ที่เหลือทั้งหกไปเรียบร้อยแล้ว ในหน้าต่างปาร์ตี้ หลอดพลังชีวิตของกริดลดลงอย่างน่าใจหาย สมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างแตกตื่น บ้างก็รีบพุ่งเข้าไปช่วยอย่างรวดเร็ว
อีกฝั่งหนึ่ง ปิอาโร่ที่ยืนดูตั้งแต่ต้นจนจบได้แต่ส่ายศีรษะ
"คิดแล้วไม่มีผิด... เขาคงพัฒนาไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว"
เมื่อแวนเนอร์ได้ยินคำพูดของปิอาโร่ เขาจึงส่ายหัวบ้าง
'ชาวนาคนนี้เองก็ไม่ปรกติเหมือนกันสินะ'
ถถถ นึกว่าจนเท่จนจบ
ReplyDeleteรอให้กริดฟัดกับแรนดี้ก่อนเถอะ
ReplyDeleteสนุกมากมายครับ
ReplyDeleteถึงกับเลือดอาบ
ReplyDeleteคนเดียวที่จะฝึกกริด ได้คงมีแต่ตัวแพรม่า สินะ
ReplyDelete