จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 236



       กริดและชาวโอเวอร์เกียร์กลับมาถึงเรย์ดัน

       ทั้งหมดใช้เวลา 4 วัน  ซึ่งถือว่านานกว่าแผนที่ได้วางไว้ในตอนแรกถึง 2 เท่า

       แร็บบิทออกมาต้อนรับทุกคน

       "กระผมเป็นกังวัลเนื่องจากท่านกลับมาช้ากว่ากำหนด"

       แวนเนอร์บ่นอุบอิบ

       "นั่นคือส่วนหนึ่งของการฝึก  พวกเราปราบมอนสเตอร์ไปมากมายระหว่างทางทั้งขาไปและขากลับ"

       กริดยิ้มให้กับการบ่นของเขา

       "พวกเราแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก"

       นั่นคือเรื่องจริง

       4 วันที่ผ่านมา  พวกเขาออกล่าอย่างต่อเนื่อง  รวมไปถึงการต่อสู้กับร่างโคลนด้วย  ทุกคนพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด  ไม่ใช่เพียงแค่เลเวลหรือไอเท็มเท่านั้น  แต่รวมไปถึงฝีมือการควบคุมและทีมเวิร์คการสอดประสานระหว่างกัน  ทั้งหมดมาจากการชี้แนะของปิอาโร่  ผู้ซึ่งเป็นจ้าวแห่งกลยุทธและนักดาบผู้ยิ่งใหญ่

       แร็บบิทตอบกลับอย่างเย็นชา

       "ในอนาคต  ได้โปรดทำตามกำหนดเวลาที่วางเอาไว้ด้วย  มันคงเกิดผลเสียแน่  ถ้าหากแผนที่วางไว้ต้องคลาดเคลื่อนไป"

       กริดรับฟังแต่โดยดี  คำของพูดของแร็บบิทไม่มีสิ่งใดที่ผิด  ทั้งเขาและสมาชิกโอเวอร์เกียร์ล้วนเป็นคนสำคัญของเรย์ดัน  คงเกิดปัญหาตามมาแน่  ถ้าหากสิ่งต่างๆ ต้องเลื่อนออกไปเพราะความไม่ตรงต่อเวลา  

       กริดจำใส่ใจ

       "คราวหน้าฉันจะระวังนะ"

       'หืม… เขาเติบโตขึ้นอีกแล้วงั้นหรือ?'

       แร็บบิทอมยิ้มให้กับกริดที่โตวันโตคืน

       "ช่างเถอะ  กระผมดีใจที่ท่านกลับมาอย่างปลอดภัย  แล้วผลของการสำรวจเป็นยังไงบ้าง?"

       มีเหมืองแร่ซ่อนอยู่ในภูเขาอัลซาร์จริงไหม?

       ถ้าหากมี  แล้วแร่ด้านในใช่มิธริลสีเหลืองตามที่ล่ำลือรึเปล่า?  แร็บบิทเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง  

       และกริดก็ไม่ทำให้ผิดหวัง

       "ยึดเหมืองแร่ไว้ได้แล้ว  เป็นอย่างที่นายคาดเดา  เหมืองแร่แห่งนี้เต็มไปด้วยมิธริลสีเหลือง"

       "โอ้...!"

       มิธริลสีเหลืองปรากฏอยู่แค่เพียงในตำนานการแปรธาตุราวร้อยปีก่อน  ไม่มีใครในยุคสมัยปัจจุบันที่เคยเห็นมิธริลสีเหลืองกับตา  แต่ในปัจจุบัน  เรย์ดันสามารถผูกขาดมิธริลสีเหลืองไว้แต่เพียงผู้เดียว  นี่คือความสำเร็จที่แม้แต่จักรวรรดิ  อาณาจักรที่มีดินแดนกว้างใหญ่เกินกว่าครึ่งของทวีป  ก็ยังไม่เคยทำได้มาก่อน

       แรงกระเพื่อมคราวนี้จะพลิกหน้าประวัติศาสตร์ในอนาคตอย่างใหญ่หลวง

       "ยอดเยี่ยมมาก  อนาคตของเรย์ดันจะต้องสดใสแน่นอน"

       นั่นไม่ใช่คำโอ้อวดเกินจริง  เรย์ดันจะกลายเป็นเมืองเดียวในทวีปที่สามารถใช้งานโรงแปรธาตุได้  และนั่นจะยิ่งทวีความยิ่งใหญ่ขึ้นอีกหลายเท่าเมื่อนำการแปรธาตุมาผสานเข้ากับช่างตีเหล็กในตำนาน

       มันจะลงเอยด้วย  เรย์ดันกลายเป็นทาลิม่าแห่งโลกมนุษย์
       
       "ถ้าเช่นนั้น  รีบไปยังห้องประชุมกันเถอะ  พวกเราจำเป็นต้องหารือถึงแผนพัฒนาเหมืองและโรงแปรธาตุ"  แร็บบิทกล่าวอย่างตื่นเต้น  

       กริดเพียงส่ายศีรษะเบาๆ

       "ฉันไม่ดีกว่า  นายตัดสินใจเรื่องนั้นกับสมาชิกโอเวอร์เกียร์ได้เลย"

       "เข้าใจแล้ว"

       แร็บบิทรู้เป็นอย่างดีว่า  กริดคงไม่สนใจงานบริหารเมืองสักเท่าใดนัก  เขากลับยิ่งรู้สึกดีมากขึ้น  เมื่อผู้เป็นนายให้ความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างเต็มที่ขนาดนี้  

       ไฟการบริหารบ้านเมืองของแร็บบิทพลันลุกโชน

       'กระผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เราสองคนมั่งคั่งที่สุด'

       แร็บบิทผู้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจได้เดินทางไปยังห้องประชุมพร้อมสมาชิกโอเวอร์เกียร์  

       เหลือเพียงหญิงสาวตัวเล็กทรงผมทวินเทลคนหนึ่งกำลังยืนอยู่กับกริดตามลำพัง  

       เธอคือยูเฟอมิน่า

       "ดูเหมือนนายจะทำหน้าที่ได้อย่างไร้ที่ติเลยนะ  ดีใจกับนายด้วย"

       ยูเฟอนิม่ากำลังเหน็ดเหนื่อย  ก็แน่ล่ะ  เธอทำงานหนักกว่าใครโดยไม่ได้หยุดพักเลยนับตั้งแต่กลับมาจากฟรอนเทียร์พร้อมแร็บบิท

       "แล้วนายเรียกฉันมาทำไม?  มีอะไรให้ทำอีกแล้วสินะ?"

       เป็นคำพูดที่ตรงประเด็นชัดเจน  เธอดูราวกับกำลังหงุดหงิดและอยากซัดหน้าเขาสักหมัด

       กริดได้พูดสิ่งที่ไม่น่าเชื่อออกมา

       "ถึงเวลาที่เธอควรได้พักแล้ว"

       "...หือ?"

       ดวงตาของยูเฟอมิน่าลุกวาว  เธอไม่ค่อยเข้าใจกับคำพูดที่ไม่คาดคิดจากกริดเท่าใดนัก

       "ฉันรู้ดีกว่าเธอทำงานหนักกว่าใครตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา  นับตั้งแต่เข้ากิลด์  เธอมีผลงานโดดเด่นกว่าคนอื่นมาโดยตลอด  ถึงเวลาไปพักผ่อนและนอนหลับให้เต็มอิ่มแล้ว  เธอยังสามารถออกไปเก็บเลเวลที่ไม่ได้ทำมานานได้ตามสบายด้วย"

       "นั่นมันดีแล้วรึไง?"

       เรย์ดันยังคงขาดสิ่งต่างๆ อีกมากมายในฐานะเมืองใหญ่  ด้วยสถานการณ์เช่นนี้  มันจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่ด้วยถ้าหากตัวเอกอย่างยูเฟอมิน่าไม่อยู่  

       กริดอมยิ้มเล็กน้อยให้กับความลังเลใจของเธอ

       "ดีแล้วล่ะ  เรย์ดันมาถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะเธอทำงานหนัก  ในตอนนี้  แรงงานเชี่ยวชาญจากทุกสาขาถูกฝึกฝนขึ้นมาทดแสนแล้ว  ดังนั้น  เธอไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้นัก"

       "กริด..."

       หัวใจยูเฟอมิน่าพลันเต้นโครมคราม

       หากย้อนความตั้งแต่อดีต  นี่คือครั้งแรกที่กริดใจดีกับเธอมากขนาดนี้  เมื่อก่อนหน้า  เขาเอาแต่เย็นชาใส่  การเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของกริดราวกับสวรรค์ได้ตอบแทนการทำงานหนักที่ผ่านมา

       ทว่า  บรรยากาศดีๆ มักอยู่ได้ไม่นาน

       "ฉันแนะนำให้เธอไปล่ามอนสเตอร์แถวๆ อาณาจักรไซเรน  ระหว่างนั้น  หากมีโอกาสก็ช่วยรวบรวมน้ำตาของกษัตริย์แห่งเผ่าวารีมาด้วย"

       "..."

       นี่คือวินาทีที่ความต้องการที่แท้จริงของกริดถูกเผยออกมา  

       สีหน้าของยูเฟอมิน่าพลันเย็นยะเยียบ

       "นายตั้งใจจะให้ฉันไปที่อาณาจักรไซเรนเพื่อรวบรวมน้ำตาของกษัตริย์แห่งเผ่าวารีแต่แรกแล้วใช่ไหม?"

       เอฟเฟคของน้ำตากษัตริย์เผ่าวารีนั้นยากจะหาสิ่งใดเทียบ  มันคือวัตถุดิบหายากที่จะส่งผลให้ไอเท็มสามารถฝังเวทย์มนต์ลงไปได้  แต่แน่นอนว่า  ระดับความหายากของมันก็มีสูงสุดเช่นกัน  

       กริดแอบมอบหมายภาระหน้าที่ให้เธอโดยอ้างการพักผ่อนบังหน้า

       'เราจะถูกกดหัวใช้งานแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน?'

       ยูเฟอมิน่าได้แต่ถอนหายใจ  เดิมที  ทุกที่ที่เธอย่างกรายไป  ยูเฟอมิน่าจะกลายเป็นดั่งเจ้าหญิงในสายตาผู้อื่นเสมอ  แต่ปัจจุบัน  ดูเหมือนเธอจะเป็นได้เพียงทาสรับใช้ในสายตากริด  เธอเริ่มเคลือบแคลงว่า  การเข้าร่วมกิลด์โอเวอร์เกียร์  เป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้วจริงหรือ?  

       แต่ทันใดนั้น  กริดก็ยื่นไอเท็มชิ้นหนึ่งให้กับยูเฟอมิน่า  มันไม่ใช่ทั้งชุดคลุมหรือผ้าคลุม  แต่เป็นเสื้อคลุมหัวตามแฟร์ชั่นของยุคสมัยใหม่

       "นี่คืออะไร?"  ยูเฟอมิน่างุนงงกับไอเท็มที่ไม่คุ้นเคย  เธอจึงเอ่ยปากถามกริด

       "ของขวัญ"

       "อะไรนะ...?"

       ยูเฟอมิน่าไม่ได้ประทับใจอะไรนัก  <เสื้อคลุมหัวแบบมีซิป>  สำหรับเธอมันก็คงเป็นเพียงเครื่องประดับทั่วไป  

       แต่ทันทีที่ตรวจสอบรายละเอียด  เธอกลับตกตะลึงพร้อมอ้าปากค้างไม่ยอมหุบ

       "ผ--ผ้าคลุมล่องหน?"

       ราว 200 ปีก่อน  ช่างตัดเย็บในตำนานนามว่าครูเกอร์ได้สร้างผ้าคลุมล่องหนขึ้นมาทั้งหมด 5 ผืน  แต่มีเพียง 2 ใน 5 ผืนเท่านั้นที่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีอยู่จริง  

       แต่ในบรรดาผู้เล่น  ไม่มีใครรู้ว่าจะได้มันมาครอบครองอย่างไร  

       ผ้าคลุมล่องหนคือไอเท็มที่มีค่าและหายากอย่างแท้จริง  ยูเฟอมิน่าพลันสั่นระริกทันทีที่ได้รับมันเป็นของขวัญ

       "ฉันจะไปอาณาจักรไซเรนให้เอง!"

       เป็นอีกครั้งที่ยูเฟอมิน่ารู้สึกว่า  โชคดีเหลือเกินที่ได้เข้ากิลด์โอเวอร์เกียร์  กริดพลันอมยิ้มเมื่อได้เห็นเธอมีความสุข

       ผู้ให้และผู้รับ  ความสุขของพวกพ้องคือความสุขของตนเอง  การพัฒนาของพวกพ้องคือการพัฒนาของตนเอง

       กริดคิดเช่นนั้น

       ***

       ณ โรงตีเหล็กเรย์ดัน

       กริดเปิดกระเป๋าและนำ <ร่างโคลนแห่งป่าลึกลับ> ออกมา

       ตุ้บ

       ของเหลวที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับโลหะละลายได้แผ่กระจายออกบนพื้น  

       กริดหยิบค้อนตีเหล็กออกมา

       'ต้องซ่อมเธอให้ได้'

       ในไดอารี่ของเวนดี้  แพ็กม่าสามารถซ่อมแซมร่างโคลน  ดังนั้น  ตัวเขาที่เป็นผู้สืบทอดแพ็กม่าก็ควรจะทำได้เช่นกัน  กริดไม่เคลือบแคลงในเรื่องนั้น  เขาเริ่มลงมือซ่อมร่างโคลนด้วยทักษะ <การซ่อมแซมของช่างตีเหล็กในตำนาน  เลเวล 3>

       เคร้ง!  เคร้ง!

       ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะซ่อมร่างโคลน  เขาไม่เคยรู้วิธีซ่อมมันมาก่อน  และไม่เคยรู้จักโครงสร้างมาก่อนเช่นกัน

       ไม่มีทางเลือก  ต้องศึกษาด้วยตนเองเท่านั้น  กริดเชื่อมั่นในฝีมือของตนยิ่งกว่าใคร  ไม่สิ  จะกล่าวให้ถูกคือ  เขาเชื่อมั่นในทักษะการซ่อมแซมของช่างตีเหล็กในตำนานเหนือสิ่งอื่นใด  

       ระบบของเกมจะต้องช่วยนำทางให้เขาได้แน่

       หนึ่งชั่วโมงถัดมา

       ในที่สุด  กริดก็หาแก่นของร่างโคลนพบและเริ่มทุบค้อน

[ ค่าความชำนาญของท่านเพิ่มขึ้น 5 แต้ม ]
[ ค่าความพากเพียรของท่านเพิ่มขึ้น 3 แต้ม ] 

[ ทักษะ <การซ่อมแซมของช่างตีเหล็กในตำนาน> กลายเป็นเลเวล 4 ]

[ <ร่างโคลนแห่งป่าลึกลับ> ถูกฟื้นฟูสำเร็จ! ]

       ข้อความระบบที่น่ายินดีได้แสดงขึ้น  เป็นเวลาเดียวกับที่ร่างโคลนเริ่มขยับตัว  ในยามนี้มันมีรูปลักษณ์เหมือนกับสไลม์  

       กริดตรวจสอบหน้าต่างรายละเอียดของมัน

ชื่อ : ยังไม่ได้ตั้ง
สายพันธุ์ : ร่างโคลน
เลเวล : 1 (0/200)
ความสนิทสนม : 0/100
พลังชีวิต : 1,200/1,200
พลังโจมตี : 15
พลังโจมตีเวทย์มนต์ : 2
พลังป้องกัน : 30
พลังป้องกันเวทย์มนต์ : 6
ธาตุ : ไร้ธาตุ
สถานะ : สับสน
(เราเป็นใคร...?)
_______
       ร่างโคลนที่อยู่ในป่าลึกลับมานานเกินกว่า 150 ปี  มันมีสติปัญญาและความเข้าใจในด้านมนุษย์สัมพันธ์  แถมยังมีประสบการณ์ต่อสู้อยู่มากมาย
       เหนือสิ่งอื่นใด  มันมีพลังในการคัดลอกรูปร่างและทักษะของช่างตีเหล็กในตำนานอย่างแพ็กม่า  ดังนั้น  มันจึงเทียบไม่ได้เลยกับร่างโคลนทั่วไป

[ รายการทักษะปัจจุบัน ]

[ คัดลอก  เลเวล 10 (ระดับสูงสุด) ]
* สามารถคัดลอกรูปลักษณ์เป้าหมายที่มีเลเวลต่ำกว่าได้อย่างสมบูรณ์แบบ
* ค่าสถานะที่คัดลอกจะเป็น 80% ของเป้าหมาย
* สามารถคัดลอกทักษะมาได้เพียงบางชนิดเท่านั้น (สุ่ม)
_______
* สามารถคัดลอกรูปลักษณ์เป้าหมายที่มีเลเวลสูงกว่าได้อย่างสมบูรณ์แบบ
* ค่าสถานะที่คัดลอกจะเป็น 30% ของเป้าหมาย
* สามารถคัดลอกทักษะมาได้เพียงสองถึงสามชนิดเท่านั้น (สุ่ม)

[ ความสามารถในการสื่อสาร  เลเวล 1 ]
       มีความสามารถในการสื่อสารเทียบเท่ากับเด็กอายุ 5 ขวบ

[ กึ่งอมตะ (ติดตัว) ]
       จะมีแก่นพลังชีวิตซ่อนอยู่สักแห่งภายในร่างกายของร่างโคลน  ร่างโคลนจะไม่มีวันตาย  ถ้าหากแก่นพลังชีวิตนี้ไม่ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์

       'ยอดเยี่ยมมาก'

       กริดพลันสั่นสะท้าน  แม้ค่าสถานะของร่างโคลนเลเวล 1 จะน้อยกว่าโนเอะสมัยเลเวล 1 มาก  แต่ทักษะคัดลอกนั้นสุดยอดจนหาที่เปรียบไม่ได้  กริดสามารถใช้มันคัดลอกตนเองและได้รับค่าสถานะไปมากถึง 30%

       'คงต้องให้อัพเลเวลมากหน่อย'

       กริดได้ให้ความสำคัญในการอัพเลเวลของร่างโคลนมากกว่าโนเอะ  หากโนเอะรู้เข้า  เจ้าแมวอ้วนคงรู้สึกอิจฉาไม่น้อย

       "ใค...ร?"  ร่างโคลนถามอย่างสับสน

       "ฉัน… เป็นใคร...?  คุณ… เป็นใคร?"

       กริดค่อยๆ อธิบายร่างโคลนด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่น

       "ชื่อของเธอคือแรนดี้  ส่วนชื่อของฉันคือกริด  เราเป็นเพื่อนกัน"

       "แรน… ดี้… เพื่อน..."

       เธอนึกบางสิ่งขึ้นได้จากความทรงจำเก่างั้นหรือ?  ร่างโคลนพลันเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นเด็กสาวอายุ 5 ถึง 6 ขวบ  ผมของเธอมีสีส้ม  โดยรวมแล้ว  เด็กหญิงคนนี้เปี่ยมไปด้วยความดูน่าเอ็นดูอย่างมาก

       จะต้องกลายเป็นหญิงสาวที่งดงามแน่นอนเมื่อเติบโตขึ้น

       'เด็กคนนี้คือเวนดี้สินะ'

       สีหน้าของกริดพลันหม่นหมองเมื่อย้อนนึกไปถึงชะตากรรมอันโศกเศร้าของเวนดี้และแรนดี้
       
       "แรนดี้  ฉันชอบชื่อนี้...  เราเป็นเพื่อนกัน  เยี่ยมเลย"

       "ฉันดีใจที่เธอชอบ"

       แรนดี้อมยิ้มอย่างสดใส  กริดอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปลูบหัวเธอเบาๆ

       'มันอาจจะเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้นในชีวิตก่อนของเธอ  แต่ชีวิตใหม่นี้  ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เธอเป็นเหมือนเดิมเด็ดขาด'

       กริดสาบานกับตนเอง  เขาจะมอบความสุขให้แรนดี้

       "ถัดไปก็..."

       เขาต้องเสริมแกร่งให้กับดาบใหญ่เลียนแบบและรองเท้ากริดเสียก่อน  ชายหนุ่มหยิบหินเสริมแกร่งหลากชนิดจำนวนมากออกมาจากกระเป๋า  ทั้งหมดนี้  ชาวโอเวอร์เกียร์ล้วนยกมันให้เป็นสมบัติของกริด

       'หากเตรียมตัวเสร็จเมื่อไร  เราจะไปแก้แค้นให้ปิอาโร่'

       นี่คือวินาทีที่ตำนานบทใหม่ในจักรวรรดิซาฮารันกำลังจะอุบัติขึ้นในไม่ช้า

Comments

  1. ขอบคุณครับ สนุกมาก

    ReplyDelete
  2. สนุกม่กมายครับ

    ReplyDelete
  3. สงสัยอย่างนึง ยูเฟอมิน่า ก็เคยรับเควส ปิอาโร่ แล้วทำไมคนในกิลด์ถึงไม่รู้ตัวจริงของ ปิอาโร่ อีก

    ReplyDelete
    Replies
    1. ิดเหมือนกันครับพอตัวละครเยอะจัดก็เลยมีเนื้อเรื่องบางจุดดูงงๆ

      Delete
    2. เพราะนางยังไม่ได้เห็นปิอาโร่ไงละ555ทำงานงกๆอย่างเดียวเลย

      Delete
  4. แอดรีบแปลแล้วจะดูบอลใช่ไหม แต่ขอบคุณมากมายครับ อีก 1 กำลังใจ

    ReplyDelete
  5. ยูเฟอมิน่า รับเควสมาฆ่าปิอาโร่ นิครับ คือให้มาฆ่าคนทรยศ แต่เควสไม่ผ่าน

    ReplyDelete
  6. ไม่ได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เเต่เปลี่ยนจากหลังตีนเป็นหน้ามือต่างหาก

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00